Quantcast
Channel: บล็อก อ้อยหวาน
Viewing all 244 articles
Browse latest View live

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน สารพันสิ่งญี่ปุ่น

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

บล็อกนี้เป็นบล็อกสุดท้ายของ ‘ชีวิตคือการเดินทาง’  การเดินทางของอ้อยหวานและคุณผู้ชายเมื่อต้นปีที่ผ่านมา สองเดือนที่ ขึ้นรถ ลงเรือ ขึ้นเหนือ ล่องใต้ ทั้งที่เมืองไทยและญี่ปุ่น ได้ประสบ พบเห็น สิ่งต่างๆ มากมาย จนอ้อยหวานเก็บเอามาเล่าได้หลายบล็อก

 

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่สวยงาม มีศิลปและวัฒนธรรมที่โดดเด่น และที่ประทับใจอ้อยหวานมากที่สุดคือ ผู้คนสุภาพ เป็นมิตร มีน้ำใจ ให้ความช่วยเหลือแก่คนต่างถิ่นอย่างสุดใจ บ้านเรือน ถนนหนทางเป็นระเบียบและสะอาดมากๆ จนแคนนาดาที่ว่าสะอาดๆ ต้องยกมือไหว้แล้วเรียกพี่ และมีสิ่งแปลกๆ ให้ไปค้นพบ บล็อกนี้จะเป็นเล่าด้วยรูป สารพันสิ่งที่เรียกว่าญี่ปุ่น จากมุมมองของอ้อยหวาน

 

อันแรกเลยสิ่งที่อ้อยหวานติดใจ และคิดว่าเก๋มาก ทุกบ้านควรมี คือส้วมออโตเมติคของญี่ปุ่น

 

เพียงกดปุ่มคุณก็สุขขีสุขขา มีทั้งแบบฉีดแบบเสปรย์ให้เลือกกด เบาะนั่งก็มีฮีตเตอร์ด้วย อุ้นอุ่น

 

เพราะย้ายโรงแรมไปหลายแห่ง เลยได้ลองหลายแบบ อันนี้มีปุ่มเสียงด้วย เป็นเสียงน้ำไหล ไว้กลบเสียงน่าเกลียดที่อาจจะมีขึ้นในระหว่างใช้ส้วม มีปุ่มเพิ่มลดความแรงของน้ำด้วยละ ส่วนปุ่มที่เป็นภาษาญี่ปุ่นไม่รู้ว่าจะมีอะไรออกมา เพราะไม่กล้ากดกลัวเซอร์ไพส

 

โรงแรมที่หรูหน่อย จะมีปุ่มเพิ่มตรงผนัง คุณต้องการน้ำฉีดแบบไหน เลือกกดได้เลยตามใจชอบ  แถมเจ้าส้วมอันนี้ปิดเปิดฝาส้วมโดยอัตโรมัติ เมื่อเรามายืนอยู่หน้าโถส้วม ฝาก็จะเปิด ทำกิจกรรมเสร็จ ชักโครกก็ทำงานตามหน้าที่ เราเดินออกมา ฝาส้วมก็ปิดเอง ต้องยกนิ้วให้จริงๆ ติดใจส้วมญี่ปุ่นกันหรือยัง?

 

สารพันสิ่งญี่ปุ่นอันที่สองคือ ฝาครอบท่อ เดินไปไหนมาไหนในญี่ปุ่น อย่าลืมก้มหน้าดูพื้น เปล่าอ้อยหวานไม่ได้ให้หาเศษเหรียญ แต่ให้ดูฝาครอบท่อน้ำเสีย เพราะเขาทำกันสวยและมีศิลปะมาก ทุกแห่งทุกหนออกแบบกันแตกต่างกัน

 

อ้อยหวานเก็บสะสมรูปมามากมาย

 

จนคนญี่ปุ่นแปลกใจว่าเธอคนนั้นทำอะไร

 

สารพันสิ่งญี่ปุ่นอันที่สาม ญี่ปุ่นเป็นเมืองจักรยานจริงๆ ถูกใจอ้อยหวานมากมาย ได้เก็บรูปจักรยานไว้หลายเลยละ

 

ที่เห็นอยู่เยอะมากก็คือ จักรยานแม่ลูกอ่อน

 

มีแบ็ตตารี่ไฟฟ้าช่วย ตอนขึ้นเนินเขา

 

คุณแม่ทั้งหลายทั้งปั่น ทั้งกระแตงลูก ทั้งช็อป ของแขวนบนจักรยานกันอิรุงตุงนัง ไม่รู้ทำกันได้อย่างไร

 

ร้านค้า ที่ช็อปปิ้ง จะต้องมีที่จอดจักรยานไว้ให้

 

ตามอาพาทเม้นท์ บริษัทต่างๆ ก็ต้องมีที่จอดจักรยาน

 

รูปนี้รวมสารพันสิ่งญี่ปุ่นที่สามและสี่ คุณแม่นักปั่น กระแตงลูก และสวมหน้ากากกันเกสรดอกไม้ของต้นสนชนิดหนึ่ง เห็นว่าเป็นกันมาก

 

เดินไปไหนๆ ก็จะเห็นใส่หน้ากากกัน เลยไม่แน่ใจว่าเขาดูแปลก หรือเราแปลกที่ไม่ได้ใส่หน้ากาก

 

สารพันสิ่งญี่ปุ่นที่ห้า ป้ายกฏระเบียบ ไปที่ไหนที่ไหนก็ต้องมี

 

ชี้ให้เห็นความเป็นระเบียบของคนญี่ปุ่นมากๆ

 

จะมีป้ายอยู่เกือบทุกแห่ง ตั้งแต่ในห้องน้ำกันเลย

 

อันนี้บอกวิธีใช้ขันน้ำที่อ่างเทะมิซุ (temizu) อ่างน้ำที่ทำจากหินใส่น้ำสะอาดอยู่เต็มเปี่ยม และจะตั้งอยู่หน้าวัดและศาลเจ้าของญี่ปุ่น น้ำในอ่างเทะมิซุเป็นน้ำที่มีไว้สำหรับทำพิธีเทะมิซุ คำว่า ‘เทะ’ แปลว่า มือ และ ‘มิซุ’ แปลว่า น้ำ รวมกันแปลว่าล้างมือด้วยน้ำ พิธีเทะมิซุเป็นพิธีสำหรับให้ผู้มาเยี่ยมชมชำระล้างตัวเองให้บริสุทธิ์ก่อนเข้าวัดหรือศาลเจ้า อ้อยหวานถ่ายรูปอ่างเทะมิซุไว้มากมาย ดูรูปและอ่านรายละเอียดได้ที่นี่

ตกหลุมรักอ่างเทะมิซุที่ญี่ปุ่น

ขอจบบล็อกชีวิตคือการเดินทาง ไว้เพียงนี้ ขอขอบคุณน้องโสทรที่ให้โอกาสและเนื้อที่ ขอบคุณเพื่อนๆ ที่ติดตามอ่าน และให้กำลังใจกัน แม้ว่าอ้อยหวานจะไม่ค่อยตอบคอมเม้นท์ ไม่ใช่ว่าไม่แคร์ แต่เป็นเพราะเวลา อ้อยหวานอ่านทุกคอมเม้นท์เพราะนั่นคือกำลังใจให้เขียนบล็อก

อ่านชีวิตคือการเดินทาง ตอนแรกๆ ได้ที่นี่่ค่ะ

ชีวิตคือการเดินทาง

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ทำไมต้องท่องเที่ยว

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ฉันรักสวนลุม

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน มีรักที่ราชบุรี

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดับเบิ้ลดีที่อัมพวา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ทะเล หาดทราย สายลม และสองเรา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน หัวหิน..ไม่สิ้นเสน่หา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน หากเธอคือฟ้า ฉันจะเป็นทะเล

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ปั่นช้าๆ ตาม..เสียงเกลียวคลื่นและกลิ่นไอทะเล

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ปั่นตามใจ ไปตามฝัน

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดั่งหนึ่งเม็ดทราย

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน สุขใจ@นครศรีธรรมราช

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน เที่ยวเมืองลุง ไม่ยุ่งหัวใจ

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน วันฟ้าใส..ในภูเก็ต

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ลาก่อนเมืองฟ้าอมร สวัสดีแดนอาทิตย์อุทัย

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน แม้แต่เทพสวรรค์ยังรายล้อมรอบ..ดอกพลัม

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดอกซากุระ..สัญลักษณ์แห่งชีวิตและความไม่ยั่งยืน

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน พลิ้วไหวดั่งไผ่ต้องลม

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ยกทะเลมาไว้ที่โตเกียว 1

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ยกทะเลมาไว้ที่โตเกียว 2

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ประตูโทริประตูสู่แดนศักดิ์สิทธิ์

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน โบตั๋นสักกี่ครั้ง..ก็ไม่เคยพอ

 

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

ทุกๆสถานที่ทุกๆแห่งมีเสน่ห์ในตัวของมันเอง

ขึ้นอยู่กับเราที่จะไปค้นพบค้นหา

สำหรับอ้อยหวานขอไปเก็บเกี่ยวกับจักรยาน ช้าๆ อ้อยอิ่ง และลึกซึ้ง

บางครั้งแม้แต่ถนนหลังบ้านก็มีสิ่งให้ค้นหา


สวนเล็กๆ แต่ใจไม่เล็ก

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

 

วันนี้มาชวนไปชมสวนหลังบ้านของอ้อยหวานและคุณผู้ชายค่ะ สวนเล็กๆ แต่ใจไม่เล็ก เพราะเราใส่ใจให้ทั้งดวง และเอ็นจอยกับการทำสวน กินผัก และดอมดมดอกไม้

 

ก่อนอื่นขอเชิญนั่งพัก เอนหลัง ยกขาไขว้ ปล่อยใจสบายๆ และสูดลมหายใจเข้าแรงๆ ปล่อยลมหายใจออกช้าๆ สูดกลิ่นหอมของดอกไม้ และอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า

 

สวนหลังบ้านแห่งนี้เราแบ่งโซนกันปลูกและดูแล โซนของอ้อยหวานและโซนของคุณผู้ชาย โซนดอกไม้และโซนผัก

 

มาชมดอกไม้กันก่อนนะค่ะ สังเกตุได้เลยว่าแน่นเป็นป่า วัชพืชหาที่ขึ้นได้ยาก ปีนี้อ้อยหวานบำรุงอย่างดีทั้งปุ๋ยทั้งน้ำบวกด้วยใจ เก็บเก้าอี้เก่าๆ หักๆ มาเป็นที่ค้ำดอกไม้ ใช้ได้ดีทีเดียว

 

 ดอกคอร์นฟลาวเวอร์ (cornflower) ดอกไม้นี้มีชื่อเรียกมากมายเช่น bachelor's button, bluebottle, boutonniere flower มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Centaurea cyanus เป็นพืชพื้นเมืองของยุโรป

 

บราว์ อาย ซูซาน (Brown eye Susanne) เป็นไม้ดอกที่ปลูกง่ายขึ้นง่าย ปลูกครั้งเดียวต้นเดียว ขยายพันธ์เอง ขึ้นเองทุกปี แมลงผสมเกสรให้ได้พันธ์ใหม่ของปีนี้ ไม่บราว์ อาย หรือ ตาสีน้ำตาล เสียแล้ว กลายเป็นกรีนอาย ธรรมชาติสร้างสรร

ดูพันธ์เก่าๆ ได้ที่นี่ สวนหลังบ้าน..ที่ชวนให้อิ่มใจ

 

ดอก ‘บี ปาล์ม’ (Bee Balm) มีชื่อหลายชื่อเช่นกัน Horsemint, Oswego tea, Bergamot มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Monarda เป็นดอกไม้ที่ผึ้ง ผีเสื้อ และนกฮัมมิ่งเบิร์ด (Hummingbird) ชื่นชอบ

 

และที่ขาดไม่ได้ในสวนดอกไม้ของอ้อยหวาน ลิลลี่ญี่ปุ่นที่มีกลิ่นหอมมากๆ

 

คุณคุณผู้ชายแอบถ่าย คนทำโยคะในสวน ยังใส่ชุดนอนอยู่เลย

 

ทำโยคะท่าง่ายๆ “คารวะดวงจันทร์” (salute to the moon) ที่จริงอ้อยหวานควร “คารวะดวงอาทิตย์” (salute to the sun) ในตอนเช้าเช่นนี้

 

แต่ท่า “คารวะดวงอาทิตย์” มันยากกว่าเยอะ เลยขอคารวะทั้งดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ใครสนใจลองเอาไปทำดู ใช้เวลาแค่ 10 นาที

 

ทีนี้มาชมโซนผักของคุณผู้ชายบ้าง แน่นเหมือนกัน แต่มีระเบียบกว่าโซนดอกไม้ เนื้อที่มีน้อยแต่อยากปลูกหลายอย่าง บวบหอมของป้าเล็กกำลังปีนป่าย ปลูกไว้สามต้นสามแห่ง เริ่มมีดอกกันแล้ว ต้น Dill หรือผักชีลาว ขึ้นสูงปริ๊ด หว่านเม็ดขึ้นเอง ไม่ต้องปลูก ใต้ซุ้มคือต้นงาม้อนแดง อ้อยหวานเก็บใบมาชงชาไปหลายรอบแล้ว ดูวิธีทำจากบล็อกเก่าของอ้อยหวาน ได้ที่นี่ ดื่มชา..ชมสวนข้างหน้าดอกขาวๆ คือ ออริกาโน ผักสมุนไพรของอิตาลี่

 

แตงกวาญี่ปุ่นออกดอกกันดกพราว ได้กินแตงกวากันทุกวัน แตงกวาญี่ปุ่นหวานกร็อบอร่อย

 

ที่ขาดไม่ได้ในสวนผักก็คือมะเขือเทศ เป็นต้นมะเขือเทศที่อ้อยหวานเพาะเองในบ้านตั้งแต่กลับมาจากเที่ยวไทย-ญี่ปุ่น คุณผู้ชายกำลังฉีดยาออการ์นิคเพื่อกำจัดเชื้อราไบล์ สู้รบตบมือกันมาทุกปี

 

ต้น Swiss chard สีสวย กับถั่วพุ่ม ต้น Swiss chard ต้มกินแก้ม ไก่หรือเนื้ออบได้อร่อยมาก

 

แปลงสารพัดผักของคุณผู้ชายก็กำลังงาม อ้อยหวานมานั่งกินข้าวกับคั่วกลิ้งเผ็ดๆ กลางแปลงผัก ไม่มีอะไรจะอร่อยเกินเก็บจากต้นใส่ปาก ในถ้วยมียอดอ่อนโพสเลน (Purslane) กับดอกเดย์ลิลลี่หรือดอกไม้จีน

 

คุณผู้ชายชอบผักสมุนไพร ตรงนี้มีกันหลายชนิดหลายเชื้อชาติ ผักชี ผักเซเลอรีญี่ปุ่น ลาเวนเดอร์ ต้น Chives ต้น Sage กุ้ยช่าย หอม โหระพา และใบเบซิล (Basil) แบบต่างๆ

 

พริก Thai pepper ซื้อมาจากญี่ปุ่น ไม่รู้ว่าจะเป็นพริกอะไร แต่ขึ้นเติบโตได้ดีที่ออตตาวา คงเป็นเพราะว่าปลูกเก็บเม็ดที่ญี่ปุ่น เลยค่อนข้างชินกับอากาศของเมืองหนาว

 

ถั่วญี่ปุ่น กระรอกแอบมาแทะทุกวัน เลยต้องใส่กรงขัง ไม่อย่างนั้นก็อดกิน

 

อันนี้ส่งการบ้านค่ะ มะอึกของครูป้าเล็ก และ มะยมเชอร์รี่ของครู “คนบำนาญ” ขอบคุณสำหรับน้ำใจ

 

ยามเช้าในสวนเล็กๆ แต่ใจไม่เล็ก

 

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

น้องใหม่ในสวนของอ้อยหวาน ‘ตะบองเพชรกินได้’

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

วันนี้อ้อยหวานเอาต้นไม้มีหนามแต่กินได้มาให้ชมค่ะ เจ้าต้นไม้นี้น้องอ๊อด (oddzy) แห่ง USA เคยกล่าวถึงมาหลายครั้ง และทำให้อ้อยหวานเกิดอาการ WOW แต่ไม่นึกหวังว่าจะได้เป็นเจ้าของ เพราะที่แคนนาดามันหนาวไปสำหรับต้นไม้ชนิดนี้

