Quantcast
Channel: บล็อก อ้อยหวาน
Viewing all 244 articles
Browse latest View live

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน หัวหิน..ไม่สิ้นเสน่หา

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

หัวหินคืนหนึ่งนั้น ติดตรึงใจฉัน

จำไว้มั่นไม่อาจเลือน อยู่กันสองคนเป็นเพื่อน

เปรียบเสมือนอยู่เมืองสวรรค์  แดนวิมานอันสุขสบาย

น้ำคำเธอบอกฉัน ใต้โคมสวรรค์

คืนนั้นเองบนหาดทราย ฝากคำสัญญาไม่คลาย

หากหัวหินไม่สิ้นหมดทราย เธอมิคลายจากฉัน

 

บัดนี้ รักนั้นมาสลาย  หาดทรายที่เราเคยสุขสันต์

ยามรักเราต้องมาเปลี่ยนแปลงหมดพลัน

ยิ่งมองแล้วยิ่งหวั่น พรั่นใจหนักหนา

หัวหินไม่สิ้นทราย แต่รักมาหาย

คงเหลือทรายดูเกลื่อนตา ผิดคำสัญญาเธอว่า

วาสนาช่างสุดอับจน จึงพบคนหลอกลวง

เพลงหัวหินไม่สิ้นทราย

คำร้อง - ทำนอง :  นคร มังคลายน

ขับร้อง :  สุเทพ วงศ์กำแหง

 

หัวหิน..ไม่สิ้นทราย คำนี้คงจะเป็นความจริง และที่จริงแท้พอๆ กันคือ หัวหิน..ไม่เคยสิ้นเสน่หา สามารถพิสูจน์ได้จากจำนวนโรงแรม ที่พัก ตลาด และนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยกขบวนกันมานอนอาบแดด และขนเงินถุงเงินถังมาใช้จ่ายที่หัวหิน เวลาจะผ่านไปกี่สิบปี หัวหินก็ไม่เคยตกเทรนด์ มีแต่จะฮิตติดอันดับต้นๆ

 

สถานที่เที่ยวชมของหัวหินมีมากมายหลายแห่ง แต่ที่อ้อยหวานและคุณผู้ชายแวะไปชมมีอยู่น้อยแห่ง เหตุผลคือเราสองคนชอบปั่นจักรยานเที่ยว แต่หัวหินไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะแก่การปั่นจักรยาน ถนนหนทางมีรถเยอะมากๆ วันแรกเราต้องทิ้งจักรยานไว้ที่บ้าน แล้วขึ้นรถสองแถวแทน สถานที่แห่งแรกที่เราแวะไปคือ สะพานปลา ซึ่งดูทรุดโทรมมาก และไม่มีเรือมาขึ้นปลาเลยสักลำ สงสัยไปขึ้นที่ชะอำกันหมด

 

แต่ที่ขึ้นแน่ๆ คือ ดวงตะวัน

 

หลังจากสะพานปลา เราก็เดินไปถามทางไป เพราะไม่มีแผนที่ ไปยังจุดหมายที่สองของเช้าวันนั้น สถานีรถไฟหัวหิน หนึ่งในสถานีรถไฟที่สวยงามและเก่าแก่ที่สุดของประเทศไทย

อาคารสถานีรถไฟหัวหินที่เห็นในปัจจุบัน สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2469 โดยพระเจ้าพี่ยาเธอ กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน เมื่อครั้งทรงดำรงตำแหน่งผู้บังคับบัญชาการรถไฟแห่งกรุงสยาม เป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ อิทธิพลจากรูปแบบสถาปัตยกรรมวิคทอเรีย ทาสีด้วยโทนครีมตัดกับสีแดง ตัวอาคารมีลวดลายสวยงามประดับเสาค้ำยัน

ต่อมาในปี พ.ศ. 2511 สมัยพันเอกแสง  จุลจาริตต์ เป็นผู้ว่าการรถไฟฯ ได้นำอุปกรณ์ก่อสร้างของพลับพลาสนามจันทร์ ซื่งเป็นพลับพลาจตุรมุขสร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว   (รัชกาลที่ 6) เดิมตั้งอยู่ในบริเวณพระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม มาปลูกสร้างขึ้นใหม่ที่หัวหินเพื่อเป็นที่ประทับขึ้นและลงรถไฟของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว การก่อสร้างนี้ใช้ช่างฝีมือคนไทยล้วน และได้มีการทำพิธีเปิดพลับพลาซึ่งได้ตั้งชื่อใหม่ว่า “พลับพลาพระมงกุฎเกล้าฯ” เมื่อวันเสาร์ที่ 6 เมษายน 2517 โดยสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เป็นองค์ประธานเปิดพิธีพลับพลาพระมงกุฎเกล้าฯ เป็นงานสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่าและเป็นเอกลักษณ์ของสถานีรถไฟแห่งนี้ก็ว่าได้

ขอบคุณข้อมูลจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (Tourism Thailand)

 

“พลับพลาพระมงกุฎเกล้าฯ”  

 

บรรยากาศเก่าๆ ที่สถานีรถไฟหัวหิน

 

ห้องจำหน่ายตั๋วรถไฟ

 

แล้วอ้อยหวานก็มาเจอภาพนี้

 ‘ขอพระองค์ทรงพระเจริญ’

 

เย็นวันนั้นเราขึ้นรถสองแถวกลับไปที่ใจกลางหัวหินอีกครั้ง เพื่อไปเดินเที่ยวตลาดและไปกินอาหารทะเล ตลาดโต้รุ่งหัวหิน หรือ ไนท์มาร์เก็ต ที่ฝรั่งเขาเรียกกัน

 

ตลาดโต้รุ่งหัวหินมีข้าวของ ทั้งเสื้อผ้า ของโชว์ และของกิน ผู้คนล้นหลาม ทำให้ถ่ายรูปได้ลำบากมาก

 

ร้านอาหารทะเล คนแน่นเช่นนี้ทุกร้าน เราสั่งอาหารทะเลเผามาหนึ่งถาด ซึ่งอร่อยมาก สดจริงๆ เหมือนเพิ่งขึ้นมาจากทะเล

 

ไม่ไกลจากตลาดโต้รุ่งจะมีตลาดอีกแห่งที่มีบรรยากาศแตกต่างกับตลาดโต้รุ่งอย่างสิ้นเชิงคือ ตลาดฉัตรศิลา เป็นตลาดที่มีกลิ่นอายเก่าๆ น่าเดินมาก

ตลาดฉัตรศิลาได้มีการเนรมิตบังกะโลไม้หลังเก่าอายุหลายสิบปี โดยปรับแต่งชั้น 2 ให้เป็นแกลเลอรีจัดแสดงภาพถ่ายขาวดำหาชมยาก ซึ่งแต่ละภาพได้บอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และความเป็นมาของหัวหินในอดีต รวมถึงข้าวของเครื่องใช้เก่าๆมากมาย ตลาดนัดฉัตรศิลานี้ได้แบ่งออกเป็น 2 บริเวณหลักๆด้วยกัน ได้แก่ บริเวณแรก มีลักษณะเป็นบ้านโบราณเก่าแก่ 2 ชั้น ไต้ถุนสูงมีด้วยกันจำนวน 5 หลังคาที่สร้างอยู่ใกล้ๆกัร โดยมีระเบียงไม้เป็นทางเดินเชื่อมเข้าหากัน โดยในสมัยก่อนเมื่อปี พ.ศ. 2502 บริเวณตลาดฉัตรศิลาแห่งนี้ เดิมเป็นพื้นที่บ้นพักตากอากาศแบบบังกะโลไว้สำหรับให้ข้าราชการได้เช่าพักผ่อนอยู่อาศัยกัน หลังจากนั้นต่อมาเมื่อเริ่มมีความทันสมัยเข้าสู่ท้องที่หัวหินแห่งนี้ซึ่งเป็นช่วงที่มีรีสอร์ทและที่พักริมทะเลเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากราวกับดอกเห็ดจึงทำให้บังกะโลแห่งนี้ได้รับความสนใจลดน้อยลงไปจนถูกทิ้งร้าง ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้จึงได้มีการปรับปรุงให้มีความสวยงามขึ้นและปรับเปลี่ยนให้เกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่ตั้งอยู่ใกล้จุดศูนย์กลางของเมืองหัวหิน สำหรับในอีกบริเวณหนึ่งของตลาดฉัตรศิลานั้นเป็ยบริเวณพื้นที่ของเหล่าสาวกนักช็อบทั้งหลายที่จะได้เพลิดเพลินไปกับสินค้าที่วางจำหน่ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าพื้นเมือง ของที่ระลึก ของแฮนด์เมด เสื้อผ้า ของใช้ อุปกรณ์อิเล็คโทรนิกส์เล็กๆน้อยๆ อุปกรณ์ตกแต่งบ้านจุกจิก เป็นต้น

ขอบคุณข้อมูลจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (Tourism Thailand)

 

อีกมุมหนึ่งของตลาดฉัตรศิลา

 

วันรุ่งขึ้นก็ถึงเวลาไปสำรวจมุมอื่นของหัวหิน มุมที่มีคนน้อยๆ อีกฝั่งหนึ่งของถนนเพชรเกษมที่ไม่ใช่ฝั่งเลียบชายหาด แต่เป็นฝั่งเลียบชายชายเขา ปั่นจักรยานไปเรื่อยๆ  แบบไม่กลัวหลง

 

แล้วไปเจอกับนี่

 

ดูกันชัดๆ นี่คือส่วนน้อยที่ล้นออกมานอกรั้ว ในรั้วก็กว้างใหญ่มีเต้นท์ปลูกผักแบบนี้มากมายหลายเต้นท์ แต่เขาห้ามคนนอกเข้า หาชื่อเสียงเรียงนามก็ไม่มี รู้อย่างเดียวว่าคงปลูกส่งโรงแรมต่างๆ ในหัวหิน

 

บางครั้งเราก็หยุดแวะทักทายเจ้าถิ่น

 

เราใช้เวลาที่เหลือกันที่นี่

ขอขอบคุณน้ำมิตรน้ำใจของเพื่อนเก่า T&N อีกครั้ง บ้านเพื่อนสบายจริงๆ

 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่องชีวิตคือการเดินทาง ในตอนต่อไป

 

อ่านชีวิตคือการเดินทาง ตอนแรกๆ ได้ที่นี่่ค่ะ

ชีวิตคือการเดินทาง

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ทำไมต้องท่องเที่ยว

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ฉันรักสวนลุม

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน มีรักที่ราชบุรี

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดับเบิ้ลดีที่อัมพวา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ทะเล หาดทราย สายลม และสองเรา

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 


ชีวิตคือการเดินทาง ตอน หากเธอคือฟ้า ฉันจะเป็นทะเล

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 


หลังจากใช้ชีวิตสุขสบายที่หัวหินถึง 3 วัน วันรุ่งขึ้นอ้อยหวานและคุณผู้ชายได้ออกจากที่พักกันแต่เช้า ที่จริงควรจะพูดว่ากันแต่มืด วันนี้เราต้องปั่นบนถนนเพชรเกษมถึง 20 กว่ากิโล

 

เราเริ่มปั่นจักรยานกันตั้งแต่ตี 5 ถนนเพชรเกษมมีไฟฟ้าสว่างไสว หลังจากแวะซื้อหน้ากากป้องกันฝุ่นที่เซเว่น เราก็ปั่นอย่างเร่งด่วน ไม่หยุดแวะที่ไหนจนกว่าจะพ้นจากถนนเพชรเกษม เช้าๆ รถน้อย และอากาศเย็นสบาย

 

พ้นจากถนนเพชรเกษม ทุกอย่างก็เริ่มสดสวย เราปั่นผ่านไร่สับปะรดหลายแห่งทอดยาวไกลสุดชายเขา แสงเช้าแห่งรุ่งอรุณ ไอหมอกพาดตามไหล่เขา ไม่มีรถยนต์ใด นอกจากจักรยานสองคัน อา..นี่แหละความหมายของการปั่นจักรยานเที่ยว

 

จะหยุดแวะที่ใด ตามแต่ใจปรารถนา

 

เลยเขตสับปะรดก็มาถึงไร่ถั่วลิสง มีชาวไร่สองคนขมีขมันทำงานสวนก่อนที่ดวงตะวันจะแผดแสงแรงกล้า แต่หุ่นไร่กากลับไม่ย่อท้อ ยืนหยัดเช่นนั้นตลอดวันตลอดคืน

 

แล้วเราสองคนก็มาถึงชายหาดแรกของวันนี้ หาดปราณบุรีวันนี้ ค่อนข้างเละเทะ กำลังอยู่ในช่วงสร้างถนนและเขื่อนกั้นน้ำทะเลเซาะฝั่ง

 

เสร็จเรียบร้อยเมื่อไรก็จะมีแนวเขื่อนริมทะเลสวยๆ ให้เดิน วิ่ง หรือปั่นจักรยานเล่นถึง 7 กิโลเมตร ที่จริงแล้วชายหาดของปราณบุรีมีอยู่ด้วยกัน 3 หาด ซึ่งยาวต่อเนื่องกันจนดูเหมือนเป็นหาดเดียวกัน ประกอบด้วยหาดปราณบุรี หาดนเรศวร และหาดกะโหลก

 

เราแวะถ่ายรูปและอุดหนุนน้ำมะพร้าวอ่อนกันคนละลูกที่เขากะโหลก เช้าๆ อย่างนี้ยังไม่มีร้านค้าหรือร้านอาหารเปิดขายสักร้านหนึ่ง ยกเว้นรถเข็นมะพร้าวอ่อนที่จอดอยู่ริมถนน

 

ผ่านวัดเขากะโหลกที่มีโบสถสวยแปลกตา

 

สุดชายหาดปราณบุรีสองล้อก็มาเฉิดฉายบนถนนเลียบชายฝั่งทะเล โครงข่ายถนนเลียบชายฝั่งทะเลของกรมทางหลวงชนบท ที่มีทางจักรยานโดยเฉพาะสีแดงโดดเด่น

**********

กรมทางหลวงชนบทรายงานความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างถนนเลียบชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของอ่าวไทยรวมระยะทางประมาณ 603 กิโลเมตร ซึ่งเป็นโครงข่ายถนนสายหลัก 603 กิโลเมตร (ตั้งแต่สมุทรสงคราม ถึง ชุมพร) ซึ่งปัจจุบัน ทช.ได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ 74 กิโลเมตร อยู่ระหว่างดำเนินการ 31.5 กิโลเมตร โดยคาดว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี 2560 

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า เมื่อโครงข่ายถนนดังกล่าวก่อสร้างแล้วเสร็จจะมีความต่อเนื่อง สะดวก ปลอดภัย และเป็นถนนเพื่อการท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลในระดับสากล รวมทั้ง ช่วยแบ่งเบาปริมาณการจราจรในถนนเพชรเกษม โดยมีจุดเริ่มต้นของโครงการกิโลเมตรที่ 73 ของถนนพระราม 2 ในเขตจังหวัดสมุทรสงครามซึ่งลัดเลาะชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของอ่าวไทย เพื่อเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์และชุมพร โดยถนนทั้งสองฝั่งทางได้ออกแบบเป็นถนนขนาด 2 ช่องจราจร มีไหล่ทางสีแดงเพื่อความปลอดภัยสำหรับรถจักรยาน 2 ข้างทาง พร้อมทั้งขยายสะพานในจุดที่มีลักษณะคอขวดให้กว้างขึ้นและเพิ่มทางจักรยานเพื่อความปลอดภัยในการเดินทางให้มากยิ่งขึ้น

นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี อธิบดีกรมทางหลวงชนบท ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า  ทช.ได้ดำเนินการก่อสร้างแหล่งเรียนรู้ย่อย จุดชมวิว จุดพักรถ Information Center และจุดจอดจักรยานไว้ทุก ๆ ระยะประมาณ 2 กิโลเมตร ซึ่งข้อมูลตรงจุดแหล่งเรียนรู้ย่อยนั้น จะมีทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ เพื่อให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้ศึกษาวิถีชีวิตท้องถิ่น ศึกษาธรรมชาติชายฝั่งทะเลภายใต้สภาพบรรยากาศจริง ซึ่งได้ก่อสร้างแล้วเสร็จ จำนวน 19 แห่ง จากช่วงอำเภอบ้านแหลม-อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ตลอดระยะทาง 56 กิโลเมตร รวมทั้งจุดชมวิวอ่าวทุ่งมหาในจังหวัดชุมพรอีก 1 แห่งด้วย

ขอบคุณข้อมูลจากสำนักข่าวไทย 3 เม.ย. 2556

 

เราสองคนร่าเริงบนถนนใหม่เอี่ยม ปูพรมแดงตราสองล้อ

 

เหมือนดั่งฝันไป..พรมแดงตราสองล้อทอดยาวตลอดแนวชายหาดสามร้อยยอด  

ขอบคุณกรมทางหลวง สำหรับถนนสวยๆ เช่นนี้

 

เราพักค้างคืนกันที่หาดสามร้อยยอด

 

เส้นทางการเดินทางของเราในวันนี้ หัวหินสู่หาดสามร้อยยอด 51.9 กิโลเมตร กูเกิ้ลบอกว่าขับรถใช้เวลา 1 ชั่วโมง 18 นาที ไปกับสองล้อก็นานกว่านั้นเยอะ แต่สัมผัสบรรยากาศได้เต็มๆ 100%

 

หาดสามร้อยยอดเป็นหาดที่ สวย สงบ สะอาด ได้ดาวไปเต็ม 5 ดาว จากอ้อยหวาน พา (เที่ยว) เพลิน

 

นอกจากจะมีหาดทรายขาวทอดยาวสุดสายตาและวิวยอดเขาสวยๆ แล้ว หาดสามร้อยยอดยังมี เกาะนมสาว

 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่องชีวิตคือการเดินทาง ในตอนต่อไป

 

อ่านชีวิตคือการเดินทาง ตอนแรกๆ ได้ที่นี่่ค่ะ

ชีวิตคือการเดินทาง

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ทำไมต้องท่องเที่ยว

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ฉันรักสวนลุม

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน มีรักที่ราชบุรี

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดับเบิ้ลดีที่อัมพวา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ทะเล หาดทราย สายลม และสองเรา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน หัวหิน..ไม่สิ้นเสน่หา

 

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

 

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ปั่นช้าๆ ตาม..เสียงเกลียวคลื่นและกลิ่นไอทะเล

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

ช่วงนี้มีบล็อกของอ้อยหวานออกมาบ่อยมาก ต้องรีบเขียน เพราะทริปปั่นจักรยานเลาะเลียบอ่าวไทยนี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ถึงแม้ความประทับใจจะคงอยู่กับเราไปนานแสนนาน แต่ความทรงจำ เรื่องราว รายละเอียด เริ่มจะเลือนหาย

อ้อยหวานอยากเล่าประสบการณ์ ถ่ายทอดว่าเมืองไทยเรานี้มีดี และการปั่นจักรยานเที่ยวนั้นดีเช่นไร

 

ทริปปั่นจักรยานเลาะเลียบอ่าวไทยนี้ เป็นความฝันของอ้อยหวานมาช้านาน ได้ติดตามอ่านบล็อกของฝรั่งมาหลายปี ศึกษาเส้นทางและประสบการณ์ของคนอื่น เปรียบเหมือนกับการเรียนในห้องเรียน เมื่อได้ออกทริปมาปั่นจักรยานในสถานที่นั้นจริงๆ ได้นำประสบการณ์ของคนอื่นที่อ่านมา วางแผนเส้นทาง ระยะทาง และสิ่งอื่นเช่น ที่ไหนควรหยุดพัก นึกขอบคุณเหล่าบล็อกเกอร์นั้นๆ สำหรับข้อมูลที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ ในเน็ท แต่จับต้องได้สำหรับผู้ใฝ่หา อ้อยหวานขอแทนคุณโดยการเขียนบล็อก แม้ข้อมูลจะไม่ดีเท่าเหล่าบล็อกเกอร์อาจารย์แต่ความพยายามนั้นเท่าเทียมกัน

 

จากหาดสามร้อยยอดไปยังจุดหมายปลายทางสำหรับวันนี้ มีระยะทาง 72 กิโลเมตรเป็นระยะทางที่ยาวที่สุดในทริปนี้ และต้องปั่นบนถนนเพชรเกษม 14 กิโลเมตร ตรงช่วงท้ายๆ ก่อนถึงประจวบคีรีขันธ์หรืออ่าวประจวบคีรีขันธ์

 

เราออกจากที่พักกันแต่เช้าเช่นเคย เพราะต้องการหลีกเลี่ยงอากาศร้อนในช่วงบ่าย ยิ่งเราปั่นลงใต้ไปมากเท่าไร รู้สึกเหมือนความร้อนและความชื้นจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

 

ในบันทึกของอ้อยหวานเขียนไว้ว่า..

12 กุมภาพันธ์ หาดสามร้อยยอด-ประจวบคีรีขันธ์ 73 กิโลเมตร เป็นวันที่เราปั่นกันยาวไกลที่สุด และที่ยากที่สุด เราเจอกับลมแรงปะทะหน้าทั้งวัน ซึ่งทำให้ปั่นช้าลงและต้องใช้พลังงานมากขึ้น เส้นทางวันนี้ผ่านนากุ้งมากมาย เราเห็นนกหลากชนิด

 

ข้อดีอีกอย่างของการออกเดินทางแต่เช้า ดูเหมือนลูกบอลกำลังกลิ้งบนโค้งเขา

 

เราปั่นไปบนถนนที่วิ่งผ่านอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด แต่เรียงรายไปด้วยนากุ้ง เป็นที่น่าเสียดายยิ่งนัก

 

อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด ตั้งอยู่ในเขตอำเภอกุยบุรีและอำเภอสามร้อยยอด ห่างจากหัวหินลงมาทางใต้ประมาณ 63 กิโลเมตร ตามตำนานเล่ากันว่า พื้นที่แถบนี้เคยเป็นทะเลมีเกาะใหญ่น้อยอยู่มากมาย ในสมัยนั้นมีขบวนเรือสำเภาจีนแล่นผ่านมา และประสบกับลมพายุมรสุมจนเรืออับปาง คนบนเรือที่รอดชีวิต 300 คนได้ไปอาศัยอยู่ตามเกาะต่าง ๆ จึงเรียกว่า “เกาะสามร้อยรอด” ต่อมาเพี้ยนเป็น “เขาสามร้อยยอด” จนทุกวันนี้

ขอบคุณข้อมูลจาก sadoodta.com

 

“เขาสามร้อยยอด” ถึงแม้จะเป็นชื่อเพี้ยน แต่ก็ค่อนข้างจะเหมาะสม

อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 98 ตารางกิโลเมตร หรือ 61,300 ไร่ ลักษณะภูมิประเทศประกอบด้วยภูเขาหินปูนสูงชัน ริมฝั่งทะเลผสมกับที่ราบริมฝั่งทะเล ที่เป็นหาดเลน และห้วงน้ำทะเลตื้น รวมถึงเกาะหินปูนที่ตั้งเรียงรายอยู่ใกล้ชายฝั่ง เป็นที่อยู่อาศัยของนกนานาชนิด ซึ่งมีมากในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2509 เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 4 และเป็นอุทยานแห่งชาติประเภทชายฝั่งทะเลแห่งแรกของประเทศไทย

ขอบคุณข้อมูลจาก sadoodta.com

 

เราแวะใช้บริการห้องน้ำที่นี่ แต่ไม่ได้แวะชมสถานที่ท่องเที่ยวที่มีอยู่มากมายภายในเขตอุทยาน

 

ระหว่างทางมีนกนานาชนิดให้ชม

 

ลมแรงปะทะหน้า ทำให้เราไปได้ช้าลงและเสียพลังงานเยอะ ยิ่งสายอากาศก็ยิ่งร้อน เราต้องหยุดพักกันบ่อยๆ พ้นจากตรงนี้เราก็เจอกับถนนเพชรเกษม ซึ่งเป็นช่วงที่รถเยอะมากๆ และส่วนมากก็เป็นรถบรรทุกและรถโดยสารคันใหญ่ๆ ที่พ่นแก๊ชพิษใส่เรา หน้ากากป้องกันฝุ่นจากเซเว่นไม่อาจจะต้านทานไหว

 

พ้นจากเพชรเกษม ทิวทัศน์กลับมาสวยงามเหมือนเดิม

 

แต่ลมแรงปะทะหน้าไม่ลดลงเลย

เราไปถึงอ่าวประจวบคีรีขันธ์เกือบบ่ายสอง ขีดพลังงานอยู่ที่เลขศูนย์ แต่ความร้อนอยู่ในจุดสูงสุด เราจึงเห็นพ้องต้องกันว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันพักผ่อนสบายๆ จะนอนตื่นสาย และหลบแดดให้มากที่สุด

