Quantcast
Channel: บล็อก อ้อยหวาน
Viewing all 244 articles
Browse latest View live

เล่าสู่กันฟัง ..งานรวมญาติพืชวงศ์ถั่ว 5

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

รวมญาติพืชวงศ์ถั่วบล็อกสุดท้าย อ้อยหวานขอเอากลุ่มสีเหลืองมาตั้งวงเฮฮากันในบล็อกนี้ ทุ่งดอกไม้สีเหลืองนี้คงจะคุ้นเคยกันดีในบ้านเรา เธอมีนามว่า ปอเทือง

 

ปอเทือง มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Sunn hemp หรือ Indian hemp มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Crotalaria juncea มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดีย

 

ปอเทืองเป็นพืชตระกูลถั่ว ปลูกเป็นพืชเส้นใยในอินเดียมาตั้งแต่ 600 ปีก่อนคริสตกาล ชื่อ Crotalaria แปลว่า มีเสียง หมายถึงเสียงที่เกิดจากการสั่นฝักปอเทืองสุก เป็นพืชล้มลุกสูง 1-4 เมตร มีช่อดอกยาวถึง 2.5 เซนติเมตรและมีดอกสีเหลือง

 

มีฝักยาวประมาณ 2.5-3.2  ซม มีเมล็ดประมาณ 10-15 เม็ด

 

การวิจัยในสหรัฐส่งผลว่าปอเทืองมีสามารถในการปรับปรุงคุณภาพของดิน สามารถจับไนโตรเจนในอากาศ (Biological nitrogen fixation) ตากแห้งใช้เป็นอาหารสัตว์ ใช้ควบคุมวัชพืชและไส้เดือนฝอยรากปม (Root-Knot Nematode)

 

นอกจากนั้นปอเทืองยังให้เส้นใยสำหรับอุตสาหกรรมสิ่งทอและทำกระดาษ ประเทศที่ผลิตเส้นใยปอเทืองมากที่สุดในโลกคือประเทศจีน

 

เส้นใยปอเทือง

 

พืชวงศ์ถั่วกลุ่มดอกเหลืองต้นต่อมาคือ โสน ชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Sesbania มีหลายพันธุ์ โสนพันธ์กินดอก มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Sesbania javanica  และมีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป เช่น ทางภาคเหนือเรียกว่า ผักฮองแฮง ทางกะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน เรียก สีปรีหลา มีชื่อภาษาเวียดนามเรียกว่า điên điển gai มีถิ่นกำเนิดในเอเชียและแอฟริกาเหนือ

โสนเป็นไม้พุ่มอเนกประสงค์ ลำต้นให้เส้นใยใช้ในอุตสาหกรรมกระดาษ เชือกที่ทำจากเส้นใยของโสนแข็งแรงและทนทาน ในอินเดียจะใช้ทำอวนจับปลา ดอกและเมล็ดใช้ทำอาหาร ใบใช้ทำอาหารสัตว์ และใช้เป็นปุ๋ยพืชสด

 

โสนเป็นไม้สกุลเดียวกับแค เป็นไม้ล้มลุกอายุ 1 ปี พืชตระกูลนี้มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนของทวีปเอเชีย จากอินเดียไปทางตะวันออกจนถึงประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์

ดอกเป็นช่อเชิงลด หรือเป็นช่อกระจุก ออกที่ปลายกิ่ง ชอกใบ ซอกกิ่ง ช่อดอกยาวประมาณ 10 เซนติเมตร มีดอกย่อย 5-12 ดอก ยาว 2.5  เซนติเมตร มีกลีบดอกสีเหลือง 5 กลีบ บางครั้งกลีบนอกมีจุดกระสีน้ำตาล หรือสีม่วงแดง กระจายอยู่ทั่วไป

ผลเป็นฝักผอม กว้าง 4 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 18-20 เซนติเมตร ฝักอ่อนมีสีเขียวเมื่อแก่กลายเป็นสีม่วงและสีน้ำตาล มีเมล็ดขนาดเล็กเรียงอยู่ภายใน ฝักแตกเองเมื่อแห้งโดยแตกตามขวางของฝักผล เมล็ดทรงกลมเป็นมันเงามีสีน้ำตาล มีขนาดประมาณ 0.05 เซนติเมร เมื่อออกดอกติดเมล็ดแล้ว ต้นโสนจะค่อยๆ เหี่ยวแห้งตายไปในที่สุด

ดอกโสนเป็นดอกไม้ประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และมีจารึกในประวัติศาสตร์ว่า เมื่อครั้งก่อกรุงศรีอยุธยาตั้งเป็นราชธานีนั้น พระเจ้าอู่ทองได้ปักหลักสร้างเมืองสร้างพระราชวังใหม่ที่ตำบลหนองโสน (ปัจจุบันเรียกว่า บึงพระราม)  

                                          

ดอกโสนทำอาหารหวานคาวได้หลายอย่าง เมนูสุดฮิตได้แก่ ดอกโสนผัดหรือลวกจิ้มกับน้ำพริกกะปิ กินกับปลาทู และชุบแป้งทอดกรอบกินกับขนมจีนน้ำพริกก็ได้ ใช้วิธีเดียวกับการทำชะอมชุบไข่ทอด หรือจะทำแกงส้มดอกโสนกับปลาช่อนก็มีคนรอกิน ส่วนเมนูง่ายๆ ก็คือ ดอกโสนผัดไข่ หรือไข่เจียวใส่ดอกโสน ดอกโสนจิ้มน้ำพริกมะนาว แกงเผ็ดอะไรก็ได้ใส่ดอกโสน ดอกโสนผัดน้ำมันหอย ยำดอกโสน

ถ้าใช้ประกอบอาหารหวานก็มีข้าวเหนียวมูนดอกโสน ให้นึ่งดอกโสนพร้อมข้าวเหนียวราว 10 นาทีสุดท้าย มูนกะทิเข้าด้วยกันและกินกับน้ำตาลและมะพร้าวโรยงา

สรรพคุณทางการแพทย์แผนไทยบอกว่า ดอกโสนมีรสจืด มัน เย็น สรรพคุณแก้พิษร้อน ถอนพิษไข้ (สรรพคุณเดียวกันกับดอกแค)

สรรพคุณทางโภชนาการพบว่า ดอกโสนให้ธาตุแคลเซียม ฟอสฟอรัสบำรุงกระดูกบำรุงสมอง มีเหล็กบำรุงเลือด ให้วิตามินเอไว้ต่อต้านโรคภัยไข้เจ็บอีก และมีวิตามินบี 1 บี 2 ไนอะซิน และวิตามินซี อีกพอสมควร นับว่าเป็นดอกไม้พืชพื้นบ้านที่ให้ประโยชน์แก่ร่างกายอย่างมาก

ขอบคุณข้อมูลจาก หมอชาวบ้าน

อ้อยหวานเคยเห็นคนเอาดอกโสนมาลวกน้ำร้อนแล้วใส่ในข้าวยำแบบปักษใต้ และอีกเมนูหนึ่งคือขนมกุ้ยช่ายไส้ดอกโสน น่ากินทุกอย่างเลย

 

พืชวงศ์ถั่วกลุ่มดอกเหลืองอีกแก๊งค์คือ พวกสกุลขี้เหล็ก มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่าสกุล Senna เป็นพืชวงศ์ถั่ว สกุลใหญ่ มีทั้งหมด 260-350 สายพันธ์ อ้อยหวานขอเชิญมารวมญาติแค่ 4 ต้น คือ ต้นขี้เหล็ก ชุมเห็ดไทย ชุมเห็ดจีน และชุมเห็ดเทศ ให้บล็อกนี้สีเหลืองพราวไปทั้งบล็อก

 

ต้นขี้เหล็ก เป็นพืชวงศ์ถั่ว (Fabaceae) สกุลขี้เหล็ก (Senna) มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Kassod Tree มีชื่อภาษาฝรั่งเศสว่า casse de Siam ซึ่งแปลว่าต้น casse ของสยาม  มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Senna siamea นอกจากนี้ยังมีชื่อเรียกแตกต่างกันในท้องถิ่นไทย เช่น ขี้เหล็กแก่น (ราชบุรี) ขี้เหล็กบ้าน (ลำปาง) ขี้เหล็กหลวง (ภาคเหนือ) ขี้เหล็กใหญ่ (ภาคกลางบางที่) ผักจี้ลี้ (ฉาน-แม่ฮ่องสอน) ยะหา (มาเลย์-ปัตตานี) และขี้เหล็กจิหรี่ (ภาคใต้) มีถิ่นกำเนิดในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นต้นไม้ขนาดกลาง สูงประมาณ 18 เมตร

 

ในเมืองไทยใบอ่อนและลูกขี้เหล็กจะใช้ทำแกงขี้เหล็ก ซึ่งจะต้องเปลี่ยนน้ำต้มถึงสามครั้งเพื่อขจัดสารพิษ ในประเทศศรีลังกาก็ใช้ทำแกงและต้องต้มน้ำถึงสามครั้งเพื่อขจัดสารพิษเช่นเดียว

ในตำราการแพทย์แผนไทยได้มีการบันทึกประโยชน์ของขี้เหล็กในหลายด้าน เช่น ใช้แก้อาการท้องผูก ใช้เป็นยากล่อมประสาททำให้นอนหลับ ใช้ทำความสะอาดเส้นผม ทำให้ผมชุ่มชื่นเป็นเงางาม ไม่มีรังแค ช่วยเจริญอาหาร บำรุงน้ำดี และบำรุงโลหิต เป็นต้น