 

หน้าร้อนปีที่แล้ว อ้อยหวานไปช่วยลูกชายย้ายหอพักที่เมืองโตรอนโต มีโอกาสไปเดินที่ไชน่าทาวน์ แล้วไปเจออาซิ้มขายต้นไม้เล็กๆ น้อยๆ อยู่ข้างถนน เป็นต้นไม้ที่แกปลูกเอง แยกเอง ขายเอง เป็นพวกที่ตัดปักง่ายๆ ปลูกในแก้วกาแฟพลาสติกเล็กๆ และขายไม่แพง หนึ่งในแก้วกาแฟเหล่านั้นคือ ‘ตะบองเพชรกินได้’ อ้อยหวานถามย้ำหลายรอบ และกลับมาเช็คข้อมูลในเน็ทให้แน่ใจอีกด้วย

 

หนึ่งปีผ่านไป ตะบองเพชรที่สูงแค่หนึ่งนิ้ว ในแก้วกาแฟพลาสติกเล็กๆ เติบโตแตกกิ่งก้านกันงดงามน่ากิน แต่คงต้องอดใจรออีกสักนิด วันนี้เอาเธอมาแนะนำตัวก่อน

 

ตะบองเพชรกินได้ มีชื่อเรียกในเม็กซิโกว่า โนปาล (Nopal) มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Opuntia ficus-indica เป็นพืชในตระกูลกระบองเพชร Opuntia ซึ่งมีอยู่ประมาณ 114 ชนิดในเม็กซิโก เป็นพืชที่ใช้เป็นอาหารของผู้คนในแถบอเมริกาใต้มานานกว่า 1200 ปี

 

โนปาล (Nopal) เป็นพืชกินที่นิยมกันมากในประเทศเม็กซิโก ทั้งกินดิบและกินสุก ใช้เป็นยาแผนโบราณ ใช้เป็นอาหารสัตว์ ดอกก็สวย แถมลูกก็กินได้ด้วย โนปาลเลยเป็นทั้งผักและผลไม้  อ้อยหวานเลยยกนิ้วให้ ยกให้เป็นพืชระดับ 3D คือ ดู แ_ก ดม (เสียงพ้องกันดี)

 

ลูกของต้นโนปาลในประเทศเม็กซิโกเรียกว่า ทูนา (tuna) ส่วนฝรั่งเรียกว่า ลูกแพร์มีหนาม (prickly pear)

 

เขาขายกันอย่างจริงๆ จังๆ

 

ตัดริดหนามออกเสียเรียบร้อย

 

ในประเทศเม็กซิโกเขาเอามากินกันได้หลายเมนู เอาแต่รูปมาฝาก ส่วนเมนูอยู่ในลิงค์ข้างล่างค่ะ

 

สลัดโนปาล คลุกโนปาลกับมะเขือเทศ หัวหอมและชีส

 

ผัดโนปาลกระเทียมพริก

 

ใส่ในแซนวิช

 

โนปาลกับมันฝรั่ง

 

โนปาลปิ้ง

 

และเมนูพิเศษ โนปาลยัดไส้โนปาลปิ้ง!!!

 

เป็นเมนูที่พิสดารและดูน่าทานมาก

 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่นี่ค่ะ

https://en.wikipedia.org/wiki/Nopal

http://www.pennilessparenting.com/2012/09/foraging-cactus-paddles.html

http://www.foodreference.com/html/art-cactus.html

http://www.nopalexport.com/What.htm

http://mariquita.com/recipes/nopales.html

http://dondayinsma.com/2015/02/14/tackling-the-prickly-subject-of-nopales/

http://fromthefamilytable.com/2013/09/05/nopales-who-wants-to-eat-cactus/

http://overthehorizon-goldensails.blogspot.ca/2013/04/culinary-chronicles-mexican-stir-fried.html

http://www.centexcooks.com/nopales-and-potato-frittata/

http://chocolatemolinilloblog.blogspot.ca/2014/05/nopales-asados-sobre-adobo.html

 

I would like to Thanks everyone for all the resources for this blog. Thank you.

 

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

น้องใหม่ในสวนของอ้อยหวาน ‘กีวีลูกน้อยๆ’

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

น้องใหม่ในสวนของอ้อยหวานอีกต้นคือ กีวีเบอรี่ ต้นกีวีลูกน้อยๆ ต้นนี้ได้มาเมื่อเดือนที่แล้ว จากร้านขายต้นไม้ที่อ้อยหวานเคยพาไปชม กีวีเป็นพืชปีนป่ายก็เลยปลูกไว้ให้ปีนเสาของคอกปุ๋ยหมัก

โตไวมาก ไม่กี่อาทิตย์ก็ปีนป่ายกันสูง กีวีเบอรี่พันธ์นี้ที่ร้านบอกมาว่าทนต่ออากาศหนาวเย็นถึง-34 องศาเซลเซียส คงต้องรอดูปีหน้าว่าจริงไหม เขารับประกัน ถ้าหมดหนาวแล้วน้องกีวีแน่นิ่ง ไร้ชีวิต ก็ขุดเอาไปเปลี่ยนต้นใหม่ได้ที่ร้าน ที่จริงอ้อยหวานอยากได้กีวีลูกโต แต่กีวี่ลูกโตนี้ต้องซื้อสองต้น ต้นดอกตัวผู้และต้นดอกตัวเมีย สวนน้อยหลังบ้านไม่มีงบเนื้อที่ให้ปลูก เพราะกีวีต้นไม่ใช่น้อยๆ

 

อ้อยหวานขอเอากีวีมาเป็นนางเอกของบล็อกนี้ กีวีเป็นต้นไม้เลื้อยที่น่าปลูกมาก ให้ผลที่กินอร่อย และมีคุณค่าทางอาหารสูง

 

ดอกสีขาวสวยมาก

 

ดอกตัวผู้

 

ดอกตัวเมีย

 

กีวีหลากหลายชนิด หลากสี หลายขนาด

 

 กีวีมีถิ่นกำเนิดในทางตะวันตกเฉียงเหนือของภาคกลางและภาคตะวันออกของประเทศจีน ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ได้แพร่กระจายและเริ่มปลูกในเชิงพาณิชย์ในประเทศนิวซีแลนด์

 

ที่นี้ก็มาถึงกีวีเบอรี่กันบ้าง กีวีเบอรี่มีชื่อเรียกหลายชื่อเช่น Hardy kiwifruit, baby kiwi, grape kiwi และ cocktail kiwi มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Actinidia arguta เป็นพืชในตระกูล Actinidia

 

กีวีเบอรี่ เป็นพืชอึด ทนต่ออากาศหนาวเย็นถึง -34 องศาเซลเซียส ในภาพคือฟาร์มกีวีเบอรี่ ที่อังกฤษ เบลเยียม และแคนาดา

 

ต้นกีวีเบอรี่ในทุ่งหิมะ

 

กีวีเบอรี่ เป็นกีวีลูกเล็กๆ เท่าผลองุ่น มีรูปร่างและรสชาติเช่นเดียวกันกับกีวีลูกโต แต่รสชาติของกีวีเบอรี่จะหวานกว่ากีวีลูกโตนิดหน่อย ผลกีวีเบอรี่มีสีเขียว สีน้ำตาล หรือสีม่วง มีผิวเรียบและทานได้ทั้งเปลือก ไม่ต้องปอกเหมือนกีวีลูกโต

 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่นี่ค่ะ

https://en.wikipedia.org/wiki/Actinidia_arguta

https://en.wikipedia.org/wiki/Kiwifruit

http://homegrown-revolution.co.uk/dessert-fruit/cocktail-mini-kiwis/

http://www.leereich.com/2014/01/hardy-kiwifruits-better-than-fuzzies.html

http://www.fullcircle.com/goodfoodlife/2011/11/03/autumn-salad-with-kiwi-berries/

 

 

I would like to Thanks everyone for all the resources for this blog. Thank you.

 

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

 

คำคมกับดอกไม้

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

ร้านขายดอกไม้ นาริตะ ญี่ปุ่น

กลับมาอีกครั้งคำคมจากดอกไม้ สำหรับคนที่ติดตามอ่านบล็อกของอ้อยหวาน ก็จะรู้ว่าอ้อยหวานนั้นรักดอกไม้มากมายขนาดไหน วันนี้เอาดอกไม้ริมทางที่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้จากหลายๆ สถานที่ที่อ้อยหวานผ่านไปเจอและได้ชื่นชม บวกกับคำคมไพเราะ เอามาฝากกัน อ่านบล็อกเก่าของอ้อยหวานได้ที่นี่ คำคมจากดอกไม้

กุหลาบบอกรักอย่างเงียบๆ ด้วยภาษาใจ

The rose speaks of love silently, in a language known only to the heart.

 

สวนลุมพินี กรุงเทพ

ดอกไม้ทำให้มนุษย์เป็นมนุษย์ที่ดีขึ้น  มีความสุขและมีความเอื้ออารีย์ต่อผู้อื่น ดอกไม้คือแสงแดด..คืออาหาร..คือยา สำหรับจิตใจ        

Flowers always make people better, happier, and more helpful; they are sunshine, food and medicine for the soul.

- Luther Burbank

 

ริมทางจักรยาน Quebec แคนนาดา

ฉันเชื่อมั่นในสีชมพู ฉันเชื่อว่าผู้หญิงที่มีแต่ความสุข เป็นผู้หญิงที่สวยที่สุด

I believe in pink. I believe that happy girls are the prettiest girls.

― Audrey Hepburn

 

สวนโคะระกุเอ็น โอะกะยะมะ ญี่ปุ่น

อย่าหลั่งน้ำตา! อย่าหลั่งน้ำตา!

ดอกไม้จะบานสะพรั่งอีกในปีหน้า

อย่าร้องไห้อีกเลย! อย่าร้องไห้อีกเลย!

มีตุ่มดอกไม้นอนหลับอยู่ในรากสีขาว

Shed no tear! O shed no tear!

The flower will bloom another year.

Weep no more! O weep no more!

Young buds sleep in the root's white core.

- John Keats

 

ริมทางจักรยาน ออตตาวา แคนนาดา

บ่อยครั้งที่มนุษย์พยายามเอื้อมมือไขว่คว้าหาดวงดาว แต่กลับลืมเลือนดอกไม้ที่อยู่แทบเท้า

Stretching his hand up to reach the stars, too often man forgets the flowers at his feet.

-Jeremy Bentham

 

เขตอนุรักษ์ Purdon แคนนาดา

ดอกไม้ถูกสร้างขึ้นเพื่อปลอบประโลมใจของมนุษย์

Flowers seem intended for the solace of ordinary humanity.

― John Ruskin

 

นครศรีธรรมราช

ในความสุขหรือในความเศร้า ดอกไม้เป็นเพื่อนของเราเสมอ

In joy or sadness flowers are our constant friends.

― Okakura Kakuzō, The Book Of Tea

 

เกาะเอะโนะชิมะ คามาคุระ ญี่ปุ่น

ถ้าเรามีความสงบ ถ้าเรามีความสุข เราสามารถยิ้มแย้มและเบ่งบานเหมือนดอกไม้ ทุกคนในครอบครัวของเรา ในสังคมของเราจะได้รับประโยชน์จากความสงบสุขนั้น

- ท่านติช นัท ฮันห์

If we are peaceful, if we are happy, we can smile and blossom like a flower, and everyone in our family, our entire society, will benefit from our peace.”

― Thích Nhất Hạnh, Being Peace

 

ริมทางจักรยาน ออตตาวา แคนนาดา

กลิ่นหอมของดอกไม้แพร่กระจายไปเฉพาะในทิศทางของลม...แต่ความดีของคนแพร่กระจายไปทุกทิศทาง

The fragrance of flowers spreads only in the direction of the wind. But the goodness of a person spreads in all directions.

- Chanakya

 

คามาคุระ ญี่ปุ่น

ระฆังของวัดได้หยุดส่งเสียงลง แต่ฉันยังคงได้ยินเสียงของดอกไม้

- กวีไฮกุของท่าน Basho

The temple bell stops but I still hear the sound coming out of the flowers.

 

เขาคอหงส์ หาดใหญ่

ความสุขมีอยู่ในเมล็ดพันธุ์ ความสุขที่ให้แก่กันและกันคือ ดอกไม้

Happiness held is the seed; Happiness shared is the flower.

- John Harrigan

 

อุทยานนกน้ำทะเลน้อย พัทลุง

ชีวิตที่สวยงามไม่ใช่จะเกิดขึ้นเอง ชีวิตที่สวยงามสร้างขึ้นทุกวี่ทุกวันจากการภาวนา ความอ่อนน้อมถ่อมตน ความเสียสละ และจากความรัก

A beautiful life does not just happen, it is built daily by prayer, humility, sacrifice and love.

 

หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์

ดอกไม้ที่มีสีสันสดใสคือดวงอาทิตย์น้อยๆ ที่ส่องแสงในยามที่เราหมองหม่น

Flowers are those little colorful beacons of the sun from which we get sunshine when dark, somber skies blanket our thoughts.

- Dodinsky

 

ริมทางภูเก็ต

ใช้คำพูด แต่อย่าขึ้นเสียง สายฝนทำให้ต้นไม้เติบโตออกดอก ไม่ใช่สายฟ้าฟาด

Raise your words, not voice. It is rain that grows flowers, not thunder.

― Rumi

 

ริมทางบนเกาะมิยะจิมะ ญี่ปุ่น

เธอท้อแท้ เฝ้ารอคอยวันดอกไม้บาน ทั้งๆ ที่เธอยังไม่ได้หว่านเมล็ดพันธุ์เลย

You’re frustrated because you keep waiting for the blooming of flowers of which you have yet to sow the seeds.”

― Steve Maraboli

 

ริมทางยกระดับเฉลิมพระเกียรติ พัทลุง

ขนมปังเป็นอาหารของร่างกาย แต่ดอกไม้เป็นอาหารของจิตวิญญาณ

Bread feeds the body, indeed, but flowers feed also the soul.

- The Koran

 

ริมทางจักรยาน ออตตาวา แคนนาดา

ดอกไม้คือตัวอักษรของนางฟ้า ที่เขียนอยู่บนเนินเขาและทุ่งหญ้า

Flowers are the alphabet of angels, whereby they write on the hills and fields mysterious truths.

-Benjamin Franklin

 

เกียวโต ญี่ปุ่น

หากใจของเธอเป็นเหมือนภูเขาไฟ แล้วเธอจะหวังให้ดอกไม้บานได้อย่างไร?

If your heart is a volcano, how shall you expect flowers to bloom?

Khalil Gibran

 

ริมทางจักรยาน ออตตาวา แคนนาดา

ลองเงี่ยหูฟังดูสิ.. ฉันได้ยินเสียงดอกไม้บอกกับฉันว่า “ขอให้เธอมีแต่ความสุข” และฉันก็มีความสุขจริงๆ

Listen! I heard the flowers say “Wishing you happiness” and I do feel very happy.