 

เช้าวันรุ่งขึ้นทุกอย่างกลับสดสวย พลังงานที่เหลือน้อยเมื่อวาน กลับชาร์จเต็มเปี่ยม แต่เรายังถือคติวันสบายๆ เดินเล่น ปั่นจักรยาน ชิวๆ กันแถวๆ ปากอ่าว ไม่ได้ไปไหนไกล เมืองประจวบคีรีขันธ์เป็นเมืองที่สะอาดและเป็นระเบียบมากๆ ได้ดาวไปเต็ม 5 ดวงจากอ้อยหวาน

 

อ่าวน้อยหรืออ่าวประจวบคีรีขันธ์เป็นอ่าวสองอ่าวที่ติดกันและ เป็นที่ตั้งของตัวเมืองประจวบคีรีขันธ์ มีความยาวประมาณ 8 กม. โดยเริ่มจาก เขาตาม่องล่าย ทางด้านทิศเหนือเป็นวงโค้งไปจดเขาล้อมหมวกทางด้านทิศใต้ หน้าอ่าวมีเกาะรูปร่างแปลกตาอยู่หลายเกาะ ทำให้ทิวทัศน์ของอ่าวดูสวยงาม เหมาะสำหรับการออกกำลังกายอย่างมาก โดยเฉพาะในยามเช้า และยามเย็น เช่นวิ่ง และขี่จักรยานเลียบชายทะเล โดยมีถนนเชื่อมยาวไปถึงอ่าวน้อย ด้วยความยาวของอ่าวประจวบนี้เองทำให้พบเห็นความเป็นอยู่และวิถีชีวิตอันหลากหลาย ของคนในพื้นที่ ตั้งแต่หมู่บ้านชาวประมง ร้านค้า โรงแรมที่พัก หน่วยงานราชการ ตลอดจนสวนสาธารณะและ ที่พักผ่อนหย่อนใจ

เกาะในอ่าวประจวบ

เกาะแรด เป็นสถานที่ตั้งของกระโจมไฟชื่อ "วชิรรุ่งโรจน์"ซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ได้ทรงพระราชทานราชทรัพย์ส่วนพระองค์ให้กระทรวงทหารเรือในขณะนั้นนำมาสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2486

เกาะหลัก เป็นสถานที่ตั้งของสถานีวัดระดับน้ำทะเลขึ้น-ลง และหมุดระดับหมุดแรกของประเทศไทยด้วย อยู่ในความรับผิดชอบของกองทัพเรือและ เป็นสถานที่ที่ใช้เป็นจุดเริ่มในการวัดระดับความสูงของแผ่นดินและภูเขาโดยการเปรียบเทียบจากระดับน้ำทะเล ระหว่างอ่าวไทยกับทะเลอันดามันอยู่ในความรับผิดขอบของกรมแผนที่ทหาร

เกาะไหหลำ เป็นสถานที่ประดิษฐานของศาลพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากร เกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หรือเสด็จเตี่ย ซึ่งผู้มีจิตศรัทธาได้สร้างขึ้นนานแล้ว อยู่ในเขตความรับผิดของของกองบิน 5 สามารถเดินเท้าไปถึงที่เกาะได้เมื่อเวลาน้ำลง

ขอบคุณข้อมูลจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (Tourism Thailand)

 

เราชื่นชมเขาช่องกระจกจากด้านล่าง

 

เย็นวันนั้นเราก็ได้ไปเดินชมและชิมที่ถนนคนเดินประจวบคีรีขันธ์ เป็นถนนคนเดินที่มีวิวสวยมาก

 

มีของกินหลากหลายชนิดให้เลือก

 

และที่ขาดไม่ได้คือนวดไทย นวดไป ชมวิวไป ผ่อนคลายทั้งกายและใจ

 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่องชีวิตคือการเดินทาง ในตอนต่อไป

 

อ่านชีวิตคือการเดินทาง ตอนแรกๆ ได้ที่นี่่ค่ะ

ชีวิตคือการเดินทาง

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ทำไมต้องท่องเที่ยว

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ฉันรักสวนลุม

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน มีรักที่ราชบุรี

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดับเบิ้ลดีที่อัมพวา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ทะเล หาดทราย สายลม และสองเรา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน หัวหิน..ไม่สิ้นเสน่หา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน หากเธอคือฟ้า ฉันจะเป็นทะเล

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

 

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ปั่นตามใจ ไปตามฝัน

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

โลกนี้เปรียบดังหนังสือเล่มใหญ่ คนที่ไม่ได้เดินทางท่องเที่ยว ก็เหมือนกับอ่านหนังสือเล่มนั้นเพียงหนึ่งหน้า

“The world is a book and those who do not travel read only one page.”

― Augustine of Hippo

อ้อยหวานเอามาเขียนใหม่ว่า

..โลกนี้เปรียบดังหนังสือเล่มใหญ่ หากเธอไม่ได้เดินทางท่องเที่ยว ก็เหมือนกับเธอดูเฉพาะหน้าปก

 

 

หนังสือโลกเล่มใหญ่เล่มนี้ อัดแน่นไปด้วยมุมมองต่างๆ ทั้งวิวทิวทัศน์ ภูเขา แม่น้ำ ทะเล เทือกสวน ไร่นา ศิลปะ วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ของผู้คน และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ  เส้นทางที่แล่นไปคดโค้ง ขึ้นๆ ลงๆ อาจจะราบเรียบหรือขรุขระ เป็นหลุม เป็นบ่อ ทุกอย่างล้วนเสริมสร้างประสบการณ์ มุมมอง เจตคติหรือทัศนคติแก่นักเดินทาง การเดินทางเป็นการศึกษาหาความรู้ที่ดีที่สุด ที่เราสามารถให้แก่ตัวเราเอง เป็นการเพิ่มความรู้ ความเข้าใจในโลก และในตัวเราเอง

 

เส้นทางออกจากประจวบคีรีขันธ์ไปยังหาดบ้านกรูดจุดหมายปลายทางต่อไป ไม่มีถนนสายอื่นให้เลือกนอกจากถนนเพชรเกษม และต้องปั่นบนถนนสายนี้ 40 กิโลเมตร ประจวบคีรีขันธ์ช่วงนี้เป็นช่วงที่แคบสุดของประเทศไทย  มีถนนลงใต้อยู่เส้นเดียว ไม่ต้องสงสัยเลยว่ารถจะเยอะแค่ไหน เราจึงตัดสินใจอย่างไม่รีรอ เอาจักรยานขึ้นรถเมล์ และไปเริ่มปั่นที่ทับสะแก จากทับสะแกไปหาดบ้านกรูดเป็นระยะทาง 22.5 กิโลเมตร วันนี้จึงเป็นวันสบายๆ สำหรับเราอีกวัน ออกจากประจวบ๚ สายหน่อยก็ไม่ว่ากัน

 

เราเริ่มต้นวันด้วยการปั่นจากอ่าวประจวบคีรีขันธ์ ไปรอโบกรถเมล์ที่ถนนเพชรเกษม เป็นระยะทาง 3 กิโลเมตร ข้อดีของจักรยานพับได้อยู่ตรงนี้เอง

 

บทเรียนหน้าแรกของวันนี้ ..เลือกรถคันว่างๆ จะได้ไม่ต้องอุ้มน้องจักรยานไว้บนตัก ภาพนี้สั่นไปหน่อยเพราะตัวอ้อยหวานเองก็ต้องอุ้มจักรยานเหมือนกัน

 

รถหยอดส่งเราบนถนนเพชรเกษม ไม่ไกลจากอำเภอทับสะแก เราปั่นผ่านตัวอำเภอที่เงียบสงบ ถนนสายเล็กๆ ตกแต่งด้วยโคมไฟตรุษจีน เหมือนเตือนให้เรารู้ว่า เรามีเวลาเหลืออยู่ไม่มาก เราต้องไปถึงบ้านที่นครศรี๚ ก่อนตรุษจีน เพราะมีพ่อแม่ ญาติพี่น้อง รออยู่

 

ชายหาดแรกของวันนี้ เราแวะที่นี่กันนานหน่อย

 

นั่งกินน้ำ กินหนม กินลม ชมวิว ถ่ายรูป เพราะเป็นวันสบายๆ ..เดี๋ยวก็ถึง

 

แต่..ช้าก่อน..วันสบายๆ ก็ไม่สนุกนะสิ

อ้อยหวานไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่จักรยานมันเริ่มจะหนักและปั่นยากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ปั่นไม่ได้ ล้อหน้าแบนติดดิน ชายใส่เสื้อเขียวในรูป เป็นคนรับอ้อยหวานกับจักรยานขึ้นรถพ่วงมอเตอร์ไซด์ แล้วพาไปร้านเปลี่ยนยางที่อยู่ห่างออกไป 3 กิโลเมตร โดยมีคุณผู้ชายปั่นตามมา ที่จริงเราปั่นผ่านร้านนี้มาก่อน แต่ตอนนั้นล้อยางยังสมบูรณ์อยู่ เลยได้กำไรอีก 3 กิโลเมตร ส่วนคุณผู้ชายก็ได้เพิ่มไป 6 กิโลเมตร

 

แม้ถนนช่วงหลังจากนั้นจะร่มรื่นเพียงใด แต่แดดของเวลาเที่ยงวันมันร้อนแรง

 

เรามาถึงหาดบ้านกรูดในยามบ่าย หาดบ้านกรูดวันนี้มีเด็กๆ เล่นน้ำกันเต็ม และที่ทำให้เราแปลกใจคือ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเยอะพอสมควร

*****************

หาดบ้านกรูด อยู่ในเขตบ้านกรูด ตำบลธงชัย อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นชายหาดที่กว้างและสวยงาม มีแนวหาดยาวประมาณ 12 กิโลเมตร ขนานไปกับถนนเลียบชายหาด ซึ่ง บ้านกรูด ขึ้นชื่อว่าเป็นหาดที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งในประเทศไทย แต่เดิมบริเวณ บ้านกรูด จะมีต้นมะกรูดขึ้นมากมาย จึงเป็นที่มาของชื่อ บ้านกรูด

หาดบ้านกรูด จะมีอยู่ 2 หาด แบ่งเป็น หาดบ้านกรูดเหนือ และ หาดบ้านกรูดใต้ มี เขาธงชัย ขั้นอยู่ตรงกึ่งกลาง โดย หาดบ้านกรูดเหนือ จะอยู่ทางทิศเหนือของยอดเขาธงชัย เป็นหาดส่วนตัวไม่มีถนนกั้น เพราะด้านหน้าเป็นถนนด้านหลังเป็นทะเล ส่วน หาดบ้านกรูดใต้ จะเป็นหาดที่เลียบทะเล เพราะมีถนนเล็ก ๆ กั้นอยู่ บริเวณรอบ ๆ จะมีรีสอร์ทเรียงรายกันอยู่ริมถนน ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว

ทั้งนี้ นอกจากทรายสีขาวละเอียด น้ำทะเลสีครามสดใส ร่มรื่นด้วยทิวมะพร้าวและทิวทัศน์สวยงามแล้ว บ้านกรูด ยังมีชุมชนประมงกระจายตัวอยู่ตลอดชาย หาดบ้านกรูด วิถีชีวิตตามแบบฉบับชาวประมงดั่งเดิมยังหาชมได้ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็น การทำอาชีพประมงชายฝั่ง การแปรรูปอาหารทะเลแห้ง การจับแมงกระพรุนเพื่อส่งขายต่างประเทศ หรือห่างจาก บ้านกรูด เพียง 700 เมตร ก็ยังมี เขาธงชัย อันเป็นที่ประดิษฐานของ พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ และ พระพุทธกิติสิริชัย ที่งามเด่นเป็นสง่า

แต่เดิม เขาธงชัย เป็นเพียงป่ารกชัฏ เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า แต่เนื่องจากยอดเขาธงชัยมีลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่ดี (ในศาสตร์แห่งฮวงจุ้ย) นั่นก็คือมีลักษณะเป็นหัวมังกร โดยมีลำตัว (ชายหาดบ้านกรูด) ทอดยาวจนไปสุดที่ปลายหาง (หาดแม่รำพึง) และ ยอดเขาธงชัย ยังมีลักษณะคล้ายกับหลังเต่าที่ยื่นออกมาในทะเล ซึ่งมังกรและเต่าตามตำราจีนถือว่าเป็นสัตว์ประเสริฐเป็นมงคล ดังนั้น ท่านผู้รู้หลายท่านจึงลงความเห็นว่า เขาธงชัย เป็นสถานที่อันเหมาะสมที่จะสร้างปูชนียสถานถวายแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ซึ่งก็คือ พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ และ พระพุทธกิติสิริชัย นั่นเอง

ขอบคุณข้อมูลจาก kapook.com

 

หาดไม่ค่อยจะสะอาดนัก มีเศษขยะ ขวดพลาสติกมากมาย

 

และมีสาหร่ายทะเลขึ้นมากองอยู่เต็มหาด

 

สาหร่ายทะเลอีกแบบ ดูเหมือนกับพลาสติก แต่ก็สวยดี ทำให้อ้อยหวานเริ่มสนใจเก็บภาพสาหร่ายทะเลหลังจากนั้น

 

เขาธงชัยและพระพุทธกิติสิริชัย มองจากหาดบ้านกรูด

 

หาดบ้านกรูดมีที่พักอยู่หลายแห่ง มีตั้งแต่โรงแรมที่มีดาวหลายดวง

 

ไปจนถึงรีสอร์ทมีดาวน้อยดวง แต่เหลือตังส์ในกระเป๋าเราเยอะกว่า

 

หลังข้าวเที่ยง+เย็น ก็นี่เลย ‘ส้มโออัมพวา’ ที่ลุงแป้ะและครอบครัวขนใส่รถกระบะมาขายริมหาดบ้านกรูด ปอกขายกันสดๆร้อนๆ เราอุดหนุนไป 3 เพ็ค หวานกรอบอร่อย ขายดีมากๆ ปอกกันแทบไม่ทัน

 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่องชีวิตคือการเดินทาง ในตอนต่อไป

 

อ่านชีวิตคือการเดินทาง ตอนแรกๆ ได้ที่นี่่ค่ะ

ชีวิตคือการเดินทาง

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ทำไมต้องท่องเที่ยว

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ฉันรักสวนลุม

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน มีรักที่ราชบุรี

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดับเบิ้ลดีที่อัมพวา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ทะเล หาดทราย สายลม และสองเรา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน หัวหิน..ไม่สิ้นเสน่หา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ปั่นช้าๆ ตาม..เสียงเกลียวคลื่นและกลิ่นไอทะเล

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

 

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดั่งหนึ่งเม็ดทราย

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

"การเดินทางท่องเที่ยว ทำให้เรารู้สึกเล็กลง เพราะเราได้เรียนรู้ว่า พื้นที่ที่เรายืนอยู่ มันเป็นเพียงจุดเล็กๆ จุดหนึ่งของโลก”

 “Travel makes one modest. You see what a tiny place you occupy in the world.” – ― Gustave Flaubert

ยิ่งเดินทางท่องเที่ยวไปกว้างไกลเท่าไร เรายิ่งเรียนรู้ว่าเรานั้นเล็กกระจ้อยร่อย การเดินทางท่องเที่ยวทำให้เราเรียนรู้โลก  อย่างที่บางคนพูดว่า ‘เปิดหู เปิดตา’ อ้อยหวานขอเสริมอีกนิดคือ ‘เปิดใจ’ ยิ่งท่องไปยิ่งทำให้รู้ว่า ตัวเรานั้นไม่ใหญ่เลย เปรียบดั่งเม็ดทรายบนชายหาด..

 

เช้านี้เราออกกันสายหน่อย เพราะอยากจะเก็บภาพที่ระลึกภาพนี้ อากาศริมทะเลยามเช้าสดใส ทะเลมีคลื่นน้อยๆ ไม่ซัดโถมเข้าฝั่งอย่างเมื่อวานนี้

 

ปั่นไปได้หน่อยก็มาเจอหาดสวย แต่.. บางคนก็ยังคิดว่าตัวเองใหญ่ ถือว่าตนเป็นเจ้าของเม็ดทรายทั้งหาด ติดป้ายไว้ตลอดแนว ว่านี่คือหาดส่วนตัว ตกแต่ง ทำความสะอาดไว้อย่างดี แต่ดูเหมือนสาวสวยที่แล้งน้ำใจ

 

ดูดิป้ายหาดส่วนตัวติดไว้ตลอดแนว ไม่รู้ว่ามาเล่นน้ำทะเลตรงนั้นได้ป่าว ยังดีที่ไม่ปิดถนนไปเสียด้วย

 

เวลาปั่นจักรยานเที่ยวเหลือน้อยเต็มที เราเลยต้องเลือกเส้นทางที่เราอยากปั่นจริงๆ เส้นทางของวันนี้ ถนนเลียบชายฝั่งทะเลหาดบ้านกรูด-บางสะพาน มีระยะทางประมาณ 25 กิโลเมตร จากบางสะพานเราก็ต้องมุ่งตรงไปที่ถนนเพชรเกษม ซึ่งมีระยะทางประมาณ 13 กิโลเมตร เพื่อโบกรถเมล์ไปยังสุราษฎร์ธานี

 

ถนนเลียบชายฝั่งทะเลหาดบ้านกรูด-บางสะพานนั้นเรืองชื่อในหมู่นักปั่นต่างชาติ ว่าเป็นถนนที่สวยและเงียบสงบ แล้วก็จริงอย่างที่เขาลือกัน

 

โค้งแล้วโค้งเล่า อ้อยหวานต้องหยุดถ่ายรูปไปตลอดทาง ผู้ร่วมทางก็แสนดีจอดรอตลอดทาง วิวสวย บรรยากาศดี ดอกไม้ริมทางพรึบพรับ

 

พวงชมพูออกดอกดกพราวทั้งๆ ที่ช่วงนั้นอากาศแล้งมาก แล้วไม่ใช่ต้นเดียวนะ มีอยู่หลายหย่อมเลยละ

 

บางช่วงก็เรียงรายด้วยต้นสน ช่วงนี้ชายหาดและทะเลจะอยู่ต่ำกว่าถนน

 

บางช่วงก็เปิดกว้าง มองเห็นทะเลสุดสายตา ดูเหมือนว่าน้ำกับฟ้าบรรจบกัน

 

บางช่วงก็ได้เห็น (และได้กลิ่น) วิถีชีวิตของท้องถิ่น

 

จากบางสะพานเราปั่นบนถนนทางหลวงซึ่งมีรถไม่มากนัก เพื่อไปโบกรถที่ถนนเพชรเกษม เราต้องต่อรถถึงสองต่อ ไปถึงสุราษฎร์ธานีเกือบค่ำ คราวนี้เราเลือกรถคันใหญ่หน่อย จักรยานเลยมีที่นั่งของตัวเอง

 

เส้นทางที่เราอยากปั่นจักรยานเที่ยวอีกแห่งคือ เส้นทางระหว่างดอนสัก (สุราษฎร์ธานี) กับขนอม (นครศรีธรรมราช) วันรุ่งขึ้นเราจึงขนจักรยานขึ้นรถเมล์อีกครั้ง ไปที่เริ่มปั่นที่เขตรอยต่อระหว่างดอนสักกับขนอม

 

แล้วปั่นไปตามถนนสายเล็กๆ ที่มีรถน้อย คดโค้ง ขึ้นลงเนิน โอบล้อมไปด้วยเทือกเขา อุดมไปด้วยไร่สวนนานาชนิด

 

มองไปทางไหนก็เขียวขจี เราจึงแวะถ่ายรูปกันบ่อย เจอสวนยาง สวนปาล์ม หรือสวนอะไร ก็แวะไปเรื่อยๆ

 

เจอไร่แตงกวาก็จอดอีก กำลังแพคใส่ถุงกันอยู่ เห็นบอกว่าแต่ละวันเก็บขายได้หลายกิโล

 

จอดทุกที่ที่ใจอยาก วัดจีนที่อำเภอขนอม สีสันสดใสมาก

 

เราแวะค้างคืนกันที่อ่าวขนอม

**********

อ่าวขนอม เป็นอ่าวที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาอ่าวต่างๆ ของอำเภอขนอม อยู่ห่างจากตัวอำเภอ ประมาณ 1.5 กิโลเมตร สามารถเดินทางโดยทางหลวงหมายเลข 4014 แยกจากทางหลวงสาย 401 ประมาณ 17 กิโลเมตร ผ่านตลาดสุขาภิบาลขนอมประมาณ 1 กิโลเมตร จากนั้นจึงเลี้ยวขวาไปตามตัวหาดขนอม หาดขนอมนั้นเป็นชายฝั่งทะเลที่สวยงามยาวติดต่อกัน ซึ่งประกอบไปด้วย

หาดในเพลา เป็นหาดที่ใหญ่ที่สุดของอำเภอขนอม และเป็นจุดที่เด่นที่สุดในการท่องเที่ยว ลักษณะหาดเป็นแนวยาวโค้งขนานกับแนวภูเขา ทัศนียภาพโดยรอบมีความเป็นธรรมชาติที่งดงาม หาดทรายขาวสะอาดเหมาะสำหรับเล่นน้ำ บริเวณหาดจะมีที่พัก ร้านอาหาร บริการนักท่องเที่ยว

หาดหน้าด่าน ลักษณะหาดเป็นแนวยาว ทรายขาว มีสวนมะพร้าวโดยรอบ สถานที่เงียบสงบสามารถมองทิวทัศน์ท้องทะเลสีครามสวยงาม

หาดในแปรด ลักษณะหาดเป็นแนวยาวโค้งสวยงาม บริเวณชายหาดมีโขดหินสลับบางแห่ง อยู่ระหว่างหาดหน้าด่านและหาดในเพลา เป็นอีกหาดที่มีความร่มรื่นของธรรมชาติที่ประทับใจผู้มาเยือน

ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.oceansmile.com/S/Nakhonsitammarat/Nakhon5.htm

 

เป็นหาดที่กว้าง ยาว และมีทรายขาวเม็ดละเอียด แต่มีเศษขยะเยอะไปหน่อย ถ้ามีการจัดการเก็บขยะกัน ก็จะเป็นหาดที่สวยมาก

 

ขนอมเป็นจุดสุดท้ายสำหรับการปั่นจักรยานเที่ยวทางไกลและต่อเนื่องของเรา หลังจากนี้เราก็ยังปั่นจักรยานเที่ยว แต่เป็นแบบช่วงๆ ไม่ต่อเนื่อง และปั่นจักรยานเปล่าๆ ไม่มีกระเป๋า

 

รุ่งขึ้นเราก็ขนจักรยานขึ้นรถเมล์กันอีกครั้ง มุ่งตรงสู่นครศรีธรรมราช ทันเวลาฉลองตรุษจีนกับพ่อแม่และญาติๆ

 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่องชีวิตคือการเดินทาง ในตอนต่อไป

 

 

อ่านชีวิตคือการเดินทาง ตอนแรกๆ ได้ที่นี่่ค่ะ

ชีวิตคือการเดินทาง

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ทำไมต้องท่องเที่ยว

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ฉันรักสวนลุม

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน มีรักที่ราชบุรี

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดับเบิ้ลดีที่อัมพวา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ทะเล หาดทราย สายลม และสองเรา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน หัวหิน..ไม่สิ้นเสน่หา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน หากเธอคือฟ้า ฉันจะเป็นทะเล

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ปั่นช้าๆ ตาม..เสียงเกลียวคลื่นและกลิ่นไอทะเล

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ปั่นตามใจ ไปตามฝัน

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน สุขใจ@นครศรีธรรมราช

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

สุขสันต์ปีมะแม

บล็อกนี้แม้ว่าจะมาสายไปนิด แต่ขออวยพรให้เพื่อนมีแต่ความสุข ทั้งสุขกาย และที่สำคัญคือ  ‘สุขใจ’

วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือที่เราเรียกกันสั้นๆว่า วัดพระธาตุ ในวันนี้กำลังอยู่ในระหว่างบูรณะ อ้อยหวานเลยต้องเอารูปเก่า ที่ถ่ายเก็บไว้ตั้งแต่ปี 2513 มาลงแทน

 

นครศรีธรรมราชเป็นบ้านเกิดของอ้อยหวาน แม้นจะจากบ้านไปเรียนหนังสือที่กรุงเทพตั้งแต่สิบขวบ เรียนจบ พบรัก และย้ายถิ่นฐานไปอยู่ไกลแสนไกล

 

แต่อ้อยหวานก็ยังเป็น ‘เด็กเมืองคอน’ ความผูกพันนั้นไม่เคยเสื่อมคลาย คราวนี้อ้อยหวานกลับมาอยู่บ้านสองอาทิตย์กว่า ก่อนคุณผู้ชายจะมาสมทบ ได้ปั่นจักรยานรอบๆ  เมืองคอนเช่นเคย ดังที่เขียนไว้ในบล็อกเก่า

ปั่นจักรยานเที่ยวไทยไปได้ค่ะ ตอน ฉันรัก..เมืองคอน

ปั่นจักรยานเที่ยวไทยไปได้ค่ะ ตอน สวยจัง..เมืองคอน

*********************

จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นจังหวัดในประเทศไทย มีประชากรมากที่สุดในภาคใต้ และ มีขนาดพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของภาคใต้ (รองจากสุราษฎร์ธานี) ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 780 กิโลเมตร มีจังหวัดที่อยู่ติดกันได้แก่ สงขลา พัทลุง ตรัง กระบี่ และสุราษฎร์ธานี

ในอดีต มีชื่อเรียกดินแดนแถบนี้หลายชื่อ เช่น ในคัมภีร์มหานิเทศของอินเดีย ที่เขียนขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 7-8 เรียกว่า "ตามพรลิงก์", บันทึกโบราณของเมืองจีนเรียก "เซี้ยะ-โท้ว(ถู-กวั่ว)", "รักตะมฤติกา"(จารึกภาษาสันสกฤต) ซึ่งล้วนหมายถึง "ดินแดนที่มีดินสีแดง", ตะวันตกนิยมเรียกกันมา จนกระทั่งต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 คือ "ลิกอร์"สันนิษฐานว่าชาวโปรตุเกสที่เข้ามาติดต่อค้าขายในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น เป็นผู้เรียกก่อน โดยเพี้ยนมาจากคำว่า "นคร"ส่วนชื่อ "นครศรีธรรมราช"มาจากพระนามของกษัตริย์ผู้ครองนครในอดีต มีพระนามว่า "พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช" (ราชวงศ์ศรีธรรมาโศกราช) มีความหมายว่า "นครอันเป็นสง่าแห่งพระราชาผู้ทรงธรรม"หรือ "เมืองแห่งพุทธธรรมของพระราชาผู้ยิ่งใหญ่"

ขอบคุณข้อมูลจากวิกิพีเดีย

 

บล็อกนี้ขอเอาภาพบรรยากาศงานฉลองเทศกาลตรุษจีน 2015 ของนครศรีธรรมราช มาให้ชมกัน ภาพอาจจะไม่ชัดนัก เพราะคนเยอะมาก

 

มีการปิดถนน กางโต๊ะกินกันกลางถนนเลย ของกินเยอะมากๆๆ

 

มีอะไรบ้าง มาดูกัน..