 

ชุมเห็ดไทย มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Senna tora เป็นไม้ล้มลุกหรือไม้พุ่มเตี้ย สูงประมาณ 1 เมตร ในวงศ์ Leguminosae มีชื่อท้องถิ่นอื่นคือ ชุมเห็ดควาย, ชุมเห็ดไทย, ชุมเห็ดนา, ชุมเห็ดเล็ก (ภาคกลาง); พรมดาน (สุโขทัย); ลับมือน้อย (ภาคเหนือ); หญ้าลึกลืน (ปราจีนบุรี)

 

ชุมเห็ดไทยเป็นไม้ลมลุกและไม้พุ่มเตี้ยขนาดเล็ก พุ่มต้นสูงประมาณ1 เมตร ส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 12.3-17.4 มิลลิเมตร ลำต้นสีเขียวอมน้ำตาลแดง ไม่มีขน ใบประกอบแบบขนนก เรียงสลับ มีใบย่อย 3 คู่ รูปไข่กลับหรือรูปขอบขนานแกมไข่กลับ กว้าง 1.5-2.5 ซม. ยาว 2-4 ซม. ดอกสีเหลือง ออกเป็นช่อดอกที่ซอกใบ เป็นกระจุก ดอกเดี่ยวมีก้านช่อดอกออกจากจุดเดียวกัน ช่อดอกยาว 2.71-4.03 เซนติเมตร มี 1-3 ดอกต่อช่อ มี 5 กลีบดอก ฐานรอบกลีบดอกสีขาวอมเหลืองมีขนครุยตามขอบ อับเรณู (anther) สีเหลืองอมน้ำตาล ผลเป็นฝักเล็กแบนยาว เมล็ดรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน สีน้ำตาลแกมเขียว

ชุมเห็ดไทยเป็นยาช่วยให้นอนหลับและช่วยสงบประสาทได้เป็นอย่างดี เมล็ด ทำให้ง่วงนอนและหลับได้ดี แก้กระษัย ขับปัสสาวะพิการได้ดี เป็นยาระบายอ่อนๆ รักษาโรคผิวหนัง ดอก ปรุงเป็นยาแก้ไข้ ขับพยาธิในท้องเด็ก รับประทานเป็นยาระบายอ่อนๆ และแก้ไอ แก้เสมหะ แก้หืด คุดทะราด ผล แก้ฟกบวม

 

ชุมเห็ดจีน มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Senna obtusifolia มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Chinese senna แต่ถิ่นกำเนิดในภาคใต้และภาคตะวันออกของสหรัฐอเมริกา เม็กซิโก และอเมริกาเขตร้อน เป็นไม้พุ่มสูงประมาณ 2.5 เมตร

 

คนในประเทศซูดานจะนำใบของชุมเห็ดจีนมาหมัก ทำเป็นอาหารที่มีโปรตีนสูงมีชื่อเรียกว่า "Kawal"ใช้กินแทนเนื้อสัตว์ ใบ เมล็ด และราก ใช้ในการแพทย์พื้นบ้านในเอเชีย เชื่อกันว่ามีฤทธิ์เป็นยาระบาย และใช้บำรุงสายตา ยาพื้นบ้านจะนำเมล็ดมาคั่วแล้วต้มในน้ำทำเป็นน้ำชา บางแห่งนำเมล็ดมาคั่วแล้วบดใช้แทนเมล็ดกาแฟ ยาพื้นบ้านของเกาหลีจะนำมาทำชาเรียกว่า gyeolmyeongja (결명자) ชุมเห็ดจีนยังใช้เป็นยาพื้นบ้านในญี่ปุ่นเรียกกันว่า ketsumei-shi (ケツメイシ, 決明子)

 

ชุมเห็ดเทศ มีชื่อภาษาอังกฤษว่า candle bush มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Senna alata มีถิ่นกำเนิดในเม็กซิโกและอเมริกาใต้

 

เป็นไม้พุ่มขนาดกลาง ลำต้นมีความสูง 3–4  เมตร

 

ใบสดของชุมเห็ดเทศใช้รักษาโรคผิวหนัง กลากเกลื้อน ฝีและแผลพุพอง  

ดอก ใบสดหรือแห้งใช้เป็นยาระบาย ยาถ่าย ถ่ายพยาธิลำไส้

เมล็ดใช้เป็นยาขับพยาธิ เป็นยาระบายอ่อน

ในฟิลิปปินส์จะใช้เป็นส่วนผสมของสบู่ แชมพู และโลชั่น ใบชุมเห็ดเทศมีกรด chrysophanic มีคุณสมบัติป้องกันเชื้อรา

 

ส่วนฟาร์มสมุนไพรอินทรีย์ของมาเลเซีย ฟาร์ม Agripearl Integrated Organic Herbal Farm ขายชาใบชุมเห็ดเทศสำหรับดีท็อกซ์ลำไส้ เขาอธิบายว่าที่ผนังของลำไส้มีตุ่มเล็กๆ มากมายเรียกว่า villi ใช้ในการดูดซึมอาหาร เมื่อเวลาผ่านไปก็จะมีการสะสมของกากอาหารที่ค้างอยู่ทำให้เป็นชั้นหนา เหมือนกับเศษอาหารที่ติดอยู่ระหว่างฟัน ทำให้เกิดฟันผุและโรคในช่องปากอื่นๆ ในลำไส้ใหญ่ก็จะทำให้เกิดอาการท้องเฟ้อ ท้องผูก มีลมในท้องมาก และสามารถนำไปสู่โรคร้ายแรงอื่นๆ ดื่มชาใบชุมเห็ดเทศเป็นประจำทุกวันเป็นการดีท็อกซ์และล้างลำไส้ อ่านเพิ่มเติม ได้ที่นี่

 

อ่านอ้อยหวานเล่าเรื่องพืชวงศ์ถั่ว (Fabaceae) ตอนแรกๆ ได้ที่นี่่ค่ะ

เรื่องของแคฝรั่ง

รวมญาติ

รวมญาติของพืชวงศ์ถั่ว (Fabaceae) 2

รวมญาติของพืชวงศ์ถั่ว (Fabaceae) 3

งานรวมญาติของพืชวงศ์ถั่ว 4

 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่นี่ค่ะ

http://edis.ifas.ufl.edu/hs376

http://assamagribusiness.nic.in/Sunnhemp.pdf

http://www.tropicalforages.info/key/Forages/Media/Html/Crotalaria_juncea.htm

http://www.hort.purdue.edu/newcrop/proceedings1996/v3-389.html

http://www.thaiherbdd.com/?i=5&p=6

http://en.wikipedia.org/wiki/Crotalaria_juncea

http://en.wikipedia.org/wiki/Sesbania

http://en.wikipedia.org/wiki/Sesbania_bispinosa

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81

http://link.springer.com/chapter/10.1007/978-94-007-7395-0_73#page-1

http://www.doctor.or.th/article/detail/10269

http://en.wikipedia.org/wiki/Senna_%28plant%29

http://en.wikipedia.org/wiki/Senna_siamea

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%81

http://www.cabi.org/isc/datasheet/11462

http://www.worldagroforestry.org/treedb/AFTPDFS/Senna_siamea.pdf

http://en.wikipedia.org/wiki/Senna_tora

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2

http://keyserver.lucidcentral.org/weeds/data/03030800-0b07-490a-8d04-0605030c0f01/media/Html/Senna_tora.htm

http://en.wikipedia.org/wiki/Senna_obtusifolia

http://keys.lucidcentral.org/keys/v3/eafrinet/weeds/key/weeds/Media/Html/Senna_obtusifolia_%28Sicklepod%29.htm

http://en.wikipedia.org/wiki/Senna_alata

http://www.naturia.per.sg/buloh/plants/candlesticks.htm

http://keyserver.lucidcentral.org/weeds/data/080c0106-040c-4508-8300-0b0a06060e01/media/Html/Senna_alata.htm

 

I would like to Thanks everyone for all the resources for this blog. Thank you.