-คำคมของอ้อยหวาน

 

 

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

ทัวร์ 'คุณลูกจัดให้'ซีแอตเทิล (Seattle)

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

ชีพจรลงเท้าอ้อยหวานอีกครั้ง เพิ่งกลับจากไปเยี่ยมลูกชายที่ไปฝึกงานกับ Microsoft ที่ซีแอตเทิล (Seattle) สหรัฐอเมริกา จากออตตาวาต้องบินข้ามเทือกเขาแคนาเดียน ร็อกกี้ (Canadian Rockies) ซึ่งอ้อยหวานเคยเขียนเล่าทริปปั่นจักรยานเที่ยว ดูได้ที่นี่ค่ะ ในอ้อมกอดของขุนเขา

 

ก่อนถึงซีแอตเทิล ก็จะเห็นภูเขาที่สูงที่สุดของแถบนี้ ภูเขาเรเนียร์ (Mount Rainier) ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งใน 16 ภูเขาไฟที่อันตรายที่สุดในโลก ภูเขาไฟเรเนียร์ระเบิดครั้งล่าสุดในปี 1854

 

ทริปนี้เป็นทริปครอบครัว เราปล่อยให้ลูกๆ วางแผนเที่ยวกันเอง อยากไปไหนไปกัน (และแน่นอนไม่มีการปั่นจักรยานเที่ยว) ลูกๆ วางแผนเที่ยวไว้สามเมืองคือ ซีแอตเทิล วิคตอเรีย (แคนาดา) และ พอร์ทแลนด์ (สหรัฐอเมริกา) บล็อกนี้อ้อยหวานจะเล่าเรื่องเมืองซีแอตเทิล (Seattle) เมืองบ้านเกิดของ Microsoft และ Starbucks

 

ซีแอตเทิล (Seattle) เมืองท่าชายฝั่งของรัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของรัฐวอชิงตัน ที่จริงแล้วซีแอตเทิลไม่ได้ตั้งอยู่ริมฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกทีเดียว แต่ตั้งอยู่ริมเวิ้งน้ำที่มีชื่อเรียกว่า Puget Sound คำว่า Sound ในที่นี้ในภาษาภูมิศาสตร์แปลได้ว่า คุ้งทะเลหรือมหาสมุทรขนาดใหญ่อยู่ระหว่างแผ่นดิน ใหญ่กว่าอ่าว กว้างกว่าช่องแคบ อ้อยหวานไม่ทราบว่ามีคำภาษาไทยหรือไม่

 

มาถึงก็ไปเที่ยวตลาดกันก่อนเลย ตลาด Pike Place Market เป็นตลาดที่ตั้งอยู่กลางดาวน์ทาวน์ซีแอตเทิล ริมอ่าวเอลเลียต (Elliott Bay) ตลาดเปิดทำการในปี 1907 และเป็นหนึ่งในตลาดที่เก่าแก่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา

ตลาด Pike Place Market มีผู้คนเข้าเยี่ยมชมกว่า 10 ล้านคนต่อปี เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในซีแอตเทิล และ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดอันดับ 33 ของโลก

ขอบคุณ ข้อมูลจาก  WIKIPEDIA

 

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะมีฝูงชนมากมายขนาดไหน รูปนี้ถ่ายหน้าร้าน Pike Place Fish Market ร้านขายอาหารทะเลสดๆ ชื่อดัง ที่มีจุดขายแปลกๆ คือ เขาไม่ส่งปลากันเฉยๆ เหมือนที่อื่น เขาโยนปลากันเลย ร้านนี้ปรากฎตัวในหนังทีวีหลายเรื่อง ทำให้ชื่อดังมาก

 

ภายในตลาดส่วนใหญ่จะเป็นอย่างนี้

 

มีร้านขายดอกไม้อยู่หลายเจ้า ขายกันช่อละ 10 เหรียญอเมริกา

 

ร้านกาแฟ สตาร์บัคส์ (Starbucks) แห่งแรกของโลก ก็อยู่ในตลาด Pike Place Market ร้านนี้เปิดทำการในปี 1971 มีคนเข้าแถวกันยาวเยียด เห็นบอกว่าต้องเข้าแถวรอกันถึงหนึ่งชั่วโมงกว่าจะได้เข้าไปในร้าน

 

ดูกันชัดๆ ตราสัญลักษณ์ (Logo) ดั้งเดิมของสตาร์บัคส์ มีนักดนตรี วณิพกกล่อมอยู่หน้าร้าน

 

ร้านนี้ขายพริก ทำเสียสวยเก๋ แขววนโชว์ก็ได้ ตากแห้งก็สวย

 

ลูกๆ อยากไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ เอ้าไปก็ไป ทั้งๆ ที่รู้ว่าคนจะต้องแน่นเอี้ยดเช่นกัน พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำตั้งอยู่ริมน้ำ อยู่ติดกับตลาด Pike Place Market วิวสวยดี

 

แต่เต็มไปด้วยฝูงชน

 

ดอกไม้ทะเลอันนี้สีสวยดี

 

ต่อไปรายการทัวร์ 'คุณลูกจัดให้'ที่ขาดไม่ได้คือ ทัวร์โรงงานผลิตช็อคโกแลต โรงงานธีโอ ช็อคโกแลต (Theo Chocolate)

 

ได้เรียนรู้เกี่ยวกับช็อคโกแลต ตั้งแต่เมล็ดโกโก้จนถึงแท่งช็อคโกแลต และได้ชิมช็อคโกแลตหลายชนิด ส่วนใหญ่โรงงานผลิตโกโก้จะใช้โกโก้ผงที่ทำไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่ได้ผลิตจากเมล็ดโกโก้เอง และใส่ส่วนผสมเพิ่มเติมลงไปเท่านั้น ที่โรงงานธีโอ ช็อคโกแลตเป็นหนึ่งในไม่กี่โรงงานที่ผลิตช็อคโกแลตจากเมล็ดโกโก้ อีกทั้งยังผลิตช็อคโกแลตที่เข้มข้นมาก คือ 70% ทำให้ได้รสชาติช็อคโกแลตแท้ แต่อ้อยหวานว่ามันขมไปหน่อย

 

กว่าจะเป็นแท่งช็อคโกแลต ขั้นตอนการผลิตช็อคโกแลตของโรงงานธีโอ ช็อคโกแลต (Theo Chocolate)

1. กระสอบเมล็ดโกโก้ที่หมักและตากแห้งแล้วส่งตรงมาที่โรงงาน

2. ทำความสะอาดเมล็ดโกโก้

3. คั่วเมล็ดโกโก้

4. สงเปลือกโกโก้

5. บดเมล็ดโกโก้ให้เป็นแป้ง

6. ลดขนาดของแป้งโกโก้

7. ผสมแป้งโกโก้​​กับน้ำตาลและนมผง

8. เข้าเครื่องกลั่นเพื่อลดขนาดอนุภาคของน้ำตาล

9. เครื่อง Conche ออกซิไดส์ช็อคโกแลต ลดความเป็นกรดและการปรับปรุงรสชาติ

10. ต่อมาช็อคโกแลตก็จะบรรจุในถัง รอการปฎิบัติการขั้นตอนต่อไป

11. เครื่องผสมเนยโกโก้กับผงโกโก้เข้าด้วยกันในอุณหภูมิที่พอเหมาะ

12. ผสมถั่ว ผลไม้ หรือส่วนผสมอื่นๆ

13. เทลงในแม่พิมพ์ช็อคโกแลต

14. ผ่านอุโมงค์เย็น (Cooling Tunnel) ทำให้ช็อคโกแลตแข็งตัว

15. เครื่องห่อแท่งช็อคโกแลต

 

ภายในโรงงาน

 

ร้านค้าของโรงงาน ไม่ต้องสงสัยว่าคุณลูกทั้งสองของอ้อยหวานจะต้องเสียเงินที่ร้านนี้ ส่วนอ้อยหวานกับคุณผู้ชายชิมลูกเดียว ชิมกันจนเอียนช็อคโกแลตไปอีกนาน

 

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับโกโก้และช็อคโกแลต

- ต้นโกโก้มีชื่อมีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า theobroma cacao ซึ่งแปลว่า อาหารของพระเจ้า

- ต้นโกโก้เป็นพืชเขตร้อน ส่วนใหญ่จะปลูกกันภายในบริเวณ 20 องศาเหนือและใต้เส้นศูนย์สูตร

- สามภูมิภาคหลัก ที่ปลูกโกโก้คือ แอฟริกาตะวันตก อเมริกากลางและใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

- ประเทศที่ผลิตโกโก้มากที่สุดในโลก เรียงตามอันดับดังต่อไปนี้ ไอวอรี่โคสต์ อินโดนีเซีย กานา ไนจีเรีย แคเมอรูน บราซิล เอกวาดอร์ และ เม็กซิโก

 

- ส่วนที่ใช้ทำช็อคโกแลตคือเมล็ดของลูกโกโก้

- ต้นโกโก้ผลิตลูกโกโก้ที่มีขนาดเท่ากับลูกมะพร้าว แท่งช็อคโกแลต 70% ขนาด 3 ออนซ์ ต้องใช้ลูกโกโก้ 2-4 ลูก

-  ลูกโกโก้แต่ละลูกจะต้องเก็บด้วยมือ ทำให้ต้องใช้แรงงานมาก

- ต้องหมักเมล็ดโกโก้เป็นเวลาหลายวัน เพื่อเพิ่มความเข้มข้นของรสชาติและลดสารแทนนิน

ขอบคุณ ข้อมูลจาก  WIKIPEDIA

 

โปรดติดตามอ่าน ทัวร์ 'คุณลูกจัดให้'ในตอนต่อไป

 

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

สุขสันต์วันแม่ ด้วยเพลง ต้นทางสวรรค์

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

สุขสันต์วันแม่ค่ะ ขอให้แม่ทุกคนมีแต่ความสุข สดชื่นเบิกบานใจดั่งดอกไม้ อ้อยหวานขอเอาเพลงและเนื้อเพลง ต้นทางสวรรค์ มาลงให้ฟัง และอ่านกัน โดยลงรูปดอกไม้จากทริปที่เพิ่งไปเที่ยวมา

 

 

ขอบคุณ youtube และ DMC

เพลง ต้นทางสวรรค์ คำร้อง:ตะวันธรรม คำแปลภาษาอังกฤษ:ดร.อนัญญา เมธมนัส คำแปลภาษาจีน:อ.แอนโทนี่ อั้งประเสริฐ ทำนอง/เรียบเรียง:ปัญจสิขะ ขับร้อง:ชุติมา แก้วเนียน

 

ทุกคนเสาะหา หนทางสวรรค์

แต่ไม่พบกัน เพราะมองข้ามไป

 

ทั้งที่ต้นทางนั้น แสนกว้างใหญ่

และอยู่ไม่ไกล ใกล้ตัวเพียงนิดเดียว

 

 

เหมือนมีเส้นผม ที่มาบังตา

ดั่งคล้ายขอบฟ้า ที่มาขวางกั้น

 

ให้มองไม่เห็น ถึงความเฉิดฉันท์

ต้นทางสวรรค์ อันเรีองรอง

 

 

จงมองด้วยหัวใจ ที่สดใส

หากเห็นรอยยิ้มผู้ใด

 

เป็นรอยยิ้ม ที่ไม่เหมือนใคร

นั่นแหละคือ ทางผ่านไปสวรรค์

 

 

ท่านเป็นพระในบ้าน ที่ลูกต่างมองผ่านกัน

มองผ่านท่านทุกวัน จึงไม่เห็นประตูทอง

 

 

แม่คือพระในบ้าน

เป็นดอกบัวบานของลูกทุกคน

 

แค่ธุลีความดีของท่านร่วงหล่น

พระคุณท่วมท้นล้นจักรวาล

 

 

โปรดจำไว้ต้นทางสวรรค์

ที่ปรารถนาอยู่ที่ ฝ่าเท้ามารดา

เมื่อลูกก้มวันทากราบกราน

 

 

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

เทคนิคในการสร้างบ้านดิน 1

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

กำลังฝันถึงบ้านที่สุขสบาย บ้านที่สามารถสร้างได้เอง บ้านที่ใช้งบประมาณในการสร้างน้อยกว่าบ้านแบบอื่น และเป็นบ้านที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ใช่ไหม? อย่าฝันอีกเลย เพราะบ้านในฝันนั้นสามารถทำให้เป็นจริงได้ด้วยสองมือและสองเท้าของเราเอง

อ้อยหวานขอสนับสนุนบ้านดิน อยากให้คนที่กำลังสร้างบ้านของตัวเองหันมามองและสนใจบ้านดิน เพราะขณะนี้ชีวิตความเป็นอยู่ของลูกหลานในอนาคตขึ้นอยู่ในมือเราทั้งสิ้น มาช่วยกันคนละมือสองมือสร้างโลกใหม่ให้ดีเหมือนเก่า

 

แม้อ้อยหวานจะไม่มีประสบการณ์จริง แต่ได้อ่านประสบการณ์ของคนอื่นมากมาย บล็อกนี้เป็นการรวบรวมข้อมูลที่ได้อ่านมาสรุปตามแบบของอ้อยหวานอีกที

อ่านเรื่องราวของบ้านดินใบล็อกเก่าของ อ้อยหวาน ได้ที่นี่ค่ะ

บ้านดินนานาชาติ อนาคตของโลกอยู่ในดิน 1

บ้านดินนานาชาติ อนาคตของโลกอยู่ในดิน 2

ทำไมถึงต้องบ้านดิน

 

ก่อนอื่นขออธิบายคร่าวๆ ถึงชนิดของดินที่จะใช้สร้างบ้านดินก่อน ดินทุกอย่างสามารถใช้สร้างบ้านได้ ยกเว้นดินชนิดเดียวคือ ดินดี ดินชั้นบนที่มีอินทรีสารสำหรับต้นไม้และพืชผัก เพราะฉะนั้นดินที่จะเอามาสร้างบ้านดินต้องใช้ดินที่อยู่ลึกลงไปอย่างน้อย 60 เซนติเมตรและเป็นดินที่อยู่ในบริเวณที่จะสร้างบ้านด้วยไม่ใช่อยากได้บ้านดินของเมืองนอกเมืองนา เพราะสีสวยดี กำลังฮิต

เวปไซด์นี้อธิบายเรื่องการทดสอบดินมาละเอียดมา แต่เป็นภาษาอังกฤษนะ การทดสอบดินมีตั้งหลายแบบ อ้อยหวานแปลให้สองแบบคือ การทดสอบดินจากการดูสีของดิน และ การทดสอบดินจากการสัมผัสและดมกลิ่น

 

การทดสอบดินจากการดูสีของดิน

ถ้าสีดินเป็นสีเหลืองเข้ม สีส้ม และสีแดงเข้มไปจนเกือบน้ำตาล แสดงว่ามีธาตุเหล็กมาก ดินชนิดนี้แหละเป็นดินที่ดีในการสร้างบ้านดิน

ถ้าสีดินเป็นสีเทา หรือสีเทาอมน้ำตาล หรือสีขาวขุ่นๆ แสดงว่ามีดินเหนียวมาก

ถ้าสีดินเป็นสีน้ำตาลอมเขียวแสดงว่าเป็นดินที่มีสารอินทรีย์ ดินชนิดนี้ โน..กูด ต่อการสร้างบ้านดิน เอาไปปลูกดอกไม้ให้สวยๆ ดีกว่า

 

การทดสอบดินจากการสัมผัสและดมกลิ่น มีขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้ เก็บดินแห้งใส่มือมาก้อนเล็กๆ แล้วบี้กับฝ่ามือ จากนั้นก็ผสมน้ำลงไปนิดหน่อย แล้วบี้กับฝ่ามืออีกครั้ง

ถ้าดินร่วนในขณะที่ดินแห้ง และเหนียวหนับในขณะที่ดินเปียก แสดงว่าดินมีดินเหนียวผสมอยู่มาก    

ถ้าดินร่วนในขณะที่ดินแห้ง และเป็นเม็ดหยาบๆ ในขณะที่ดินเปียก แสดงว่าดินมีดินทรายผสมอยู่มาก  

ถ้าดินร่วนในขณะที่ดินแห้ง และเป็นเม็ดหยาบนิดๆหน่อยๆ ในขณะที่ดินเปียก แสดงว่าดินมีทรายแป้ง (silt) ผสมอยู่มาก       

และถ้าดมกลิ่นดินเปียกแล้วมีกลิ่นเหม็น แสดงว่าเป็นดินที่มีสารอินทรีย์

 

สารที่ช่วยแต่งเติมประสิทธิภาพของดินสำหรับใช้สร้างบ้านดิน

เมื่อดินไม่แข็งแรงพอสำหรับสร้างบ้าน ก็ต้องมีตัวช่วย สารที่ช่วยแต่งเติมประสิทธิภาพของดินสำหรับใช้สร้างบ้านดินจะช่วยให้ดินเกาะตัวกันดีขึ้น ซึ่งทำให้แข็งแรงขึ้น และลดภาวะการหดตัวของดิน ตัวช่วยนี้แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่เช่น 

 

- เปลือกและใยของพืช เช่น ฟาง (นิยมใช้กันมากที่สุด) แกลบ เปลือกข้าวสาลี ต้นข้าวโพดแห้ง ในตอนนี้มีคนใช้ต้นกัญชามาเป็นตัวช่วยดิน ไม่ใช่ช่วยคนสร้างบ้านนะ อย่าเข้าใจผิด