 

ผัดไทยเมืองลุง

 

ยำไข่แมงดาทะเล

 

ซูชิแบบไทยๆ

อ้อยหวานไม่สามารถเอาของกินมาให้ชมได้หมด เพราะเยอะมากจริงๆ

 

มีการไหว้เจ้าเพื่อเป็นศิริมงคล

 

บนเวทีก็มีโชว์ต่างๆ ให้ชม และที่สนุกสุดๆ คือ เพลงลูกทุ่งที่มีหางเครื่องมาเต้นประกอบ เต้นโชว์กันสุดเหวี่ยง

 

เช้าอีกวันเราขนจักรยานขึ้นรถเมล์ไปที่ปากพนัง แล้วเริ่มปั่นหลังจากข้ามแม่น้ำปากพนัง จุดหมายคือแหลมตะลุมพุก ไปกลับก็ห้าสิบกว่ากิโล หลายปีมาแล้วอ้อยหวานปั่นจากบ้านไปปากพนัง ดูได้ที่นี่แต่ตอนนี้ถนนสายนี้เปลี่ยนไป กำลังจะเป็นถนนใหญ่สี่เลนท์ ต้นไม้ใหญ่ที่เคยให้ร่มเงาแก่ผู้สัญจรไปมา ถูกตัดจนเกลี้ยง อ้อยหวานหวั่นใจกับอนาคตของบ้านไม้เก่าๆ สวยๆ หลายหลังที่เรียงรายอยู่บนถนนไปยังปากพนังสายนี้ มนุษย์เราต้องแลกหลายสิ่งหลายอย่างที่สวยงาม เพื่อความเจริญสู่ท้องถิ่น น่าเสียดายจริงๆ

 

ปากพนังวันนี้ยังสดใส

 

คอนโดนกนางแอ่น ยังยืนเรียงรายสองฝากฝั่งแม่น้ำปากพนัง

*************************

ตำนานคอนโดนกนางแอ่น ได้เริ่มที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ณริมฝั่งแม่น้ำปากพนัง ซึ่งมีคอนโดนกนางแอ่นไม่ต่ำ 100 แห่ง สร้างธุรกิจมูลค่ามหาศาลจากการจำหน่ายรังนกแต่ปัจจุบันประชากรนกนางแอ่นที่นั้นได้ลดลงแล้ว ทำให้ไม่มีการลงทุนเพิ่ม

แสงสุดท้ายของวันที่สาดกระทบแม่น้ำปากพนัง สะท้อนภาพคอนโนนกนางแอ่น ที่เรียงรายอยู่ทั้ง 2ฝั่งของแม่น้ำสายสำคัญ ในจังหวัดนครศรีธรรมราช บ่งชี้ถือการเป็นสถานที่แห่งแรกของประเทศไทย ที่เป็นเจ้าตำนานการทำธุรกิจคอนโดนกนางแอ่น ทุกเช้าค่ำคนที่นี้ได้เห็นและได้ยินเสียงนกนางแอ่นเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของ ชีวิต

ตำนานธุรกิจคอนโดนกนางแอ่นปากพนัง เริ่มจากตึกแถวเก่า 5 คูหา 3 ชั้นมีอายุเกือบ 100 ปีที่กำลังเห็นอยู่นี้ละค่ะ ถือว่าเป็นบ้านนกหลังแรกของปากพนังค่ะ หลังจากที่นกนางแอ่นเข้ามาอาศัยอยู่เจ้าของจึงหันมาจำหน่ายรังนกอย่างจริง จัง ซึ่งปัจจุบันเป็นที่รู้กันว่าเจ้าของกลายเป็นเศรษฐีมาหลาย10 ปีแล้ว ซึ่งจากจุดเริ่มต้น ทำให้ธุรกิจนี้แผ่กระจายมากขึ้น และทำกันมาต่อเนื่องมากกว่า 50 ปี แต่ที่บูมมากที่สุดจนมีการขออนุญาตการก่อสร้างตึกเพื่อเป็นคอนโดนกมีมาก ตั้งแต่เมื่อ 10 ที่แล้ว ทำให้ปัจจุบันมีคอนโดนกอยู่ที่ปากพนังประมาณ 150 คอนโด ซึ่งเกือบทั้งหมดอยู่บริเวณริมฝั่งหรือไม่ไกลจากแม่น้ำปากพนังมากนัก เพราะนกนางแอ่นหากินตามแหล่งน้ำ แต่สถานการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้น ณ ตอนนี้ นายกเทศมนตรีเมืองปากพนัง เล่าได้ฟังว่าอาจจะถึงจุดอิ่มตัวของธุรกิจ เพราะในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาไม่มีการของอนุญาตก่อสร้างอาคารสูง หรือคอนโดนกเพิ่มอีก

สอดคล้องกับเจ้าของธุรกิจรังนกปากพนัง ที่เล่าให้ทีมข่าววอยซ์ ทีวีฟังว่าขณะนี้ประชากรน้อยนางแอ่นลดน้อยลง เห็นได้ชัดจากหลังเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ ทำให้นกย้ายถิ่นไปเป็นจำนวนมาก ทำให้ไม่มีใครมาลงทุนเพิ่ม ส่วนผู้ที่ลงทุนทำคอนโนนกอยู่แล้ว ส่วนใหญ่ 80 เปอร์เซ็นต์จะเป็นคนในพื้นที่ และมีต่างชาติเช่นมาเลเซีย และอินโดนีเซียมารวมลงทุนด้วยเล็กน้อย แต่รังนกปากพนังก็ยังเป็นสิ่งที่ตลาดต้องการ มีเท่าไรก็ขายได้หมด และมีพ่อค้ามารับซื้อทุกวัน

สำหรับเคล็ดลับที่ทำให้รังนกมีราคาสูงขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 70,000 บาท จากเดิมที่เป็นรังดิบ มีขนนกสีดำติดมาด้วย ซึ่งจำหน่ายได้ในกิโลกรัมละ 40,000 บาท คือการคัดแยกรังนกออกมาที่ละเส้น ด้วยการนำรังนกดิบไปแช่น้ำและนำส่วนที่เป็นขนนกออก จากการยืนดูอยู่นาน ยืนยันค่ะว่างานนี้ยากจริง ๆ เพราะมองด้วยตาเปล่าแทบจะไม่เห็นอยู่แล้ว ซึ่งหลังจากแยกเสร็จ ก็จะนำมาก่อรังใหม่เป็นรังขาวน่ารับประทานแบบนี้

ธุรกิจคอนโดนกนางแอ่นปากพนังในปัจจุบัน แม้จะไม่บูมเหมือนที่ผ่านมา แต่ก็ยังเป็นแหล่งรายได้และสัญลักษณ์ที่สำคัญของที่นี

ขอบคุณข้อมูลจาก ย้อนรอยตำนานคอนโดนกปากพนัง โดยอัจฉราวรรณ์ สุวรรณสมบัติ

 

แม่น้ำปากพนังนอกจากจะเรียงไปด้วยคอนโดนกนางแอ่นแล้ว ยังมีบ้านริมน้ำเก่าๆให้ชมอีกด้วย

 

เราไม่ได้แวะตลาด เพราะระยะทางวันนี้ยังยาวไกล และอาจจะต้องปั่นกลางแดดที่แผดเผา

 

เราปั่นออกจากปากพนัง ผ่านถนนหลังที่ร่มรื่น

 

แต่พอออกมาเจอถนนใหญ่อีกด้าน ความร่มรื่นก็หายไป มีแต่นากุ้ง นากุ้ง และนากุ้งเรียงรายไปตลอดสาย หาเงาไม้ไม่ได้เลย สายหน่อยแดดก็ร้อนแรง

 

แหลมตะลุมพุกวันนี้ ค่อนข้างจะผิดหวัง สกปรกมาก ถึงมากที่สุด อ้อยหวานยกกล้องถ่ายรูปนี้ได้รูปเดียว เพราะดูดีที่สุด แล้วเราหันหลังกลับ ปั่นจักรยานไปบนเส้นทางเดิม กลับไปปากพนัง

 

ใช้เวลาก่อนขึ้นเรือข้ามฟาก ถ่ายรูปแม่น้ำปากพนังที่งดงาม

 

เรียงรายไปด้วยบ้านไม้เก่าแก่ แต่จะคงอยู่ที่นี่อีกนานเท่าไร?

 

เราเดินทางเพื่อ... ค้นหาตัวเอง

เราเดินทางเพื่อ...เปิดตาเปิดใจให้เรียนรู้โลก

เราเดินทางเพื่อ...ชะลอเวลา…และซึมซับโลกที่สวยงาม

 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่องชีวิตคือการเดินทาง ในตอนต่อไป

 

อ่านชีวิตคือการเดินทาง ตอนแรกๆ ได้ที่นี่่ค่ะ

ชีวิตคือการเดินทาง

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ทำไมต้องท่องเที่ยว

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ฉันรักสวนลุม

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน มีรักที่ราชบุรี

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดับเบิ้ลดีที่อัมพวา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ทะเล หาดทราย สายลม และสองเรา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน หัวหิน..ไม่สิ้นเสน่หา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน หากเธอคือฟ้า ฉันจะเป็นทะเล

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ปั่นช้าๆ ตาม..เสียงเกลียวคลื่นและกลิ่นไอทะเล

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ปั่นตามใจ ไปตามฝัน

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดั่งหนึ่งเม็ดทราย

 

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน เที่ยวเมืองลุง ไม่ยุ่งหัวใจ

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

เหตุผลอีกอย่างที่อ้อยหวานเร่งเขียนบล็อกติดๆ กันเกือบทุกวัน จนแฟนบล็อกตามไม่ทัน คือ อยากเขียนบล็อกนี้  พัทลุงอยู่ใกล้ๆ ติดกันกับนครศรีธรรมราช แต่อ้อยหวานไม่เคยแวะเที่ยว ผ่านไปมาทุกครั้งไปที่เยี่ยมน้องสาวที่หาดใหญ่ ก็ผ่านเลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุอันใด? ทั้งๆ ที่พัทลุงก็มีที่เที่ยวสวยๆ มากมาย

 

จนกระทั่งเขียนบล็อก ฟ้าสางที่..เกาะยอตั้งแต่ปลายปี 2013 และก็มี คนเมืองลุงมาเขียนโน๊ตทิ้งไว้ไว้ดังนี้

…เที่ยวหน้าปั่นมาที่สะพานยกระดับ ระโนด ทะเลน้อย ได้อารมณ์ นก ควายเล เลสาบสงขลา

อีกทริปหนึ่ง รอบเกาะใหญ่ กระแสสินธิ์

อ้อยหวานถึงกับร้อง..โอ้.. ที่แห่งนั้นคือ..หนใด? หลังจากเปิดดูหาข้อมูล อ้อยหวานก็รู้ว่าสถานที่แห่งนี้แหละ ฉันจะต้องไป ‘ปั่น’  ขอบคุณมากค่ะคุณหยอย

 

อ้อยหวานปักหมุดไว้ที่เมืองลุงมาหนึ่งปี กลับเมืองไทยคราวนี้จึงชวนคุณผู้ชายและน้องสาวขนจักรยานใส่รถมุ่งหน้าไปทะเลน้อย พัทลุง

***********************

พัทลุง เมืองลุง หรือเมืองอกทะลุ คืออีกหนึ่งจังหวัดของภาคใต้ มีฐานะเป็นเมืองต้นกำเนิดศิลปะการแสดงที่ขึ้นชื่อ คือ มโนห์ราและหนังตะลุง ซึ่งตกทอดเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของภาคใต้มาเนิ่นนานนอกจากศิลปวัฒนธรรมชัดเจนของชาวใต้ที่ปรากฏในพัทลุงแล้ว แหล่งธรรมชาติสำคัญระดับประเทศ คือทะเลน้อย พื้นที่ชุ่มน้ำและทะเลสาบน้ำจืด อันเป็นแหล่งอาศัยของนกน้ำหลากหลายพันธุ์ ก็ตั้งอยู่ในจังหวัดนี้ ความสำคัญของทะเลน้อยคือส่วนหนึ่งของพื้นที่ชุ่มน้ำแห่งนี้ คือพรุควนขี้เสียน ได้รับการประกาศเป็นเขตพื้นที่ชุ่มน้ำระดับโลกแห่งแรกของไทยไม่เพียงเท่านั้น พัทลุงยังมีสายธารน้ำตกอีกมากมายเรียงรายอยู่บนเส้นทางพัทลุง-ตรัง ซึ่งบ่งบอกถึงความสมบูรณ์ของผืนป่าต้นน้ำลำธารในจังหวัดนี้ได้อย่างชัดเจน

ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการล่องเรือในทะเลน้อยคือเดือนตุลาคม-มีนาคม เพราะมีนกอพยพหลายชนิดมาอาศัยอยู่ ช่วงนี้จึงได้เห็นทั้งนกประจำถิ่นและนกอพยพ ควรจะล่องเรือในช่วงเช้า เวลา 06.00-08.00 นาฬิกา เพราะถ้าไปหลังจากนี้ ดอกบัวจะหุบหมด

ขอบคุณข้อมูลจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (Tourism Thailand)

 

แล้วไม่ผิดหวังเลย ทะเลน้อยนั้นสวยจริง  อ้อยหวานไม่ได้นั่งเรือล่องทะเลสาบ เพราะทนเสียงแผดร้องของเรือหางยาวไม่ไหว (ไม่รู้ว่านกต่างๆ ทนได้อย่างไร!!) อีกอย่างหนึ่งอ้อยหวานมีทางเลือกที่ดี และเงียบกว่าคือ ปั่นจักรยานชมทะเลน้อยบนทางยกระดับบ้านไสกลิ้ง – บ้านหัวป่า หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ทางยกระดับเฉลิมพระเกียรติ

เราตื่นกันแต่เช้าปั่นออกจากที่พักซึ่งอยู่ตรงช่วงต้นของทางยกระดับเฉลิมพระเกียรติฝั่งอ.ควนขนุน จ.พัทลุง ไปจนสุดทางทางยกระดับที่อ.ระโนด จ.สงขลา เป็นระยะทาง 16 กิโลเมตร อากาศในตอนเช้าสดชื่น เงียบสงบ พระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า เพิ่มความงดงามให้แก่ทะเลน้อย แสงเช้าดูเหมือนกับเพิ่มพลังให้ทุกชีวิต นกหลากหลายชนิด และควายเลพากันออกหากิน

 

วันนี้เป็นวันอาทิตย์จึงมีผู้ร่วมทางพอสมควร

 

กลุ่มนี้ปั่นมาจากระโนด หยุดถ่ายรูปหมู่ เลยมีคนทำตัวเนียนร่วมถ่ายรูปด้วย

 

น้องสาวของอ้อยหวานไม่เคยปั่นจักรยานเที่ยวมาก่อน แต่เธอก็ปั่นไป-กลับได้อย่างสบาย

 

เราชื่นมื่นกันมาก เส้นทางสวย บรรยากาศดี วิวเป็นเลิศ ปั่นจักรยานเที่ยวเป็นการเที่ยวที่วิเศษสุดจริงๆ ไร้มลพิษ ไร้เสียงรบกวน ผ่านมาและจากไปไม่ทิ้งร่องรอย

 

ปั่นจักรยานก็มีนก มี "ควายน้ำ"ให้ชม ไม่ต้องล่องเรือ

********************

ชาวบ้านทะเลน้อยนำควายมาเลี้ยงในพื้นที่นานกว่า 100 ปีมาแล้ว เป็นการปล่อยออกไปกินหญ้าเองตามทุ่งหญ้าขนาดใหญ่เหมือนชาวบ้านในพื้นที่อื่น แต่ด้วยสภาพภูมิศาสตร์ของทะเลน้อย ทำให้ในช่วงฤดูน้ำหลาก ทุ่งหญ้าที่เป็นแหล่งหากินของควายต้องจมอยู่ใต้ผืนน้ำเป็นเวลา 5 เดือนใน 1 ปี ส่งผลให้ควายต้องปรับตัวอาศัยหากิน ด้วยการว่ายน้ำเป็นระยะทางไกล เพื่อดำน้ำลงไปกินหญ้าที่จมอยู่ใต้น้ำ บางตัวสามารถดำน้ำได้นานจะมุดหัวลงน้ำ เท้าหลังชี้ขึ้นฟ้ากินหญ้าน้ำได้คราวละ หลายนาที ส่วนลูกควายตัวเล็กจะดำน้ำลงไปทั้งตัว เป็นภาพที่ชาวทะเลน้อยเห็นชินตามาหลายชั่วอายุคน จนเรียกขานควายในทะเลน้อยว่า "ควายน้ำ"ตามลักษณะการหากิน

แต่เดิมเป็นควายบ้านที่ชาวบ้านนำมาเลี้ยงแบบปล่อยทุ่งให้หากินหญ้ากันเอง ทำให้มีการผสมพันธุ์กันเองตามธรรมชาติ จนประชากรควายเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก และมีวิถีชีวิตคล้ายควายป่าโดยควายน้ำแต่ละฝูงจะมีขนาดเล็กใหญ่ตั้งแต่ ฝูงละ 5 - 6 ตัว ไปจนถึงฝูงใหญ่เกือบ 100 ตัว มีจ่าฝูงคอยควบคุมพาฝูงออกจากคอกไปหากินในทุกเช้า และกลับเข้าคอกเองในช่วงเย็น บางฝูงอาศัยนอนตามโคกเนิน หรือเกาะแก่งกลางน้ำ

ขอบคุณข้อมูลจาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

 

ดูกันชัดๆ "ควายน้ำ"ของทะเลน้อย

 

หลังจากทางยกระดับเฉลิมพระเกียรติ เราเอาจักรยานขึ้นรถเร่งรีบออกเดินทางไปยังจุดหมายต่อไป ‘อุทยานนกน้ำทะเลน้อย’ ที่จริงเราแวะชมอุทยานในตอนบ่ายของวันวาน แต่ดอกบัวหุบหมด มาตอนเช้าสาวเจ้าถึงจะเบ่งบาน

***************************

อุทยานนกน้ำทะเลน้อย เป็นอุทยานนกน้ำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 4048 จากอำเภอเมืองพัทลุง-อำเภอควนขนุน ไปสุดที่ทะเลน้อย ระยะทาง 32 กม. ทางราดยางตลอดทั้งสาย เป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่า มีพื้นที่ประมาณ 281,250 ไร่ โดยมีพื้นน้ำประมาณ 17,500 ไร่ อยู่บริเวณเหนือสุดของทะเลสาบสงขลา

ทะเลน้อยเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่มีนกอยู่มากมายกว่า 150 ชนิด จำนวนไม่ต่ำกว่า 100,000 ตัวนกที่มีมากได้แก่ นกอีโก้ง นกพริก นกเป็ดแดง นกเป็ดคับแค นกเป็ดผี นกกาบบัว นกอีล้ำ นกอีลุ้ม นกกะปูด นกนางนวล นกนางแอ่น นกยางเฟีย นกอัญชัญ นกกระสาแดง นกกระสานวล อีกา เหยี่ยวต่างๆ ฤดูกาลที่เหมาะที่สุดสำหรับการไปดูนก คือช่วงเดือนธันวาคมถึงเมษายน

นอกจากนกน้ำต่างๆ แล้ว ในทะเลน้อยยังมีพันธุ์ไม้หลายชนิด เช่น ย่านลิเภา จูดหนู แขม กก สามเหลี่ยม กง ลาโพ จูด บัวหลวง บัวสายแดง บา จอกหูหนู ผักตบชวา และสาหร่ายต่างๆ นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือไปชมนกได้จากท่าเรือทะเลน้อยและใกล้ที่ทำการอุทยาน มีเรือนพัก ไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วย โดยอยู่ในความดูแลของอุทยาน ติดต่อสอบถามรายละเอียด ได้ที่ กรมป่าไม้ กรุงเทพฯ โทร. 579-7223, 579-5734 หรือ โทร. (074) 614865

ขอบคุณข้อมูลจาก http://place.thai-tour.com/phatthalung/khuankhanun/2704

 

ชมพูสดสวย คงจะมีให้ชมอีกเมื่ออ้อยหวานเขียนบล็อกดอกไม้ริมทาง

 

เรือนพักของอุทยานนกน้ำทะเลน้อย สีชมพูเข้มของดอกบัวสะท้อนบนพื้นน้ำงดงามยิ่งนัก

 

จุดหมายต่อไปของเราคือบ้านนักเขียนกนกพงศ์ และ หลาดใต้โหนดที่จริงแล้วอ้อยหวานแวะไปที่บ้านนักเขียนกนกพงศ์ 2 ครั้ง ครั้งแรกไปวันธรรมดา และได้พบกับคุณนิยุติ สงสมพันธุ์ พี่ชายของคุณกนกพงศ์ สงสมพันธุ์ และได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี เสียดายที่อ้อยหวานมีปัญหาเรื่องการได้ยิน ข้อมูลทุกอย่างที่คุณนิยุติให้มา จึงคงอยู่ที่บ้านนักเขียนทุกถ้อยคำ

*******************

พี่ชาย “กนกพงศ์ สงสมพันธุ์” นักเขียนซีไรต์ เปิดบ้านกนกพงศ์เป็น “บ้านนักเขียน ห้องเรียนสีสันศิลปะ” รวบรวมเรื่องราว และผลงานของเหล่านักเขียนซีไรต์ เพื่อเปิดเป็นห้องสมุดให้แก่ชุมชน เพื่อศึกษางานวรรณกรรม เพลิดเพลินกับบรรยากาศท้องทุ่ง จิบกาแฟสด ต้องมนต์เสน่ห์แนวคันทรีๆ

บ้านนักเขียน ห้องเรียนสีสันศิลปะ เป็นบ้านนักเขียน “กนกพงศ์ สงสมพันธุ์” นักเขียนรางวัลซีไรต์ปี 39 ที่บ้านลำรุน ต.ดอนทราย อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ที่รวบรวมงานบทวรรณกรรม ของนักเขียนซีไรต์หนุ่มที่จากไปก่อนวัยอันควร เมื่อ ก.พ. ปี 49 หลังจากนั้นเกิด “กองทุนกนกพงศ์” จิตวิญญาณของเขาไม่เคยตาย