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน


เอาความเย็นมาฝาก

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 


วันนี้อ้อยหวานเอาความ (ยะเยือก) เย็นมาฝากค่ะ สองอาทิตย์ก่อนมีพายุหิมะที่แคนนาดาและอเมริกา แต่เมืองออตตาวาก็พลาดพายุหิมะไป คนส่วนใหญ่จะดีใจ แต่สำหรับคนที่ชอบเล่นสกีก็ไม่ถูกใจ วันก่อนหิมะมาพอที่จะเล่นสกีได้คือ 5-6 นิ้ว อ้อยหวานกับคุณผู้ชายที่บ้านเลยได้ออกไปเล่นสกี

อ้อยหวานเคยเล่าเรื่องสกีมาแล้ว 2-3 บล็อก ดูบล็อกเก่าๆ ได้

ไปเล่นสกีเถอะ

หิมะ สกี ป่า และ จักรยาน

โอ้ฤดูใบไม้ผลิ เธออยู่ไหนกันหนอ

 

วันนี้หิมะน้อยไปนิดนึง และอุณหภูมิก็สูงไปคือ อยู่ประมาณศูนย์องศา ทำให้สกีไม่ค่อยลื่นไหล เพราะหิมะจะเกาะติดกับสกีถ้าหยุดถ่ายรูป

 

อุณหภูมิที่ ขึ้นๆ ลงๆ ใต้และเหนือศูนย์องศา ทำให้มีสายหิมะตกแต่งไปตลอดทาง

 

ดูเหมือนสายหิมะที่ตกแต่งต้นคริสต์มาส

 

สายหิมะธรรมชาติ อุณหภูมิเหนือศูนย์องศาทำให้หิมะเริ่มละลายนิดๆ แล้วก็เริ่มไหลนิดๆ ย้อยไปหน่อยๆ  ต่ออุณหภูมิก็เปลี่ยนมาอยู่ใต้ศูนย์องศา ทำให้ที่ห้อยๆ ย้อยๆ แข็งตัว อุณหภูมิเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาก็เลยเป็นเยี่ยงนี้ และวันนี้ฟ้ามืดมัวไม่มีแดดมาเผาสายหิมะ

 

นี่แหละที่เขาเรียกว่าธรรมชาติสร้างสรร เหมือนกับตกแต่งไว้รับงานเทศกาล

 

ที่นี่เรียกจะเรียกพืชจำพวกสนว่า เอฟเวอร์ กรีน (Ever Green) แปลว่า เขียวเสมอหรือเขียวตลอดกาล เพราะพืชจำพวกต้นสนจะเขียวตลอดปี ใบไม่ร่วงในฤดูใบไม้ร่วง

 

สุขใจที่ได้ชมธรรมชาติสร้างสรร ในวันแรกที่ออกไปสกี

 

เรื่องน่ารู้ของหิมะ ขอบคุณภาพสวยๆ จาก http://freewallsource.com/

หิมะเป็นรูปแบบหนึ่งของน้ำที่กลายเป็นน้ำแข็ง เป็นกลุ่มของอนุภาคน้ำแข็งที่เรียกว่าผลึกหิมะ ผลึกเหล่านี้เกิดจากหยดน้ำในก้อนเมฆที่เย็นตัวลง

 

ผลึกหิมะจะมีหกมุม มีรูปร่างที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับอุณหภูมิและระดับน้ำในอากาศ หิมะจะมีสองแบบ คือ แบบเกร็ด (plate-like) และแบบแท่ง (columnar) หิมะแบบเกร็ดจะแบน เกิดขึ้นเมื่ออุณหภูมิในอากาศอยู่ประมาณ-15 องศาเซลเซียส หิมะแบบแท่งจะมีลักษณะเหมือนแท่งผลึกน้ำแข็ง เกิดขึ้นเมื่ออุณหภูมิในอากาศอยู่ประมาณ -5 องศาเซลเซียส

 

ปรกติแล้วหิมะจะมีสีขาว แต่หิมะที่หนาทึบจะดูดซับสีของแสงบางสีมากหรือน้อยกว่าปรกติ หิมะหนาจะดูดซับแสงสีแดง ทำให้เห็นเป็นโทนสีฟ้า

 

หิมะแตงโม (Watermelon snow) สีแดงหรือสีชมพูในหิมะเกิดจากสาหร่ายน้ำจืดชนิดหนึ่งที่ชอบอากาศเย็นยะเยือกเติบโตอยู่ในหิมะ

 

หิมะแตงโม เข้าใจตั้งชื่อ!!!

 

แต่บางครั้งหิมะสีแดงเข้มอย่างในรูป เกิดจากการรั่วไหลของน้ำเค็มจากอ่างเก็บน้ำโบราณภายใต้ธารน้ำแข็ง น้ำนี้อุดมไปด้วยธาตุเหล็กที่จะเปลี่ยนสีเมื่อถูกอากาศ

 

อ้อยหวานลงรูปวิธีทำเกร็ดหิมะ เผื่อใครจะสอนให้เด็กๆ ทำกัน แบบแรก

 

เกร็ดหิมะแบบสอง

 

เกร็ดหิมะแบบสาม

 

โครเชต์เกร็ดหิมะ สวยๆ ทั้งนั้นเลย

 

แบบโครเชต์เกร็ดหิมะ

 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่นี่ค่ะ

http://learningenglish.voanews.com/content/let-it-snow-113246989/116800.html

https://nsidc.org/cryosphere/snow/science/characteristics.html

http://www.classyclutter.net/diy-tutorials

 

I would like to Thanks everyone for all the resources for this blog. Thank you.

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

 

ธรรมชาติสร้างสรรได้งดงามเสมอในทุกฤดูกาล ขึ้นอยู่กับเราว่าจะหยุดชื่นชมมัน หรือจะบ่นว่าธรรมชาติ หนาวไป ร้อนไป ชื้นไป แห้งไป โดยเอาตัวเราเป็นตัววัด ดูต้นไม้ใบหญ้าหรือแม้แต่สิงสาราสัตว์สิ ต่างก็ปรับตัวและปรับใจให้คล้อยตามธรรมชาติ

 

 

ของขวัญ..ของแต่งบ้านปีใหม่ ทำเองก็ได้ง่ายจริงๆ

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

วันนี้อ้อยหวานเอาไอเดียทำของขวัญหรือของแต่งบ้านปีใหม่ มาให้เพื่อนชมกัน เพื่อเอาไปดัดแปลงทำเอง หรือสอนเด็กๆ เป็นไอเดียที่อ้อยหวานอ่านเจอจากหลายบล็อก หลายชาติ ดูรายละเอียดจากลิงค์ข้างล่าง ขอขอบคุณทุกๆ บล็อกด้วยค่ะ

 

ทิวลิปกระดาษสีสวยๆ ตัดกระดาษตามรูป

 

พับและติดกาว

 

วิธีทำก้านดอก

 

ติดก้านกับดอกด้วยกาว ทำสัก 3-4 ดอก ก็จะได้ทิวลิปช่อใหญ่เป็นของขวัญให้แม่หรือคุณครู

 

วิธีทำโบว์จากกระดาษ สำหรับติดกล่องของขวัญ

 

วิธีทำโบว์จากกระดาษ สำหรับติดกล่องของขวัญอีกแบบ

 

วิธีทำซองใส่ของขวัญ

 

กระปุกแพนกวิลจากขวดพลาสติก

 

แต่งบ้านรับปีใหม่ด้วยสายรุ้งลูกบอลสวย อ้อยหวานชอบไอเดียอันนี้จัง สวยด้วย

 

ตัดกระดาษหลายๆสี เป็นรูปวงกลม ที่จริงเป็นรูปสามเหลี่ยมหรือสี่เหลี่ยมก็ได้

 

จับกระดาษวงกลมหลายๆสีเข้าด้วยกัน จับละ 6 อัน แล้วเย็บกับจักรเย็บผ้าให้ต่อกันเป็นสายยาว

คลี่กระดาษออก แล้วจะได้ของแต่งบ้านรับปีใหม่สวยๆ

 

สายรุ้งรูปหัวใจ

 

สายรุ้งรูปดาว

 

หรือตามใจฉัน!!

 

ส่วนคนที่เย็บจักรเย็บผ้าไม่เป็นก็นี่เลย ติดกาวเอา ช้าหน่อย ถือว่าทำสมาธิก็แล้วกัน

 

อันนี้อ้อยหวานเคยทำตอนอยู่โรงเรียน ตัดกระดาษเป็นรูปวงกลมขนาดเท่ากัน 10 อัน พับกระดาษรูปวงกลมตามรูป แล้วติดกาว 5 วงกลมด้วยกัน เป็นครึ่งวงกลม 2 อัน เมื่อกาวแห้งดีแล้วก็ติดกาวทั้ง 2 อัน เข้าด้วยกันเป็นลูกบอล

 

ถ้าจะทำแขวนก็สอดเชือกไว้ตรงกลางก่อนติดกาวประกบกัน

 

ของขวัญจากบ้านสวนก็ต้องนี่เลย เมล็ดพืชจากสวน ทำมือ ถูกใจทั้งคนให้คนรับ

 

ซองทำเอง

 

คุณคนนี้ ทำซองเมล็ดพืชจากแกนของกระดาษชำระ

 

คุณคนนี้ ทำซองเมล็ดพืชจากเศษกระดาษของขวัญ

 

ทำได้น่ารักมาก

 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่นี่ค่ะ

http://krokotak.com/2011/03/buket-ot-laleta-za-mama/

http://www.welke.nl/photo/arlequino/mooi-om-op-een-cadeautje-te-zetten.1367236118

http://www.danamadeit.com/2012/09/tutorial-paper-ball-chains.html

http://www.bloglovin.com/viewer?blog=711576&post=2305231261

http://jswfield.blogspot.ca/2011/03/wrapping-paper-bows.html

https://bezaperfect.wordpress.com/2014/02/04/diy-seed-packets-favor-idea/

http://www.do-it-yourself-weddings.com/seed-packet-wedding-favors.html

http://gardenofdiscovery.blogspot.ca/2011/10/quick-gifts-diy-seed-packets.html

 

 

I would like to Thanks everyone for all the resources for this blog. Thank you.