- ยางหรือน้ำคั้นจากพืช เช่นยางไม้ที่เรียกว่า ‘กัม อาราบิก’ (Gum Arabic) อ้อยหวานเคยเอามาให้ดูแล้วในบล็อกนี้น้ำตาลหรือโมลาสจากพืช

- มูลสัตว์  

- ปัสสาวะสัตว์

- เปลือกหอย

 

เทคนิคในการสร้างบ้านดินแบ่งเป็นประเภทใหญ่ๆ ได้ดังนี้    

1. การปั้นดินเป็นก้อนกลม อ้อยหวานจะเรียกทับศัพท์ไปเลย ว่า การค็อฟ (Cob)

 

แล้วเอาก้อนดินนั้นมาโปะสร้างเป็นกำแพง ผนังไปเรื่อยๆ เหมือนกับปั้นถ้วยชาม แต่นี่เป็นการปั้นบ้านแทน

 

2. วิธีอัดดิน (Rammed earth)จะคล้ายกับวิธีแรกแต่จะมีการอัดดินในระหว่างแผ่นไม้สองแผ่น

 

3. การทำอิฐดิน (Mudbrick) การนำดินผสมมาใส่พิมพ์เป็นแท่งสี่เหลี่ยมแล้วตากแดดให้แห้ง

 

4. การสานและโปะดิน (Wattle and Daub)เป็นการนำเอาไม้ไผ่หรือไม้อย่างอื่นมาสานให้เป็นโครง จากนั้นก็โปะดินไปบนโครงไม้นั้น

 

5. วิธีการที่ห้านี้ความคิดเดียวกับ การสานและโปะดิน (Wattle and Daub) แต่เปลี่ยนการสานไปใช้อย่างอื่นเป็นโครงแทน เช่น ก้อนฟาง

 

และแนวใหม่ใช้ถุงดินหรือถุงทราย ซึ่งเป็นหัวคิดของนาย Nader Khalili สถาปนิกชาวอเมริกันแต่เกิดที่อิหร่าน

 

และบ้านดินแนวใหม่ที่มีการนำเอาขวดแก้ว ขวดพลาสติก แม้กระทั่งยางรถยนต์ นำมารีไซเคิลหรือใช้ใหม่

 

อ้อยหวานจะเล่ารายละเอียดของเทคนิคในการสร้างบ้านดินทั้ง 5 ประเภทในบล็อกหน้า

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่นี่ค่ะ

http://www.archinomy.com/case-studies/712/mud-architecture-construction-details-and-techniques

http://permaculturenews.org/2014/02/21/building-mud-build-cob-oven/

http://webecoist.momtastic.com/2010/03/15/eco-homes-from-the-earth-7-ways-to-diy/

http://www.theweedblog.com/mud-and-hemp-home-do-it-yourself-guide-book/

https://en.wikipedia.org/wiki/Cob_%28material%29

http://www.motherearthnews.com/green-homes/natural-building/cob-building-basics-zm0z13onzrob.aspx

https://mariefranceroy.wordpress.com/category/the-cob-house/

https://westwardfarmer.wordpress.com/2013/05/15/cob-to-the-moon/

http://muddauberschool.com/danielles-cob-tower/

I would like to Thanks everyone for all the resources for this blog. Thank you.

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

 ขอบคุณค่ะ

 

 อ้อยหวาน

 


เทคนิคในการสร้างบ้านดิน.. การค็อฟ (Cob)

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

บล็อกบ้านดินของอ้อยหวานชุดนี้เอามาจากประสบการ์ณของผู้คนในต่างประเทศ อ้อยหวานแน่ใจว่าเมืองไทยเราก็มีท่านผู้เชี่ยวชาญในการสร้างบ้านดินจริงๆ และอาจจะแตกต่างกันบ้าง หากเพื่อนๆจะเสริมข้อมูลหรือรูปภาพ เพื่อให้บล็อกบ้านดินของอ้อยหวานสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ก็อย่างลังเลใจเพิ่มเติมมาได้เลยค่ะ

อ่านเรื่องราวของบ้านดินในบล็อกเก่าของ อ้อยหวาน ได้ที่นี่ค่ะ

บ้านดินนานาชาติ อนาคตของโลกอยู่ในดิน 1

บ้านดินนานาชาติ อนาคตของโลกอยู่ในดิน 2

ทำไมถึงต้องบ้านดิน

เทคนิคในการสร้างบ้านดิน 1

 

บล็อกนี้จะเป็นการขยายและอธิบายเทคนิคต่างๆ ในการสร้างบ้านดินที่อ้อยหวานกล่าวไว้ในบล็อกที่แล้ว โดยจะเริ่มจาก การค็อฟ (Cob)

คำว่าค็อฟ (Cob) มาจากภาษาอังกฤษที่แปลว่า "ก้อน"ซึ่งหมายถึงการนำเอาก้อนดินเหนียวที่ผสมกับฟาง นำมาโปะสร้างเป็นกำแพงและผนัง ในสมัยก่อนบ้านจะนิยมสร้างขึ้นจากวัสดุที่อยู่ใกล้มือหรือได้ฝ่าเท้า การค็อฟ (Cob) นี้จัดได้ว่าเป็นวิธีเก่าแก่ในการสร้างบ้านวิธีหนึ่ง ในประเทศอังกฤษมีบ้านที่สร้างด้วยการค็อฟ (Cob) อยู่เป็นพันๆ หลัง บางหลังอายุกว่า 500 ปี

 

ผู้คนหลายเผาพันธ์ทั่วโลกได้สร้างด้วยวิธีการค็อฟ กันมาช้านาน เช่น เมืองชิแบม (Shibam) ทางภาคใต้ของประเทศเยเมน ตึกดินบางหลังอายุกว่า 700 ปี

 

ในปัจจุบันการสร้างบ้านดินด้วยการค็อฟ (Cob) กำลังเป็นที่นิยมทั่วโลก เพราะการค็อฟนั้นง่ายที่จะเรียนรู้ ใช้เครื่องไม้เครื่องมือง่ายๆ ไม่ต้องหรูหรา

 

เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ไม่ต้องมีกล้ามใหญ่ๆ ก็สร้างบ้านได้

 

การสร้างบ้านดินด้วยการค็อฟ (Cob) ต้องใช้เวลาค่อยเป็นค่อยไป ต้องให้เวลาให้ดินแข็งตัว ไม่ต้องรีบร้อน จึงเป็นการดีสำหรับคนสองคนค่อยๆ ช่วยกันสร้าง เหนื่อยก็พัก หายเหนื่อยก็ทำต่อ คล้ายๆ กับงานฝีมือ คุณแอนและคุณกอร์ด (Ann & Gord) แห่งแคนนาดา ทั้งสองสร้างบ้านดินด้วยการค็อฟด้วยตัวเองในพื้นที่บนเกาะที่สามารถเข้าถึงได้ทางเรือเท่านั้น ใช้ชีวิตในบ้านที่ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อ่านเรื่องของพวกเขาได้ที่นี่ Eco-Sense

 

สร้างเสร็จแล้วเป็นแบบนี้ เป็นบ้านที่โอบกอดและรักธรรมชาติจริงๆ เริ่มตั้งแต่การใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ ติดตั้งระบบส้วมปุ๋ยหมัก ติดตั้งหลังคามีชีวิตหรือหลังคาเขียว (living roof , Green Roof) อ้อยหวานเคยเอามาให้ดูแล้ว ที่บล็อกนี้ หลังคาเขียว อาจช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมได้ตลอดจนการอนุรักษ์น้ำเช่น การเก็บกักน้ำฝน  ติดตั้งระบบ grey-water re-use หรือการบำบัดน้ำเสียแล้วนำมาใช้ใหม่ เลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ ปลูกพืชผักกินเอง ทั้งสองใช้ชีวิตแบบสำนวนภาษาอังกฤษที่ว่า Less Life Stuff, More Life Style! มีข้าวของน้อย แต่ไลฟ์สไตล์หรือวิถีการดำเนินชีวิตที่ดีกว่า

 

ระบบ grey-water re-use หรือการบำบัดน้ำเสียแล้วนำมาใช้ใหม่ แบบคร่าวๆ

 

การผสมดินทำได้ง่ายๆ เรียกได้ว่าสร้างบ้านด้วยสองมือและสองเท้าจริงๆ เด็กทำได้ ผู้ใหญ่ทำดี

 

เปิดเพลงร็อคแล้วให้เด็กๆ และผู้ใหญ่ย่ำดินกัน ก็เป็นปาร์ตี้ที่สนุกสนาน บางคนจะใช้ตัวช่วยผสมดินเช่น ใช้วัวควายหรือม้าย่ำ ใช้เครื่องพรวนดิน หรือเครื่องผสมปูน

แต่การผสมดินนั้น ผสมเท่าที่จะใช้ในวันนั้น คือผสมแต่ละครั้งต้องใช้ให้หมด

 

ขั้นตอนต่อมาก็ปั้นเป็นก้อนแล้วลงมือสร้าง ถ้าสร้างกันสองคน ก็แบ่งหน้าที่กัน คือคนหนึ่งปั้นแล้วส่งให้คนโปะ จะก้อนเล็กหรือใหญ่ตามกำลังมือของคนปั้น

 

คุณทอมและคุณเชยี (Shaye) แห่งนิวซีแลนด์ ได้ลงมือ ลงเท้า สร้างบ้านดินตัวอย่างด้วยการค็อฟ และได้เขียนอธิบายลงรูปโดยละเอียดตั้งแต่วางแผนบ้าน ขุดฐานและระบายน้ำ ผสมดิน ก่อกำแพงบ้าน ไปจนถึงการติดตั้งประตูหน้าต่าง อ่านเรื่องของพวกเขาได้ที่นี่ diyhousebuilding.com

 

การทดสอบส่วนผสมของดิน คุณทอมและคุณเชยีทดสอบโดยการทำอิฐดินที่ใช้ส่วนผสมของดิน+ทราย+ ฟาง ผสมในอัตราส่วนที่แตกต่างกัน อย่าลืมทำเครื่องหมายให้ชัดเจนว่าอันไหนคืออันไหน ต่อจากนั้นก็ตากแดดให้แห้งแต่อย่าให้โดนฝน เมื่ออิฐดินแห้งดีแล้วทีนี้ก็ถึงเวลาทดสอบกันละ ยกอิฐดินขึ้นสูงประมาณหนึ่งเมตร ให้มุมของอิฐดินหันลงพื้น แล้วก็ปล่อยมือ อย่าโยนนะค่ะ ปล่อยมือเฉยๆ ถ้าอิฐดินแตกละเอียด ก็แปลว่าส่วนผสมไม่แข็งแรงพอ ถ้าไม่แตกมากก็เป็นส่วนผสมที่ใช้ได้

 

ดูรายละเอียดการผสมดินของคุณทอมและคุณเชยี ได้ที่นี่ how to make cob

เริ่มแรกทั้งสองใช้วิธีดั้งเดิมคือการย่ำด้วยเท้า ต่อมาได้ใช้เครื่องผสมปูนเป็นตัวช่วยผสมดิน

 

คุณทอมติดตั้งประตูและหน้าต่าง ใช้ความคิดสร้างสรรกันเต็มที่

 

ไอเดียหน้าต่างกระจกสวยๆ ที่คุณทอมและคุณเชยี ใช้เป็นแบบและเป็นแรงบันดาลใจ

 

คุณทอมและคุณเชยี ทดสอบโดยการใช้ขวดไวน์

 

ทั้งสองตั้งชื่อบ้านว่า เฮ็นรี่ (Henry)

 

การฉาบบ้านดินทำกันหลายแบบ

การฉาบหินปูน (lime) ทั้งสองใช้ส่วนผสมดังต่อไปนี้

หินปูน (lime) 1 ถัง ทราย 3 ถัง เม็ดสี ‘โอเคอ’  (Ochre) 3 ถ้วยโยเกิร์ต ผสมกับน้ำ ดูละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่นี่ค่ะ การฉาบหินปูน

แบบที่ไม่ใช้หินปูน (lime) ก็จะใช้ดินเหนียวผสมกับขี้ม้า แล้วมาผสมกับน้ำอีกที ถ้าสีของดินสวยถูกใจแล้วก็ไม่ต้องใส่เม็ดสี ‘โอเคอ’  (Ochre) อ้อยหวานเคยเล่าเรื่อง เม็ดสี ‘โอเคอ’  (Ochre) ให้ฟังแล้วในตอนที่ปั่นจักรยานเที่ยวโปรวองซ์  แล้วได้ไปชมเหมืองโอเคอ ดูได้ที่นี่ค่ะ ปั่นจักรยานตามเก็บฝัน ตอน ลูเบอรอง ( Luberon ) ดินแดนแห่งเมืองบนหน้าผา

ส่วนผสมของการฉาบบ้านดินมีกันหลายสูตร อ้อยหวานใส่ลิงค์ไว้ให้

http://greenbuildingelements.com/2008/11/19/natural-building-101-how-to-make-and-apply-earthen-plaster-finishes/

http://www.permaculturinginportugal.net/blog/cob-and-earthen-plaster-recipes/

http://www.buildnaturally.com/EDucate/Articles/ClayPlaster.htm

หากใช้มูลสัตว์เป็นส่วนผสมในการฉาบบ้านดิน ต้องเป็นมูลสัตว์ที่ตากแห้งสนิทจนไม่มีกลิ่นแล้วเท่านั้น

 

อ้อยหวานเอารูปบ้านดินที่สร้างด้วยการค็อฟ (Cob) มาให้ดู จะได้ใช้เป็นแบบและเป็นแรงบันดาลใจ บ้านดินที่สร้างด้วยการค็อฟมีหลายรูปทรง

 

หรือแบบนี้

 

เอารูปตัวอย่างการทำบันไดบ้านเก๋ๆ มาให้ดูด้วย

 

ติดตั้งในระหว่างสร้างกำแพงดินกันเลย

โปรดติดตามอ่าน บ้านดิน ในตอนต่อไป

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่นี่ค่ะ

http://webecoist.momtastic.com/2012/02/20/all-about-cob-a-sculptural-natural-building-material/

http://www.inspirationgreen.com/historical-cob-buildings.html

http://www.theyearofmud.com/

http://www.diyhousebuilding.com/cob-building-henry2.html

http://www.theyearofmud.com/

http://www.motherearthnews.com/green-homes/building-with-cob-zmaz98onzraw.aspx?PageId=1

http://naturalhomes.org/

http://webecoist.momtastic.com/2012/02/20/all-about-cob-a-sculptural-natural-building-material/

https://earthenacres.wordpress.com/

https://ecosenseliving.wordpress.com/about/

https://westwardfarmer.wordpress.com/2013/05/15/cob-to-the-moon/

http://naturalcottageproject.com/wordpress/

https://earthenacres.wordpress.com/category/cobbing/

http://www.diyhousebuilding.com/cob-building-henry.html

http://www.permaculturinginportugal.net/blog/cob-and-earthen-plaster-recipes/

I would like to Thanks everyone for all the resources for this blog. Thank you.