บนที่นา 8 ไร่ มีต้นตาลรายรอบ ถูกพลิกฟื้นให้มีชีวิตด้วยการสร้างอาคารแบบพื้นถิ่นอย่างประณีตศิลป์ไทย และบรรจุไว้ซึ่งจิตวิญญาณกนกพงศ์ เมื่อครั้งที่เขาดำรงอยู่ ณ หุบเขาฝนโปรยไพร พรมคีรี เมืองนครศรีธรรมราช บ้านกนกพงศ์ เปิดให้เป็นพื้นที่สาธารณะสำหรับผู้คนทั่วไป

ขอบคุณข้อมูลจาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

 

บรรยากาศรอบๆ บ้าน ร่มรื่น บรรยากาศดีจริงๆ

 

เวทีแสดงดนตรี ซึ่งจะมีการจัดแสดงคอนเสิร์ตเดือนละครั้ง?? (ไม่ทราบว่าถูกต้องหรือเปล่า)

 

มุม จิบน้ำชา กาแฟ สบายๆ

 

แวะไปที่บ้านนักเขียนกนกพงศ์ครั้งที่ 2 อ้อยหวานก็กะให้ตรงกับวันอาทิตย์ เพราะต้องการไปชม ‘หลาดใต้โหนด’ หลาดเพื่อคนรักสุขภาพ

 

ไปถึงตลาดกำลังคึกคัก มีของดีๆ ของหรอยๆ มากมาย

 

เราชิมไปหลายอย่าง เช่นขนมจีนแกงเห็ด? ที่มีเครื่องหมายคำถามเพราะไม่แน่ใจ คือกินลูกเดียว ไม่ได้ฟัง

 

ผ้าทอมือย้อมสีธรรมชาติน่าใช้มาก อ้อยหวานสอยมาหนึ่งผืน

 

และได้ของแถมถูกใจ ถุงผ้า ‘กินดีมีสุข’ ขอบคุณคุณหยอยมากค่ะ น้องสาวได้เสื้อน่าใส่ไปหลายตัวเป็นของฝากที่ถูกใจคนรับมากมาย

 

งานนี้มีเซอร์ไพรส์นอกจากจะได้พบกับคุณหยอยแล้ว อ้อยหวานยังได้พบกับน้องโสทร

 

และน้องแจ้ว ไม่ได้หวานเฉพาะยิ้มนะคะ กล้วยไข่ก็หวานและอร่อยมาก

 

ขอจบบล็อกด้วยภาพนี้  หวานจริงๆ (ยิ้ม)

จากนั้นเราก็รีบเบิ่งรถสู่ภูเก็ต ไปชมตลาดวันอาทิตย์ของเมืองภูเก็ต บล็อกหน้าค่ะ

 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่องชีวิตคือการเดินทาง ในตอนต่อไป

 

 

อ่านชีวิตคือการเดินทาง ตอนแรกๆ ได้ที่นี่่ค่ะ

ชีวิตคือการเดินทาง

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ทำไมต้องท่องเที่ยว

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ฉันรักสวนลุม

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน มีรักที่ราชบุรี

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดับเบิ้ลดีที่อัมพวา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ทะเล หาดทราย สายลม และสองเรา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน หัวหิน..ไม่สิ้นเสน่หา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน หากเธอคือฟ้า ฉันจะเป็นทะเล

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ปั่นช้าๆ ตาม..เสียงเกลียวคลื่นและกลิ่นไอทะเล

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ปั่นตามใจ ไปตามฝัน

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดั่งหนึ่งเม็ดทราย

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน สุขใจ@นครศรีธรรมราช

 

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

 

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน วันฟ้าใส..ในภูเก็ต

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

ทุกครั้งที่อ้อยหวานกลับเมืองไทย จะไม่เคยพลาดหยุดแวะที่ภูเก็ต เพราะอ้อยหวานมีน้องๆ อยู่ที่ภูเก็ตหลายคน ภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีสถานที่เที่ยวหลากหลาย ไม่ว่าใครชอบอะไร ภูเก็ตก็มีให้ทุกอย่าง

ตั้งแต่ชายหาดสวยๆ แหล่งช็อปปิ้งดีๆ ของกินอร่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหารท้องถิ่นภูเก็ต อาหารท้องถิ่นปักษ์ใต้ อาหารทะเล หรืออาหารนานาชาติ ภูเก็ตก็มีให้เลือกกินตามชอบ อ้อยหวานและคุณผู้ชายที่บ้านชอบอาหารปักษ์ใต้และอาหารไทย และได้ไปนั่งทานที่ร้าน กับข้าวไทยอาหารอร่อยบรรยากาศดี

ภูเก็ตมีที่เที่ยวที่ถูกใจคนทั้งครอบครัว ตอนที่ลูกยังเล็กๆ โปรแกรมที่พลาดไม่ได้คือขี่ช้าง (ในสวนยาง) และป้อนนมลูกเสือ (ที่ภูเก็ตแฟนตาซี) ภูเก็ตมีกิจกรรมไว้ครบถ้วนสำหรับทุกคน ส่วนคนที่ชอบปั่นจักรยานเที่ยวอย่างอ้อยหวาน ภูเก็ตก็มีสวยๆ ให้ปั่นเที่ยว

 

ออกจาก‘หลาดใต้โหนด’ พัทลุงเราก็รีบเบิ่งรถสู่ภูเก็ต เพื่อไปชมตลาดวันอาทิตย์ของเมืองภูเก็ต ไปถึงถนนคนเดินภูเก็ต ‘หลาดใหญ่’ กำลังคึกคักเต็มไปด้วยแผงขายของ และคนเดิน  ‘หลาดใหญ่’ ตั้งอยู่ในทำเลที่ดี เป็นตลาดที่มีของหลายๆ ชนิด ทั้งเสื้อผ้า ของกิน ของทำมือ

*********************

แดดร่มลมตก ช่วงเย็นๆ ลองไปเดินเล่นแบบชิลชิล บนถนนถลาง อ.เมือ จ.ภูเก็ต กันมั้ย ที่ถนนถลาง ย่านเมืองเก่าภูเก็ตแห่งนี้ได้ถูกเนรมิตให้เป็น “ถนนคนเดิน หลาดใหญ่” ทุกเย็นของวันอาทิตย์

ย่านเมืองเก่าภูเก็ต เป็นย่านธุรกิจเก่าของภูเก็ตที่เคยคึกคักมากในยุคเหมืองแร่รุ่งเรือง แต่เมื่อการท่องเที่ยวเข้ามาแทนที่ ทำให้ย่านการค้าเมืองเก่าภูเก็ตซบเซาลงไป จากที่นักท่องเที่ยวและธุรกิจท่องเที่ยวอยู่ตามบริเวณชายหาดเกือบทั้งหมด

ชุมชนเมืองเก่าภูเก็ต (Old Phuket Town Community) จึงหยิบเอาเสน่ห์ความเป็นย่านเมืองเก่าบนถนนถลาง ที่งดงาม และโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีส และวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของภูเก็ตมาเป็นถนนคนเดิน เพื่อให้ถนนถลาง และย่านเมืองเก่ากลับมาคึกคักอีกครั้งทุกเย็นของวันอาทิตย์

ถนนถลางกลายเป็นถนนคนเดิน แหล่งรวมของการชอปปิ้งทุกรูปแบบ จุดนัดพบ จุดแสดงความสามารถด้านต่างๆ ของวัยรุ่นในยามเย็นของวันอาทิตย์ ตลอดทั้งสายของถนนถลาง ตั้งแต่หัวถนนถึงท้ายถนนเต็มไปด้วยพ่อค้าแม่ค้านำสินค้าเก๋ๆ แปลกๆ ใหม่ๆ มาวางจำหน่าย รวมทั้งอาหารการกิน ที่มีทั้งอาหารพื้นเมืองภูเก็ต ของกินเล่น และอาหารประเภทต่างๆ ทั้งคาว หวาน ให้เลือกมากมายแล้วแต่รสนิยมความชอบของแต่ละคน เสื้อผ้า งานศิลปะ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเปิดพื้นที่ให้กลุ่มวัยรุ่นได้แสดงความสามารถด้านดนตรี และงานศิลปะอีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

 

ที่อ้อยหวานชอบมากๆ คือ ได้เดินชมบ้านเก่าๆ ได้อย่างสบายอารมณ์ ไม่ต้องกังวลเรื่องรถรา

 

หน้าต่างสีสดใส

 

ยิ่งแดดร่ม ลมตก อาทิตย์คล้อย ผู้คนก็ยิ่งล้นหลาม ทำให้ถ่ายรูปได้ยาก ติดแต่หัวคนเดิน

 

น้ำสารพัดอย่าง น่าดื่มทุกอย่างเลย

 

คุณผู้ชายกำลังสะสมเสื้อยืดจักรยาน เลยได้ไปหลายตัว

 

ของทำมือ มีกันหลายเจ้า

 

กลุ่มนี้มานั่งวาดรูปสีน้ำ

 

ชุดย่าหย่าก็มีขาย

******************

“ชุดย่าหยา” เอกลักษณ์เครื่องแต่งกายสตรีภูเก็ต

เป็นชุดลำลอง ตัวเสื้อตัดด้วยผ้าลูกไม้หรือผ้าป่านรูเบีย แขนยาว เข้าเอวรัดรูป ปักลายฉลุทั้งที่คอเสื้อ ชายเสื้อ และปลายแขน ตัวเสื้อด้านหน้าปลายแหลมยาว ความยาวตัวเสื้อจะอยู่ระดับสะโพกบน ปกเสื้อด้านหน้าแบะออกสำหรับติดโกสังหรือกระดุมทองฝังเพชรที่ร้อยเชื่อมด้วย สร้อยทอง ส่วนผ้านุ่งปัจจุบันนิยมใช้ผ้าปาเต๊ะปักเลื่อม เพื่อสนับสนุนงานฝีมือของกลุ่มแม่บ้านในชุมชน

ย่าหยา หรือชาวจีนภูเก็ตเรียกว่า ปั่วตึ่งเต่ ที่แปลว่า ครึ่งสั้น ครึ่งยาว ชาวปีนังเรียกว่า ชุดเคบาย่า เป็นชุดการแต่งกายทางชาวพื้นเมืองดั้งเดิมภูเก็ต ปัจจุบันการแต่งกายชุดย่าหยา ถือว่าเป็นการแต่งกายที่งดงาม แสดงออกถึงความสวยงามของความเป็นกุลสตรีภูเก็ต ในงานสำคัญ ๆ เช่น งานบุญ งานประเพณีต่าง ๆ อาทิ งานแต่งงาน งานบวช งานประเพณีกินผัก งานวันปีใหม่ หรืองานตรุษสงกรานต์ จะมีโอกาสได้เห็นสตรีภูเก็ตแต่งกายชุดย่าหยา ที่งามสง่าน่าพิศ น่ามองเป็นที่ประทับใจยิ่งของผู้ได้พบเห็น

ย่าหยา แต่เดิมนั้น เป็นชุดแต่งกายของผู้หญิงชาวภูเก็ต ซึ่งปรับปรุงพัฒนามาจากชุดครุย ซึ่งเป็นชุดแต่งกายของเจ้าสาวในประเพณีดั้งเดิมของคนจีนที่มาตั้งรกรากถิ่น ฐานอยู่ในเกาะภูเก็ต ชุดครุยนั้น เป็นชุดที่ต้องสวมใส่หลายชั้น หลายชิ้น อาจไม่คล่องตัวและไม่เหมาะกับอากาศในบ้านเมืองแถบนี้ จึงมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการแต่งกายให้กระฉับกระเฉงและโปร่งสบายขึ้นตาม ความเหมาะสม หากแต่ยังคงความงามและสร้างเสน่ห์ให้ผู้สวมใสไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย

ขอบคุณข้อมูลจาก phuketindex.com

 

เที่ยวตลาดแล้ว ทีนี้ก็มาปั่นจักรยานเที่ยวภูเก็ตกัน ที่ปั่นจักรยานเที่ยวดีๆ ในภูเก็ตนั้นมีหลายแห่ง

 

เช่นที่เกาะสิเหร่ อ้อยหวานเคยเอามาให้ชมแล้ว ดูได้ที่นี่ค่ะ  สิเหร่ยังเหมือนเดิม มีแต่ไปรษณีย์ลิงอันนี้ที่มาเพิ่ม ไม่รู้ว่าน้องลิงที่อยู่แถวนั้นได้ใช้กันหรือเปล่า เพราะเดี๋ยวนี้เขาใช้ อีเมลกันทั้งนั้น

 

อีกวันหนึ่งเราปั่นจากโรงแรมชิโนเฮ้าส์ซึ่งอยู่ในตัวเมืองภูเก็ตไปยังหาดราไวย์ แหลมพรมเทพ และหาดในหาน เป็นระยะทาง 23 กิโลเมตร เราต้องปั่นบนถนนทางหลวงไปจนถึงหาดราไวย์ เช้าๆ รถยังไม่เยอะ แต่ขากลับเราต้องเอาจักรยานขึ้นรถกลับ เพราะรถเยอะมากๆ  หาดราไวย์มีเรือจอดอยู่เต็มเช่นเคย จากหาดราไวย์ไปก็ต้องมีการลงเข็นกันเล็กน้อย  หลังจากแหลมพรมเทพมีโหด แต่ก็ไม่ยากที่จะเข็น เราต้องเข็นขึ้นเขากันเกือบกิโล แต่ช่วงลงไปหาดในหานนั้น ยาวและสนุกมาก

 

หาดในหานมีบรรยากาศที่แตกต่างกับหาดราไวย์อย่างสิ้นเชิง เป็นหาดที่สวยมาก ทรายขาวละเอียด และไม่มีเก้าอี้ชายหาดมาทำลายวิวทิวทัศน์ อ้อยหวานเห็นฝรั่งหลายคนเดินเก็บขยะบนหาดกัน ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ดีมาก เมืองไทยถ้าหากจัดการกับพวกมักง่ายทิ้งขยะไม่เลือกที่ ก็คงจะดี

 

 ฟ้าใส..ในหาน

เห็นไหมหาดในหานสวยจริงๆ  !!

 

อีกแห่งที่น่าปั่นจักรยานเที่ยวคือ รอบอ่างเก็บน้ำบางวาด ถนนร่มรื่น เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่นานาชนิด ถนนรอบอ่างเก็บน้ำนี้เงียบสงบจริงๆ มีเสียงนกร้องให้ได้ยินตลอดทาง

 

ระยะทางแค่ 7  กิโล เราเลยปั่นเสียสองรอบ

 

อ่างเก็บน้ำบางวาด แต่บางเว็ปเรียกว่าเขื่อนบางวาด ส่วนตัวอ้อยหวานคิดว่า 'อ่างเก็บน้ำ'เหมาะสมกว่า 'เขื่อน'

*********************

เขื่อนบางวาด จังหวัดภูเก็ต เป็นเขื่อนดิน สูง 59 เมตร ยาว 1,950 เมตร สามารถเก็บกักน้ำได้ 265 ล้านลูกบาศก์เมตร พื้นทีึ่่รับประโยชน์ 188,000 ไร่ ประโยชน์ที่ได้รับ เพื่อการอุปโภค-บริโภค ในเขตเทศบาลเมืองภูเก็ต บรรเทาอุทกภัยเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลา ท่องเที่ยว และพักผ่อนหย่อนใจ

ความเป็นมา

เนื่องด้วยทางเทศบาลภูเก็ต ขาดแคลนแหล่งน้ำจืดเพื่อการประปา ต้องขอใช้น้ำจากอ่างบางวาดของบริษัทอนุภาษและบุตร ซึ่งสร้างไว้สำหรับฉีดเหมือง แต่ก็ยังไม่เพียงพอ และไม่มีแหล่งน้ำใต้ดินในบริเวณเกาะภูเก็ตเลย ทางเทศบาลเห็นว่า อาจจะปรับปรุงอ่างเก็บน้ำดังกล่าวให้เก็บน้ำมากขึ้นได้ กรมชลประทานจึงได้ดำเนินการสำรวจรายละเอียดภูมิประเทศบริเวณอ่างและหัวงาน ในปี 2514 พบว่า มีลู่ทางจะสร้างอ่างเก็บน้ำได้ แต่ได้เลื่อนที่ตั้งทำนบจากจุดที่กำหนดไว้เดิม ลงไปทางตอนใต้เล็กน้อย

กรมชลประทานได้ให้ความเห็นด้วยว่า เนื่องจากการพัฒนาจังหวัดภูเก็ตมีแนวโน้มไปในทางพัฒนาการอุตสาหกรรมเบา ส่งเสริมการท่องเที่ยวและการท่าเรือ ฉะนั้นการจัดหาแหล่งน้ำจืดจึงมีความสำคัญต่อการพัฒนาการด้านต่าง ๆ เป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น การจัดหาแหล่งน้ำจืดสำหรับเกาะภูเก็ต จึงควรแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 ขั้น ขั้นแรก คือ แหล่งน้ำจืดบนตัวเกาะ ถ้ายังไม่เพียงพอ จึงหาทางสร้างแหล่งน้ำบนแผ่นดินใหญ่ แล้วส่งไปยังเกาะภูเก็ตต่อไป การสร้างอ่างเก็บน้ำดังกล่าว ก่อให้เกิดประโยชน์ทางด้านสาธารณูปโภคแก่ท้องถิ่น และลดปัญหาน้ำท่วมตัวเมืองภูเก็ต

นอกจากนั้น เขื่อนบางวาด หรือ อ่างเก็บน้ำบางวาด จะเต็มไปด้วยผู้คนที่รักและสนใจในการออกกำลังกาย บ้างก็มาวิ่งหรือเดินบนสันเขื่อนทั้งในช่วงเช้าและเย็นของทุกวัน อาจเป็นเพราะสภาพโดยรวมยังคงบรรยากาศที่ร่มรื่นด้วยต้นไม้ และอ่างเก็บน้ำ ดังนั้น นอกจากจะได้ร่างกายที่แข็งแรงแล้ว ยังได้รับอากาศที่สดชื่นอีกด้วย จึงถือได้ว่าเขื่อนบางวาดเป็นสถานที่สำหรับการออกกำลังกายของชาวกะทู้แห่งหนึ่ง ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

สถานที่ตั้ง  หมู่ 7  ตำบลกะทู้  อำเภอกะทู้  จังหวัดภูเก็ต  ขับรถมาตามเส้นทางถนนวิชิตสงคราม  ถึงสามแยกเก็ตโฮ่ เลี้ยวซ้าย ผ่านชุมชนบ้านทุ่งทอง  สามารถเข้าได้  2  ทาง โดยเส้นทางแรก  เข้าทางสนามกอล์ฟภูเก็ต  คันทรี คลับ และอีกทาง ให้ขับตรงไปยังทางขึ้นเขาป่าตอง เลี้ยวซ้ายเข้าไปยังเขื่อนบางวาด

ขอบคุณข้อมูลจาก phuketindex.com

 

เช้าวันสุดท้ายก่อนลาจากภูเก็ต และลาจากจักรยานที่พาเราเดินทางเลาะเลียบชายฝั่งทะเลของอ่าวไทยในครั้งนี้ แต่เป็นการลาชั่วคราว เราทิ้งจักรยานไว้ที่ภูเก็ตในความดูแลของน้องสาว ทริปเมืองไทยคราวหน้าเราจะกลับมาเจอกันอีก เส้นทางในวันสุดท้ายเราปั่นกันในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ  ที่ทั้งสวยและยากลำบากที่สุดในทริปนี้ เราต้องเข็นจักรยานขึ้นเขากันหลายรอบ

หาดในทอนเป็นหาดสุดท้ายของทริปนี้ เราแวะพักขากันที่นี่

 

เส้นทางวันนี้ แม้จะต้องเข็นขึ้นเขากันหลายรอบ แต่เป็นเส้นทางที่สวยงาม ถนนร่มรื่นจริง

**************************

อุทยานแห่งชาติสิรินาถมีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในอำเภอถลางของจังหวัดภูเก็ต เป็นอุนทยานแห่งชาติทางทะเลบริเวณชายฝั่งด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะภูเก็ต ซึ่งประกอบไปด้วระบบนิวศน์วิทยาที่อุดมสมบูรณ์ อาทิเช่น ป่าสนทะเลธรรมชาติ หาดทรายขาวสะอาด แนวปะการังที่สวยงามและที่วางไข่ของเต่าทะเลกับจักจั่นทะเลจำนวนมาก รวมไปถึงยังอุดมไปด้วยหอยทะเลหายากอีกหลายสายพันธุ์ด้วยเช่นกัน อุทยานแห่งชาติสิรินาถนี้ได้รับการประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2524 ครอบคลุมเนื้อที่ 56,250 ไร่ เป็นหาดทรายที่มีความยาวต่อเนื่องกันถึง 13 กิโลเมตร โดยเริ่มจากหาดในทอน ใช้เส้นทางไปอุทยานฯ เลี้ยวซ้ายที่หลักกิโลเมตร 21-22 เมื่อถึงทางแยกเข้าบ้านสาคู เลี้ยวซ้ายไปประมาณ 3 กิโลเมตร หาดในทอน เป็นเวิ้งอ่าวที่งามแปลกตาทอดโค้งจากตัวเกาะเป็นที่กำบังคลื่นลมได้อย่างดี และเป็นหาดที่เงียบสงบ เหมาะสำหรับการเล่นน้ำหาดในยาง เป็นที่ตั้งที่ทำการอุทยานฯ เป็นหาดที่มีสวนสนร่มรื่นเหมาะแก่การพักผ่อนและเล่นน้ำ นอกจากนี้ยังมีแนวปะการังขนาดใหญ่เป็นที่อาศัยของสัตว์ทะเลนานาชนิด โดยเฉพาะเต่าทะเลซึ่งจะขึ้นมาวางไข่บนหาด ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ แต่ปัจจุบันเต่าทะเลมีจำนวนลดลงมากจนแทบจะไม่เห็นเต่าขึ้นมาวางไข่อีกเลย   หาดไม้ขาว หรือ หาดสนามบิน ไปตามเส้นทางถนนเทพกระษัตรีผ่านทางแยกเข้าสนามบินตรงไปทางสะพานสารสินจะมีทางแยกด้านซ้ายมือ มีป้ายบอกทางเข้าหาดไม้ขาว เลี้ยวซ้ายไป 3.5 กิโลเมตร ก็จะถึงหาดไม้ขาว ซึ่งเป็นหาดที่มีจั๊กจั่นทะเลและเต่าทะเลขึ้นมาวางไข่เช่นเดียวกับหาดในยาง หาดทรายแก้ว เป็นหาดทรายขาวทอดยาวขนานกับทิวต้นสนอยู่ถัดจากหาดไม้ขาวไปจนถึงสะพานสารสิน นับเป็นหาดที่อยู่เหนือสุดของเกาะภูเก็ต

ขอบคุณข้อมูลจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (Tourism Thailand)

 

มีพรรณไม้หลากชนิด มีดอกไม้ริมทางให้หยุดดมอยู่ตลอดทาง แล้วตอนไถลลงเขาก็สนุกจริงๆ เพียงแต่ว่าลงไปแล้ว ข้างหน้าก็ต้องขึ้นเขาอีกหลายรอบ

 

มะลิป่าริมถนน ส่งกลิ่นหอมอบอวล หากมากับรถยนต์ก็ไม่ได้ชมและดมกลิ่น เส้นทางนี้เป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่น่าประทับใจ

วันรุ่งขึ้นเราบอกลาภูเก็ต บินลัดฟ้าสู่เมืองฟ้าอมร เมืองแห่งเทพ เพื่อไปเหิรฟ้าสู่การเดินทางของเราในช่วงต่อไปที่ญี่ปุ่น

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่องชีวิตคือการเดินทาง ในตอนต่อไป

 

อ่านชีวิตคือการเดินทาง ตอนแรกๆ ได้ที่นี่่ค่ะ

ชีวิตคือการเดินทาง

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ทำไมต้องท่องเที่ยว

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ฉันรักสวนลุม

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน มีรักที่ราชบุรี

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดับเบิ้ลดีที่อัมพวา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ทะเล หาดทราย สายลม และสองเรา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน หัวหิน..ไม่สิ้นเสน่หา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน หากเธอคือฟ้า ฉันจะเป็นทะเล

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ปั่นช้าๆ ตาม..เสียงเกลียวคลื่นและกลิ่นไอทะเล

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ปั่นตามใจ ไปตามฝัน

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดั่งหนึ่งเม็ดทราย

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน สุขใจ@นครศรีธรรมราช

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน เที่ยวเมืองลุง ไม่ยุ่งหัวใจ

 

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

 


สุขสันต์วันแม่ สุขสันต์วันดอกไม้บาน

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

วันอาทิตย์ที่สองของเดือนพฤษภาคมเป็นวันแม่ของประเทศแคนาดา และเป็นช่วงเวลาที่ดอกไม้เบ่งบานกัน อ้อยหวานขอเอารูปดอกไม้ ที่ได้ปั่นจักรยานตะลอนชมในเมืองออตตาวา มาลงให้ชมกัน ดอกไม้แต่ละดอกอ้อยหวานเคยเขียนบล็อกแล้ว คราวนี้ก็เพียงแต่ลงลิงค์ให้ไปอ่านรายละเอียดที่บล็อกเก่า

 

แม่คือครูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฉัน ครูแห่งความเมตตา ความรัก และความกล้าหาญ หากความรักหวานเหมือนดั่งดอกไม้ แม่ของฉันก็คือดอกไม้หวานแห่งความรัก

Mama was my greatest teacher, a teacher of compassion, love and fearlessness. If love is sweet as a flower, then my mother is that sweet flower of love.