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

ของขวัญที่เติบโตงดงาม

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

 

วันนี้อ้อยหวานเอาไอเดียของขวัญ จะเป็นของขวัญปีใหม่ ของขวัญในโอกาสอื่นๆ หรือจะเป็นของชำร่วยก็ดี ของขวัญที่เติบโตงดงามคือเมล็ดพันธ์พืช ผู้ให้ชื่นจิต ผู้รับชื่นใจ และชื่นใจไปอีกนาน เมื่อเมล็ดพืชนั้นๆ เติบโตออกดอกออกผลงดงาม

ไม่ว่าจะเก็บเมล็ดพันธ์พืชในสวนเอง หรือจะซื้อเมล็ดพันธ์พืช ซึ่งในตลาดบ้านสวนของเราก็มีอยู่หลายเจ้าเช่น บ้านสวนกล้วยเป็นต้น

 

 

ที่เมืองนอกมีการใช้เมล็ดพืชซองเล็กเป็นของชำร่วยงานแต่งงาน

 

ซึ่งมีหลายแบบ หลายสไตล์

 

ของชำร่วยฉลองมีเจ้าตัวเล็กที่กำลังจะเกิด

 

 

หรือของที่ระลึกสำหรับงานศพ

ซึ่งส่วนมากจะนิยมดอก forget me not หรือ ดอกอย่าลืมฉัน

 

คุณคนนี้เธอทำซองเมล็ดพืชได้เก๋ดี และเก็บเมล็ดพันธ์จากสวนของเธอเอง

 

ซองเมล็ดพืชทำง่ายและสวยเก๋

 

เธอคนนี้ทำซองเมล็ดพืชได้เก๋ไก๋

 

เธอใช้ซองกระดาษไขใส่เมล็ดพืช แล้วเย็บด้วยที่เย็บกระดาษ

 

ติดกระดาษป้ายชื่อด้วยกาว

 

 

ของชำร่วยงานแต่งงานแบบต่างๆ

 


แบบนี้ก็ง่ายดี

 

หรือจะเป็นแบบนี้

 

 

หรือแบบนี้

 

อันนี้เป็นของขวัญให้คุณครู เมล็ดสวีทพี

ขอบคุณคร๊าบที่เป็นครูของผม ลงชื่อ ออสก้า

 

หรือจะซื้อซองเมล็ดพันธ์พืชเป็นซองแล้ว ใส่ในการ์ดสวยๆ การ์ดอันนี้เขาทำขายมีไว้สำหรับใส่เมล็ดพันธ์พืชด้วย

 

ทำเองก็ได้ วาดรูปกระป๋องน้ำสองอัน อันแรกตัดเป็นกระเป๋าไว้นิดหนึ่ง แล้วทากาวเฉพาะรอบๆ ขอบ รอกาวแห้งแล้วเสียบซองเมล็ดพันธ์พืชที่ซื้อมา

 

 

หรือทำเป็นกระเป๋าเล็กๆ แบบนี้

 

คุณคนนี้มีไอเดียดีๆ

 

ตัดมุมซองจดหมายเก็บไว้ แล้วนำมาใส่มุมซองเมล็ดพันธ์พืชทั้งสี่มุม ติดกาวเฉพาะตรงมุมซองจดหมาย แล้วแปะไปบนกระดาษแข็งที่เตรียมไว้

 

ของชำร่วยงานแต่งงานอันนี้เก๋สุด มันคืออะไรกัน??? มันคือ ระเบิดเมล็ดพันธ์พืช หรือ Seed Bomb

 

ระเบิดเมล็ดพันธ์พืช หรือ Seed Bomb นี้ใช้สำหรับปลูกเมล็ดพันธ์พืชใหม่ในป่า คือโยนจากจากบนเครื่องบินลงไปในพื้นที่ต่างๆ

 

ต่อมาก็มีคนเอาไอเดียมาทำขายหลายรูปแบบ

 

ไอเดียก็คือเมล็ดพันธ์พืชจะอยู่ในก้อนระเบิดจนกว่าจะได้น้ำหรือฝน จะใช้โยนไปในที่รกร้างหรือที่ๆ ไปถึงยากก็ได้

 

ส่วนผสมหลัก ดินเหนียว เมล็ดพันธุ์พืช ปุ๋ยหมัก และน้ำนิดหน่อย

 

ผสมดินเหนียวกับปุ๋ยหมักและน้ำนิดหน่อย หยิบดินเหนียวที่ผสมแล้วไปแตะบนเมล็ดพันธุ์พืช

 

ปั้นเป็นก้อนแล้วตากแห้ง

 

แล้วจะได้ของชำร่วยงานแต่งงานสุดเก๋

 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่นี่ค่ะ

http://abernathycrafts.blogspot.ca/2012/09/make-your-own-seed-packets.html

http://www.justdawnelle.com/2013/03/printable-seed-packet-labels.html

http://www.favorribbons.com/seed-packet-wedding-favor/

http://www.detroitmommies.com/2011/05/easy-mothers-day-card-idea/

http://gardeningnirvana.com/2013/11/18/plan-free-my-mellow-yellow-weekend/

http://somethingturquoise.com/2013/05/10/diy-seed-bomb-wedding-favors/

http://campuscropsmcgill.blogspot.ca/2013/03/the-only-good-bombs-are-seed-bombs.html

http://thesecretyumiverse.wonderhowto.com/how-to/guerrilla-gardening-101-make-seed-bomb-0147486/

http://freshorganicgardening.com/diy-seed-bombs-make-your-own-seed-bombs-at-home/

 

I would like to Thanks everyone for all the resources for this blog. Thank you.

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

สุขสันต์วันคริสต์มาส

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

สุขสันต์วันคริสต์มาสค่ะ ขออวยพรให้เพื่อนๆ ทุกคนมีแต่ความสุข

 

บล็อกนี้อุทิศให้ไส้เดือนดิน 1

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

ใช่แล้ว!! คุณอ่านไม่ผิด บล็อกนี้อุทิศให้ไส้เดือนดินจริงๆ ค่ะ ที่จริงอ้อยหวานก็ไม่ชอบตัวขยุกขยิกลื่นๆ ของไส้เดือนดินสักเท่าไร แต่เป็นเพราะไส้เดือนดินให้ประโยชมากมายต่อโลกใบนี้ อ้อยหวานได้ศึกษาหาความรู้ไว้มากมาย ถึงขั้นอยากทำ แต่คุณผู้ชายได้เบรกไว้เสียก่อนว่า ‘เรามีอยู่แล้วไง ก็คอกปุ๋ยหมักเบอเริ่มเทิ่มในสวนนั่นไง’ จริงๆ ด้วย ขุดทีไรไส้เดือนดินเยอะมากๆ แผนการเลี้ยงไส้เดือนดินก็ปล่อยไปตามธรรมชาติ

พอได้ยินเสียงแว่วๆ ขอข้อมูลการเลี้ยงไส้เดือนดินมา ถูกจังหวะพอดีได้ถ่ายข้อมูลที่มีอยู่เต็มให้ แต่คุณที่ขอมา

อย่าลืมส่งการบ้านนะคะ

 

คอกเลี้ยงไส้เดือนดิน (ปุ๋ยหมัก) ของคุณผู้ชาย ภายใต้หิมะปกคลุม ทำให้ในคอกอุ่นสบาย เศษผักผลไม้และอื่นๆ อยู่ที่นี่ทั้งนั้น เห็นไหม เต็มเอี้ยดเลย ปีหน้าก่อนปลูกผักก็รื้อออกมาบนสวนเลย ขอบอกว่ามีไส้เดือนและมูลไส้เดือนเยอะมากๆ

 

การเลี้ยงไส้เดือนดินทำได้สองวิธี วิธีเป็นวิธีที่อ้อยหวานอยากทำ เรียกกันว่า ‘หอคอยไส้เดือน’ (Worm Tower) เป็นวิธีง่ายและตรง คืออยู่ในสวนเลย ไม่ต้องไปจับไปแตะเจ้าไส้เดือน หรือมูลไส้เดือนเลย นี่เหละที่อ้อยหวานชอบละ

 

วิธีที่สองคือการเลี้ยงไส้เดือนในภาชนะต่างๆ ซึ่งอ้อยหวานจะกล่าวถึงในบล็อกหน้า ในภาพเป็นถังเลี้ยงไส้เดือนที่เขาทำขายกัน แต่ทำเองก็ได้ง่ายจริงๆ

 

หอคอยไส้เดือนที่ขายในอินเทอร์เน็ต

 

ทำเองก็ได้ง่ายจริงๆ อ้อยหวานขอเอามาให้ชมกัน

วัสดุใช้ท่อพีวีขนาดใหญ่สุด แต่เลือกหน่อยนะคะว่าปลอดสารอันตรายไหม จะได้ไม่ปนเปื้อนดิน ยาว  3 ถึง 4 ฟุต หรือมากกว่านั้น ให้ล้างท่อให้สะอาดแล้วเจาะรูอย่างน้อยเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 มิลลิเมตร

 

เจาะรูเล็กใหญ่ตามใจชอบ ไม่ต้องเจาะมากก็ได้ค่ะ

 