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

 ขอบคุณค่ะ

 

 อ้อยหวาน

เทคนิคในการสร้างบ้านดิน.. การสานและโปะดิน (Wattle and Daub)

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

วันนี้อ้อยหวานมาต่อเทคนิคในการสร้างบ้านดิน เป็นเทคนิคอีกแบบที่ใช้เครื่องไม้เครื่องมือง่ายๆ ไม่หรูหรา เด็กๆ ช่วยผู้ใหญ่ทำได้ การสานและโปะดิน (Wattle and Daub) นี้เป็นวิธีเก่าแก่โบราณ ย้อนหลังไปถึง 6000 ปีในยุคหินใหม่ และเป็นวิธีที่ใช้กันทั่วโลก

 

บล็อกนี้จะเป็นการรวบรวมรูปเทคนิคในการสร้างบ้านดินด้วยการสานและโปะดิน (Wattle and Daub) จากทั่วมุมโลกมาให้ดูกัน เริ่มจากรูปข้างบนที่ผู้คนในยุคนี้ได้ร่วมมือร่วมใจกันสร้างบ้านในยุคหิน เพื่อการศึกษา กลุ่มบ้านดินนี้สร้างไม่ไกลจากกลุ่มหินสโตนเฮนจ์ (Stonehenge) ชื่อดังของประเทศอังกฤษ

 

การสร้างบ้านดินด้วยการสานและโปะดิน (Wattle and Daub) แบบยุคหินใหม่

 

บ้านดินยุคหินใหม่ในประเทศอังกฤษ ใช้ส่วนผสมของหินปูนหรือหินดินสอพองผสมกับฟางสับและน้ำ แล้วโปะไปบนโครงที่สานด้วยกิ่งไม้ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่นี่ค่ะ https://neolithichouses.wordpress.com/page/3/

 

สมัยใหม่ขึ้นมาหน่อยก็เป็นบ้านแบบนี้ รูปนี้อ้อยหวานถ่ายเก็บไว้ในขณะที่ปั่นจักรยานตามเก็บฝันในประเทศอังกฤษ ดูได้ที่นี่  เป็นบ้านแบบครึ่งไม้ครึ่งดิน (half-timbered) บ้านแบบนี้จะเป็นโครงไม้

 

โครงไม้ส่วนใหญ่จะใช้ไม้เนื้อแข็งเช่นไม้โอ็ค ทำเป็นลวดลายหลายแบบ

 

จากนั้นก็สานกิ่งไม้ไปบนช่องว่างแล้วโปะด้วยดินที่ผสมแล้วบนไม้สาน ในประเทศอังกฤษใช้ ดิน ดินเหนียว ทราย ฟาง และมูลสัตว์

 

บ้านเก่าแก่โบราณในอังกฤษและยุโรบที่ยังเหลืออยู่ในปัจจุบัน สร้างแบบครึ่งไม้ครึ่งดิน (half-timbered) และเทคนิคการสานและโปะดิน (Wattle and Daub)

 

ผู้คนในสมัยนี้เริ่มศึกษาหาความรู้จากคนโบราณ แล้วนำมาดัดแปลงให้เข้ากับวิถีชีวิตและสิ่งแวดล้อมของตน เรามาดูกันว่าในขณะนี้เทคนิคการสานและโปะดิน (Wattle and Daub) ทั่วโลกไปกันถึงไหน การสานบ้านดินนั้นใช้วัสดุที่หาได้ในท้องถิ่น รูปข้างบนสานกันห่างๆ ด้วยกิ่งไม้

 

สานกันห่างๆ ด้วยไม้ไผ่

 

สานด้วยกิ่งก้านของต้นวิลโลว์ (willow) หรือต้นหลิว

 

สานด้วยไม้ไผ่ถี่ยิบ

 

หลังนี้ใช้ต้นกกสาน

 

จากนั้นก็โปะดินทำลวดลายกันสวยงาม

 

ในประเทศญี่ปุ่นก็แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องใช้ไม้ไผ่

 

สานแล้วมัดด้วยเชือก เนี้ยบสุดๆ ไม่มีใครเกินเขาละ

 

ส่วนนี้ก็แนวใหม่ ใช้ลวดขึง แล้วเอาฟางชุบดินที่ผสมแล้วจนชุ่ม แล้วเอามาสานบ้าน

 

ช่างค้นคิดกันนัก

 

นี่ก็อีกแบบ มีเรียกชื่อเรียกว่าโชรีโซ (chorizo) มาจากภาษาสเปน หมายถึงไส้กรอก แต่โชรีโซ (chorizo) นี้จะเป็นไส้กรอกดิน เป็นการสร้างบ้านดินด้วยการสานและโปะดิน (Wattle and Daub) แนวใหม่ที่ทำให้สร้างบ้านดินได้เร็วขึ้น

 

เริ่มแรกก็เอาฟางมาม้วนให้เป็นก้อนยาวๆ ในดินที่มีส่วนผสมของ ดิน ดินเหนียว และทราย

 

แล้วนำไส้กรอกดินนั้นไปสานบ้าน แล้วโปะดินทับอีกที

 

อันนี้ก็เป็นเทคนิคการสานและโปะดิน (Wattle and Daub) สานกันจริงๆ คงเลียนแบบบ้านนก

 

ตัวอย่างบ้านดินที่สร้างด้วยเทคนิคการสานและโปะดิน (Wattle and Daub)

 

โปรดติดตามอ่าน บ้านดิน ในตอนต่อไป

อ่านเรื่องราวของบ้านดินในบล็อกเก่าของ อ้อยหวาน ได้ที่นี่ค่ะ

บ้านดินนานาชาติ อนาคตของโลกอยู่ในดิน 1

บ้านดินนานาชาติ อนาคตของโลกอยู่ในดิน 2

ทำไมถึงต้องบ้านดิน

เทคนิคในการสร้างบ้านดิน 1

เทคนิคในการสร้างบ้านดิน.. การค็อฟ (Cob)

 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่นี่ค่ะ

http://archive.thannal.com/making-of-wattle-daub-hut/

http://www.tonygraham.co.uk/house_repair/wattle_daub/WD-1.html#Heading178

http://gastateparks.org/item/160828

http://buildconnections.org/blog/nicaragua/natural-building-in-condega-nicaragua/

http://www.kyo-sanzan.jp/25_idea/past/03_dentokoho.html

http://www.buildlikeabird.com/blog/category/condega

http://mamaroja.blogspot.ca/2009/11/mud-cabin-and-other-delights.html

https://neolithichouses.wordpress.com/page/3/

http://hampson.cast.uark.edu/nodena_3D_FAQ.htm

I would like to Thanks everyone for all the resources for this blog. Thank you.

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

 ขอบคุณค่ะ

 

 อ้อยหวาน

 

เทคนิคในการสร้างบ้านดิน.. การต่อยอดจากวิธีสานและโปะดิน (Wattle and Daub)

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

บล็อกนี้อ้อยหวานได้รวบรวมเทคนิค ที่มีคนเอาเทคนิคในการสร้างบ้านดินวิธีวิธีสานและโปะดิน (Wattle and Daub) ที่ได้กล่าวไว้ในบล็อกที่แล้วมาดัดแปลง ทำให้ง่ายขึ้น สร้างได้รวดเร็ว แต่ไม่แน่ใจว่าจะดีเหมือนแบบดั้งเดิม

 

บ้านดินแบบแรกของบล็อกนี้คือ บ้านกองฟางอัดก้อน ใช้ดินน้อยมาก 90% จะเป็นฟาง ใช้ดินโปะนอกบ้านและในบ้าน

 

เริ่มแรกก็เลือกวัสดุทำโครงบ้านจะเป็นไม้ หรือโครงเหล็ก แล้วสร้างโครงและหลังคาให้เรียบร้อย

 

เลือกกองฟางอัดก้อนแท่งสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่แห้งดีแล้ว นำมาก่อผนังบ้านเหมือนเด็กสร้างบ้านเลโก้ (lego) โดยใช้เหล็กตรงและเหล็กรูปตัวยู บางคนจะใช้รั้วตาไก่ขึงทับผนังกองฟางอีกที ซึ่งอ้อยหวานคิดว่าช่วยเสริมความแข็งแรง

 

จากนั้นก็โปะด้วยดินทั้งนอกบ้านและในบ้าน

 

ตัวอย่างบ้านดินแบบเสริมกองฟางอัดก้อนทั่วโลก

 

อบอุ่นในฤดูหนาว เย็นสบายในฤดูร้อน เรียกว่าสร้างได้ง่ายและรวดเร็ววิธีหนึ่ง

 

บ้านดินแบบต่อยอดจากวิธีสานและโปะดิน (Wattle and Daub) แบบที่สอง คือการใช้ถุงดินหรือถุงทรายเป็นโครงบ้าน ซึ่งเป็นหัวคิดของนาย Nader Khalili สถาปนิกชาวอเมริกันเชื้อสายอิหร่าน ทำได้หลายรูปแบบ แบบโค้งมนสวยๆ

 

หรือสี่เหลี่ยม การใช้ถุงดินหรือถุงทรายเป็นวิธีสร้างบ้านดินได้ง่ายและรวดเร็วอีกวิธีหนึ่ง

เริ่มแรกคือการกรอกดินหรือทรายใส่ถุง เพื่อให้กรอกได้ง่ายก็ต้องใช้ตัวช่วย รูปข้างบนใช้ปล่องกระดาษแข็ง อ้อยหวานเห็นบางคนใช้ถังพาสติคที่เจาะก้นออก

 

เย็บปากถุงด้วยลวดเย็บกระดาษ หรือแล้วแต่หัวคิดของแต่ละคน แต่เย็บให้เรียบร้อยก็แล้วกัน

 

เรียงซ้อนกันให้เรียบร้อย

 

จากนั้นก็โปะด้วยดินทั้งนอกบ้านและในบ้าน

 

ตกแต่งลวดลายตามใจชอบ

 

รูปข้างบนคือ Eco Truly Park เป็นชุมชนหรือหมู่บ้านที่ก่อตั้งขึ้นตามหลัก Vaisnava ลัทธิหนึ่งของฮินดู ที่เน้นความเป็นอยู่แบบระบบนิเวศ ใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุขและกลมกลืนกับธรรมชาติ

Eco Truly Park ตั้งอยู่ริมชายหาดในประเทศเปรู อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่นี่

 

โปรดติดตามอ่าน บ้านดิน ในตอนต่อไป

อ่านเรื่องราวของบ้านดินในบล็อกเก่าของ อ้อยหวาน ได้ที่นี่ค่ะ

บ้านดินนานาชาติ อนาคตของโลกอยู่ในดิน 1

บ้านดินนานาชาติ อนาคตของโลกอยู่ในดิน 2

ทำไมถึงต้องบ้านดิน

เทคนิคในการสร้างบ้านดิน 1

เทคนิคในการสร้างบ้านดิน.. การค็อฟ (Cob)

เทคนิคในการสร้างบ้านดิน.. การสานและโปะดิน (Wattle and Daub)

 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่นี่ค่ะ

http://naturalhomes.org/strawbale.htm

http://www.treehugger.com/green-architecture/how-to-build-a-house-from-straw-bale-and-mud.html

http://glassford.com.au/main/page/27/

http://www.wikihow.com/Build-a-Straw-Bale-House

http://www.themudhome.com/earthbag-building.html

http://www.earthenhand.com/why/

https://www.globalgiving.org/projects/womens-farming-cooperative/photos/?pageNo=2

http://www.cozyhomeplans.com/alternative-housing/earthbag-shield/earthbag-building-tips.html

I would like to Thanks everyone for all the resources for this blog. Thank you.

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

 ขอบคุณค่ะ

 

 อ้อยหวาน

เทคนิคในการสร้างบ้านดิน.. การทำอิฐดิน (Mudbrick)

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

บล็อกนี้อ้อยหวานนำเอาเทคนิคการสร้างบ้านดินอีกแบบ มาเล่าสู่กันฟัง คือการสร้างบ้านด้วยอิฐดิน (Mudbrick) เทคนิคการสร้างบ้านดินอีกแบบหนึ่งที่เก่าแก่หลายพันปี

เมืองมรดกโลกเก่าแก่ของประเทศเยเมน เมือง Sana’a มีอาคารและบ้านเก่าแก่ที่สร้างด้วยอิฐดิน (Mudbrick) อยู่มากมายหลายหลัง และบางหลังมีอายุถึง3000 ปี

 

ภาพวาดในหลุมฝังศพของอียิปต์ เป็นภาพทาสกำลังทำอิฐดิน

 

การสร้างบ้านด้วยอิฐดินนั้นเริ่มต้นด้วยการผสมดินและทดสอบส่วนผสม แต่ก่อนจะผสมดินก็ต้องตระเตรียมแม่พิมพ์ จะเป็นพิมพ์ไม้หรือ

 

พิมพ์เหล็ก

 

จะเป็นพิมพ์ที่ทำทีละก้อน

 

สองก้อน

 

หรือหลายก้อน ซึ่งต้องใช้แรงงานมากกว่าหนึ่งคนมาช่วยกันยกแม่พิมพ์

 

จากนั้นก็ตากอิฐดินให้แห้ง อย่าลืมกลับอิฐดินให้แห้งทุกด้าน

 

จากนั้นก็นำอิฐดินที่แห้งดีแล้วมาสร้างบ้านโดยใช้ส่วนผสมของดินมาก่ออิฐดินอีกที

อ้อยหวานขอเล่าเรื่องราวการสร้างบ้านดินของนาย Jihad el-Shaar ในกาซ่า (Gasa) ซึ่งขาดแคลนไปเกือบทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้คนต้องใช้น้ำมันสำหรับปรุงอาหารในรถยนต์ ต้องใช้ไม้ฟืนในการปรุงอาหาร ใช้รถลากด้วยม้าหรือลา ไม่ต้องพูดถึงซิเมนส์หรือวัสุก่อสร้างอื่นๆ ซึ่งแน่นอนว่าไม่มี

 

แต่เขามีดิน ที่เหยียบย่ำอยู่ทุกวัน อ่านเรื่องราวโดยละเอียดของนาย Jihad el-Shaar กับการสร้างบ้านดินของเขา ได้ที่นี่ค่ะ

 

บ้านดินของนาย Jihad el-Shaar บ้านชั้นเดียว สองห้องนอน ลูกสาวของเขาภูมิใจเสนอเตียงดิน

 

ตัวอย่างบ้านที่สร้างด้วยอิฐดิน

 

ตัวอย่างบ้านที่สร้างด้วยอิฐดิน

อ้อยหวานหวังว่าข้อมูลการสร้างบ้านดินนานาชาตินี้ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านไม่มากก็น้อย ขอจบบล็อกบ้านดินไว้เพียงเท่านี้

อ่านเรื่องราวของบ้านดินในบล็อกเก่าของ อ้อยหวาน ได้ที่นี่ค่ะ

บ้านดินนานาชาติ อนาคตของโลกอยู่ในดิน 1

บ้านดินนานาชาติ อนาคตของโลกอยู่ในดิน 2

ทำไมถึงต้องบ้านดิน

เทคนิคในการสร้างบ้านดิน 1

เทคนิคในการสร้างบ้านดิน.. การค็อฟ (Cob)

เทคนิคในการสร้างบ้านดิน.. การสานและโปะดิน (Wattle and Daub)

เทคนิคในการสร้างบ้านดิน.. การต่อยอดจากวิธีสานและโปะดิน (Wattle and Daub)

 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่นี่ค่ะ

https://ingaza.wordpress.com/2009/05/07/denied-cement-re-building-with-mud/

http://homerefurbers.com/members/daltxguy/blog/138

http://slowlyglobal.blogspot.ca/2014/10/making-mud-brick-art-studio-in-10-easy.html

http://www.solidearth.co.nz/adobe-brick-technique.php

http://www.ehow.com/how_5050483_build-mud-brick-house.html

http://www.mrmud.com.au/mud-bricks.html

I would like to Thanks everyone for all the resources for this blog. Thank you.