- Stevie Wonder

 

อ่านรายละเอียดได้ที่

เช้าวันนี้…กับดอกแดฟโฟดิล (daffodil)

 

ดอกแดฟโฟดิล

 

ดอกแดฟโฟดิล

 

M-O-T-H-E-R

"M"คือ ล้าน (million) สิ่งที่แม่ทำให้ฉัน

"O"คือ แม่ที่แก่ (old) ลงทุกวัน

"T"คือ น้ำตา (tear) ที่แม่หลั่งเพื่อฉัน

"H"คือหัวใจ (heart) ทองคำบริสุทธิ์ของแม่

"E"คือดวงตา (eyes) ที่เต็มไปด้วยประกายความรักของแม่

"R"คือความถูกต้อง (right) และแม่ถูกต้องเสมอ

รวมกันแล้วได้คำว่า "แม่" (MOTHER)

คำที่หมายถึงโลกของฉัน

M-O-T-H-E-R

"M" is for the million things she gave me,

"O" means only that she's growing old,

"T" is for the tears she shed to save me,

"H" is for her heart of purest gold;

"E" is for her eyes, with love-light shining,

"R" means right, and right she'll always be,

Put them all together, they spell "MOTHER,"

A word that means the world to me.

- Howard Johnson

 

อ่านรายละเอียดได้ที่

ยากที่จะหักใจลืม….แม็กโนเลีย

 

ดอกแม็กโนเลีย

 

ยากที่จะหักใจลืม… 

 

แม่จับมือลูกในช่วงเวลาสั้นๆ แต่จับใจลูกไปตลอดกาล

Mothers hold their children's hands for a short while, but their hearts forever.

 

ถ้าฉันได้ดอกไม้ทุกครั้งที่ฉันคิดถึงแม่ ฉันคงจะเดินอยู่ในสวนดอกไม้ตลอดกาล

If I had a flower for each time I thought of My Mother, I could walk in my garden forever.

 

หลายร้อยหยดน้ำค้าง ทักทายอรุณรุ่ง

หลายร้อยผึ้ง บินว่อนในทุ่งดอกโคลเวอร์สีม่วง

หลายร้อยผีเสื้อบนสนามหญ้า

เพียงหนึ่งเดียวคือ แม่ของลูก ทั่วโลกา

Hundreds of dewdrops to greet the dawn,

Hundreds of bees in the purple clover,

Hundreds of butterflies on the lawn,

But only one mother the wide world over.

-George Cooper

 

อ้อมกอดของแม่คงอยู่เสมอ แม้หลังจากที่แม่คลายกอด

A mom’s hug lasts long after she lets go.

 

คนทั่วไปทำงานจากอาทิตย์ขึ้นถึงอาทิตย์ตกดิน แต่การงานของแม่ไม่เคยสิ้นสุด

A man’s work is from sun to sun, but a mother’s work is never done.

 

 อ่านรายละเอียดได้ที่

พาไปชมเทศกาลดอกทิวลิปแห่งแคนาดา

…หยุด.. โปรดหยุด แวะดมดอกไม้

 

ข้าพเจ้าจำคำอธิษฐานของแม่ได้ดี และคำอธิษฐานนั้นได้ติดตามข้าพเจ้าเสมอมา มันได้ติดแน่นอยู่กับชีวิตของข้าพเจ้า

I remember my mother’s prayers and they have always followed me. They have clung to me all my life.

- Abraham Lincoln

อ่านรายละเอียดได้ที่

จักรยานคันเก่า….และดอกโครคัส

 

ดอกเมเปิ้ล

หัวใจของแม่มีเหวลึก ที่ก้นบึงของเหวนั้น ลูกจะพบการให้อภัยเสมอ

The heart of a Mother is a deep abyss at the bottom of which you will always find forgiveness.

 

ดอกพริมโรส

ทุกๆ ความสุขที่พิเศษในชีวิต

ทั้งใหญ่หรือเล็ก

ความรักและความอ่อนโยนของแม่

ยิ่งใหญ่ที่สุดในทุกสรรพสิ่ง

Of all the special joys in life,

The big ones and the small,

A mother’s love and tenderness

Is the greatest of them all.

 

ไม่ว่าจะเป็นวันแม่หรือวันไหนๆ ทุกๆ วันเราควรคิดถึงพระคุณของแม่ น้อมใจอวยพรขอให้แม่มีแต่ความสุข

รักแม่นะ จาก ลูก อ้อยหวาน

 

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

 

 

เมื่อดอกไม้บานในใจฉัน

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

ดอกไม้ทำให้ฉันยิ้มได้

ดอกไม้ทำให้ฉันร่าเริง..สดใส

บางครั้งโลกวุ่นวายน่าเบื่อหน่าย

แต่ฉันยิ้มได้ เพียงแค่นึกถึงดอกไม้ในใจฉัน

 

วันนี้อ้อยหวานเอารูปดอกทิวลิปที่เบ่งบานในเมืองออตตาวา เมืองที่อ้อยหวานเรียกว่าบ้าน (หลังที่สอง)  และเป็นดอกไม้ที่บานอยู่ในใจของอ้อยหวานไปตลอดปี เมืองออตตาวาตอนนี้กำลังมีงานเทศกาลระดับชาติคือ “เทศกาลดอกทิวลิปแห่งแคนาดา” (The Canadian Tulip Festival) ถึงแม้ช่วงนี้จะมีดอกไม้มากมาย แต่ต้องชิดซ้าย หรือชิดขอบไปตามๆกัน เมื่อดอกทิวลิปกว่าหนึ่งล้านดอกมาประชันโฉมกันในสวนสวยหลายแห่งของเมือง

 

ดอกทิวลิปที่มนุษย์เติมแต่งสร้างสรรจากทิวลิปธรรมชาติ 75 สายพันธุ์ จนเดี๋ยวนี้มีมากกว่า 3000 สายพันธุ์

 

ชาวเติร์กถือว่าดอกทิวลิปเป็นสัญลักษณ์ของชีวิตและความอุดมสมบูรณ์ สุลต่านออตโตมัน (เติร์ก) จะติดสัญลักษณ์ดอกทิวลิปไว้บนผ้าโพกศีรษะ ชื่อทิวลิป (Tulip) มาจากภาษาเปอร์เซีย 'Tulipan'ซึ่งหมายถึงผ้าโพกศีรษะ สายการบินตุรกีมีสัญลักษณ์เป็นดอกทิวลิปสีเทา

 

ดอกทิวลิปเป็นดอกไม้ประจำชาติของประเทศตุรกีและประเทศอัฟกานิสถาน

 

แต่ทิวลิปเป็นดอกไม้สัญลักษณ์ของประเทศเนเธอร์แลนด์ เพราะประเทศเนเธอร์แลนด์เป็นประเทศที่เพาะปลูกทิวลิปเพื่อการค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก ส่งออกทั้งดอกทิวลิปสดและหัวพันธ์ทิวลิป

 

ทิวลิปเป็นดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิยอดนิยมตลอดกาล และเป็นดอกไม้ยอดนิยมอันดับสามรองจากดอกกุหลาบและดอกเบญจมาศ

 

หัวและดอกทิวลิปกินได้ หัวทิวลิปใช้แทนหัวหอมได้ แต่ต้องปอกเปลือก ผ่าครึ่ง และแกะแกนสีเหลืองตรงกลางออก เพราะส่วนนั้นมีรสขมและมีพิษน้อยๆ

 

ส่วนดอกทิวลิปนั้นส่วนที่กินได้คือกลีบดอก ใช้ทานสดในสลัด อ้อยหวานไม่เคยกินทั้งหัวและดอกทิวลิปจึงบอกไม่ได้ว่ารสชาติเป็นเช่นไร แต่เขาบอกกันว่ารสชาติกลีบดอกทิวลิปจะเหมือนกับผักกาดหอม

 

ทั้งนี้ทั้งนั้น ดอกสวยขนาดนี้ ใครจะเด็ดไปกินได้ลงคอ ส่วนหัวทิวลิปแพงกว่าหัวหอมมากมาย ซื้อมากินคงจะไม่คุ้มกัน

 

ประวัติความเป็นมาเกี่ยวกับการกินหัวและดอกทิวลิปนั้น ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองอาหารขาดแคลน ผู้คนในประเทศเนเธอร์แลนด์จึงเริ่มกินหัวและดอกทิวลิปกัน

 

แต่ได้ข่าวว่าดอกทิวลิปนำมาทำไวน์ได้ด้วย คงจะหอมหวานมากมาย

 

อ้อยหวานขอเอาเนื้อเพลงแจกันของศิลปิน สุเมธ & เดอะปั๋งมาบรรยายภาพที่เหลือ

 

งามจนต้องชม เกินจะข่มให้ใจไม่หวั่นไหว

โอเจ้าดอกไม้ หอมจนเกินห้ามใจไม่ให้ดม

 

หวานเจ้าหวาน หวานเกินใครๆ

อยากจะขอเด็ดไว้มาชื่นชม

เพียงแค่สายลม พัดโชยกลิ่นก็ยังตรึงใจ

 

แต่เสียดายจริงๆ ฉันมีแจกันเพียงหนึ่งใบ

แล้วก็มีดอกไม้ประดับไว้อยู่ในนั้น

ฉันคงไม่อาจฝืน คว้าเจ้ามาปักไว้ด้วยกัน

เพียงแค่ทุกวัน ขอดอมดมแค่เพียงห่างๆ

 

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับทิวลิปได้ที่นี่ค่ะ

http://en.wikipedia.org/wiki/Tulip

http://www.tulip-info.com/

http://3quarterstoday.com/2013/04/21/19-facts-about-tulips/

http://www.sciencekids.co.nz/sciencefacts/plants/tulips.html

http://www.theflowerexpert.com/content/aboutflowers/exoticflowers/tulips

http://www.eattheweeds.com/tulips-famine-food-appetizer-assistant-2/

 

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

 

 

มามะ..ไปร้านขายต้นไม้กัน

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

วันนี้อ้อยหวานมาชวนเพื่อนๆ ไปร้านขายต้นไม้กันค่ะ ช่วงนี้เป็นฤดูเพาะปลูกร้านขายต้นไม้ของที่นี่จะเพ็คเต็มไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้ ที่ออตตาวามีกันอยู่หลายร้าน ทั้งที่เป็นร้านขายต้นไม้โดยเฉพาะ และซุปเปอร์มาเก็ตที่ขายอาหารสดแห้ง ก็จะมีแผงขายต้นไม้กันชั่วคราว วันนี้เราไปร้านขายต้นไม้โดยเฉพาะกัน เป็นร้านค่อนข้างใหญ่ มีขายต้นไม้ ไม้ดอก ไม้ประดับ ไม้ผล ไปจนถึงดิน ปุ๋ย อุปกรณ์ทำสวน และอาหารสัตว์หลายชนิด เดินตามคุณผู้ชายไปเลยค่ะ ร้านนี้เป็นร้านโปรดของเขาละ

 

 

ยังไม่ทันเข้าไปในร้าน ก็มีกระเช้าไม้ดอกล้นออกมาหน้าร้านแล้ว กระเช้าไม้ดอกแบบนี้เป็นที่นิยมมาก คนที่นี่จะนิยมซื้อเป็นของขวัญ หรือซื้อเป็นคู่แขวนไว้หน้าประตู ที่เห็นคือดอกพิทูเนีย (Petunia) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Petunia Hybrida มีถิ่นกำเนิดที่อเมริกาใต้ พิทูเนียเป็นไม้ดอก มีลักษณะเป็นพุ่มเตี้ย และเลื้อย ลำต้นสูงประมาณ 30 ซม. พิทูเนียมีกันทุกสี เป็นไม้ดอกที่มีสีสันสดใส มีกลิ่นหอม มีทั้งชนิดดอกเดี่ยวและ ดอกซ้อน ราคากระเช้าละ 20 เหรียญ = 600 บาท

ขอบคุณข้อมูลจาก Wikipedia

 

ผ่านประตูรั้วเข้าไปก็มีกระเช้าไม้ดอกแขวนกันเต็ม บางกระเช้าจะผสมผสานดอกไม้ 2 ถึง 3 ชนิดเข้าด้วยกัน กระเช้าไม้ดอกกลุ่มนี้จะแพงกว่าหน่อยหนึ่ง เพราะเป็นดอกเจอราเนียม (Geranium)

 

เลยมาก็เป็นพวกไม้ดอกยืนต้น (Perennial plant) ที่หลังจากฤดูหนาวแล้วก็จะขึ้นมาเองทุกปี บางชนิดอยู่ได้นานถึงสิบกว่าปี ราคาของพวกไม้ดอกยืนต้น (Perennial plant) ขึ้นอยู่กับขนาดกระถาง อย่างกระถาง 4 นิ้ว ราคากระถางละ 3.99 เหรียญ = 120 บาท

 

ไม้ดอกยืนต้นกระถางใหญ่

 

ดอกไอริส (Iris) ก็จัดอยู่ในไม้ดอกยืนต้น (Perennial plant) อ้อยหวานเคยเอามาให้ชมแล้ว ดูได้ที่นี่

แด่แม่..ด้วยดวงใจ

 

ไม่ไกลกันเป็นพวกไม้ดอกล้มลุก (Annual plant) พวกนี้จะขายเป็นกล่องโฟม กล่องหนึ่งมี 12 ต้น ราคากล่องละ 6 เหรียญ = 180 บาท มีให้เลือกมากมายหลายชนิด ข้างหน้าสุดคือดอกนิโคเทียน่า (Nicotiana) เป็นตระกูลเดียวกับยาสูบ

 

ฤาษีผสมก็มีกันหลายสี

 

เผลอแป๊ปเดียวคุณผู้ชายได้ปุ๋ยขี้แกะไปหลายถุง และต้นแบล็ค เคเร้นท์ (Black Current) ที่อยากได้

แบล็ค เคเร้นท์ (Black Current) เป็นผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ลำต้นเป็นพุ่มสูงประมาณ 1 เมตร แบล็ค เคเร้นท์เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระชนิดที่มีชื่อว่า แอนโธไซยานินมากเป็นพิเศษ ซึ่งสารนี้เป็นตัวทำให้ผลไม้มีสีดำ เชื่อว่ามีสรรพคุณช่วยปกป้องโรคหัวใจ มะเร็ง เบาหวาน และโรคสมองเสื่อมได้

อ่านรายละเอียดของแบล็ค เคเร้นท์ (Black Current) ได้ที่นี่

 

แถวนี้จะมีผลไม้ตระกูลเบอร์รี่อยู่หลายชนิดให้เลือก ซ้ายมือคือบลูเบอรี่ ขวามือคือเรด เคเร้นท์ (Red Current)

นอกจากนั้นก็มีต้นเชอรี่ องุ่น ราสเบอรี่ ๚

 

โซนกุหลาบก็มีให้เลือกหลากหลายชนิด เรียกว่าเลือกกันไม่ถูกเลยละ

 

เลยมาข้างหลังจะเป็นพวกไม้ต้น มีทั้งพวกไม้ผล ไม้ดอก และไม้ประดับ

 

สนชนิดต่างๆ ตรงกลางคือต้นเอ็ปเปิ้ล นอกจากนั้นก็มีพวกไม้ประดับที่ตัดแต่งเสียสวย ต้นลูกแพร์ ลูกพลัม ๚

 

เดินอ้อมมานิดนึงจะเป็นโซนผักสวนครัว ขายเป็นกล่อง กล่องหนึ่งมี 12 ต้น ราคากล่องละ 6 เหรียญ = 180 บาท มีตั้งแต่กระหล่ำปลี ผักสลัดต่างๆ พริกฝรั่งหลายแบบ ไปจนถึงผักสมุนไพร

 

มะเขือเทศมีให้เลือก 3-4 แบบ มีตั้งแต่ต้นขนาดเล็กในกล่องโฟม ไปจนถึงต้นใหญ่ที่มีลูกแล้ว

นอกจากนี้ยังมีพวกต้นไม้ ดอกไม้โซนร้อน เช่น ชบา บานบุรี ๚

 

ทีนี้เข้าไปดูข้างในกันบ้าง ข้างในก็กว้างเหมือนกันมีหมดทุกอย่าง เครื่องมือทำสวน เครื่องตัดหญ้า กระถางต้นไม้ ของแต่งสวน จิปาถะ ต้นไม้ประดับในบ้าน พวกกิ้ปช็อบเล็กๆ น้อยๆ แม้แต่หมวกและรองเท้าใส่ทำสวนก็ยังมีขาย

 

ที่ขาดไม่ได้คือเมล็ดพืช ซึ่งมีอยู่มากมายหลายยี่ห้อ ทั้งเมล็ดผักและไม้ดอก

 

แค่แครอท หรือแตงกวา ก็เลือกกันตาลายเลยแหละ

 

มีเมล็ดพืชอยู่สองยี่ห้อที่ปลูกเอง ส่งขายเอง นายเจมส์ วอง เธอภูมิใจมากมีรูปของเธอบนซองคู่กับผักด้วย ดูเหมือนจะขายดี หิ้งว่างเลยละ เพราะเธอขายเมล็ดผักแปลกๆ ที่ที่นี่ยังไม่ค่อยมีกัน

 

อีกยี่ห้อหนึ่งที่ปลูกเอง ส่งขายเอง ทำเป็นลิ้นชักมาเลย

 

ดึงลิ้นชักออกมาแล้วเป็นอย่างนี้

 

ส่วนมันฝรั่งก็มาเป็นอย่างนี้ เลือกหยิบกันเองตามใจ

กว่าจะลากตัวเองออกจากร้านก็หมดไปหนึ่งชั่วโมง เพื่อนๆ ได้อะไรติดไม้ติดมือหรือติดใจกันมาบ้างคะ? อ้อยหวานได้ลาเวนเดอร์ไปสองต้น และได้ใจไปหลายดวง ได้เดินดูต้นไม้แบบนี้แหละ ถูกใจมากๆ

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

หอม เจ้าหอมยิ่งนัก..เจ้าดอกไลแล็ค

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

ส่งความคิดถึงมากับสายลม

ที่พัดผ่านดงดอกไลแล็ค

หอมเจ้าหอมยิ่งนัก..

กลิ่นมิเคยจืดจางจากดวงใจ

 

แม้เธอจะเหินห่าง..ร้างไป

ฉันยังหวังให้เธอย้อนกลับมา

อย่าลืม..ที่พักใจแห่งนี้

ที่ๆ มีดอกไม้บานอยู่เสมอ

 

หอมยิ่งนัก..เจ้าดอกไลแล็ค

หอมติดตรึงใจไปนานแสนนาน

หวนคิดถึงวันแสนหวาน

วันวานที่เคยมี..เรา

 

วันนี้อ้อยหวานเอาดอกไม้หอมๆ มาให้ชมกัน ดอกไลแล็คจัดเป็นหนึ่งในสิบต้นไม้เมืองหนาวที่มีดอกหอมที่สุด

ดูดอกไลแล็คของปีก่อนได้ที่นี่

 

ดอกไลแล็ค (Lilac) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Syringa vulgaris เป็นพันธุ์ไม้ดอกในตระกูลมะกอก (Oleaceae) มีต้นไม้ร่วมตระกูลคือมะลิ

 

มีถิ่นกำเนิดในคาบสมุทรบอลข่าน (Balkan Peninsula) ในปัจจุบันแพร่หลายไปหลายประเทศในทวีปยุโรบและอเมริกาเหนือ ไลแล็คเป็นไม้ที่ชอบอากาศหนาวเย็น

 

ไลแล็คเป็นไม้พุ่ม โตเต็มที่จะสูงประมาณ 2-10 เมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสายพันธ์

 

คำว่า ‘Lilac’ มาจากภาษาเปอร์เซียแปลว่า ‘สีฟ้าม่วง’

 

ดอกไลแล็คมีตั้งแต่สีขาว ชมพู ม่วงอ่อน จนถึงม่วงแก่ มีกลิ่นหอมมาก จนถึงมากๆๆ ขอยืนยันว่าดอกไลแล็คนี้หอมจริงๆ

 

ดอกไลแล็คจะมีกลิ่นหอมตลอดทั้งวัน แต่จะหอมมากเป็นพิเศษในตอนเย็นและกลางคืน

 

ไลแล็คพันธ์ดั้งเดิมจะมีใบเป็นรูปหัวใจ ดอกจะมีสี่กลีบ

 

ต่อมามีการผสมพันธ์ไลแล็คขึ้นมากมาย มีทั้งมากกว่าสี่กลีบ และดอกซ้อน

 

หลงอยู่ในดงไลแล็ค

 

สวนใหญ่เก่าแก่ของเมืองออตตาวา  the Central Experimental Farmมีไลแล็คมากกว่า 800 ต้น 317 สายพันธ์ ต้นไลแล็คต้นแรกของสวนปลูกขึ้นในปี 1899

 

สวนอยู่ห่างจากบ้านเกือบแปดกิโล อ้อยหวานกับคุณผู้ชายปั่นจักรยานแวะไปชมและดมดอกไม้อาทิตย์ละหลายครั้ง เพราะสวนเปิดตลอดเวลา ไม่มีรั้ว ไม่มีค่าเข้าชม

 

คืนนี้เราจะปั่นจักรยานไปนั่งดมกลิ่นหอมในดงไลแล็ค เตรียมจักรยานไปด้วยกันนะคะ!