เลือกทำเลในสวน ตรงกลางสวนหน่อยก็ดี ถ้าทำหลายอันก็กระจายให้ทั่วสวน แล้วขุดหลุมฝังท่อให้ลึกหน่อย จากนั้นก็ใส่ปุ๋ยขี้วัว ขี้ควาย ขี้แพะ ขี้แกะ ได้ทั้งนั้น ใส่ไปครึ่งท่อ แล้วก็ใส่ไส้เดือนตามลงไป ตามด้วยใส่เศษผักเศษใบไม้ ตามด้วยกล่องกระดาษ ไส้เดือนชอบกล่องกระดาษมาก อาหารอร่อยของเขาเลยละ ฉีกกล่องกระดาษเป็นชื้นเล็กๆ พรมน้ำให้เปียกนิดๆ แล้วหาอะไรหนักๆ ปิดท่อจะได้ไม่มีตัวอะไรลงไป อย่าลืมคอยใส่เศษผักเศษใบไม้แล้วพรมน้ำนิดหน่อยอยู่สม่ำเสมอ

 


ไส้เดือนที่นี่เขาขายกันเป็นกล่อง ในอินเทอร์เน็ตมีอยู่หลายยี่ห้อ ที่เมืองไทยคงต้องไปหาซื้อจากร้านที่ขายเยื่อตกปลามั้ง? กล่องนี้มีอยู่ 1000 ตัว ประมาณ 600 บาท เป็นไส้เดือนสีแดง เห็นว่าย่อยอาหารเก่ง

 

เท่านี้ก็นอนดูไส้เดือนให้อาหาร (มูลและน้ำไส้เดือน) แก่พืชผักในสวนได้เลย ไม่ต้องจับหรือเก็บกวาดไส้เดือนและมูลไส้เดือน

 

หอคอยไส้เดือนเป็นกิจกรรมที่สอนเด็กให้รักโลกใบนี้ได้ดีอีกด้วย คุณ Megan Daleyทำหอคอยไส้เดือนกับลูกสาวตัวเล็ก ดูได้ที่นี่

 

บนแปลงผักที่ยกสูงก็มีหอคอยไส้เดือนได้

 

แต่บางคนก็ใช้วัสดุอย่างอื่นทำหอคอยไส้เดือน เช่นเศษไม้

 

หอคอยไส้เดือนไม้ ดูรายละเอียด ได้ที่นี่

 

คุณคนนี้ใช้ถังพลาสติกใบใหญ่ๆ

 

ส่วนคุณคนนี้ใช้ถังขยะเลยใหญ่ดี ดูรายละเอียด ได้ที่นี่

 

บางคนทำเสียสูง แถมตกแต่งเสียสวย และใช้กระถางดินเผาครอบปิดปากท่อ

 

ส่วนคนนี้ ยิ่งไปกันใหญ่ หอคอยไส้เดือนสูงปริ้ดเลย

อ้อยหวานเอามาให้ดูเป็นไอเดีย จะได้ไปสร้างสรรกันเอง

 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่องไส้เดือนดิน ภาค 2 ในตอนต่อไป

 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่นี่ค่ะ

http://www.ecofilms.com.au/how-to-build-a-worm-tower/

http://childrensbooksdaily.com/inspired-by-a-bookworm-towers/

http://midwestpermaculture.com/2012/11/how-to-build-a-worm-tower/

http://www.milkwood.net/2010/10/12/how-to-make-a-worm-tower/

http://homesteadchronicles.com/blog/raising-worms-for-castings-part-2/

http://www.instructables.com/id/Worm-Cafe-Compost-with-earthworms-right-in-your/

http://www.karmakitchen.com.au/2013/05/sustainable-garden-worm-towers.html

http://gardendrum.com/2013/01/12/how-to-make-a-worm-tower/

http://shaunsbackyard.com/535/worm-towers/

http://www.redwormcomposting.com/gardening/vermi-fertilization-watering-system/

http://www.honeycombvalley.com.au/blog/making-high-rise-worm-tower-welcome-wormtropolis

http://offbeathome.com/2012/07/worm-tube-composting

 

I would like to Thanks everyone for all the resources for this blog. Thank you.

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

บล็อกนี้อุทิศให้ไส้เดือนดิน 2

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

วันนี้มาต่อวิธีการเลี้ยงไส้เดือนดิน วิธีแรก ‘หอคอยไส้เดือน’ (Worm Tower) อ่านได้ที่นี่ค่ะ

ดูรูปนี้แล้วนึกถึงตอนลูกสาวตัวเล็กเท่านี้ น้องเบลชอบไส้เดือนมากๆ เวลาพ่อขุดดินในสวนน้องเบลจะนั่งยองๆ อยู่ใกล้ๆ คอยเก็บไส้เดือนใส่กระเป๋าเสื้อตัวเอง ทำให้แม่ตกกะใจเวลาไส้เดือนโผล่มาจากกระเป๋าเสื้อเวลาซัก ส่วนน้องชายตัวเล็กกลับกลัวไส้เดือนมาก

 

รูปน่ารักนี้อ้อยหวานเอามาจากบล็อกของคุณ Stephanie เธอทำหอคอยไส้เดือนในแก้วทรงกระบอก ไว้ให้ลูกๆ ของเธอ เป็นการสอนเด็กได้หลายวิชา ดูวิธีทำได้ที่นี่ค่ะ

 

วิธีการเลี้ยงไส้เดือนดินเริ่มจากง่ายๆ เบสิคก่อนนะค่ะ เพื่อทำควาเข้าใจ อันนี้เลี้ยงไส้เดือนในอ่างอาบน้ำเก่า

 

วางไม้ไขว้ขวางไว้ล่างสุด ตามด้วยรั้วลวดและก้อนกรวด เพื่อระบายน้ำไส้เดือน ต่อจากนั้นก็ตามด้วยกล่องกระดาษหรือหนังสือพิมพ์ฉีกเป็นชิ้นเล็กๆ (กระดาษหนังสือนิตยสารที่มีผิวมันใช้ไม่ได้นะคะ) หรือจะใส่ใยกาบมะพร้าวฉีกแทนกระดาษก็ได้ ผสมด้วยเศษฟางและใบไม้แห้ง เกลี่ยให้ทั่วอ่าง ชั้นต่อมาก็ใส่ปุ๋ยขี้วัว ขี้ควาย ตามด้วยไส้เดือน รดน้ำให้ชุ่ม แล้วคลุมด้วยผ้าขนหนูเก่า ปิดด้วยสังกะสีหรือแผ่นไม้จะได้ไม่มีตัวอะไรลงไปรบกวน  อย่าลืมคอยใส่เศษผักเศษใบไม้ แล้วพรมน้ำนิดหน่อยอยู่สม่ำเสมอ และหาถังมารองรับน้ำไส้เดือนไว้ใช้ในสวน

 

อันนี้เป็นถังเลี้ยงไส้เดือนที่ขายกันในอินเตอร์เนท จะเห็นว่ามีก๊อกไว้ถ่ายน้ำไส้เดือนข้างล่าง

 

มีกันหลายแบบ

 

 

อีกแบบหนึ่ง

 

แต่ทำเองก็ได้ง่ายจริงๆ หากล่องพลาสติกสีทึบ (ไส้เดือนชอบความมืด) สองกล่อง กล่องแรกเป็นที่อยู่ของไส้เดือน เพราะฉะนั้นจะต้องเจาะรูข้างกล่องไว้ถ่ายเทอากาศ และเจาะรูที่ก้นกล่องไว้เยอะหน่อยไว้ถ่ายน้ำ กล่องที่สองไม่ต้องทำอะไรเลยทำหน้าที่เก็บน้ำไส้เดือน

กล่องแรกที่อยู่ของไส้เดือนก็ใส่กล่องกระดาษหรือหนังสือพิมพ์ฉีกเป็นชิ้นเล็กๆ หรือใยกาบมะพร้าวฉีกฝอย ปุ๋ยขี้วัว ขี้ควาย ตามด้วยไส้เดือน เศษผักใบไม้ พรมน้ำ ปิดฝาแล้วนำไปตั้งซ้อนบนกล่องที่สอง เป็นอันเสร็จพิธี

ปรกติแล้วไส้เดือนจะใช้เวลาประมาณ 12 อาทิตย์ในการย่อยอาหารในกล่องให้กลายเป็นมูลไส้เดือน

 

ส่วนที่มีกล่องเพิ่มชั้นนั้นก็เป็นการช่วยเก็บมูลไส้เดือนและปุ๋ยเท่านั้นเอง

 

กล่องเสริมจะใส่ทุกอย่างเหมือนกล่องแรกนั่นแหละ แต่ไม่ต้องใส่ไส้เดือน อย่าลืมเจาะรูที่ก้นกล่องนะคะ เจาะให้มากสักนิดนึง จากนั้นก็เปิดฝากล่องไส้เดือนอันแรก วางกล่องเสริมไว้ข้างบน ให้แน่ใจว่าวางกล่องบนดินที่มีไส้เดือน ทิ้งไว้สักระยะหนึ่งไส้เดือนเขาจะคืบคลานไปบนกล่องใหม่เอง เพื่อไปกินอาหาร กล่องล่างก็เอาออกมาใช้ในสวน ที่ทำกันหลายชั้นก็เพราะเป็นการให้เวลาไส้เดือนตัวที่ช้าๆ ใช้เวลาในการคืบคลาน อันนี้อ้อยหวานเดาเอาค่ะ

 

ถ้าไม่ทำกล่องเสริม ก็ต้องเก็บแยกไส้เดือนเอง วิธีเก็บคือ หาผ้าใบหรือผ้าพลาสติกผืนใหญ่ ปูบนพื้นกว้างๆ กลางแดด จากนั้นก็เทกล่องไส้เดือนบนผ้าใบหรือผ้าพลาสติก แยกเป็นกองเล็กๆ ทิ้งไว้สักครึ่งชั่วโมง ไส้เดือนจะมุดลงข้างล่างกอง  แล้วค่อยๆ ตักดินจากบนกองออก

หรือคงต้องใช้วิธีร่อนเอา???