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

 ขอบคุณค่ะ

 

 อ้อยหวาน

จดหมายถึงเพื่อน ที่ปลายฟ้า

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

ถึงพิม

สองสามวันนี้เราได้พาสองล้อออกไปดื่มด่ำ..เก็บเกี่ยว..ดูดซับ ภาพฝันและมนต์เสน่ห์ของฤดูใบไม้ร่วง แล้วเราก็คิดถึงเธอขึ้นมาอย่างจับใจ สองสามปีก่อนเธอส่งสารอิเลคโทรนิคมาบอกเราว่า ..อ้อย ลงรูปฤดูใบไม้ร่วงมาเยอะๆ เราชอบดู สีสันสดใสจริงๆ ดูแล้วสดชื่นจัง.. เธอบอกเรามาอย่างนี้ทุกปี และเราก็ได้จัดให้ทุกปี เพราะเราก็เข้าข่ายพวกโลดเล่น ล้อลมอยู่แล้ว ใบไม้ยังไม่ทันแดงได้ที่ พอเริ่มมีสีเลืองสีส้ม ใจเราก็อยู่ไม่ติดบ้านเสียแล้ว

 

คำภาษาอังกฤษสำหรับฤดูใบไม้ร่วงมีใช้อยู่สองคำคือ Autumn ซึ่งแปลตรงตัวว่า ฤดูใบไม้ร่วง และ คำว่า Fall ซึ่งแปลตรงตัวว่า ร่วง หล่น ตก และบางครั้งฝรั่งก็ใช้คำว่า Fall = ฤดูใบไม้ร่วง

 

วันก่อนเราอ่านเจอ บทกวีโดย Marilyn Lott ซึ่งเราคิดว่าเข้ากับบรรยากาศของฤดูนี้จริงๆ

Autumn’s Glow

There is something about autumn

That brings out such earthiness

Gold leaves adorn bushes and trees

Like an artist with a brilliant brush

 

จรัสแสงแห่งฤดูใบไม้ร่วง

มีบางอย่างที่เกี่ยวกับฤดูใบไม้ร่วง

ที่แสดงออกถึงความงดงามของโลก

ใบไม้สีทองประดับประดาตามพุ่มไม้

ดูราวกับว่า..โลกคือศิลปินที่มีแปรงสีที่วิเศษสุด

 

โลกคือศิลปินที่หาใครเทียมเท่าจริงๆ ใช่ไหม ช่างเป็นเกจิอาจารย์ที่รู้หลักการผสมสี และจัดวางภาพ เสียดายที่เราไม่สามารถเก็บเกี่ยวทุกสิ่งทุกอย่างที่เราได้สัมผัสในขณะนั้นลงในภาพ

 

นอกจากสีสันที่สดสวยแล้ว เธอรู้ไหมว่าอากาศและกลิ่นของฤดูใบไม้ร่วงนี่มันวิเศษสุดเกินพรรณาได้ อย่างที่เราเขียนเล่าในปีที่แล้วว่า

..สีส้มหรือแดงสดใสของใบไม้นั้นเกิดจากการหายตัวไปของสารคลอโรฟิลสีเขียว ในฤดูใบไม้ร่วงช่วงเวลากลางวันสั้นลงๆ อุณหภูมิได้ลดลงด้วย ต้มไม้ต่างๆ ได้รับสัญญานเตือนจากธรรมชาติว่า ถึงเวลาแล้วหนอ.. ถึงเวลาเตรียมตัวสำหรับฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง..

 

ยืนอยู่กลางป่าท่ามกลางแมกไม้แลอากาศเย็นๆ ของฤดูใบไม้ร่วง เราได้กลิ่นหอมที่แตกต่างจากฤดูอื่นๆ มันเหมือนกับต้นไม้ ป่า และโลก กำลังเฉลิมฉลองช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด

 

ดูดิ เธอว่าจริงไหมละ

ใบไม้สีเหลืองกำลังร้องตะโกนบอกใบไม้สีแดงว่า ..โอ้เธอสวยจัง

ใบไม้สีแดงร้องตอบไปว่า ..สุขสันต์ฤดูใบไม้ร่วง

แล้วใบไม้ทุกใบต่างพากันร้องตะโกนบอกฉันว่า …ขอให้เธอมีแต่ความสุข

 

ถึงพิม แม้ในขณะนี้เธออาจจะล่องลอยอยู่ในขอบปลายฟ้าที่ไหนสักแห่ง หรือเธออาจจะกำลังโลดเล่นหยอกล้อกับใบไม้สีสดๆ เหล่านั้นอยู่ แต่โปรดรับรู้ว่า เราคิดถึงเธอเสมอ

 

มีสิ่งหนึ่งที่ค้างคาใจเราไม่รู้เลือนคือ ตอนที่เรากลับเมืองไทยเมื่อต้นปี เรารู้ว่าเธอไม่สบายมาก ไม่สามารถพบกับใครได้ แต่ถ้าเราพยามอีกสักนิด ดั้นด้นไปพบเธอ แทนทีจะบอกกับเธอทางโทรศัพท์ว่า ..คราวหน้าเมื่อเธอหายดีแล้ว เรามาเจอกันนะ แล้วก็ไม่มีคราวหน้าหรือคราวไหนๆ ขอโทษนะพิม ให้อภัยเราด้วย

 

    Do not stand at my grave and weep.

    I am not there; I do not sleep.

    I am a thousand winds that blow.

    I am the diamond glints on snow.

    I am the sunlight on ripened grain.

    I am the gentle autumn rain.

    When you awaken in the morning’s hush

    I am the swift uplifting rush

    Of quiet birds in circled flight.

    I am the soft stars that shine at night.

    Do not stand at my grave and cry;

    I am not there; I did not die.

  • Mary Elizabeth Frye

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

 

สีน้ำอีกสักครั้ง

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

กลับมาอีกครั้ง อาร์ตแกลอรี่สีน้ำจากศิลปินไร้ชื่อเสียง แต่ใส่ใจกลับผลงานของเธอ SP คือนามแฝงของอ้อยหวาน ดูผลงานสีน้ำของอ้อยหวานปีที่แล้วได้ที่นี่ ข้อคิดจากการหัดวาดรูปสีน้ำ

เอาผลงานตัวเองของปีนี้มาออกสื่ออีกครั้ง แถมพกพาความมั่นใจสุดๆ เอาผลงานสีน้ำของตัวเองออกสื่ออินเตอร์อีกด้วย  ดูได้ที่นี่ ญี่ปุ่นในความทรงจำของฉัน

 

รูปข้างบนคือลักกี้ ลูกหมาของครอบครัว ที่เลี้ยงดูและเติบโตมาพร้อมๆ กับลูกๆ สองคน และลักกี้ก็คิดว่าตัวเองเป็นลูก ไม่ใช่หมาของครอบครัว ลักกี้จากไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ด้วยอายุ 17 ปี อ้อยหวานเคยเขียนเล่าเรื่องลักกี้ในบล็อกนี้

การได้นั่งวาดรูปลักกี้และลงสีน้ำ ทำให้ความทรงจำเก่าๆ ดีๆ ผุดขึ้นมามากมาย อ้อยหวานไม่เคยคิดว่าจะวาดและระบายสีรูปคน หรือสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ได้ เพราะคิดว่าอยากสำหรับนักเรียนที่เพิ่งหัดเรียนหัดวาดด้วยตัวเอง โดยเฉพาะดวงตาซึ่งเป็นสิ่งที่ยากที่สุด แต่รูปนี้ก็ออกมาไม่เลวเลย ใช่ไหม? ขอความเห็นหน่อยค่ะ

 

รู้ไหม? ว่าการวาดรูปเป็นการบำบัดจิตใจแบบหนึ่ง ที่มีชื่อหรูว่า ศิลปะบำบัด (Art Therapy) ศิลปะสามารถนำมาใช้บำบัดจิตใจ สำหรับโรคหลายชนิด เช่น โรคเครียด  โรคเศร้าซึม โรคจิตตก โรคเบื่อ โรคกังวลวิตกจริต โรคบอบช้ำทางจิตใจจากการสูญเสีย

ศิลปะบำบัดใช้ได้กับทุกเพศ ทุกวัย สามารถนำมาใช้กับเด็ก (หรือผู้ใหญ่) ที่มีปัญหาในด้านการพัฒนา  เด็ก (หรือผู้ใหญ่) ที่มีปัญหาในด้านการเรียนรู้ได้อีกด้วย

 

ศิลปะสามารถช่วยเพิ่มองค์ประกอบต่างๆ ของความคิด

ช่วยให้มีความคิดริเริ่ม (Originality)ช่วยให้มีความคิดแปลกใหม่ เกิดการนำความรู้เดิมมาคิดดัดแปลง และประยุกต์ให้เกิดเป็นสิ่งใหม่

ช่วยในด้านความคล่องแคล่ว (Fluency)ช่วยให้มีความคิดที่รวดเร็ว ไม่หมกมุ่น ไม่คิดวกวน

ช่วยในเรื่องความยืดหยุ่น (Flexibility)ช่วยให้คิดได้หลากหลายมุมมอง ไม่ซ้ำรูปแบบหรือกรอบคิด แบบเดิม ไม่ยึดติด สามารถเห็นประโยชน์ของสิ่งของอย่างหนึ่งว่า มีอะไรบ้าง ได้หลายอย่าง

ช่วยให้เกิดความละเอียดลออ (Elaboration)ช่วยให้มีความพิถีพิถันในการตกแต่งรายละเอียด ช่างสังเกตในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็นหรือมองข้าม

ขอบคุณข้อมูลจาก จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น ของนพ.ทวีศักดิ์ สิริรัตน์เรขา และ Wikipedia

 

อ้อยหวานยังใช้การวาดรูปสีน้ำเป็นบันทึกความรงจำอีกด้วย ประตูโทริแดงแห่งเกาะมิยะจิมะ (Miyajima) สัญลักษณ์ของญี่ปุ่นรองจากภูเขาฟูจิ กาลหนึ่งนานมาแล้วอ้อยหวานและคุณผู้ชายที่บ้านได้ไปฮันนิมูนกันที่นี่ เราแวะไปอีกครั้งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา อ้อยหวานเอาภาพอดีตนานมาแล้วจับรวมกับภาพเมื่อต้นปี แล้วกลายมาเป็นภาพนี้ ภาพอดีตนานมาแล้วคือเราสองคนที่ยังเอ๊าะๆ เอวบางร่างน้อย หากวาดภาพของปัจจุบัน ก็คงต้องเติมอีกคนละเท่าตัว และที่เพิ่มตามน้ำนักตัวคือความรักและความเข้าใจ (มดมาเต็มเลย)

 

เอาภาพเรียกมดมาอีกภาพ อ้อยหวานตั้งชื่อว่า “ฝันหวานใต้ต้นซากุระ”  อีกช่วงเวลาหนึ่งที่ทำให้นึกถึงอยู่มิวาย เอาไว้ดูตอนทะเลาะกัน

 

โดดเดี่ยวท่ามกลางฤดูหนาว   Winter solitude

ในโลกของสี สีเดียว       in a world of one color

กับเสียงของลม             the sound of wind

กลอนไฮกุของท่าน Matsuo Basho

หัดวาดรูปโดยใช้โทนสีเดียวแต่ความเข้มของสีต่างกัน สีฟ้าเทาเป็นสีของภูเขาในวันฟ้าหม่น เราไปเดินป่าในเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่นหลังจากพายุหิมะ หุบเขาทั้งหุบเป็นสีฟ้าอมเทา

 

เทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่นในเดือนมีนาคม เมื่อต้นปีที่ผ่านมาอ้อยหวานและคุณผู้ชายที่บ้านได้ไปเดินลุยหิมะบนเส้นทาง 8 กิโลเมตรในหุบเขา ดูดิ สมกับกลอนไฮกุของท่าน Matsuo Basho ไหม?  ในโลกของสี สีเดียว (in a world of one color) ในวันนั้นตลอดเส้นทางในหุบเขาเป็นของเราแต่ผู้เดียว โดดเดี่ยว..แต่ไม่เดียวดาย เป็นเส้นทางที่สวยมากๆ

 

ถ้าไม่ใช่เพราะพายุหิมะ ก็จะไม่โดดเดี่ยวและเดียวดาย มีรถทัวร์นักท่องเที่ยวหลายคันรถตรงเมืองปากทาง ทุกคนลงมาเจอหิมะ วิ่งกลับขึ้นรถ ตลอดเส้นทาง 8 กิโลเมตรมีแต่เราสองคนที่เดินลุยหิมะบางช่วงสูงเทียมเข่า รองเท้าเปียกสนิทไปจนถึงถุงเท้าและกระดูกนิ้วเท้า มือไม้เย็นเจี๊ยบ เสียงลมวีดหวิวผ่านป่าไผ่ เคร้ากับเสียงหิมะตก เปาะแปะ..เปาะแปะ จากยอดไม้

 

บางช่วงผ่านป่าสนญี่ปุ่นต้นสูงใหญ่ ฟ้าเปิดโอกาสให้แสงแดดส่องผ่านมาแว็บหนึ่ง เป็นลำแสงที่ส่องลงมาสวยมาก แต่กล้องถ่ายรูปของอ้อยหวานไม่สามารถเก็บมาได้สวยเท่าตาเห็น

 

3 ชั่วโมงกว่ากับการเดินย่ำหิมะขึ้นๆ ลงๆ ในเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น แม้จะหนาวสั่นเพราะไม่ได้เตรียมตัวไปย่ำหิมะ แต่เป็นวันดีดี ที่เราจะจดจำไปนานแสนนาน

 

“ความทรงจำดี้ดี ที่ภูเก็ต”

ลองหัดวาดโปสกาสด์หรือโปสเตอร์โฆษณาบ้าง ในรูปแบบของ ศิลปะบันทึกประจำวัน (Art Journal) คอนเซปต์ของศิลปะบันทึกประจำวัน (Art Journal) ก็คือการคิดสร้างสรรค์งานศิลปที่รวบรวมเอา สีสัน ข้อเขียน และรูปภาพ เข้าด้วยกัน เป็นการทำงานศิลปที่สนุกมากๆ

 

หน้าร้อนปีนี้เราขนจักรยานใส่รถ แล้วออกไปปั่นเที่ยวกันในชนบทรอบๆ เมืองออตตาวากันหลายทริป นี่เป็นบันทึกของวันที่เราไปชมทุ่งรองเท้านารีในเขตอนุรักษ์ Purdon แล้วปั่นจักรยานเที่ยวไปรอบๆ แถวๆ นั้นอีก 43 กิโลเมตร เป็นวันปลายฤดูใบไม้ผลิที่สวยงาม อากาศไม่หนาวไม่ร้อน นอกจากรองเท้านารีสุดสวยแล้ว ตลอดทางปั่นยังเรียงรายด้วยดอกไม้ริมทาง

 

เขตอนุรักษ์ Purdon เป็นพื้นที่อนุรักษ์รองเท้านารีพื้นเมืองของแคนนาดา (Showy Lady's Slipper Orchid) เป็นกล้วยไม้พื้นเมืองที่สวยและดอกใหญ่ที่สุดของกล้วยไม้พื้นเมืองของแคนาดา และต้องขอขอบคุณนักอนุรักษ์ในอดีตที่ช่วยกันเก็บรักษา ทำให้ลูกหลานในปัจจุบันได้ชื่นชมดอกไม้ที่ค่อยๆ สูญหายไปเพราะฝีมือของมนุษย์

ในที่นี้คือนาย Joe Purdon ในช่วงทศวรรษที่ 1930 นาย Purdon ได้ค้นพบต้นรองเท้านารีพื้นเมืองในฟาร์มของเขา ทำให้เขาสนใจศืกษาเกี่ยวกับรองเท้านารีพื้นเมืองอย่างจริงจัง และตลอดเวลา 50 ปี นาย Purdon เป็นผู้ดูแล อนุบาล พื้นที่แห่งนี้ จนรองเท้านารีไม่กี่กอ เจริญเติบโตเต็มทุ่ง และเมื่อยามใกล้ตายก็ยังเป็นห่วง นอนตายตาไม่หลับแน่ๆ นาย Joe Purdon เพื่อที่จะเก็บอนุรักษ์ให้คนรุ่นหลังได้ชื่นชม เขาจึงบริจาคพื้นที่แห่งนี้ให้รัฐบาลดูแล และนี่คือที่มาของเขตอนุรักษ์ Purdon สนใจอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่นี่ค่ะ Purdon Conservation Area

 

เป็นรองเท้านารีสีชมพูที่สวยมากมาย

 

“ต้นสี่ฤดู”

ภาพนี้เป็นการยืนยันว่า การวาดรูปสีน้ำสามารถช่วยเพิ่มองค์ประกอบต่างๆ ของความคิด

ช่วยให้มีความคิดริเริ่ม (Originality) มีความคิดแปลกใหม่

ช่วยในด้านความคล่องแคล่ว (Fluency) ช่วยให้มีความคิดที่รวดเร็วไม่หมกมุ่น ไม่คิดวกวน

ช่วยในเรื่องความยืดหยุ่น (Flexibility) ช่วยให้คิดได้หลากหลายมุมมองไม่ซ้ำรูปแบบหรือกรอบคิด แบบเดิม

ช่วยให้เกิดความละเอียดลออ (Elaboration) ช่วยให้มีความพิถีพิถันในการตกแต่งรายละเอียด ช่างสังเกต ในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น หรือมองข้าม

ครบทั้ง 4 ข้อในหนึ่งภาพ

 

..พาฉันโบยบินไปสู่ดวงจันทร์

พาฉันโลดเล่นกับดวงดารา

สองเท้ามาดมั่น ปั่นไปข้างหน้า

เหิรเวหา ตามคว้าไคว่ฝัน

..จะไม่หยุดยั้ง ไม่มีวันหยุดฝัน

หยอกล้อดวงจันทร์ ปลายสุดเวหา

ถึงแม้อยู่ไกล จนสุดสายตา

รอหน่อยนะจันทร์จ๋า ..ฉันจะปั่นไปหาเธอ

          

ถึงเวลาชีพจรลงเท้าอ้อยหวานอีกแล้วค่ะ คงจะห่างหายจากการเขียนบล็อกไปสัก 9-10 อาทิตย์ อ้อยหวานกลับเมืองไทยค่ะ กลับไปเยี่ยมพ่อแม่ และแน่นอนคือปั่นจักรยานตามเก็บฝัน หากมีเวลาจะแวะทักทายนิดๆ หน่อยๆ จะได้ไม่ลืมเลือนกัน ฝากบ้านสวนแห่งนี้ด้วยนะคะ

 

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

วันนี้ที่นครศรีธรรมราช

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

วันนี้อ้อยหวานแว็ปมาอัพเดท มาพาเพื่อนๆ ไปชมวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร หรืพระธาตุเมืองคอนกันค่ะ นครศรีฯ หรือเมืองคอน เมืองบ้านเกิดของอ้อยหวานในวันนี้สุดสวยโสภา หมอกควันไฟป่าเชื้อสายอินโดได้มลายหายไป เหลือทิ้งไว้แต่สายฝนชุ่มฉ่ำ

 

ตอนนี้พระธาตุยังอยู่ในระหว่างการซ่อมแซม มีโครงก่อสร้างหุ้มเกือบทั้งองค์ ซึ่งอ้อยหวานคิดว่าสวยแปลกตาไปอีกแบบหนึ่ง

 

สวยดีไหม?