 

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ลาก่อนเมืองฟ้าอมร สวัสดีแดนอาทิตย์อุทัย

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

วันนี้อ้อยหวานมาเล่าเรื่อง ‘ชีวิตคือการเดินทาง’ ต่อจากตอนแรกๆ  อ้อยหวานได้มีโอกาสบอกลาเมืองไทย กับสถานที่ที่พิเศษสุด

วัดอรุณราชวราราม ช่างสวยงดงามอะไรเยี่ยงนี้ ชื่อภาษาอังกฤษก็แสนจะไพเราะ ‘Temple of Dawn’ วัดแห่งอรุณรุ่ง แต่ภาพวัดอรุณในบล็อกนี้ถ่ายในยามอาทิตย์อัสดง

 

แม่น้ำเจ้าพระยาในยามเย็น มีเรือล่องแม่น้ำหลากหลายรูปแบบ

 

ทั้งเรือดินเนอร์ เรือสินค้า เรือนักท่องเที่ยว วิ่งล่องกันไม่ขาดสาย

 

วัดอรุณราชวราราม เป็นวัดโบราณสร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เดิมเรียกว่า "วัดมะกอก"ตามชื่อตำบลบางมะกอกซึ่งเป็นตำบลที่ตั้งวัด ภายหลังเปลี่ยนเป็น "วัดมะกอกนอก"เพราะมีวัดสร้างขึ้นใหม่ในตำบลเดียวกันแต่ อยู่ลึกเข้าไปในคลองบางกอกใหญ่ชื่อ "วัดมะกอกใน"ต่อมาใน พ.ศ. ๒๓๑๐ เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมีพระราชประสงค์จะย้ายราชธานีมาตั้ง ณ กรุงธนบุรีจึงเสด็จกรีฑาทัพล่องลงมาทางชลมารคถึงหน้าวัดมะกอกนอกนี้เมื่อเวลารุ่งอรุณพอดี จึงทรงเปลี่ยนชื่อวัดมะกอกนอกเป็น "วัดแจ้ง"เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งนิมิตที่ได้เสด็จมาถึงวัด นี้เมื่อเวลาอรุณรุ่ง

อ่านรายละเอียดได้ที่นี่  วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร

 

ร้านอาหารอยู่ตรงกันข้ามกับวัดอรุณพอดิบพอดี ทำให้ได้ชมวิวที่วิเศษสุดตั้งแต่ยามเย็น

 

อาทิตย์ตกดิน ไปจนถึง…

 

ยามราตรี

 

อ้อยหวานขอขอบคุณเพื่อนๆ นิเทศศาสตร์ จุฬา สำหรับค่ำคืนที่พิเศษ มิตรภาพเก่าแก่และแน่นแฟ้น อาหารอร่อย  บรรยากาศเป็นเลิศ ได้นั่งคุยกัน หัวเราะสนุกสนาน ทำให้คิดถึงบรรยากาศเก่าๆ สมัยที่ยังเป็นนักเรียน นักศึกษา ขอบคุณนะเพื่อน ขอบคุณที่เป็นเพื่อนเรา

 

ลาก่อนเมืองฟ้าอมร

 

สวัสดีแดนอาทิตย์อุทัย

วันแรกที่ไปถึง อ้อยหวานและคุณผู้ชายก็แวะไปชมวัดนาริตะซาน ชินโชะจิ ปีที่แล้วอ้อยหวานแวะมาที่วัดนาริตะซาน ชินโชะจิแล้วชอบมาก เลยพาคุณผู้ชายมาดูอีกครั้ง ที่จริงแล้วสองครั้งคือ วันแรกที่ไปถึงญี่ปุ่น และวันสุดท้ายก่อนลาจากญี่ปุ่น เพราะวัดอยู่ที่เมืองนาริตะ ไม่ไกลจากสนามบิน

 

วัดนาริตะซาน ชินโชะจิเป็นวัดที่ใหญ่โตและเก่าแก่ มีเจดีย์ และอาคารสวยๆ อยู่หลายหลัง และที่อ้อยหวานชอบใจมากๆ คือพิธีสวดมนต์ 'โกะมะ' (goma) แต่เขาไม่อนุญาติให้ถ่ายรูป เสียงสวดมนต์คล้ายๆ กับเสียงสวดมนต์ที่เมืองไทย เป็นภาษาบาลีเหมือนกัน แต่ต่างกันคือ ที่วัดนาริตะซาน ชินโชะจิ มีการตีกลองให้จังหวะในการสวดมนต์ เสียงกลองทุ้มๆ เข้ากับเสียงสวดมนต์มาก พระสงฆ์ผู้ใหญ่นั่งทำพิธีอยู่หน้ากองไฟ ไม่แน่ใจว่าท่านโยนอะไรใส่ลงไปในกองไฟ อาจจะเป็นไม้เครื่องหอม  ทำให้บางครั้งก็สว่างจ้ากว่าธรรมดา และมีควันขึ้นมากมาย ในขณะเดียวกันก็มีพระอีกสองสามรูป คอยรับกระเป๋าจากผู้คน แล้วแกว่งเหนือกองไฟ

อ้อยหวานไปครั้งแรกเมื่อปีที่แล้วไม่ค่อยรู้อิโหน่อิเหน่ว่าเขาทำอะไรกัน กลับมาบ้านหาอ่านในเน็ทถึงรู้ว่าเขาเอากระเป๋าจากผู้คน แล้วแกว่งเหนือกองไฟในพิธี โกะมะ เพื่อความสวัสดิมงคล ไปสองครั้งหลังก็ไม่พลาดเลย นั่งแถวหน้าชิดเวที ได้ดูพระทำพิธีกันแค่เอื้อม พอคนญี่ปุ่นเขายื่นกระเป๋ากัน เราก็ส่งเป้เดินทางให้พระไปด้วย ได้ความสวัสดิมงคลมามากมาย

**************************************

พิธีสวดมนต์ 'โกะมะ'พิธีสวดมนต์หน้ากองไฟนี้เป็นการสวดมนต์ต่อเทพเจ้าแห่งไฟ มีชื่อเรียกในภาษาญี่ปุ่นว่า 'ฟุโดะเมียวโอะ' (Fudomyoo) หรือเทพ ‘อาจลนาถ’ เทพผู้รับใช้ของพระพุทธเจ้า

อ่านรายละเอียดได้ที่นี่ วัดนาริตะซาน ชินโชะจิ

 

อาคารแปดเหลี่ยมแบบจีน

 

อาคารหลังนี้เก่าแก่ที่สุด

 

วัดญี่ปุ่นจะมีกระถางธูปอันใหญ่ คล้ายๆ วัดจีน คนญี่ปุ่นเขาจะกวักควันธูปเข้าหาตัวเพื่อความสวัสดิมงคลอีกแหละ ธูปญี่ปุ่นนี้หอมมาก กลิ่นดอกไม้ผสมเครื่องเทศ

 

นอกจากนี้วัดนาริตะซาน ชินโชะจิ ยังมีสวนที่กว้างใหญ่และสวยมาก

 

เพียงแต่เราไปเร็วไปหน่อย ต้นเดือนมีนาคมที่ญี่ปุ่นเพิ่งจะหมดหนาว มีแต่ดอกพลัมที่เพิ่งจะเริ่มบาน

 

และเป็นดอกพลัมที่โดนฝนตีเสียบอบช้ำ แต่อ้อยหวานได้ไปชมดอกพลัมอีกหลายแห่ง บล็อกหน้าจะเอาดอกพลัมมาให้ชมกันโดยเฉพาะค่ะ

 

เจดีย์ไดโตะอุ (Daitou) หรือเจดีย์ใหญ่ ที่อยู่ในสวน

 

สวนญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะมีโรงน้ำชา หรือ tea house เป็นสวนที่ร่มรื่นมาก ในเดือนเมษายนฤดูใบไม้ผลิ ที่สวนนี้คงจะสวยมากมาย

 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่องญี่ปุ่น ในตอนต่อไป

 

อ่านชีวิตคือการเดินทาง ตอนแรกๆ ได้ที่นี่่ค่ะ

ชีวิตคือการเดินทาง

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ทำไมต้องท่องเที่ยว

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ฉันรักสวนลุม

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน มีรักที่ราชบุรี

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดับเบิ้ลดีที่อัมพวา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ทะเล หาดทราย สายลม และสองเรา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน หัวหิน..ไม่สิ้นเสน่หา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน หากเธอคือฟ้า ฉันจะเป็นทะเล

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ปั่นช้าๆ ตาม..เสียงเกลียวคลื่นและกลิ่นไอทะเล

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ปั่นตามใจ ไปตามฝัน

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดั่งหนึ่งเม็ดทราย

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน สุขใจ@นครศรีธรรมราช

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน เที่ยวเมืองลุง ไม่ยุ่งหัวใจ

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน วันฟ้าใส..ในภูเก็ต

 

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน แม้แต่เทพสวรรค์ยังรายล้อมรอบ..ดอกพลัม

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

แม้แต่เทพสวรรค์     even the heavenly gods

ยังรายล้อม             crowd 'round...             

รอบดอกพลัม          plum blossoms             

กลอนไฮกุของท่านอิสสะ  (Issa)

 

ไปญี่ปุ่นคราวนี้ อ้อยหวานหมายมั่นปั้นมือ หมายใจ และปรารถนา (มุ่งมั่นมากๆ จริงๆ นะเออ) ที่จะไปชมดอกพลัม นิมิตหมายแรกของฤดูใบไม้ผลิ แล้วก็เป็นอย่างในกลอนไฮกุของท่านอิสสะจริงๆ ดอกพลัมงามเสียจน (เกือบ) ลืมหายใจ

 

ช่วงที่อ้อยหวานกับคุณผู้ชายแวะไปญี่ปุ่นคือเดือนมีนาคม ดอกพลัมกำลังเบ่งบานกันอย่างสุดขีด อย่างที่เรียกกันว่าเบ่งบาน ‘ทะลุจอ’  อ้อยหวานไม่ได้เว่อร์เลยนะ ถ่ายรูปดอกพลัมกันมาเป็นร้อยๆ รูป (สองกล้อง) เลือกมาลงบล็อกจนตาลายเลยละ

 

เรามีโอกาสชมดอกพลัมกันหลายที่ ที่โน่นนิด ที่นี่หน่อย ตามบ้านเรือน สวนเล็ก สวนน้อย วัดและศาลเจ้าแต่ละแห่ง จะมีต้นพลัมกันที่ละต้นสองต้น แต่ที่มีต้นพลัมเยอะๆ เป็นร้อย เป็นพันต้น ก็ได้ไปชมอยู่สามแห่ง

 

แห่งแรกคือที่ ปราสาทนะโกะยะ เมืองนะโกะยะ ที่นี่มีต้นพลัมร้อยกว่าต้น 13 สายพันธ์ ภาพปราสาทกับสวนพลัมสวยงามมาก เพียงแต่วันนั้นอากาศไม่เป็นใจ มีทั้งฝนและหิมะตกเป็นระยะๆ ท้องฟ้ามืดครึ้ม ไม่มีแสงดีๆ สำหรับถ่ายรูป

อ่านเวอร์ชั่นที่มีรายละเอียดการท่องเที่ยวและการเดินทางได้ที่ลิงค์ข้างล่างค่ะ

ดอกพลัมบานสะพรั่งที่ปราสาทนะโกะยะ

 

อีกแห่งคือ พระราชวังเกียวโต อิมพีเรียล วันนั้นเราเช่าจักรยานของโรงแรม แล้วปั่นเที่ยวชมดอกพลัมและแม่น้ำของเกียวโต เป็นวันเดียวที่ได้ปั่นจักรยานเที่ยวในทริปญี่ปุ่นคราวนี้

อ่านเวอร์ชั่นที่มีรายละเอียดการท่องเที่ยวและการเดินทางได้ที่ลิงค์ข้างล่างค่ะ

สวนพลัมของพระราชวังเกียวโต อิมพีเรียล

 

สวนพลัมของพระราชวังเกียวโต อิมพีเรียล มีต้นพลัมทั้งหมด 250 ต้น 35 สายพันธ์

 

งามสุดใจ

 

เราปั่นจักรยานแวะไปที่สวนตอนแปดโมงเช้า ผู้คนบางตา มีแต่ตากล้องและชาวบ้านเอาหมามาเดินเล่นไม่กี่คน ทำให้ได้ใช้เวลาดื่มด่ำชมและดมกับดอกพลัมได้อย่างเต็มที่ บ่ายๆจะมีคนมากางเสื่อปิคนิค ชมดอกพลัม หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า ฮานามิ กันเต็มไปหมด คนญี่ปุ่นชอบฮานามิกันมาก ขนลูก ขนหลาน ออกมานั่งชมดอกไม้ ขนข้าวเย็นกันมานั่งทานใต้ต้นพลัม

 

นายแบบทั้งสองตัวก็มาชมดอกพลัม

 

หลังจากสวนพลัมของพระราชวังเกียวโต อิมพีเรียล เราก็ปั่นจักรยานไปสถานที่แห่งสุดท้าย ที่เราไปชมดอกพลัม เป็นสถานที่ที่ไม่ธรรมดาเลย เพราะเป็นสถานที่ชมดอกพลัมที่เรืองชื่อที่สุดของเมืองเกียวโต

 

ศาลเจ้าคิทะโนะ เท็นมันกุ มีต้นพลัม 2,000 ต้น 200 สายพันธุ์

อ่านเวอร์ชั่นที่มีรายละเอียดการท่องเที่ยวและการเดินทางได้ที่ลิงค์ข้างล่างค่ะ

ดอกพลัมที่ศาลเจ้าคิทะโนะ เท็นมันกุ

 

ปรกติศาลเจ้าคิทะโนะ เท็นมันกุ จะเปิดให้เข้าชมฟรี แต่ช่วงฤดูดอกพลัมจะมีการขึงผ้ากั้นสวนพลัม และเก็บเงินค่าเข้าชมคนละ 600 เยน = 180 บาท แต่ก็คุ้มสุดคุ้ม ผู้คนมากมาย แต่สวนกว้างขวาง และไม่อนุญาติใ฻ห้ปิคนิคฮานามิ เลยไม่รู้สึกว่าแออัด

 

อ้อยหวานแทบจะโบยบินดั่งผีเสื้อ ทั้งชม ทั้งดม ทั้งถ่ายรูป

 

เลือกไม่ถูกเลยว่าชอบดอกไหน เพราะว่างามไปเสียหมด รูปถ่ายในบล็อกนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นดอกพลัมของศาลเจ้าคิทะโนะ เท็นมันกุ

 

ดอกพลัมบานสะพรั่ง อากาศดี แสงเช้าสดใส และใจของคนถ่ายรูปเบิกบาน

 

อา..ช่างเป็นวันที่น่าจดจำ

 

ต้นพลัมญี่ปุ่น หรือเรียกกันในภาษาญี่ปุ่นว่า ‘อุเมะ’ (Ume) ก็คือ ต้นบ้วย นั่นเอง แต่อ้อยหวานชอบชื่อ พลัม มากกว่า บ้วย

 

ที่ญี่ปุ่น ดอกพลัมเปรียบเหมือนลูกเมียน้อย โดยที่มีดอกซากุระเป็นลูกเมียหลวง ทั้งๆ ที่เทียบกันแล้ว ความงามของดอกพลัมไม่แพ้ดอกซากุระเลย

 

ดอกพลัมมีกลิ่นหอมมาก หอมหวานเสียจนเทพสวรรค์หรือคนเดินดินธรรมดาๆ อย่างอ้อยหวาน หลงไหลนัก นี่คือข้อแตกต่างระหว่างดอกพลัมกับดอกซากุระ ดอก ซากุระจะไม่ค่อยมีกลิ่นหอม ถ้ามีก็จางๆ ซากุระทั้งสวนยังมีกลิ่นหอมน้อยกว่าดอกพลัมแค่หนึ่งต้น อ้อยหวานขอยืนยัน ดมมาเต็มปอด

 

ดอกพลัมจะบานก่อนดอกซากุระ และบานทนกว่า ดอกซากุระจะบนแค่ 1-2 อาทิตย์ แต่ดอกพลัมจะบาน 5-6 อาทิตย์ เรียกว่า ทั้งสวย ทั้งอึด

 

 ‘พลัมญี่ปุ่น’ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Prunus mume มีถิ่นกำเนิดที่ประเทศจีน บริเวณลุ่มแม่น้ำแยงซี ต่อมาแพร่หลายไปยังญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน และเวียดนาม โตเต็มที่จะสูงประมาณ 4-10 เมตร

 

ส่วนใหญ่แล้วดอกพลัมญี่ปุ่นจะมีห้ากลีบ แต่มีบางพันธ์มีมากว่าห้ากลีบ มีเฉดสีตั้งแต่สีขาว ชมพูอ่อน ไปจนถึงชมพูเข้ม

 

และต้นพลัมที่หาดูได้ยากคือพันธ์ดอกสีแดง ที่จริงก็ไม่แดงเอาทีเดียว เป็นแดงที่มีชมพูปนอยู่

 

ลูกพลัมญี่ปุ่นไม่นิยมทานสดกัน เพราะมีรสเปรี้ยวมาก ปีที่แล้วอ้อยหวานไปที่ญี่ปุ่นตอนเดือนพฤษภาคม ก่อนกลับบ้านได้ไปชมสวนที่เมืองนาริตะ ต้นพลัมกำลังเป็นลูกอ่อน เห็นแล้วเปรี้ยวปาก เลยเก็บมาชิม (ไปหลายลูก) ถ้ามีพริกกะเกลือคงจะชิมไปหมดสวน

 

ที่ญี่ปุ่นเขานิยมนำมาดองไว้ทานกับข้าวสวย ซึ่งอร่อยมาก อาหารเช้าที่โรงแรมจะเป็นบุฟเฟ่ต์ มีทั้งอาหารฝรั่ง และอาหารญี่ปุ่น แต่ละแห่งจะต้องมีผักดอง(ของชอบของอ้อยหวาน) อยู่ 3-4 ชนิด และจะต้องมี ‘อุเมะโบะชิ’ (umeboshi) หรือลูกพลัมดอง

 

นอกจากนี้ลูกพลัมญี่ปุ่นยังนิยมนำมาทำ ‘อุเมะชุ’ (Umeshu) เหล้าลูกพลัม รสชาติเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่กลิ่นหอมดี

 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่องญี่ปุ่น ในตอนต่อไป

 

อ่านชีวิตคือการเดินทาง ตอนแรกๆ ได้ที่นี่่ค่ะ

ชีวิตคือการเดินทาง

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ทำไมต้องท่องเที่ยว

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ฉันรักสวนลุม

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน มีรักที่ราชบุรี

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดับเบิ้ลดีที่อัมพวา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ทะเล หาดทราย สายลม และสองเรา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน หัวหิน..ไม่สิ้นเสน่หา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน หากเธอคือฟ้า ฉันจะเป็นทะเล

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ปั่นช้าๆ ตาม..เสียงเกลียวคลื่นและกลิ่นไอทะเล

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ปั่นตามใจ ไปตามฝัน

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดั่งหนึ่งเม็ดทราย

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน สุขใจ@นครศรีธรรมราช

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน เที่ยวเมืองลุง ไม่ยุ่งหัวใจ

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน วันฟ้าใส..ในภูเก็ต

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ลาก่อนเมืองฟ้าอมร สวัสดีแดนอาทิตย์อุทัย

 

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดอกซากุระ..สัญลักษณ์แห่งชีวิตและความไม่ยั่งยืน

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

ถึงเวลา.. ซากุระ         When cherry blossoms

ล่วงหล่นโปรยปราย  scatter

ไม่มีคำว่า..เสียใจ      no regrets

กลอนไฮกุของท่านอิสสะ  (Issa)

 

ในประเทศญี่ปุ่นดอกซากุระเป็นสัญลักษณ์ของชีวิต

..สั้น

..ไม่เที่ยง

..ไม่ยั่งยืน

..และทุกชีวิตจะต้องล่วงหล่นโปรยปราย

เฉกเช่นดอกซากุระ

 

แม้นว่าจะมีชีวิตที่แสนสั้น (หนึ่งอาทิตย์ มากสุดสองอาทิตย์) ดอกซากุระก็ใช้ชีวิตสั้นๆ ได้อย่างสวยสุดๆ และสง่างาม ยามที่เธอล่วงหล่นโปรยปราย เธอก็ทำได้อย่างงามวิจิตรอีกเช่นกัน คนญี่ปุ่นถึงรักดอกซากุระยิ่งนัก และเฝ้าชมดอกซากุระทุกช่วงจังวะเวลา จนถึงยามที่ดอกซากุระปลิดกลีบที่เรียกกันว่า ‘ซากุระ ฟุบุคิ’ (sakura fubuki) พายุหิมะดอกซากุระ

 

อ้อยหวานไปญี่ปุ่นคราวนี้แสนจะโชคดี ได้มีโอกาสชมดอกซากุระพันธ์บานเร็ว นิดๆ หน่อยๆ พอเป็นกระสายให้ชุ่มชื่นหัวใจ แห่งแรกที่พบเจอกับดอกซากุระคือที่สวนอุเอะโนะ สวนเรืองชื่อของโตเกียว ที่สวนมีต้นซากุระอยู่พันกว่าต้น และจะบานในช่วงต้นเดือนเมษายน แต่เราไปที่สวนตอนต้นเดือนมีนาคม ก็ยังมีซากุระบานให้เราได้ชื่นชมตั้งสามต้น น้ำตาซึมเลยละ ซึ้งใจในความกรุณาของเธอต่อผู้มาจากแดนไกล

ดอกซากุระพันธ์บานช้าดูได้จากบล็อกเก่าของอ้อยหวาน   ดอกซากุระสุดท้ายของปี

ส่วนรายละเอียดของดอกซากุระอ่านได้จากบล็อกเก่าของอ้อยหวานเช่นกัน  เล่าสู่กันฟัง ตะลึงตะลานไปกับดอกซากุระ

 

ซากุระที่สวนอุเอะโนะส่วนใหญ่จะเป็นพันธ์โซะเมะอิ โยะชิโนะ  (Somei Yoshino) เป็นพันธ์ที่นิยมและมีมากที่สุดในญี่ปุ่น แต่ก็มีอยู่ 2-3 ต้นที่เป็นซากุระพันธ์คะวะซุซากุระ (Kawazuzakura) เป็นพันธ์ที่บานเร็ว มีดอกสีชมพูใหญ่

 

ส่วนซากุระที่เหลืออีกพันกว่าต้นยังไม่เกิด กิ่งก้านยังโล่ง ไร้ตุ่ม ต้นเดือนเมษายนคงจะสวยงามมาก แต่คนจะเยอะมากๆๆ เช่นกัน แถมโรงแรมยังราคาแพงกว่าปรกติด้วย (ปลอบใจตัวเอง)

 

สถานที่อีกสองแห่งที่เราได้ไปพบกับต้นซากุระที่บานสะพรั่งเต็มต้น โดยไม่คิดฝัน คือที่คามาคุระ อ้อยหวานพร่ำเพ้อถึงสวนของวัดฮะเซะ-เดะระไว้มากมาย จนคุณผู้ชายอยากไปชม แม้วันนั้นฝนตกพรำๆ แต่วัดฮะเซะ-เดะระ ก็ยังงดงาม ดูบล็อกเก่าของปีที่แล้วได้ที่ ลืมเธอไม่ลง..คามาคุระ

 

หยดน้ำฝนเกาะดอกซากุระและบนเลนส์กล้องถ่ายรูป เลยได้รูปนี้

 

และรูปนี้

 

ซากุระกับต้นไผ่

 

และในวันเดียวกันเรานั่งรถไฟไปที่เกาะเอะโนะชิมะแล้วได้เจอต้นซากุระชมพูสะพรั่ง

 

ชมพูสะพรั่งจริงๆ

 

ที่นี้ก็มาถึงซากุระของจริง ตัวจริง คือซากุระพันธ์โซะเมะอิ โยะชิโนะ  (Somei Yoshino) เป็นพันธ์ที่นิยมกันและมีมากที่สุดในญี่ปุ่น ดอกจะมีสีชมพูจางๆ จนเกือบขาว และจะบานในช่วงต้นเดือนเมษายน

 

คืนก่อนวันสุดท้าย ก่อนที่เราจะต้องกลับมาที่นาริตะเพื่อขึ้นเครื่องบินกลับแคนนาดาในวันถัดไป คืนนั้นเราอยู่บนเกาะมิยะจิมะ คืนนั้นระหว่างที่ดูข้อมูลเส้นทางและแหล่งท่องเที่ยวเมืองฮิโรชิม่าที่อยู่ไม่ไกลในเน็ท เรากะกันไว้ว่าจะแวะเที่ยวฮิโรชิม่า แล้วขึ้นรถไฟตรงไปยังนาริตะเลย ตาของอ้อยหวานเหลือบไปเห็นลิงค์เช็คข่าวคราวเวลาบานของดอกซากุระทั่วญี่ปุ่น ซึ่งเป็นช่องเล็กๆ ข้างล่าง ก็เลยกดไปดู ทีนี้ละได้เรื่อง เพราะเขาบอกว่าดอกซากุระที่ปราสาทคุมะโมะโตะ บานแล้วจ้า อ้อยหวานก็เลยเปลี่ยนแผนในวินาทีนั้น บอกกับคุณผู้ชายว่า เราไปที่ปราสาทคุมะโมะโตะกันเถิด คุณผู้ชายก็แสนจะใจดี ไปก็ไป รูปข้างบนจึงมีขึ้น

 

ปราสาทคุมะโมะโตะ (Kumamoto) ตั้งอยู่ที่เมืองคุมะโมะโตะ บนเกาะคิวชู (Kyushu) ซึ่งอยู่ทางใต้ของญี่ปุ่น อยู่ห่างจากเกาะมิยะจิมะประมาณ 380 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากนาริตะประมาณ 1270 กิโลเมตร

 

ภายในหนึ่งวันเราเดินทางกันถึง 1650 กว่ากิโลเมตร โดยรถไฟหัวกระสุน (bullet train) ‘ชินกันเซ็น’ เช้าวันรุ่งขึ้นเราใช้บัตรอภิสิทธิ์คือตั๋ว JR pass จากเกาะมิยะจิมะเราไปขึ้นรถไฟชินกันเซ็นที่ฮิโรชิม่าไปยังคุมะโมะโตะ ใช้เวลาสองชั่วโมงครึ่ง ตรงดิ่งไปชมซากุระที่ปราสาทคุมะโมะโตะ แล้วขึ้นรถไฟชินกันเซ็นกลับไปยังนาริตะ ใช้เวลาเจ็ดชั่วโมงครึ่ง ทรหดมาก

 

ปราสาทคุมะโมะโตะกับดอกซากุระ

อ่านเวอร์ชั่นที่มีรายละเอียดการท่องเที่ยวและการเดินทางได้ที่ลิงค์ข้างล่างค่ะ

ดอกซากุระของปี 2015 บานแล้วจ้า

ปราสาทคุมะโมะโตะในวันดอกไม้บาน

 

มองลงมาจากบนปราสาทคุมะโมะโตะ

 

โคมไฟเทศกาลดอกซากุระ

 

คุ้มค่ากับการเดินทาง

 

บล็อกที่แล้วมีเพื่อนหลายคนคิดว่าดอกพลัมคือดอกซากุระ อ้อยหวานจึงขอนำเอานางงามทั้งสองมาประชันกัน ให้จะจะไปเลย

ข้อแตกต่างระหว่างดอกพลัมกับดอกซากุระ

1. กลิ่นหอม

ดอกพลัมมีกลิ่นหอมหวานมากๆ ดอกซากุระ จะไม่ค่อยมีกลิ่นหอม ถ้ามีก็จางๆ

 

2. กลีบดอก

ทั้งดอกพลัมและดอกซากุระมีกลีบรูปวงรี มีลักษณะคล้ายๆ กัน แต่ดอกซากุระมีรอยแยกเล็ก ๆ ตรงปลายกลีบ ในขณะที่กลีบดอกพลัมไม่มี

 

3.ดอกตูม

ดอกตูมของพลัมจะกลม จะขึ้นจากกิ่งเป็นดอกเดี่ยวๆ และมีก้านดอกสั้น ส่วนดอกตูมของซากุระจะเป็นรูปวงรี ดอกออกมาเป็นช่อ และมีก้านดอกยาวกว่าดอกพลัม

 

4.เปลือกต้น

เปลือกต้นซากุระจะมีสีเทาอ่อน และมีเส้นแนวนอนที่เรียกว่า ‘lenticels’ อยู่บนเปลือก สวนเปลือกของต้นพลัมจะเป็นสีเข้มเกือบดำและไม่มีเส้น lenticels

 

ที่จริงยังมีอีก อยากทราบ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่นี่ค่ะ

http://www.cbc.ca/news/canada/british-columbia/8-ways-to-tell-a-cherry-blossom-from-a-plum-blossom-1.2595629

http://www.kyuhoshi.com/2015/01/02/difference-between-cherry-blossom-and-plum-blossom/

อ้อยหวานขอเสริมอีกอย่างคือลูกของพลัมญี่ปุ่นกินได้ นำมาดอง ตากแห้ง ดองเหล้า ทำได้หลายอย่าง แต่ลูกของซากุระกินไม่ได้

 

ต้นไหนคือต้นพลัม? ต้นไหนคือต้นซากุระ?