 

คนนี้ทำกล่องไม้เป็นกะบะๆ สำหรับเลี้ยงไส้เดือนโดยมีตาข่ายตรงก้นกล่อง ดูวิธีทำได้ที่นี่ค่ะ

 

กล่องไม้เลี้ยงไส้เดือนอีกแบบหนึ่ง ทำได้สวยดี

 

หรืออาจจะเลี้ยงไส้เดือนในยางรถยนต์ ถึงเวลาก็เลื่อนยางรถอันล่างออกมาใช้

 

คุณคนนี้ใช้ยางรถยนต์ซ้อนกันสามอัน ทำท่อถ่ายน้ำไส้เดือนไว้อย่างดี

 

ส่วนคนนี้ใช้กล่องโฟม

 

ไส้เดือนจะขยายพันธุ์เองในกล่องเลี้ยงไส้เดือน และจะขยายพันธุ์เป็นสองเท่าในเวลา 60 ถึง 90 วัน แต่กล่องเลี้ยงไส้เดือนจะต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้

- มีอาหารที่เพียงพอและต่อเนื่อง

- มีความชื้นอยู่ระหว่าง 70 ถึง 90%

- มีอุณหภูมิระหว่าง 15 - 30 องศาเซลเซียส

- และมีประชากรไส้เดือนอย่างน้อย 1/2 ปอนด์ต่อตารางฟุต แต่ไม่เกิน 1 ปอนด์ต่อตารางฟุต

 

สิ่งที่ควรใส่ และไม่ควรใส่ ในกล่องเลี้ยงไส้เดือน

ไส้เดือนไม่ชอบพริก เปลือกส้มหรือมะนาว หอม และกระเทียม

ไม่ควรใส่เนื้อสัตว์ เศษขนม นม เนย เพราะจะทำให้กล่องเลี้ยงไส้เดือนมีกลิ่นเหม็น และทำให้มีหมา แมว หรือหนูมารบกวน

ไม่ควรใส่มูลสัตว์สด เพราะจะเป็นการเพิ่มความร้อนในกล่อง (และมีกลิ่นด้วย)

อีกอย่างหนึ่งคือถ้าสับอาหารไส้เดือนให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ไส้เดือนก็จะย่อยอาหารได้เร็วขึ้น

 

ดูฟาร์มเลี้ยงไส้เดือนอันนี้สิ สะอาดมาก ทำชั้นวางกล่องเลี้ยงไส้เดือนเป็นระเบียบ มีหลังคาคลุมไม่ร้อน และอากาศถ่ายเท นี่ละสุดยอดเลย

 

ไส้เดือนไม่ชอบอากาศที่ร้อนกว่า 30 องศาเซลเซียส ถ้าร้อนมากๆ อุณหภูมิในกล่องสูงกว่า 35 องศาเซลเซียส ไส้เดือนจะตาย สิ่งที่ต้องทำคือ

- กล่องเลี้ยงไส้เดือนต้องอยู่ในที่ร่มตลอดเวลา

- หยุดให้อาหาร

- ช่วยด้วยการติดแอร์ให้กล่องเลี้ยงไส้เดือน ด้วยการวางก้อนน้ำแข็งไว้บนกล่อง หรือบนผ้าขนหนูหนาๆ ในกล่องเลี้ยงไส้เดือน

 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่นี่ค่ะ

http://www.ecofilms.com.au/building-a-worm-farm-in-a-bathtub/

http://queenbeecoupons.com/create-a-diy-worm-compost-bin/#_a5y_p=1921822

https://thegoodlife101.wordpress.com/category/permaculture/

https://halifaxgardennetwork.wordpress.com/2011/09/13/letting-someone-else-do-all-the-work/

https://halifaxgardennetwork.wordpress.com/tag/worm-farm/

http://www.worms4earth.com/raiseworms.php

http://www.foodknowhow.org.au/waste-know-how/wormfarming/

http://www.two-daloo.com/worm-observation-tower/

http://diywormbin.com/

http://www.cannaversity.com/cannaversity/article.php?id=026

http://our.windowfarms.org/2012/01/25/completed-worm-farm/

 

I would like to Thanks everyone for all the resources for this blog. Thank you.

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

สวัสดีปีใหม่จากครอบครัวแมวนำโชค

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

 

สวัสดีปีใหม่

 

ขอให้มีชัย ขอให้มีโชค

 

ให้มั่งมีสมาธิ และร่ำรวยสติ

 

ขอให้มีดอกไม้ในหัวใจ ส่งกลิ่นหอมกลุ่นให้ทุกเวลา

 

มีความเย็นชุ่มฉ่ำใจทุกขณะ

 

 

ส่วนหนู..มาปัดโรคภัยไข้เจ็บให้ห่างไกล

 

 

สวัสดีปีใหม่จากครอบครัวแมวนำโชคของแม่อ้อยหวาน

 


ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

ขอบคุณค่ะ

อ้อยหวาน

 


เล่าเรื่องลูกฟิก หรือ มะเดื่อฝรั่ง

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

อ้อยหวานอยากได้ต้นฟิกมานานหลายปี ตามล่าตามหาทุกแห่งที่ไป (ในแคนนาดา) ลองปลูกกับเมล็ดหลายครั้งหลายหน ก็ไม่มีต้นฟิกกับเขาสักที สามปีที่แล้ว จู่ๆ ก็ไปเจอที่ร้านขายต้นไม้แถวบ้าน เลยได้เป็นเจ้าของกับเขาด้วยต้นหนึ่ง เผ่าพันธ์อะไร หารู้ไม่ เพราะป้ายที่ติดมากับต้นระบุเพียงว่า Common fig

 

จะเป็นพันธ์อะไรก็ตามแต่อ้อยหวานก็รักเป็นนักหนา ทะนุถนอม ให้น้ำให้ปุ๋ยจนมีตุ่มเล็กๆ ขึ้นมาเต็ม นับได้ถึง 30 กว่าตุ่ม ไปเที่ยวกลับมาจาก 30 กว่า เหลือแค่สอง ได้กินลูกฟิกสองลูกจากต้น อร่อยไม่รู้ลืม

 

ปีต่อมาก็เข้ารอยเดิมคือลูกฟิก 30 กว่าลูก ได้กินอยู่สองลูกน้อยๆ ทำให้อ้อยหวานศึกษา รื้อค้น คุ้ยเขี๋ยข้อมูลเพื่อมาประคบประหมต้นฟิก ทำทุกอย่างที่เขาแนะนำ มาคราวนี้ก็เข้ารอยเดิมอีก แล้วอ้อยหวานก็ได้ข้อสรุปว่าต้นฟิกของอ้อยหวานเป็นฟิกพันธ์ที่ไม่ใช่ parthenocarpic คำว่า parthenocarpic นี้ไม่รู้ว่าจะแปลเป็นเป็นภาษาไทยว่าอย่างไร parthenocarpic คือการมีผลของต้นไม้ โดยไม่ต้องมีการผสมเกสรหรือปฏิสนธิ และจะไม่ผลิตเมล็ด เมื่อไม่ใช่ parthenocarpic ผลก็จะหล่นร่วงก่อนวัยอันควร สรุปแล้วว่าปีหน้าต้องหาต้นใหม่มาปลูก

 

วันนี้อ้อยหวานเลยเอาเรื่องราวของฟิกที่ได้ขุดคุ้ยมาเล่าสู่กันฟัง

ลูกฟิก หรือ มะเดื่อฝรั่ง มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Common fig มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Ficus carica มีถิ่นกำเนิดในตะวันออกกลางและเอเชียตะวันตก เป็นพืชสกุลเดียวกับ ต้นโพธิ์ ต้นไทร หรือมะเดื่อ (Ficus) และอยู่ในวงค์เดียวกับมัลเบอร์รี่หรือต้นหม่อน

 

ลูกฟิกถือว่าเป็นไม้ผลที่มนุษย์ปลูกที่เก่าแก่ที่สุด มีประวัติศาสตร์มายาวนานกว่า 5,000 ปี มีการบันทึกไว้ประมาณ 800 สายพันธุ์

 

ต้นฟิกโดยทั่วไปแล้วแบ่งได้เป็นสามประเภทคือ

- ต้นฟิกประเภท Persistent มีดอกตัวเมียไม่ต้องผสมเกสรก็สามารให้ผลได้โดยใช้วิธี parthenocarpic ที่อ้อยหวานกล่าวไว้ในตอนต้น พันธุ์ Dottato (Kadota) พันธุ์ Black Mission พันธุ์ Brown Turkey พันธุ์ Brunswick และพันธุ์ Celeste จะเป็นต้นฟิกประเภทนี้

รูปข้างบนจากซ้ายไปขวาคือพันธุ์ Kadota พันธุ์ Black Mission พันธุ์ Sierra พันธุ์ Brown Turkey และพันธุ์ Calimyrna อ้อยหวานไม่แน่ใจว่าพันธุ์ Sierra และพันธุ์ Calimyrna จะเป็นต้นฟิกประเภท Persistent หรือไม่

 

พันธุ์ Brown Turkey

 