 

ดูกันชัดๆ

"พระบรมธาจุเจดีย์นครศรีธรรมราชนี้แม้ว่าจะมีผู้กล่าวว่าเป็นของที่สร้างคลุมพระสถูปองค์เดิมภายในก็ตาม แต่ลักษณะก็เป็นของเก่าแก่และเชื่อกันว่าได้รับอิทธิพลของพระเจดีย์แบบลังกา เจดีย์พระบรมธาตุคงสร้างขึ้นในรามพุทธศตวรรษที่ ๑๘ ในสมัยที่เมืองนครศรีธรรมราช ยังเป็นราชธานีของภาคใต้อยู่ลักษณะของพระเจดีย์ในระยะแรกนั้นมีเจดีย์เล็กประดับที่มุมทั้งสี่ และรอบๆ ฐานประดับด้วยช้างหัวโผล่ออกมานอกซุ้ม พระเจดีย์นี้เป็นสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรืองของเมืองนครศรีธรรมราช เพราะได้กลายเป็นแบบอย่างให้แก่พระสถูปเจดีย์อีกหลายๆ องค์ ซึ่งสร้างขึ้นมาในสมัยหลัง ๆ จนทุกวันนี้ พระเจดีย์พระธาตุนครศรีธรรมราชกลายเป็นเจดีย์ทีส่งอิทธิพลในทางศิลปะสถาปัตยกรรมไปยังเจดีย์ในภาคต่าง ๆ ทางภาคกลางและภาคเหนือของประเทศไทย ” รองศาสตราจารย์ศรีศักร วัลลิโภดม"

ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.jatukarmtapee.com/faq/faq_04.htm

 

ส่วนรอบๆ บริเวณได้รับการซ่อมแซม หรือทำใหม่อย่างสวยงาม ตอนเด็กๆ อ้อยหวานเรียกหาดทรายหน้าพระธาตุว่า หาดทรายแก้ว ในตอนนั้นมีความรู้สึกว่าเป็นหาดที่กว้างมาก

หาดทรายแก้วเป็นชื่อสันดอนทรายชายฝั่งตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองนครศรีธรรมาราช เกิดจากทรายจากเทือกเขาค่อยๆ ตกตะกอนสะสมในทะเลชายฝั่งจนตื่นเขิน นานเข้าจึงขยายเป็นแผ่นดินที่ราบชายฝั่งสันทรายเก่าที่เกิดในยุคโฮโลซีน ( Holocene) เมื่อประมาณ ๘,๐๐๐ - ๕,๐๐๐ปีที่แล้ว

 

ศิลปหี่สวยงดงาม เป็นความภาคภูมิใจของคนคอน

 

ใบหน้าแห่งความภาคภูมิใจ

 

 

อีกใบหน้าหนึ่ง

 

ความงามที่มีให้ชื่นชม

 

ถนนหน้าวัดได้รับการเปลี่ยนโฉมใหม่ ปูด้วยอิฐสวยงาม ริมถนนเรียงรายไปด้วยเสาไฟฟ้า 12 นักษัตร

จากข้อมูลที่ใช้อ้างอิงระบุความเป็นมาว่า อดีตเมืองนครศรีธรรมราชเป็นเมือง 12 นักษัตร มีเมืองบริวาร 12 เมือง ล้อมรอบมาแต่โบราณ แต่ละมืองใช้สัญลักษณ์รูปสัตว์ประจำเมือง เช่น เมืองสายบุรีใช้ตราหนู เมืองปัตตานีใช้ตราวัว เมืองตะกั่วป่าใช้ตราสุนัข เมืองกระบุรีใช้ตราหมู เมืองกลันตัน ใช้ตราเสือ และกลายเป็นที่มาของรูปนักษัตรบนเสาไฟฟ้า

ขอบคุณข้อมูลจากสำนักข่าวไหย

 

หนึ่งในเสาไฟฟ้า 12 นักษัตร

 

อ้อยหวานกลับมาเยี่ยมบ้านคราวหน้า พระธาตุคงจะเสร็จสมบูรณ์ อย่าลืมแวะมาชมกันนะคะ โบราณสถาน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ความภาคภูมิใจของคนไทย

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

อ้อยหวาน


สู่อ้อมกอดของขุนเขาที่บ้านคีรีวง

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

นอกจากวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือพระธาตุเมืองคอนแล้ว ของดีของนครศรีธรรมราชยังมีอีกมากมาย วันนี้อ้อยหวานเอาสถานที่ดี้ดีอีกแห่งมาให้เพื่อนๆ ชมกัน หลายคนคงร้องบอกว่า ไปมาแล้วจ้า ก็วันเกิดเว็ปที่ผ่านมาเมื่อไม่นานมานี้เอง ก็จัดกันสดๆ ที่คีรีวง แต่รีวิวของอ้อยหวานก็จะไม่เหมือนใคร เพราะจะเป็นรีวิวเที่ยวคีรีวงกับสองล้อ ที่ภาษาใต้เรียกว่า รถถีบ เอ้ามาเร็วๆ มาถีบรถถีบสู่อ้อมกอดของขุนเขาที่คีรีวงกัน

 

วันนี้เป็นวันแรกในรอบสองอาทิตย์ที่ตื่นขึ้นมาแล้วฟ้าใสไร้ฝน อ้อยหวานเลยลั่นล้าชวนคุณผู้ชายที่เพิ่งมาถึงเมืองไทย ไปเราไปปั่นรถถีบจากบ้านที่ท่าวัง อำเภอเมืองนครศรี ไปบ้านคีรีวง 25 กิโลเมตร และปั่นเที่ยว+หลงที่คีรีวงกันอีก 6-7 กิโล

 

จากนครศรีไปปากทางบ้านคีรีวงต้องปั่นบนถนนใหญ่ เช้าวันเสาร์รถไม่มากนัก แต่ก็ไม่มีวิวให้ถ่ายรูป แต่จากถนนใหญ่ตรงปากทางเข้าสู่บ้านคีรีวง (ทางเข้าข้างหลวงพ่อทวด) เป็นเส้นทางที่สวยมาก เหมือนค่อยๆ คืบคลานเข้าสู่อ้อมกอดของขุนเขาจริงๆ เส้นทางคดเคี้ยว ขึ้นๆ ลงๆ เหมือนกับว่าจะพาเราสู่แดนหิมพานต์ ไปกับจักรยานเท่านั้นถึงจะสัมผัสได้

เป็นเส้นทางสิบกิโลเมตรที่สวยมากมาย

 

ข้อมูลบ้านคีรีวง จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

แหล่งอากาศดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย รางวัลยอดเยี่ยมอุตสาหกรรมท่องเที่ยว(Thailand Tourism Awards) ประจำปี 2541 ประเภทเมืองและชุมชน  เป็นชุมชนเข้มแข็งต้นแบบการจัดการธุรกิจท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่ตั้งอยู่ ท่ามกลางธรรมชาติของขุนเขาและสายน้ำ ชาวบ้านมีวิถีชีวิตสุขสงบแบบเครือญาติ อาชีพหลักคือการทำสวน โดยทำสวนแบบผสมผสาน ที่เรียกว่า สวนสมรม ปลูกพรรณไม้หลากหลายชนิดคละกันในสวนเดียวกัน เช่น สะตอ มังคุด ทุเรียน หมาก พลู ฯลฯ  ภายในชุมชนมีการรวมกลุ่มผลิตสินค้าที่ระลึกขึ้นชื่อหลากชนิด เช่น ผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ สบู่สมุนไพรเปลือกมังคุด  ทุเรียนกวน ฯลฯ

 

นักท่องเที่ยวสามารถศึกษา เรียนรู้ ดูงาน ชมการสาธิตผลิตภัณฑ์ พักแบบโฮมสเตย์ หรือเลือกพักรีสอร์ท ติดธารน้ำตกได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูผลไม้ ระหว่างเดือน กรกฎาคม – กันยายน จะได้ลิ้มรสผลไม้สดๆ นอกจากนี้มีบริการเดินป่าศึกษาธรรมชาติสู่ยอดเขาหลวงสำหรับ  ผู้ที่หลงใหลธรรมชาติชอบผจญภัย สอบถามข้อมูลติดต่อ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวบ้านคีรีวง โทร.และ  0-7553-3370 และ 0-7553-3113

ขอบคุณข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็ปไชด์ของบ้านคีรีวงได้ที่นี่http://www.kiriwonggroup.com/

 

ในอ้อมกอดของธรรมชาติ เสียดายที่อ้อยหวานไม่ได้เตรียมตัวไปเล่นน้ำ ไปถึงเห็นน้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลาแล้วอยากลงแช่บ้าง

 

เขียวขจี

 

เล่นน้ำกันสนุกจริงๆ

 

เขาลุยได้

 

เราลุยบ้าง แต่รถไม่แรงอย่างเขา

 

สำหรับคนที่ต้องการปั่นจักรยานเล่นรอบๆ บ้านคีรีวง ก็ทำได้ ตรงไปเลยที่บ้านนายทั่ง

 

บ้านคีรีวงมีธรรมชาติเกึอบทุกอย่างให้ไปค้นหา นอกจากสวนมังคุดที่เป็นพืชหลักแล้ว ก็ยังมีสวนปาล์มอีกด้วย

 

เราสองคนปั่นไปเรื่อยตามใจอยาก เส้นทางส่วนใหญ่มีต้นไม้ร่มครึ้ม

 

นอกจากธรรมชาติที่สวยงดงามแล้ว บ้านคีรีวงยังมีสินค้าจากธรรมชาติและสินค้าทำมือมากมาย หลากหลาย

 

ไว้เลือกซื้อ เลือกช็อป

 

อย่าลืมแวะมาให้ขุนเขาและธรรมชาติโอบกอดที่บ้านคีรีวงกันนะค่ะ มาสูดอากาศดี้ดี นั่งฟังสายน้ำไหล หรือปั่นจักรยานเที่ยว ครั้งเดียวไม่เคยพอ แล้วใจจะถวิลหาขุนเขาอยู่ร่ำไป

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

ขอบคุณค่ะ

อ้อยหวาน

 

 

สุขสันต์วันพ่อ

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

พระคุณพ่อกว้างไกลทั่วไพศาล

ประดุจปานน้ำหล่อเลี้ยงโลกยิ่งใหญ่

ลูกเทิดทูนบูชาสุดดวงใจ

อธิษฐานให้…พ่อเป็นสุข ทุกเวลา

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

ขอบคุณค่ะ

อ้อยหวาน

รางวัลแด่คนช่างฝัน

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

Photo:

อ้อยหวานเป็นคนช่างฝันมาตั้งแต่ดึกดําบรรพ์ คือตั้งแต่อ่านออกเขียนได้ เป็นคนที่รักการอ่าน ชอบอ่านหนังสือทุกชนิด ยกเว้นหนังสือที่เกี่ยวกับสงครามและการเมือง ที่ชอบมากเป็นพิเศษคือหนังสือสารคดีต่างๆ โดยเฉพาะสารคดีท่องเที่ยว อ่านเรื่องไหนที่ชอบและติดใจ ก็จะค้นคว้าอ่านลืกลงไป คุดคุ้ย แคะเขี่ย จน (เกือบจะ) เหมือนกับได้ไปเดินท่องเที่ยวด้วยตัวเอง ยิ่งอ่านก็ยิ่งใฝ่ฝัน สักวันคงต้องมีวันของเรา

 

Photo:

จนกระทั้งเรียนจบมหาลัย ในตอนนั้นคิดแต่ว่าอาชีพที่ได้เดินทางท่องเที่ยวมากที่สุด คงไม่มีใครเกินอาชีพ ‘สาวใช้บนเครื่องบิน’ หรือชื่อที่หรูขึ้นมาหน่อย ‘แอร์โฮสเตส’ ว่าแล้วคนช่างฝันก็ตลุยสมัครงานไปที่สายการบินหลากหลายแห่ง ทั้งไทย จีน แขก ทั้งที่รู้ว่าภาษาอังกฤษยังไม่ถึงระดับ ผลออกมาสาวน้อยอ้อยหวานก็พลาดตำแหน่งสาวใช้ประจำเครื่อง (บิน) ไม่กี่เดือนต่อมาเธอได้งานอย่างไม่คาดฝันกับบริษัทผลิตแผนที่ของแคนนาดา ที่มาได้งานใหญ่ในเมืองไทย วันแรกที่ไปทำงานเธอพบตัวเองท่ามกลางฝรั่งทั้งหนุ่มและแก่ หนื่งในนั้นคือหนุ่มผมทองที่เงียบขรึม แต่หล่อได้ใจ คบหากันมาสามปี ก็ถืงเวลาจับมือกันท่องเที่ยว

 

Photo:

ต่อมามีเด็กอีกสองคนมาร่วมจับมือท่องเที่ยว แผนการเที่ยวและที่เที่ยวก็เปลี่ยนไปเป็นแนวเอาใจเด็กๆ ทั้งพิพิธภัณฑ์ สวนสนุก พ่อแม่ก็สนุกไปกับลูกๆ ทุกแห่ง

 

Photo:

กิจกรรมโปรดของลูกๆ ที่เมืองไทยคือการขี่ช้าง เราไปขี่ช้างกันหลายหน หลายแห่ง ทุกครั้งที่กลับไปเมืองไทย การขี่ช้างจะต้องมีในโปรแกรม ส่วนพ่อกับแม่ก็ต้องฝืนทนทุกครั้งไป ถ้าไม่ใช่เพื่อลูก ต่อให้เอาช้างมาฉุดก็ไม่ไป

 

จนกระทั้งในวันหนึ่งที่อ้อยหวานตกหลุมรักจักรยานอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ความใฝ่ฝันดั้งเดิมก็อัพเกรดมาเป็นความใฝ่ฝันติดล้อ นี่แหละ! ใช่เลย! ทัวร์ริ่งกับจักรยาน ช่างเป็นการท่องเที่ยวสุดบรรเจิด มันสว่างสดใส ปิ้ง! ปิ้ง! เข้ามาในหัวใจ อ้อยหวานมุ่งมั่นฝึกฝน จากปั่นหนึ่งกิโลก็หมดแรง ก็ปั่นได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ 80 กิโลก็ยังไหว (ไม่ได้โม้เลยนะเนี่ย) สี่ปีต่อมา ทัวร์ริ่งกับจักรยานครั้งแรกได้ถือกำเนิด โปรวองค์ ฝรั่งเศษ เมืองแห่งความใฝ่ฝัน แล้วอ้อยหวานก็ได้ ทำหัวใจหล่นไว้ที่โปรวองซ์  เป็นทริปแรกที่ประทับใจจนล้นอก จากนั้นก็มีทริปอื่นๆ เดินขบวนตามหลังมาไม่ห่าง