รูปนี้ถ่ายที่สวนของวัดฮะเซะ-เดะระ มีทั้งต้นพลัมและต้นซากุระ ทิ้งไว้ให้เป็นแบบฝึกหัด ไปฝึกแยกแยะกันเองนะคะ

 

อ้อยหวานถือโอกาสนี้ขอบคุณผู้ร่วมทางเที่ยวและทางชีวิต

Tom.. Thank you for a good trip and good companionship. Happy 28th Anniversary!

 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่องญี่ปุ่น ในตอนต่อไป

 

อ่านชีวิตคือการเดินทาง ตอนแรกๆ ได้ที่นี่่ค่ะ

ชีวิตคือการเดินทาง

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ทำไมต้องท่องเที่ยว

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ฉันรักสวนลุม

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน มีรักที่ราชบุรี

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดับเบิ้ลดีที่อัมพวา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ทะเล หาดทราย สายลม และสองเรา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน หัวหิน..ไม่สิ้นเสน่หา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน หากเธอคือฟ้า ฉันจะเป็นทะเล

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ปั่นช้าๆ ตาม..เสียงเกลียวคลื่นและกลิ่นไอทะเล

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ปั่นตามใจ ไปตามฝัน

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดั่งหนึ่งเม็ดทราย

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน สุขใจ@นครศรีธรรมราช

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน เที่ยวเมืองลุง ไม่ยุ่งหัวใจ

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน วันฟ้าใส..ในภูเก็ต

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ลาก่อนเมืองฟ้าอมร สวัสดีแดนอาทิตย์อุทัย

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน แม้แต่เทพสวรรค์ยังรายล้อมรอบ..ดอกพลัม

 

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

 

 

 

 


ชีวิตคือการเดินทาง ตอน พริ้วไหวดั่งไผ่ต้องลม

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

ดุเหว่าส่งเสียงร้อง            a cuckoo's cry --                      

จันทร์ส่องแสงนวลสุกใส    moonlight seeping through  

เปล่งประกายผ่านป่าไผ่     a large bamboo grove            

กลอนไฮกุของท่าน Matsuo Basho

 

บล็อกนี้มาเอาใจคนรักไผ่ อ้อยหวานได้พบเจอไม้ไผ่ในทุกหนแห่งในญี่ปุ่น ในสวน ริมแม่น้ำ บนภูเขา ไม้ไผ่ใกล้ชิดกับชีวิตของคนญี่ปุ่นอย่างแนบแน่น ไม่ว่าญี่ปุ่นจะเจริญก้าวหน้าไปไกลแค่ไหน ตะเกียบ เอ้ย ไม้ไผ่ ก็เกาะตามไปด้วยอย่างเหนียวแน่น จนเรียกได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของคนญี่ปุ่นเลยทีเดียว

 

คนญี่ปุ่นทั้งใช้ (ไม้ไผ่) ทั้งกิน (หน่อไม้)  ไม้ไผ่ใช้สร้างบ้าน ตั้งแต่ รั้วบ้าน หลังคา พื้นบ้าน ประตู หน้าต่าง ไปจนถึงม่าน และมูลี่ ในครัวก็มีผลิตภัณฑ์ไม้ไผ่เต็มไปหมด อ้อยหวานชอบไม้หรือแปรงคนชาที่ทำด้วยไม้ไผ่ น่ารักมาก

 

วันสุดท้ายก่อนลาจากคามาคุระ คนที่ชอบต้นไผ่มากๆ อย่างคุณผู้ชาย ก็แย้งว่า ช้าก่อน!! ยังไปจากคามาคุระไม่ได้ หากไม่ได้ไปเยือนป่าไผ่ของวัดโฮะโกะกุ-จิ วัดเรืองชื่อ (จากป่าไผ่) ของคามาคุระ

 

ที่จริงเราเคยแวะชมวัดโฮะโกะกุ-จิและป่าไผ่ของวัด เมื่อ 28 ปีที่แล้ว ทุกอย่างเกือบเหมือนเดิม ยกเว้น 28 ปีก่อนไม่มีค่าเข้าชม ตอนนี้เก็บค่าเข้าชมแล้ว แต่ก่อนเป็นทางดิน ซึ่งเป็นธรรมชาติมาก เดี๋ยวนี้เป็นทางหิน

อ่านเวอร์ชั่นที่มีรายละเอียดการท่องเที่ยวและการเดินทางได้ที่ลิงค์ข้างล่างค่ะ

มนต์เสน่ห์ป่าไผ่ วัดโฮะโกะกุ-จิ

 

รูปไผ่ในบล็อกนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นไผ่ของวัดโฮะโกะกุ-จิ

 

ญี่ปุ่นมีไผ่หลายชนิดแต่ที่เห็นมากที่สุดคงจะเป็นไผ่พันธ์ ‘โมะโสะ’ (moso) ป่าไผ่ของวัดโฮะโกะกุ-จิ มีไผ่ โมะโสะ 2000 กว่าต้น สวนญี่ปุ่นก็ต้องมีโรงน้ำชา ดื่มไป ชื่นชมไผ่ไป สุดสบายอารมณ์

 

ไปญี่ปุ่นคราวนี้อ้อยหวานกับคุณผู้ชายได้ไปเดินป่ากันหลายครั้ง การเดินป่า หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Hiking ที่จริงแล้วคำนี้กว้างกว่า ‘เดินป่า’ แต่อ้อยหวานหาคำภาษาไทยให้ตรงกันไม่ได้ เพราะ ‘เดินเขา’ ก็ใช่ ‘เดินทุ่ง’ ก็ใช่

 

คุณผู้ชายชอบเดินมาก พาอ้อยหวานเดินจนเท้าแบะ ส่วนอ้อยหวานก็พาคุณผู้ชายปั่นจักรยานที่เมืองไทยเสียจนก้นแบะเหมือนกัน

 

การเดินป่า หรือ Hiking นั้น นิยมกันมากที่ญี่ปุ่น และอ้อยหวานคิดว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเที่ยวญี่ปุ่น ได้สัมผัสญี่ปุ่นอย่างลึกซึ้ง ได้สัมผัสธรรมชาติ และห่างไกลนักท่องเที่ยวที่มากันเป็นฝูง ปั่นจักรยานก็เป็นวิธีที่ดี แต่มีข้อเสียคือ ญี่ปุ่นเป็นเกาะ มีภูเขาสูงๆ มากมาย และเมืองก็ติดๆ กัน

 

มีอยู่วันหนึ่งเรานั่งรถไฟไปเดินป่าที่เทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น และโชคดีจัง (หรือเปล่า!!!) ที่ก่อนหน้านั้นหนึ่งวันที่นั่นมีพายุหิมะ เราสองคนคุ้นเคยกับหิมะของแคนนาดา จึงไม่ยี่หระกับหิมะแค่ 1-2 ฟุต แต่นักท่องเที่ยวคนอื่นๆ แค่มาเยียบหิมะ แล้ววิ่งขึ้นรถไป

 

เส้นทาง 8 กิโลเมตรในหุบเขาเลยเป็นของเราแต่ผู้เดียว เงียบสงบ และงดงาม วันนั้นเราไม่กลัวหิมะ และไม่กลัวหมีด้วย เขามีระฆังสำหรับเคาะเตือนหมีไว้เป็นระยะๆ มีป้ายกำกับไว้ว่า ‘โปรดเคาะดังๆ’ ซึ่งเราก็ทำตามอย่างไม่อิดเอื้อน

อ่านเวอร์ชั่นที่มีรายละเอียดการท่องเที่ยวและการเดินทางได้ที่ลิงค์ข้างล่างค่ะ

เดินป่าบนเส้นทางเก่าแก่ ‘นะกะเซ็นโดะ’

ในนั้นมีรูปสวยๆ ของเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่นนะคะ และหากแวะไปอ่านช่วยกรุณากด Like ให้อ้อยหวานด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

 

ไผ่ โมะโสะ มีอีกชื่อหนึ่งว่า ไผ่กระดองเต่า (tortoise-shell bamboo) เป็นพันธุ์ไม้ในตระกูลหญ้า (Poaceae)

 

มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Phyllostachys edulis คำว่า ‘edulis’ ในภาษาละตินแปลว่า ‘กินได้’ นั่นคือหน่อกินได้ แต่ต้องนำหน่อไผ่ โมะโสะไปต้มจนนิ่ม เพื่อขจัดกรด oxalic และสารเคมีที่เป็นพิษ เริ่มแรกคือหั่นเปลือกออกให้หมด แล้วนำไปต้มกับน้ำรำข้าวที่เป็นด่าง ใช้เวลาต้มนานกว่า 30 นาที หรือมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับขนาดของหน่อไม้

 

ไผ่ โมะโสะ มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน โตเต็มที่จะสูงประมาณ 15-30 เมตร เป็นไผ่ที่ใช้มากที่สุดในอุตสาหกรรมไม้ไผ่

อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับไผ่ โมะโสะ ได้ที่

http://en.wikipedia.org/wiki/Phyllostachys_edulis

 

ในภาษาญี่ปุ่น หน่อไม้เรียกว่า ทะเคะโนะโคะ (takenoko) แปลตรงๆ ได้ว่า ‘ลูกไผ่’ อ้อยหวานชอบชื่อนี้จัง และอยากกินแกงส้มลูกไผ่ เอาแบบใต้ เผ็ดร้อนแรง (นอกเรื่องอีกแล้ว)

 

ต้นไผ่ในญี่ปุ่นถือกันว่าเป็นสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรือง ในวันปีใหม่ตามบ้าน ร้านค้า ศาลเจ้า และสถานที่ต่างๆ ในญี่ปุ่น จะตกแต่ง ด้วย คะโดะมะซึต (kadomatsu) เป็นไม่ไผ่สามกระบอกที่เอามาผูกด้วยกัน และตกแต่งด้วยดอกพลัมกับใบสน

 

เสียงใบไผ่ต้องสายลมอ่อนๆ

แกว่งไกว เสียดสีกัน

ดุจเพลงบรรเลงแผ่วเบา

 

ปีที่แล้วอ้อยหวานได้ไปชมป่าไผ่ชื่อดังของเกียวโต แต่ไม่ได้เขียนบล็อก ตามอ่านได้ที่ลิงค์ข้างล่างค่ะ

อ่านไฮกุ กินดังโกะ ชมป่าไผ่

 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่องญี่ปุ่น ในตอนต่อไป

 

อ่านชีวิตคือการเดินทาง ตอนแรกๆ ได้ที่นี่่ค่ะ

ชีวิตคือการเดินทาง

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ทำไมต้องท่องเที่ยว

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ฉันรักสวนลุม

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน มีรักที่ราชบุรี

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดับเบิ้ลดีที่อัมพวา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ทะเล หาดทราย สายลม และสองเรา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน หัวหิน..ไม่สิ้นเสน่หา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน หากเธอคือฟ้า ฉันจะเป็นทะเล

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ปั่นช้าๆ ตาม..เสียงเกลียวคลื่นและกลิ่นไอทะเล

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ปั่นตามใจ ไปตามฝัน

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดั่งหนึ่งเม็ดทราย

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน สุขใจ@นครศรีธรรมราช

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน เที่ยวเมืองลุง ไม่ยุ่งหัวใจ

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน วันฟ้าใส..ในภูเก็ต

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ลาก่อนเมืองฟ้าอมร สวัสดีแดนอาทิตย์อุทัย

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน แม้แต่เทพสวรรค์ยังรายล้อมรอบ..ดอกพลัม

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดอกซากุระ..สัญลักษณ์แห่งชีวิตและความไม่ยั่งยืน

 

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ยกทะเลมาไว้ที่โตเกียว 1

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

ดูดอกไม้ต้นไม้ มาหลายบล็อก เบื่อไหมคะ? บล็อกนี้เราไปเดินดู (ของ) ทะเลกันดีกว่า ที่ตลาดปลาซึตกิจิ (Tsukiji) ของโตเกียว ตลาดปลาที่ใหญ่สุดในประเทศญี่ปุ่น

 

เดินตามคุณผู้ชายไปติดๆ เลยนะ อย่าเฉไฉ เงอะๆ เงิ่นๆ เพราะตลาดปลาซึตกิจิคึกคักและวุ่นวายมากๆ ในรูปดูไม่ค่อยวุ่นวาย แต่จริงๆ แล้วจะมีรถขนปลาที่ดูแปลกๆ วิ่งกันวุ่นไปเลย

 

ก่อนเข้าตลาด เรามาดูข้อห้ามหรือข้อควรทำเสียก่อน ส่วนมากจะมีแต่ No! No! No! อย่าทำโน่น! อย่าทำนี่! ที่นี่เป็นที่เดียวที่อ้อยหวานพบเจอความไม่ค่อยจะเป็นมิตรต่อนักท่องเที่ยว เพราะอะไร?  เพราะตลาดปลาซึตกิจิ คึกคักและวุ่นวายมากๆ (ขอย้ำ) เป็นตลาดที่ค้าขายส่งกันอย่างซีเรียสจริงๆ และนักท่องเที่ยวก็ไปเดิน ไปยืน เกะกะ ขวางทางเขา

 

ป้ายแบบนี้ติดกันเต็มไปตลอดทาง

 

เห็นไหมว่าห้ามทำอะไรบ้าง ป้ายนี้บอกว่าห้ามมาก่อน 9 โมงเช้า ที่จริงตลาดปลาซึตกิจิเปิดทำการตั้งแต่ตี 3 แต่ช่วงเวลา 3-9 โมงเช้านั้น เป็นช่วงเวลาที่ตลาดคึกคักและวุ่นวายที่สุดไม่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวไปเดินชม

 

NO!! NO!! หลายอย่างมาก ป้ายนี้บอกว่าไม่พารถเข็นและเด็กเล็กมา

 

NO!! NO!!

 

ที่จริงแล้วตลาดปลาซึตกิจิ จะมีอยู่ 2 ส่วนคือ ตลาดส่วนใน (Jonai Shijo) และตลาดส่วนนอก (Jogai Shijo) ที่เหมาะสมกับนักท่องเที่ยว แต่คุณผู้ชายอยากเห็นตลาดของจริง คือตลาดส่วนใน ไม่ใช่ตลาดนักท่องเที่ยว ดังนั้นเราจึงยอมไปเดินย่ำพื้นที่เฉอะฉะมากๆ ของตลาด ยอมไปเดินเกะกะ ให้พ่อค้ามองแบบตาขวางๆ ขุ่นๆ ก็พวกนักท่องเที่ยวไม่ได้ซื้ออะไร หรือซื้ออะไรไม่ได้ มีแต่ดูและถ่ายรูปเท่านั้น อ้อยหวานโดนไปหนึ่งครั้ง เพราะเห็นสิ่งแปลกๆ ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แล้วเอากล้องไปจ่อใกล้ๆ เลยโดนลุงเจ้าของร้านตะคอกใส่

 

เขายกทะเลมาไว้ที่ตลาดซึตกิจิ จริงๆ ละลานตาไปหมด

 

หอย ปู ปลาสดๆ มีให้เลือกเกือบทุกชนิด

 

ช่วยกันหั่นปลาทูน่า ที่นี่เขาใช้ดาบซามูไรกันเลยละ

 

สีสดจริงๆ

 

ปลาทูน่าแช่แข็ง แต่ละชิ้นใหญ่มากๆ ต้องใช้เลื่อยไฟฟ้าหั่น

***********************

ปลาทูน่าครีบน้ำเงิน หรือ ปลาทูน่ายักษ์ (bluefin tuna, Giant blufin tuna) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Thunnus thynnus  เป็นปลาทะเลในวงศ์ปลาอินทรีย์ (Scombridae) โดยทั่วไปจะมีขนาด 200 เซนติเมตร ปลาทูน่ายักษ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่ได้บันทึกไว้ มีความยาว 458 เซนติเมตร และหนักถึง 684 กิโลกรัม ปลาทูน่ายักษ์มีอายุยาวกว่า 30 ปี

ปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือ นั้นเป็นปลาเศรษฐกิจที่มีความสำคัญเช่นเดียวกับปลาทูน่าชนิดอื่น ๆ โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น เป็นปลาที่ชาวญี่ปุ่นทำการประมงมานานกว่า 5,000 ปี โดยชาวพื้นเมืองชาวไฮดาในแถบแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ และมีการประมูลซื้อขายปลากันในตลาดสดยามเช้า โดยในต้นปี ค.ศ. 2011 มีการให้ราคาปลาตัวที่มีน้ำหนักมากถึง 342 กิโลกรัม ด้วยราคาเกือบ 32,500,000 เยน (ประมาณ 11,900,000 บาท) ที่ตลาดปลาซึตกิจิในกรุงโตเกียว นับเป็นการทำลายสถิติเดิมที่เคยทำไว้ที่น้ำหนัก 202 กิโลกรัม เคยถูกประมูลด้วยราคา 20 ล้านเยน  ปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือด้วยความที่เป็นปลาขนาดใหญ่ มีน้ำหนักเกินกว่า 130 กิโลกรัม จึงมีเนื้อส่วนที่ติดไขมันมากกว่าปลาทูน่าชนิดอื่น

ขอบคุณข้อมูลจาก วิกิพีเดีย

 

ปลาหมึกยักษ์ มีกันหลายแบบ หลายขนาด

 

หอยงวงช้าง หรือ หอยกูอีดั๊ก (Geoduck) หอยหน้าตาแสนแปลกก็มีขาย

 

หอยงวงช้าง หรือ หอยกูอีดั๊ก (Geoduck) เป็นหอยสองฝาที่พบในทะเลชนิดหนึ่ง มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Panopea generosa เป็นหอยที่มีลักษณะเด่นคือ มีเปลือกสีขาวยาวประมาณ 15-20 เซนติเมตร มีท่อดูดยื่นยาวออกมาจากเปลือกอย่างเห็นได้ชัด ตอนปลายของท่อดูดมีรู 2 รู แยกเป็นรูดูดอาหารและรูปล่อยของเสียรวมถึงสเปิร์มในตัวผู้ และไข่ในตัวเมีย  แลดูคล้ายงวงของช้าง ท่อนี้มีความยาวได้ถึง 1 เมตร

หอยกูอีดั๊กอาศัยในทะเล โดยการฝังตัวใต้ทรายบริเวณชายฝั่งบริติชโคลัมเบีย ในมหาสมุทรแปซิฟิก ระหว่างประเทศแคนาดาและสหรัฐอเมริกา หากินโดยการกินสาหร่ายทะเลเป็นอาหาร เมื่อถูกจับขึ้นมา จะพ่นน้ำคัดหลั่งออกมาจากปลายท่อดูด

หอยกูอีดั๊กขยายพันธุ์ด้วยการที่ตัวผู้จะปล่อยน้ำเชื้อออกมาปฏิสนธิพร้อมกับตัวเมียที่ปล่อยไข่ออกมาได้ราวครั้งละ 10 ล้านฟอง ลูกหอยขนาดเล็กจะขุดหลุมฝังตัวใต้ทรายในระดับที่ตื้น ๆ ก่อนที่จะขุดลึกลงไปเรื่อย ๆ ตามวัยที่โตขึ้น ซึ่งอาจลึกได้ถึง 110 เมตร นอกจากนี้แล้ว หอยชนิดนี้ยังมีอายุยืนได้ถึง 146 ปี นับเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่มีอายุยืนที่สุดของโลก

เป็นหอยที่นิยมบริโภคกันทั้งในสหรัฐอเมริกาหรือประเทศทางภูมิภาคเอเชียตะวันออก โดยนิยมทำไปเป็นซูชิในอาหารญี่ปุ่น โดยถูกเฉือนเป็นแผ่นบาง ๆ หรือปรุงเป็นอาหารจีน ซึ่งมีชื่อเรียกในภาษาจีนเรียกว่า 象拔蚌 (หอยงวงช้าง)

ปัจจุบัน หอยชนิดนี้มีการเพาะเลี้ยงเป็นอุตสาหกรรม ลูกหอยที่เพาะออกมาได้ จะถูกนำไปฝังไว้ใต้ทรายบริเวณชายหาดในท่อพลาสติก ซึ่งต้องใช้เวลานานกว่า 5 ปี กว่าหอยจะโตเต็มวัยถึงขนาดที่จับขายได้

ขอบคุณข้อมูลจาก วิกิพีเดีย

 

ถาดนี้ดูเหมือนหอยแมลงภู่ แต่ตัวใหญ่กว่ามาก

 

หอยเป๋าฮื้อที่ญี่ปุ่นเขานิยมกินกันสดๆ ดิบๆ ที่จริงคนญี่ปุ่นก็ชอบกิน (เกือบ) ทุกอย่างแบบไม่ต้องทำอะไรให้มากเรื่อง คือสดๆ ดิบๆ มายังไง ก็กินง่ายๆ แบบนั้น บางอย่างก็อร่อยดี แต่บางอย่างอ้อยหวานกินไม่ได้เลย เช่นหอยเป๋าฮื้อสดเป็นต้น

******************

หอยเป๋าฮื้อ หรือ หอยโข่งทะเล (Abalone) เป็นหอยฝาเดียว (Gastropod) ที่มีผู้นิยมรับประทานกันอย่างกว้างขวางในหมู่ผู้มีอันจะกินและมีราคาแพง เป็นที่ต้องการของตลาดโลก มีรายงานว่าในปี ค.ศ. 1985 ผลผลิตทั่วโลกมีประมาณ 16,000 ตัน ต่อมาในปี 1994 ผลผลิตลดลงเหลือประมาณ 9,000 ตัน เพราะผลผลิตส่วนใหญ่ จับได้จากธรรมชาติ ซึ่งมีปริมาณลดน้อยลง แม้หลายประเทศมีการเลี้ยงเป็นอุตสาหกรรม แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับความต้องการ ประเทศที่มีการเลี้ยงเป็นอุตสาหกรรม ได้แก่ ญี่ปุ่น เม็กซิโก ชิลี จีน ไต้หวัน สหรัฐอเมริกา และเกาหลี เป็นต้น หอยเป๋าฮื้อ ที่พบในธรรมชาติทั่วโลกมีประมาณ 100 ชนิด ส่วนใหญ่จะอยู่ในเขตอบอุ่น (Temperate Zone) แต่ที่นิยมเลี้ยงมีไม่เกิน 20 ชนิด มีขนาดค่อนข้างใหญ่และใช้เวลาเลี้ยง 4-5 ปี ในน่านน้ำไทยมีรายงานว่าพบหอยเป๋าฮื้อ 3 ชนิด คือ Haliotis asinina, H.ovina และ H.varia ในจำนวนทั้ง 3 ชนิด H.asinina เป็นขนาดใหญ่ที่สุดมีขนาดยาวถึง 12 เซนติเมตร มีการนำมาทดลองเลี้ยงและเพาะพันธุ์ ปรากฏว่าสามารถเพาะพันธุ์ได้ และวางไข่ตลอดปี (Singhagraiwan 1989, Poomthongetal 1997) มีการเจริญเติบโตได้ 3-5 มิลลิเมตรต่อเดือน โดยใช้สาหร่ายสดและกินอาหาร พวกสาหร่ายทะเล ได้แก่ สาหร่ายผมนาง (Gracilaria, Acanthophora, Hypnea) นอกจากนี้ ยังกินอาหารสำเร็จรูปได้ดี