- ต้นฟิกประเภท caduceus เป็นต้นฟิกที่ต้องผสมเกสรจากตัวต่อ fig wasp ถ้าไม่ได้รับการผสมลูกฟิกก็จะร่วง พันธุ์ Smyrna และพันธุ์ Zidi จะเป็นต้นฟิกประเภทนี้

รูปข้างบนคือพันธุ์ Smyrna

 

พันธุ์ Zidi

 

- ต้นฟิกประเภท Intermediate เป็นพันธุ์ที่ไม่ต้องผสมเกสรในการให้ผลในครั้งแรกของปี (breba crop) แต่ในครั้งที่สองของปี (main crop) จะต้องมีการผสมเกสร งงไหม? อ้อยหวานขอสรุปว่าต้องมีการผสมเกสรก็แล้วกัน พันธุ์ Lampeira และพันธุ์ San Pedro จะเป็นต้นฟิกประเภทนี้

รูปข้างบนคือพันธุ์ Lampeira

 

ดอกของฟิกจะอยู่ในตุ่มสีเขียวที่เรียกว่า synconium ในตุ่ม synconium นี้จะมีดอกเล็กๆ มากมาย แมลงผสมเกสรของดอกไม้โดยการเข้าทางรูเล็กๆ ที่ปลายของตุ่มฟิกสีเขียว ดังนั้นจึงต้องเป็นแมลงที่ตัวเล็กมาก ตุ่มฟิกสีเขียวที่ไม่ผ่านการผสมเกสรก็จะร่วงหล่น

 

ลูกฟิกมีขนาดยาว 3-5 เซนติเมตร มีผิวสีเขียว บางชนิดเมื่อผลสุกจะเปลี่ยนสีเป็นสีม่วง หรือสีน้ำตาล โปรดระวัง! น้ำยางของต้นฟิกจะระคายเคืองต่อผิว

 

ลูกฟิกพันธุ์ longue d'aout ของฝรั่งเศษ ลูกยาวมาก

 

ลูกฟิกพันธุ์ Deanna

 

ลูกฟิกต่างพันธุ์ ต่างสี ต่างรสชาติ

 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่องเล่าเรื่องลูกฟิกหรือมะเดื่อฝรั่ง ในตอนต่อไป

 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่นี่ค่ะ

http://en.wikipedia.org/wiki/Common_fig

http://www.crfg.org/pubs/ff/fig.html

http://www.gardeningknowhow.com/edible/fruits/figs/fig-drop.htm

http://homeguides.sfgate.com/figs-falling-trees-unripened-53770.html

http://www.gardeningknowhow.com/edible/fruits/figs/fig-drop.htm

http://www.lafujimama.com/2010/08/fresh-california-figs-a-giveaway/

https://www.botanical.com/botanical/mgmh/f/figcom12.html

 

I would like to Thanks everyone for all the resources for this blog. Thank you.

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

เล่าเรื่องลูกฟิก หรือ มะเดื่อฝรั่ง 2

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

วันนี้อ้อยหวานมาเล่าเรื่องลูกฟิกหรือมะเดื่อฝรั่งต่อ ตอนแรกดูได้ที่นี่ค่ะ

รู้หรือไม่? จากหนังสือพระคัมภีร์ไบเบิล เมื่อพระเจ้าสร้างโลก ได้สร้างอาดัมและอีฟ มนุษย์คู่แรกของโลกขึ้น ให้อยู่กันในสวนสวรรค์ที่เต็มไปด้วยไม้ผล พระเจ้าได้กำชับกับทั้งสองว่าสามารถเก็บกินผลไม้ได้จากทุกต้น ยกเว้นต้นตรงกลางสวน ห้ามแตะเด็จขาด ทั้งสองอยู่กันในสวนสวรรค์ด้วยความสุข จนกระทั้งวันหนึ่งปีศาจแห่งความชั่วร้ายได้แปลงกลายป็นงู มายุให้อาดัมและอีฟไปเก็บผลของต้นตรงกลางสวนมากิน โดยยุว่ามันอร่อมาก ที่โดนห้ามกินเพราะพระเจ้าจะเก็บไว้กินเอง อาดัมและอีฟเชื่อจึงเก็บมากิน ทำให้ถูกพระเจ้าขับไล่ออกจากสวนสวรรค์ และทำให้ทั้งสองรู้สึกตัวและอับอายในร่างเปลือยของพวกเขา จึงใช้ใบลูกฟิกมาปิดคลุม นี่คือเรื่องราวของอาดัมและอีฟกับใบลูกฟิก แต่อ้อยหวานไม่รู้ว่าเจ้าผลไม้ต้องห้ามคือลูกฟิกหรือไม่???

 

วิธีกินลูกฟิก กินสดซึ่งอร่อยมาก หวานฉ่ำยังกะน้ำผึ้ง แต่ลูกฟิกสดไม่สามารถเก็บได้นาน เพราะต้องปล่อยให้สุกคาต้นถึงจะเก็บได้ จึงไม่สะดวกนักในเชิงการค้า

 

ที่นิยมมากคือแบบตากแห้ง

 

ซึ่งก็มีหลายแบบ ตั้งแต่แห้งน้อยจนแห้งมาก บางชนิดจะสอดไส้ถั่วอัลมอนด์ หรือวอลนัท

 

แบบนี้ร้อยมาเป็นพวงเลย ในสมัยโบราณคนที่เดินทางไกลข้ามทะเลทรายจะนำลูกฟิกแห้งที่ร้อยเป็นพวงแบบนี้ไปเป็นเสบียงระหว่างทาง

คุณผู้ชายที่บ้านชอบกินลูกฟิกแห้ง แต่อ้อยหวานไม่ชอบ ลูกฟิกแห้งสากๆ เมล็ดเป็นทราย แต่ชอบกินลูกฟิกสดมากกว่า ตอนปั่นจักรยานเที่ยวที่อังกฤษได้แวะกินที่ร้านอาหารในสวน มีฟิกต้นใหญ่ลูกเท่าฝ่ามือและดกมาก แถมหล่นอยู่ใต้ต้นเต็มไปหมด มีนกและกระรอกเก็บกินอยู่ อ้อยหวานเลยเข้าไปช่วยกินจนลืมถ่ายรูป ลูกฟิกสดจะมีเมล็ดเหมือนกัน แต่นิ่มไม่สากเป็นทรายเหมือนลูกฟิกแห้ง

 

ลูกฟิกซินเจียงสด ขายในตลาดที่เมืองคัชการ์ (Kashgar) ประเทศจีน

 

ห่อกับใบฟิกด้วย น่ากินมาก

 

พายลูกฟิกสด นอกจากนั้นก็ใช้ทำขนมอบแบบต่างๆ

 

แยมลูกฟิกสด ดูสูตรและวิธีทำได้ที่นี่

อีกสูตรหนึ่ง

 

ประโยชน์ของลูกฟิกต่อสุขภาพ นอกจากจะมีใยอาหารและวิตามินซีสูงแล้ว ลูกฟิกสด โดยเฉพาะอย่างยิ่งพันธ์ที่มีเปลือกสีเข้มจะมีสารต้านอนุมูลอิสระเช่นวิตามิน A, E และเค สูง ยิ่งปล่อยให้สุกงอมคาต้นเต็ม ระดับสารต้านอนุมูลอิสระก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ส่วนลูกฟิกแห้งก็มีใยอาหารและแร่ธาตุ เช่น แคลเซียม ทองแดง โพแทสเซียม แมงกานีสธาตุเหล็ก และอื่นๆสูงเช่นกัน

 

ตอนที่อ้อยหวานไปปั่นจักรยานเที่ยวที่ญี่ปุ่นได้ไปเจอะเจอกับสวนต้นฟิคในมุ้ง ที่ใช้วิธีปลูกแบบโบราณของยุโรบที่เรียกว่า เอสพาลเออร์  หรือ เอสพาลิเออร์ (espalier) คือการเทรน ดัด ตัดแต่งต้นและกิ่งไม้ ซึ่งเป็นวิธีที่นิยมใช้กับต้นไม้ให้ผล เช่น แอปเปิ้ล แพร์ เริ่มทำกันในสมัยโรมัน มีการปลูกต้นไม้ให้ผลขนานราบไปกับกำแพง หรือพนังบ้าน จนกลายเป็นศิลปแบบหนึ่ง

 

ชาวสวนต้นฟิคของญี่ปุ่นเอามาดัดแปลงใช้ ประหยัดเนื้อที่และแรงงานในการเก็บผล

 

อีกแบบหนึ่ง

 

จะไม่ปล่อยให้กิ่งสูงเกินไป

 

ลูกอวบน่ากินมาก

 

กล่องนี้ราคา 5190 เยน มีทั้งลูกฟิกสด ลูกฟิกแห้ง และแยมลูกฟิก เพคอย่างดี เรื่องความเนียบแล้วต้องยกให้เขาเลย

 

เขาปลูกในเต้นท์ อ้อยหวานคิดว่าคงป้องกันอากาศหนาวเย็น ส่วนมุ้งไว้กันนกและแมลง

 

วิธีทำเอสพาลิเออร์

 

 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่นี่ค่ะ

http://www.nutrition-and-you.com/fig-fruit.html

http://healthyeating.sfgate.com/health-benefits-dried-figs-4181.html

http://www.whfoods.com/genpage.php?tname=foodspice&dbid=24

http://kissmyspatula.com/2010/07/26/homemade-fig-jam/

http://www.gourmetmum.tv/easy-recipes/fig-jam.html

http://growinggreener.blogspot.ca/2006/08/method-for-growing-figs-in-japan-with.html

http://www.hawaiifruit.net/Figs-Japan.htm

http://shizuokagourmet.com/2010/08/23/mrs-toshiko-otsukas-fig-orchard/

http://blogs.yahoo.co.jp/ikfarm/folder/1249562.html

http://kannonyama.com/shopdetail/045000000001/

 

I would like to Thanks everyone for all the resources for this blog. Thank you.