 

Photo:

แล้วคนช่างฝันคนนี้ก็สนุกในการวางแผนทริป เปิดดูแผนที่กูเกิลบ่อยๆ สรรหาอ่านเรื่องราวประสบการณ์ของคนอื่น หากเห็นภาพสถานที่ที่ไหนที่สวยต้องใจก็ปักหมุดไว้ หนื่งในความใฝ่ฝันของอ้อยหวานและเพื่อนร่วมปั่นคือ ปั่นจักรยานเที่ยวเมืองไทย หลังจาก ทริปปั่นเลียบอ่าวไทยเมื่อต้นปีประสบความสำเร็จไปด้วยดี คือ เราสองคนไม่ถูกแดดเผาคาจักรยาน ถนนหนทางก็โอเค โดนหมาไล่ก็พอรับได้ ทริปที่สองจึงถึอกำเนิดขึ้น โดยอ้อยหวานหลับตาแล้วเอานิ้วจิ้มลงไปบนแผนที่ประเทศไทย เปิดตาดูพบว่านิ้วได้จิ้มอยู่บนจังหวัดกาญจนบุรี (ว่าไปนั่น)

 

Photo:

แล้วนิ้วก็จิ้มได้ถูกที่จริงๆ

 

Photo:

เมืองไทยมีสถานที่สวยๆ ไม่แพ้ใคร

 

Photo:

ทริปปั่นจักรยานตามเก็บฝันครั้งนี้เน้นภูเขา จะมีทะเลใต้อยู่เล็กน้อยในตอนจบ ก็เด็กใต้อย่างอ้อยหวานจะไม่ให้เท้าก้บล้อเยียบทะเลคงเป็นไปไม่ได้

 

Photo:

ข้อแตกต่างระหว่างคนช่างฝันและคนเพ้อฝัน คนช่างฝันจะไม่มีฝันมากมายหลายอย่าง คือฝันแล้วรักเลย มุ่งมั่นสานฝันให้เป็นจริง และที่สำคัญคือไม่ใฝ่ฝันเกินตัว คนเพ้อฝัน..นั่งก็ฝัน นอนก็ฝัน อยากได้โน่น อยากทำนี่ มีแต่ลม และความแห้งแล้ง ความฝันที่ผุดๆ ดับๆ เหมือนฟองน้ำ เช่นนี้จะมีรางวัลรอให้รับที่ปลายทางอยู่หรือ?

 

Photo:

อย่ารั้งรอ เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า แล้วเตรียมจักรยานออกไปปั่นเที่ยวไทยกับอ้อยหวานในตอนต่อไป

 

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

Photo:

 

 

เริ่มต้นปีใหม่ด้วยการเขียนเรื่องราวที่สวยงามให้แก่ตัวเอง

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

ปีใหม่นี้เป็นเหมือนสมุดที่ว่างเปล่า ขอให้เธอถือปากกาไว้ในมือ แล้วขีดเขียนเรื่องราวที่สวยงามสำหรับตัวเอง สวัสดีปีใหม่

เราสามารถเขียนหนังสือชีวิตของเรา สร้างความสุขให้แก่ตัวเราเอง ความสุขที่ไม่ต้องดิ้นรนไปหาที่ไหน เพียงแต่พอใจในสิ่งที่มีที่เป็น มีความสุขกับทุกอย่างรอบตัว ร้อนก็สบาย หนาวก็สนุก รับได้กับทุกสถานการณ์อ้อยหวานขอให้เพื่อนๆ ทุกคนจับปากกาของตนไว้ให้มั่น ก้าวเข้าไปในปีใหม่อย่างมั่นคง แล้วขีดเขียนเรื่องราวที่งดงามให้แก่ตัวเอง

สวัสดีปีใหม่ค่ะ

อ้อยหวาน บ้านสวนพอเพียง

 

ปั่นจักรยานทัวร์ริ่ง มันปิ้ง ปิ้ง จริงๆ นะ

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

มีคนสนใจสอบถามอ้อยหวานมาว่าปั่นจักรยานเที่ยวจะเริ่มต้นยังไง ทำไรดี คำตอบคือ ไม่ต้องคิดมาก อยากลองก็คว้าจักรยานเล่นลิ่วออกไปเลย มีจักรยานอะไรก็เอาคันนั้นออกไป ทัวร์ริ่งได้ทุกแบบ ไม่จำเพาะเจาะจง ไม่ต้องเก๋เท่ห์ระเบิด ยังไม่มีจักรยานก็เลียวซ้ายแลขวา ขอยืมเพื่อนไปก่อน ยิ่งถ้าเพื่อนมีหลายคันก็ขอยืมลองปั่นไปให้หมดทุกคัน ไม่ต้องสนใจตาเขียวๆ ของเพื่อน (แต่ต้องเป็นเพื่อนรักนะเออ) เริ่มแรกก็ปั่นเที่ยวแถวบ้าน จากนั้นก็ไปไกลหน่อย เช่นไปเยี่ยมญาติ ไปหาของกินต่างถิ่น หรือหาเรื่องไปทุกที่ พอมีประสบการณ์สักนิดแล้วจะคิดได้เอง ไว้วันหลังอ้อยหวานจะจัดหนักไปเลย หลักสูตรว่าด้วยการทัวร์ริ่งกับจักรยาน

 

ในส่วนตัวของอ้อยหวานชอบจักรยานพับได้ เพราะสะดวกในการขนย้ายไปตามที่ต่างๆ บ่อยครั้งเราต้องแพ็คจักรยานขึ้นเครื่องบิน นั่งรถไฟ ลงเรือ ไปปั่นเที่ยวที่อื่นที่ไกลบ้านออกไป ขอบอกว่าปั่นได้ดีเท่าๆ จักรยานธรรมดา ล้อเล็กๆ ของจักรยานพับได้ไม่มีปัญหาแต่อย่างใดในการปั่นเที่ยว ในปี 2015 ที่เพิ่งผ่านไป อ้อยหวานปั่นเที่ยวรวมระยะทาง 2500 กว่ากิโลเมตร รวมทั้งทริปเที่ยวไทยสองทริป และทริปเที่ยวในแคนนาดา จักรยานพับได้ทั้งสองคัน สองยี่ห้อ ของอ้อยหวานไปเที่ยวด้วยกัน ไม่มีงอแง

 

ทัวร์ริ่งกับจักรยานทริบนี้อย่างที่เกริ่นไว้ในตอนแรกว่าเน้นที่จังหวัดกาญจนบุรี แต่จุดเริ่มต้นทริปคือนครศรีธรรมราช อ้อยหวานกับคุณผู้ชายที่บ้านได้เริ่มซ้อมปั่นกันด้วยทริปสู่อ้อมกอดของขุมเขาที่บ้านคีรีวงพอออกทริปทางไกลจริงๆ เราก็ไม่อยากปั่นซ้ำรอยเดิม และมีน้องอาสาขับรถไปส่งแถวๆ คีรีวง กะกันว่าจะเริ่มต้นทริปโดยการปั่นขื้นเขาผ่านลานสกา แล้วเลี้ยวซ้ายอ้อมเขาไปทุ่งสง ซื่งถือว่าเป็นเส้นทางที่สวยมากเส้นทางหนื่งของจังหวัดนครศรีธรรมราช แต่เช้าวันนั้นฝนตกปรอยๆ แต่เช้า ไม่เป็นการดีสำหรับปั่นขึ้นเขา (ข้ออ้างของคุณผู้ชาย) ว่าแล้วเราก็ไปเริ่มสตาร์ทกันบนเขาเลยดีกว่า ง่ายกว่ามาก ว่างั้นเถอะ โอกาสหน้ายังมีและลานสกาก็ไม่หนีไปไหน ติดหนี้ไว้ก่อนนะจ้ะ จะต้องมีการใช้หนี้นี้แน่นอน!

 

แต่กลุ่มนักปั่นในรูปข้างบนเก่งจริงๆ ไม่ติดหนี้ลานสกาเลย ทยอยปั่นขึ้นเขากันท่ามกลางสายฝนปรอยๆ แต่ละคนมีรอยยิ้มบนใบหน้า เพราะได้รับรางวัลจากความใฝ่ฝันและความมุ่งมั่นของตนเอง จุดเริ่มต้นของอ้อยหวานและคุณผู้ชายคือจุดพักของนักปั่นกลุ่มนี้ เป็นความบังเอิญแท้ๆ เราเลยได้รูปหมู่ของเพื่อนร่วมอุดมการณ์

 

แต่การไปเริ่มที่บนเขาก็ไม่ใช่ว่าเส้นทางตลอดสายจะลงเขา มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกนะ จริงๆ แล้วมันขื้นเนินลงเนินตลอด แต่เนินโหดสุดคือเนินที่เรานั่งรถขื้นมา

คุณผู้ชายหาถนนสายเล็กได้จากแผนที่กูเกิลเราต้องใช้ GPS จากโทรศัพท์มือถือช่วยตลอด เพราะซอกแซก วกวน หากไม่มี GPS ช่วยก็คงต้องหลงอยู่ในป่าสวนยางแน่นอน

 

เส้นทางเลี้ยวซ้ายขวา ผ่านชุมชน ผู้คนมองมายังเราด้วยสายตาที่แปลกใจและมีคำถาม ทำอะไร มาจากไหน จะไปไหน ก็จักรยานสองคันที่มีกระเป๋าสีเหลืองใบโตห้อยแขวนอยู่สองข้าง ไม่ได้มีให้เห็นบ่อยๆ ผ่านเขตชุมชนมาได้หน่อยถนนก็เปลี่ยนมาเป็นทางดินที่กำลังเละได้ที่ เพราะสายฝนโปรยปรายมาตั้งแต่กลางดึก ถึงเช้าก็ยังปรอยๆ ไม่ถึงกับกระหน่ำลงมา แต่เป็นละอองฝอยอยู่ทั่วไป...

ทำให้มีสายเมฆสายหมอกคลอเคลียหยอกล้อกับขุมเขา เราสองคนเห็นพ้องกันว่า ช่างเป็นภาพที่งดงามอย่างยิ่ง ต้องมาดูเองกับสองตา เพราะของจริงสวยกว่าในภาพมากมาย

 

เทือกเขานครศรีธรรมราช ตั้งเป็นแกนกลางของคาบสมุทรไทย (ภาคใต้ตอนกลาง) ทอดตัวในแนวเหนือ - ใต้ โดยเริ่มจากเกาะต่าง ๆ ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี คือ เกาะเต่า เกาะนางยวน เกาะพงัน เกาะสมุย เกาะกะเต็น มีบางส่วนที่จมลงไปในทะเล เรียกส่วนนี้ว่า ช่องแคบสมุย โดยมาโผล่ขึ้นที่อำเภอดอนสัก เขตจังหวัดสุราษฎร์ธานีและอำเภอขนอม เขตจังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดพัทลุง จังหวัดตรัง โดยเทือกเขาที่ผ่านเขตจังหวัดพัทลุงและตรังถือเป็นที่กั้นเขตแดนระหว่าง 2 จังหวัดนี้ มักเรียกอีกชื่อว่า "เทือกเขาบรรทัด"จากนั้น แนวเทือกเขายาวลงไปยังเขตแดนระหว่างจังหวัดสตูลกับประเทศมาเลเซีย โดยบรรจบกับเทือกเขาสันกาลาคีรีที่ภูเขาซีนา จังหวัดสตูล ซึ่งเป็นเขตแดนธรรมชาติระหว่างไทยกับมาเลเซีย

แนวเทือกเขานครศรีธรรมราชนับเป็นเทือกเขาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและยาวที่สุดในภาคใต้ โดยมียอดเขาหลวงซึ่งมีความสูงประมาณ 2,435 เมตร เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของเทือกเขาและสูงที่สุดในภาคใต้ ตั้งอยู่อยู่ในเขตอำเภอลานสะกา จังหวัดนครศรีธรรมราช เปรียบเสมือนเป็นหลังคาสีเขียวของภาคใต้ที่มีความอุดมสมบูรณ์และมีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

ขอบคุณวิกิพีเดีย

 

เราซอกแซกขึ้นลงเนินเขา ผ่านสวนยางมากมาย เพราะสวนยางนั้นฮิตติดอันดับหนึ่งของแถบนี้ อ้อยหวานชื่นชอบสวนยางเป็นพิเศษ และคิดว่าสวนยางสวยอย่างมีเสน่ห์และมีศิลป์ ปั่นจักรยานท่ามกลางป่ายางเป็นสิ่งที่วิเศษยิ่ง เหมือนกับรวมเอาการชมธรรมชาติและงานศิลปะเข้าด้วยกัน ละอองฝนเติมแต่งบรรยากาศให้เหมือนกับอยู่ในป่าลึกลับ อ้อยหวานหยุดอยู่ตรงนี้เนิ่นนาน รั้งรอ เก็บภาพตรงหน้า นึกถึงคนที่ตื่นเช้ามาทำงานหรือทำมาหากินในสวนยาง ขอบอกว่าช่างเป็นที่ทำงานที่สวยจริงๆ

 

อ้อยหวานคุ้นเคยกับยางพาราและสวนยางมาตั้งแต่เกิด ทั้งพ่อและตาทำงานเลี้ยงครอบครัวกับยางพารามาช้านาน แม้พ่อจะเลิกลามานานแล้ว แต่เรื่องราวและกลิ่นยางยังติดอยู่ในความทรงจำ ภาพที่แม่เคยเล่าตอนติดตามตาไปดูแลสวนยาง หวนกลับมาวิบวิบวับวับในความทรงจำ เลือนลางดุจภาพในสายหมอก แต่แจ่มชัดในความทรงจำ อีกทั้งภาพที่เคยวิ่งเล่นกับน้องๆ ท่ามกลางกองแผ่นยางสีคล้ำและมีกลิ่นฉุนแรง มาปรากฏราวกับภาพฝัน เลือนลางและแจ่มชัดสลับไปมา ยืนงงงันต้องมนต์สวนยางอยู่นานจนคนรอต้องร้องเรียก เมื่อเก็บภาพความทรงจำไว้หนำใจแล้ว สองล้อก็มุ่งหน้าไปต่อ

 

เพื่อไปหยุดดื่มด่ำกับภาพฝันริมทางอีกเป็นระยะมากับสองล้อเท่านั้นที่จะทำได้เยี่ยงนี้

 

อ้อยหวานขอแนบแผนที่เส้นทางปั่นของเรามาด้วย เผื่อมีคนอยากตามรอย แนะนำเลยเส้นทางนี้สวยมากมาย แถมรถน้อยด้วย จุดหมายปลายทางของเราในวันนี้คือทุ่งสง ซึ่งอยู่คนละฝั่งเขากับนครศรีธรรมราชและลานสกา เส้นทางจืงโอบกอดภูเขาหรือถูกภูเขาโอบกอดอย่างที่ฝรั่งเขาเรียกว่า แบร์ ฮัก (bear hug) อ้อมกอดหมีที่รัดรึง กระชับแน่น และอบอุ่น

 

เส้นทางนี้มีน้ำตกให้หยุดแวะชมอยู่หลายแห่ง แต่ขอบอกว่าแต่ละแห่งต้องปั่นขึ้นเขาไปหลายกิโล เราปั่นเข้าชมที่เดียว แล้วอ้อยหวานไปเลื่อนล้มเกือบตกลงไปในน้ำให้หวาดเสียวเล่น น้ำในน้ำตกค่อนข้างแรงเพราะฝนตกมาหลายวัน ไปถึง โรงแรมชิโนเฮ้าส์ทุ่งสงก็มอมแมมทั้งคนและจักรยาน

 

ดอกไม้ริมทางของวันนี้

 

ภาพเอ็คชั่นของวันนี้

โดนเจ้าถิ่นไล่ตั้งแต่วันแรกเลย

 

โปรดติดตามปั่นเที่ยวไทยกับอ้อยหวานในตอนต่อไป

 

อ่านปั่นเที่ยวไทยตอนที่แล้วได้ที่นี่

รางวัลแด่คนช่างฝัน

 

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

Viewing all 244 articles
Browse latest View live