ขอบคุณข้อมูลจาก กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

 

ชิระโกะ (shirako) อาหารอร่อยของคนญี่ปุ่นเขาละ มันคือ ท่อเก็บน้ำอสุจิของปลาหรือถุงสเปิร์มของปลานั่นเอง เขาว่ากันว่ายิ่งกินแบบสดๆ จะให้ความรู้สึกเหนียวนุ่มชุ่มน้ำมันเป็นรสสัมผัสแห่งความสด คล้ายๆ กับครีมคัสตาร์ดที่นุ่มละมุนลิ้น!! ที่จริงก็ถือว่าเป็นการดีคือกินทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่เสียของ อ้อยหวานไม่ได้ลองชิมดู เพราะมันดูไม่น่ากินเอามากๆ

 

อ่านเวอร์ชั่นที่มีรายละเอียดการท่องเที่ยวและการเดินทางได้ที่ลิงค์ข้างล่างค่ะ

เยือนตลาดปลาซึตกิจิ โตเกียว

 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่องตลาดปลาซึตกิจิ  ของญี่ปุ่น ในตอนต่อไป

 

อ่านชีวิตคือการเดินทาง ตอนแรกๆ ได้ที่นี่่ค่ะ

ชีวิตคือการเดินทาง

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ทำไมต้องท่องเที่ยว

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ฉันรักสวนลุม

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน มีรักที่ราชบุรี

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดับเบิ้ลดีที่อัมพวา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ทะเล หาดทราย สายลม และสองเรา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน หัวหิน..ไม่สิ้นเสน่หา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน หากเธอคือฟ้า ฉันจะเป็นทะเล

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ปั่นช้าๆ ตาม..เสียงเกลียวคลื่นและกลิ่นไอทะเล

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ปั่นตามใจ ไปตามฝัน

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดั่งหนึ่งเม็ดทราย

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน สุขใจ@นครศรีธรรมราช

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน เที่ยวเมืองลุง ไม่ยุ่งหัวใจ

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน วันฟ้าใส..ในภูเก็ต

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ลาก่อนเมืองฟ้าอมร สวัสดีแดนอาทิตย์อุทัย

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน แม้แต่เทพสวรรค์ยังรายล้อมรอบ..ดอกพลัม

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดอกซากุระ..สัญลักษณ์แห่งชีวิตและความไม่ยั่งยืน

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน พลิ้วไหวดั่งไผ่ต้องลม

 

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ยกทะเลมาไว้ที่โตเกียว 2

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 


บล็อกนี้เราไปเดินดูตลาดปลาซึตกิจิ (Tsukiji) ตลาดปลาชื่อดังของโตเกียวกันต่อค่ะ อย่างที่อ้อยหวานบอกไว้ในบล็อกที่แล้วว่าตลาดปลาซึตกิจิ จะมีอยู่ 2 ส่วนคือ ตลาดส่วนนอก ที่เขาจัดเอาไว้ดักเอาเงินนักท่องเที่ยว และตลาดส่วนใน ที่เป็นตลาดของจริง เป็นตลาดที่ค้าขายส่งกันอย่างซีเรียสจริงๆ

 

 

แต่ตลาดส่วนในไม่เหมาะสมที่นักท่องเที่ยวจะไปเดินชม เพราะไปเกะกะ ขวางทางเขา แต่คุณผู้ชายอยากเข้าไปดู เราเดินไปเก็บรูปไป โดยมีพ่อค้าซามูไรมองตามแบบตาขวาง ตาขุ่น

 

รถขนปลาที่ใช้ในตลาด รูปร่างแปลกๆ คนขับเขายืนขับ ทะมัดทะแมงน่าดูเลยละ วิ่งกันปรู๊ดปร๊าดทั่วตลาด

 

อ้อยหวานเรียกเจ้าข้างบนว่าหอยโข่ทะเล แบบมั่วๆ ที่จริงมันคือ สับปะรดทะเล (Sea pineapple)  อันนี้ไม่ได้มั่วนะ ชื่อของพวกเขาจริงๆ สับปะรดทะเล (Sea pineapple)เป็นสัตว์ทะเลชนิดหนึ่ง ไม่ใช่หอย ไม่ใช่ปะการัง ไม่ใช่สาหร่าย หรืออะไรทั้งสิ้น คนญี่ปุ่นเขานิยมกินกันสดๆ ดิบๆ อ้อยหวานไม่ได้ลองชิมดู เลยไม่รู้ว่าจะอร่อยเลิศเยี่ยงไร

 

ทีนี้มาถึงตัวการที่ทำให้อ้อยหวานโดนลุงเจ้าของร้านตะคอกใส่ เห็นไหมรูปไม่ชัดเลย ดูคล้ายไข่ปลา แต่ดูแปลกมากๆ ดู คุณผู้ชายก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ว่าแล้วก็เอากล้องไปจ่อใกล้ๆ ลุงซามูไรก็ตวาด “เฮ้ย!!”  ในทันใด อ้อยหวานตกใจ!! กล้องเกือบหลุดจากมือ!!

กลับมาบ้านเสาะหาข้อมูลเลยรู้ว่าเจ้าข้างบนไปจากแคนนาดานี่เอง เป็นอาหารอันโอชะของคนพื้นเมืองที่บริติชโคลัมเบีย ชายฝั่งแปซิฟิก มานานหลายศตวรรษ มันคือ สาหร่ายทะเลที่ปกคลุมไปด้วยไข่ปลาเฮอร์ริ่ง (Herring Spawn On Kelp) เป็นเช่นนั้นตามธรรมชาติ และมีอยู่ที่นี่แห่งเดียวในโลก รัฐบาลแคนนาดามีกฎหมายอนุญาติให้เฉพาะคนพื้นเมือง ที่แคนนาดาเรียกว่า First Nations การเก็บเกี่ยวได้เท่านั้น ส่วนมากถูกส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า โคะโมะชิ คอมบุ (Komochi Kombu)

 

หลังจากโดนว๊าก!! อ้อยหวานชวนคุณผู้ชายออกจากตลาดส่วนใน  เดินออกมาได้หน่อยก็เจอผู้คนเข้าคิวกันแน่นเอี้ยดหน้าร้านซูซิชื่อดัง มีกันหลายร้าน แน่นทุกร้าน ยังไปไม่ถึงตลาดส่วนนอกเลยนะเนี่ย

 

ผู้คนที่ตลาดส่วนนอก ก็แน่นเอี๊ยดเช่นกัน บรรยากาศคล้ายๆ กับตลาดจตุจักรของบ้านเรา

 

เป็นซอกเป็นซอยเหมือนกัน และมีร้านค้าหลากหลายชนิด และหนักไปทางของกิน

 

มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง.. แผงนี้คนมุงกันเต็ม กลิ่นหอมสุดๆ

 

ไม่ไกลกันก็เป็นแผงนี้ คนมุงไม่แพ้เลย

 

ไข่หวานเสียบไม้ คุณผู้ชายซื้อมาชิมหนึ่งไม้ เราเห็นต้องกันว่า งั้นๆ

 

ซาละเปาไส้ไข่หอยเม่น!!

 

ร้านขายปลาสด

 

ข้างนอกนี้ก็ยังใช้ดาบซามูไรหั่นปลา

 

ไข่ปลานานาชนิด

 

แผงขายผักและผลไม้ ผลไม้ส่วนมากมีแต่พวกส้มชนิดต่างๆ

 

อันนี้คล้ายๆ วอเตอร์เครส

 

ร้านของฝาก ของที่ระลึก

 

คนแน่นมากๆ ถ่ายรูปยาก เราเลยแวะเข้าร้านซูชิ มาถึงถิ่นแล้วต้องชิมกันหน่อย ไม่ได้ถ่ายรูปร้านมา เพราะแคบมาก นั่งไหล่แทบเกยกัน

 

ชุดนี้ของอ้อยหวาน

 

ชุดนี้ของคุณผู้ชาย

โดยรวมแล้วก็ OK ความสดต้องยกนิ้วให้ว่าเป็นเลิศ แต่ร้านเล็กนิดนึง คุณผู้ชายยกตะเกียบทีนึงก็กระแทกอ้อยหวาน เลยรีบๆ กิน แล้วออกมา

 

ก่อนขึ้นรถไฟออกจากบริเวณนั้น เราแวะไว้พระที่วัดใกล้ๆ ตลาดปลาซึตกิจิ  วัดซึตกิจิ  ฮอนกัน-จิ (Tsukiji Hongan-ji) เป็นวัดพุทธสร้างขึ้นในปี 1934 เป็นวัดญี่ปุ่นที่ดูแตกต่างจากวัดอื่นๆ

 

เขากำลังทำพิธีกันอยู่ เลยไม่ได้อยู่นาน

 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่องญี่ปุ่น ในตอนต่อไป

 

อ่านชีวิตคือการเดินทาง ตอนแรกๆ ได้ที่นี่่ค่ะ

ชีวิตคือการเดินทาง

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ทำไมต้องท่องเที่ยว

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ฉันรักสวนลุม

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน มีรักที่ราชบุรี

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดับเบิ้ลดีที่อัมพวา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ทะเล หาดทราย สายลม และสองเรา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน หัวหิน..ไม่สิ้นเสน่หา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน หากเธอคือฟ้า ฉันจะเป็นทะเล

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ปั่นช้าๆ ตาม..เสียงเกลียวคลื่นและกลิ่นไอทะเล

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ปั่นตามใจ ไปตามฝัน

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดั่งหนึ่งเม็ดทราย

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน สุขใจ@นครศรีธรรมราช

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน เที่ยวเมืองลุง ไม่ยุ่งหัวใจ

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน วันฟ้าใส..ในภูเก็ต

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ลาก่อนเมืองฟ้าอมร สวัสดีแดนอาทิตย์อุทัย

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน แม้แต่เทพสวรรค์ยังรายล้อมรอบ..ดอกพลัม

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดอกซากุระ..สัญลักษณ์แห่งชีวิตและความไม่ยั่งยืน

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน พลิ้วไหวดั่งไผ่ต้องลม

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ยกทะเลมาไว้ที่โตเกียว 1

 

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ประตูโทริประตูสู่แดนศักดิ์สิทธิ์

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

บล็อกนี้อ้อยหวานเอาสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความเป็นญี่ปุ่น นอกเหนือจาก ซากุระ และปลาดิบแล้ว สิ่งที่เห็นบุ๊บบอกได้ทันทีว่าเป็นญี่ปุ่น นั่นคือประตูโทริ ยิ่งทาสีแดงชาด ยิ่งต้องตะโกนเลยว่า ญี่ปุ่น !! ประตูโทริเป็นประตูที่แบ่งโลกมนุษย์และโลกของวิญญาณศักดิ์สิทธิ์หรือเทพเจ้าในลัทธิชินโต ศาลเจ้าชินโตทุกแห่งจะต้องมีประตูโทริอย่างน้อยหนึ่งประตู

 

ประตูโทริที่โดดเด่น โด่งดัง สุดๆ  ก็คงจะไม่พ้นประตูโทริของเกาะมิยะจิมะ (Miyajima) ประตูโทริแดงแห่งมิยะจิมะ สัญลักษณ์ของญี่ปุ่น รองจากภูเขาฟูจิ สูง 16.6 เมตร สร้างจากลำต้นของต้นการบูรหรือแคมเฟอร์

 

อ้อยหวานและคุณผู้ชายแวะไปที่เกาะมิยะจิมะสองครั้ง ครั้งแรกเมื่อ 28 ปีที่แล้ว และครั้งหลังเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ประตูโทริยังยืนอยู่ที่เดิม ที่ได้ยืนดูผู้คนผ่านไปผ่านมานับหลายร้อยปี ถ้าประตูโทริพูดได้คงจะมีเรื่องเล่ามากมาย เรามาถึงเกาะมิยะจิมะในช่วงน้ำขึ้น ประตูโทริดูเด่นสง่า เหมือนว่าลอยล่องอยู่ในทะเล

 

ไปเดินชมป่าเขาเหนือเกาะ กลับลงมาบ่ายคล้อย น้ำลงจนได้เดินออกไปชมประตูโทริอย่างใกล้ชิด พร้อมๆ กับนักท่องเที่ยวอีกมากมาย

 

ภาพประตูโทริกับภูเขาเหนือเกาะ ตัดกันได้อย่างลงตัว

 

มีคนมาขุดหาหอยกันเยอะ

 

สาหร่ายทะเลก็มีหลากหลายชนิด

 

บางอย่างคงกินได้ เพราะมีน้องกวางมากินกัน

 

เราค้างคืนบนเกาะ เลยได้ชมประตูโทริยามราตรี กับบรรยากาศที่แสนโรแมนติก

 

ยามค่ำคืนแสงไฟฉายส่องประตูโทริให้ดูโดดเด่นตัดกับท้องฟ้ามืดมิด

 

ประตูโทริยามเช้าตรู่ มีแต่เราสองคนกับน้องกวางหลายตัว

อ่านเวอร์ชั่นที่มีรายละเอียดการท่องเที่ยวและการเดินทางได้ที่ลิงค์ข้างล่างค่ะ

หลากหลายมุมของประตูโทริชื่อดัง

เดินชมหาดทราย ลอดใต้โทริสีแดง

เดินชมป่าบนเขามิเซ็น มิยะจิมะ

 

ประตูโทริที่โดดเด่น โด่งดัง อีกแห่งคือที่ศาลเจ้าฟุชิมิ อินะริ (Fushimi Inari) แห่งเมืองเกียวโต มีสีแดงชาดเหมือนกัน แต่ที่นี่เขามีเป็นหมื่นๆ แสนๆ อัน คือมีเป็นอุโมงค์เลยทีเดียว อ้อยหวานและคุณผู้ชายได้ไปเดินป่าบนเส้นทางแสวงบุญหลังศาลเจ้า

 

ได้ไปเดินลอดใต้อุโมงค์ประตูโทรินับหมื่นนับแสน แต่ไม่ได้นับหรอกนะ ว่ามีกี่อันกันแน่!

 

ศาลเจ้าฟุชิมิ อินะริ เป็นศาลเจ้าของเทพเจ้าแห่งข้าวและการค้าขาย จึงได้รับความนิยมจากธุรกิจและร้านค้าต่างๆ ที่พากันบริจาคเงิน และบูชาเทพเจ้าอินะริด้วยประตูโทริ อัตราเงินบริจาคเริ่มต้นที่ 400,000 เยนสำหรับประตูโทริขนาดเล็ก และกว่าหนึ่งล้านเยนสำหรับประตูโทริใหญ่สุด แต่ละโทริจะมีรายชื่อผู้บริจาคและวันที่บริจาคกำกับอยู่ นี่คือที่มาของหลากหลายประตูโทริแดงบนเส้นทางแสวงบุญฟุชิมิ อินะริ ซึ่งมีระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร

 

เป็นเส้นทางที่สวยงามมาก ขึ้นเขา ลงเขา

 

ผ่านป่าร่มครึ้ม

 

บางช่วงก็เป็นอุโมงค์คู่ขนาน ไปเที่ยวทุกแห่งในญี่ปุ่น จะมีเด็กนักเรียนมาทัศนศึกษากันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ

 

ประตูโทริอันเล็ก อันน้อย กับคิซึตเนะ (kitsune) รูปปั้นสุนัขจิ้งจอก ที่ถือกันว่าเป็นผู้ส่งสารของเทพเจ้า

 

ทางขึ้นเขาบางช่วงก็ชันมาก แต่มีตั้งแต่เด็กตัวเล็กๆ ที่พ่อแม่พามาเดินแสวงบุญ และคนแก่ที่มาเป็นคู่ หรือมาเป็นกลุ่ม บางคนดูแล้วไม่นึกว่าจะเดินขึ้นเขากันไหว แต่ก็เดินขึ้นกันได้ คนญี่ปุ่นนี่เดินกันเก่งจริงๆ

 

ตรงที่อ้อยหวานยืนถ่ายรูปเป็นจุดสูงสุดของเส้นทางแสวงบุญฟุชิมิ อินะริ คุณผู้ชายเริ่มเดินลงเขาแล้ว

 

ป่ารอบข้างที่งดงาม

 

อ่านเวอร์ชั่นที่มีรายละเอียดการท่องเที่ยวและการเดินทางได้ที่ลิงค์ข้างล่างค่ะ

เดินป่าบนเส้นทางแสวงบุญฟุชิมิ อินะริ

 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่องญี่ปุ่น ในตอนต่อไป

 

อ่านชีวิตคือการเดินทาง ตอนแรกๆ ได้ที่นี่่ค่ะ

ชีวิตคือการเดินทาง

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ทำไมต้องท่องเที่ยว

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ฉันรักสวนลุม

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน มีรักที่ราชบุรี

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดับเบิ้ลดีที่อัมพวา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ทะเล หาดทราย สายลม และสองเรา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน หัวหิน..ไม่สิ้นเสน่หา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน หากเธอคือฟ้า ฉันจะเป็นทะเล

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ปั่นช้าๆ ตาม..เสียงเกลียวคลื่นและกลิ่นไอทะเล

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ปั่นตามใจ ไปตามฝัน

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดั่งหนึ่งเม็ดทราย

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน สุขใจ@นครศรีธรรมราช

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน เที่ยวเมืองลุง ไม่ยุ่งหัวใจ

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน วันฟ้าใส..ในภูเก็ต

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ลาก่อนเมืองฟ้าอมร สวัสดีแดนอาทิตย์อุทัย

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน แม้แต่เทพสวรรค์ยังรายล้อมรอบ..ดอกพลัม

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดอกซากุระ..สัญลักษณ์แห่งชีวิตและความไม่ยั่งยืน

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน พลิ้วไหวดั่งไผ่ต้องลม

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ยกทะเลมาไว้ที่โตเกียว 1

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ยกทะเลมาไว้ที่โตเกียว 2

 

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน โบตั๋นสักกี่ครั้ง..ก็ไม่เคยพอ

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

When the peonies bloomed   ยามเมื่อโบตั๋นบาน

It seemed as though were    ดูราวกับว่า

No flowers around them.      ไม่มีดอกไม้อื่นใด..หาญกล้าเทียบเคียง

บทกวีไฮกุ ของ กิอิซึต (Kiitsu)

 

อ้อยหวานเคยเอาดอกโบตั๋นมาโชว์ตัวแล้วในบล็อกเก่า

ดอกโบตั๋นของวัดฮะเซะ-เดะระ  ที่คามาคุระ

และ ดอกโบตั๋นพันธ์ฝรั่งที่สวนใหญ่ของเมืองออตตาวา

 

คราวนี้เป็นโบตั๋นญี่ปุ่นและเป็นโบตั๋นที่คามาคุระ เช่นกัน แต่เป็นโบตั๋นที่ไม่ได้คาดหมายว่าจะได้ชม แบบเดินๆ ชมศาลเจ้าศาลเจ้าใหญ่ในคามาคุระ แล้วไปถึงหน้าประตูสวนก็เจอป้ายเทศกาลดอกโบตั๋นพร้อมคนขายตั๋วเข้าชม ที่แปลกใจเพระว่าต้นเดือนมีนาคมอากาศยังหนาวอยู่มาก แม้แต่ซากุระยังไม่ยอมบานเลย อย่ากระนั้นเลยเราซื้อตั๋วเข้าไปดูให้แน่ชัด ปรากฏว่าเป็นโบตั๋นใส่เสื้อหนาว!!

 

แล้วอ้อยหวานก็ได้ความรู้เพิ่มว่า ดอกโบตั๋นของญี่ปุ่นมีอยู่ 2 ชนิด คือ ชนิดที่บานในฤดูหนาว ช่วงมกรา-มีนา และชนิดที่บานในฤดูใบไม้ผลิ ช่วงปลายเดือนเมษายน-พฤษภา

 

สวนโบตั๋นของศาลเจ้าซึรุกะโอะกะ ฮะชิมันกุ (Tsurugaoka Hachimangū) มีทั้ง 2 ชนิด ได้เก็บค่าเข้าชมยาวเลย

 

ดอกโบตั๋นพันธ์ที่บานในฤดูหนาว คุณเธอต้องใส่เสื้อคลุมฟางอย่างหนาและอย่างดี มีฟางคลุมดินให้ด้วย อ้อยหวานคิดว่าตอนกลางคืนคงจะมีฟางปิดไว้หมด เพราะอากาศหนาวจริงๆ อ้อยหวานกะคุณผู้ชายที่ค่อนข้างชินกับอากาศหนาว ยังเดินชมตัวสั่นเลย

 

วันนั้นทั้งหนาว ฝนตกปรอยๆ หมอกลอยต่ำๆ โบตั๋นก็ยังสู้ อึดมาก

 

ดอกโบตั๋น เธอมีชื่อภาษาญี่ปุ่นว่า ‘โบะตัน’ (Botan) คนจีนเรียกเธอว่า ‘มูดาน’ (Mudan) ส่วนฝรั่งเรียกเธอว่า ‘เพียนนี่’ (Peony) แต่บางแห่งออกเสียง ‘พีโอนี่’

 

ชื่อ ‘เพียนนี่’ (Peony) นี้ มาจากชื่อของเทพเจ้าแห่งการรักษาหรือการแพทย์ของชาวกรีกโบราณ Paean หรือ Paeon

 

โบตั๋นชนิดนี้ภาษาอังกฤษเรียกเจาะจงลงไปว่า Paeonia suffruticosa หรือ ‘tree peony’ มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน

 

โบตั๋นญี่ปุ่นหรือจีนนี้ต้นโตเต็มที่จะสูงครึ่งเมตรไปจนถึงเมตรครึ่ง

 

ดอกมีขนาดใหญ่ 6-12 นิ้ว มีตั้งแต่สีขาว สีชมพู สีแดง และสีเหลือง

 

โดนฝนตีเสียบอบช้ำ แต่เธอก็ยังเฉิดฉาย

 

ใกล้ชิด

 

 เลนห์กล้องถ่ายรูปเริ่มเปียก

 

สีเหลืองก็สุดสวย

 

สวนได้รับการดูแลเป็นอย่างดี น่าเดินชมมาก แม้ในวันที่ฝนตกปรอยๆ และอากาศหนาว

 

สวนแคบแต่ยาว อ้อยหวานชอบประตูแบบนี้มาก มีกันอยู่หลายประตู เป็นกรอบให้ถ่ายรูปได้ดี

 

เห็นไหม? มีเสื้อคลุมฟางอย่างดี ส่วนต้นข้างหลังเป็นชนิดที่บานในฤดูใบไม้ผลิ ยังไม่มีใบเลย แต่ตอนคุณเธอบานจะมีร่มกลางให้แทน

 

เราใช้เวลาชมสวนกลางสายฝนอยู่นาน เขามีใส่กระถางขายด้วยละ แต่หมดสิทธิ์ขน ได้แต่เก็บรูปและความทรงจำ

 

อ่านเวอร์ชั่นที่มีรายละเอียดการท่องเที่ยวและการเดินทางได้ที่ลิงค์ข้างล่างค่ะ

โบตั๋นหลากสีสันที่คามาคุระ

 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่องญี่ปุ่น ในตอนต่อไป

อ่านชีวิตคือการเดินทาง ตอนแรกๆ ได้ที่นี่่ค่ะ

ชีวิตคือการเดินทาง

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ทำไมต้องท่องเที่ยว

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ฉันรักสวนลุม

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน มีรักที่ราชบุรี

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดับเบิ้ลดีที่อัมพวา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ทะเล หาดทราย สายลม และสองเรา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน หัวหิน..ไม่สิ้นเสน่หา

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน หากเธอคือฟ้า ฉันจะเป็นทะเล

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ปั่นช้าๆ ตาม..เสียงเกลียวคลื่นและกลิ่นไอทะเล

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ปั่นตามใจ ไปตามฝัน

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดั่งหนึ่งเม็ดทราย

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน สุขใจ@นครศรีธรรมราช

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน เที่ยวเมืองลุง ไม่ยุ่งหัวใจ

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน วันฟ้าใส..ในภูเก็ต

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ลาก่อนเมืองฟ้าอมร สวัสดีแดนอาทิตย์อุทัย

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน แม้แต่เทพสวรรค์ยังรายล้อมรอบ..ดอกพลัม

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดอกซากุระ..สัญลักษณ์แห่งชีวิตและความไม่ยั่งยืน

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน พลิ้วไหวดั่งไผ่ต้องลม

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ยกทะเลมาไว้ที่โตเกียว 1

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ยกทะเลมาไว้ที่โตเกียว 2

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ประตูโทริประตูสู่แดนศักดิ์สิทธิ์

 

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

Viewing all 244 articles
Browse latest View live