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

ข้อคิดจากการหัดวาดรูปสีน้ำ

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

เดือนพฤษภาคมปีที่แล้วอ้อยหวานได้ไปเดินโต๋เต๋อยู่ที่ญี่ปุ่น และได้ไปเจอะเจอกับกลุ่มจิตรกรญี่ปุ่นในสวนสวย ‘สวนพฤกษศาสตร์เกียวโต’ นั่งวาดรูปสีน้ำกันอย่างสำราษใจ ทำให้เกิดแรงบันดาลใจหรือเรียกง่ายๆ ว่าเกิดความอยากลองวาดสีน้ำดูบ้าง

ความอยากลองวาดสีน้ำ วนเวียนอยู่ในหัวอ้อยหวานอีกหลายเดือน อยากลอง  อยากทำ มีแต่ความอยาก แต่ไม่มีการกระทำ เดือนสิงหาไปเจอสีน้ำลดราคาเลยได้เป็นเจ้าของสีน้ำหนึ่งกล่อง นั่งดูกล่องสีน้ำกล่องนั้นไปอีกหนึ่งเดือน ก็ไปหาซื้อกระดาษวาดเขียนกับแปรงมานั่งดูมันอีกหนึ่งเดือน แล้ววันหนึ่งก็มีการกระทำเกิดขึ้น อ้อยหวานลงมือละเลงโดยที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับสีน้ำอยู่เลย ผลก็คือเละ ลองแล้วลองอีกก็ยังเละเหมือนเดิม เกือบจะถอดใจ แต่ก็ฮึดขึ้นมาอีกครั้งโดยการซื้อหนังสือสองสามเล่มมาอ่าน ถึงได้รู้ว่าไม่ใช่กระดาษวาดเขียนทุกอย่างจะใช้กับสีน้ำได้ จะวาดรูปสีน้ำก็ต้องใช้กระดาษสำหรับสีน้ำ ซึ่งราคาค่อนข้างสูงกว่ากระดาษวาดเขียนธรรมดา

 

รูปนี้เป็นรูปแรกที่ใช้กระดาษสำหรับสีน้ำ แผ่นละยี่สิกว่าบาท เลยต้องใช้ให้คุ้ม เห็นไหมแน่นเลย มีตั้งแต่กระต่าย ถ้วยกาแฟ คัฟเค็ก แจกันดอกไม้ แถมเบอรี่ไปอีกหลายลูก กระต่ายเลยทำหน้าเซ็ง เกือบจะเติมผีเสื้ออีกตัวตรงหูกระต่าย

 

คำคมที่กล่าวว่า ‘การเริ่มต้นลงมือทำเท่ากับได้ทำงานนั้นสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง’ (Who has begun has half done.) คงจะเป็นความจริง ดูตัวอย่างจากอ้อยหวาน ความอยากทำปิ้งขึ้นมาในหัว แต่กว่าจะมีการกระทำ คิดแล้วคิดอีก กลัวว่าจะเหลวบ้างละ กลัวจะเสียเวลาบ้างละ แถมมีข้ออ้างว่าสมัยเรียนอยู่วิชาวาดเขียนไม่เคยได้คะแนนดีเลย แต่หาคิดไม่ว่าสมัยเรียนอยู่มันกี่สิบปีมาแล้ว หลังจากที่ได้เรียนรู้ทั้งจากหนังสือและในเน็ท บวกกับเครื่องไม้เครื่องมือเหมาะสม และได้ฝึกฝีแปรงทุกวัน วันละหลายชั่วโมง แม้แต่ในฝันบางครั้งก็ยังฝันว่าตัวเองกำลังระบายสีน้ำ

 

แล้วอ้อยหวานก็ได้ยืดอก บอกกับตัวเองว่า ‘ฉันทำได้’ และแน่ใจว่าทุกคนทำได้ถ้ามี 5 ข้อนี้

1. คิดจะทำและที่สำคัญคือ

2. ลงมือทำ แต่จะต้องมี

3. ที่ฝรั่งเขาเรียกว่า ‘โน ฮาว’ (know how) คือมีความรู้ในเรื่องนั้นๆ และ

4. เครื่องไม้เครื่องมือเหมาะสม และ

5. หมั่นฝึกฝน อย่างชนิดว่ากัดไม่ปล่อยยิ่งดี

กฎห้าข้อนี้ใช้ได้กับงานทุกอย่าง

 

สีน้ำทำให้อ้อยหวานสามารถสร้างโลกอีกโลกหนึ่งบนแผ่นกระดาษ รูปนี้รวบรวมสิ่งที่อ้อยหวานรัก โปรวองซ์ (ฝรั่งเศษ) ดอกไม้ (จัดเต็มเลย แต่ไม่เว่อร์นะ ดูได้ที่นี่) และจักรยาน

 

อ้อยหวานกับคุณผู้ชายที่บ้านได้ไปปั่นจักรยานที่โปรวองซ์ ฝรั่งเศษ เมื่อปี 2013 เป็นสถานที่ที่สวยงามมาก โบสถเก่าแก่กว่าพันปีในหุบเขา ปลูกลาเว็นเดอร์ไว้เป็นทุ่งสวยมากๆ เพียงแต่เราไปที่นั่นก่อนเวลาดอกลาเว็นเดอร์บานสักหนึ่งเดือน ทุ่งลาเว็นเดอร์ที่เห็นก็เป็นสีเขียว ไม่เป็นไรแปรงวิเศษช่วยได้ ดอกลาเว็นเดอร์ที่บานอยู่ในใจ เบ่งบานสะพรั่งบนแผ่นกระดาษเหมือนเสกขึ้นมา

อ่านบล็อกปั่นจักรยานเที่ยวโปรวองซ์ ฝรั่งเศษ ได้ที่นี่

 

ถึงจะไม่ได้เห็นทุ่งลาเว็นเดอร์สีม่วง แต่ทุ่งนาข้างทางทุกแห่งเต็มไปด้วยดอกป๊อปปี้สีแดง

 

ทุกๆ หมู่บ้านของโปรวองซ์จะมีน้ำพุสวยๆ กันหมู่บ้านละ 2-3 หรือ 4-5 อัน ที่มีน้ำธรรมชาติจากใต้ดิน แต่รูปนี้ยังวาดน้ำไหลไม่เป็น

 

อ้อยหวานกลับไปปรึกษาครู คือหนังสือสองสามเล่มที่ซื้อมาอ่าน แล้วน้ำพุสวยๆ ก็มีน้ำไหลริน

 

ตลาดนัดโปรวองซ์เสน่ห์ของโปรวองซ์อีกอย่างหนึ่งซึ่งน่าหลงไหลนัก ที่จริงมีคนเยอะแยะ แต่วาดไม่เป็น

 

หัดวาดคนได้นิดๆหน่อย ก็จัดให้เลย ทะเลสาบ เลค หลุยส์ (Lake Louise)สวรรค์บนดินของแคนนาดา

 

ประตูโทริของศาลเจ้าเมจิ จินกุกลางกรุงโตเกียว ที่จริงมีคนเป็นแสน ถ่ายรูปออกมามีแต่หัวคน แปรงวิเศษจัดให้ ไม่มีคนเหลือสักคน

 

ฟาร์มวาซาบิ ไดโอะฟาร์มยาวเยียดเลียบแม่น้ำดูคล้ายนาข้าว ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคมแปลงวาซาบิจะมีตาข่ายขึงกันแดด แปรงวิเศษจัดให้อีก ลบตาข่ายกันแดดออกให้หมด

 

พระพุทธรูปไดบุทสึ ของคามาคุระ ฉบับอ้อยหวาน

 

สวนดอกโบตั๋นของวัดฮะเซะ-เดะระคามาคุระ ช่วงที่อ้อยหวานแวะไปที่สวนของวัดฮะเซะ-เดะระ (ปลายเดือนเมษายน) เต็มไปด้วยดอกไม้นานาชนิดเช่น วิสทีเรีย ดอกโรโดเดนดรอน (Rhododendron) หรือกุหลาบพันปี ดอกอะเซลเลีย และดอกโบตั๋น นั่งระบายสีอยู่ที่บ้านได้กลิ่นหอมอบอวลใจ นี่คืออีกสิ่งหนึ่งที่ได้จากการวาดรูปสีน้ำ เหมือนย้อนเวลากลับ

 

เมืองคอน หรือ นครศรีธรรมราช บ้านเกิดของอ้อยหวาน

 

ขอบคุณที่สละเวลามาชมภาพวาดของจิตรกรสมัครเล่นมือใหม่ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะค่ะ ถ้าชอบใจกด like ให้สักนิด

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

คำคมจากดอกไม้

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

มิตรภาพก็เหมือนกับดอกไม้

ถ้าเราดูแลรักษามัน…โลกนี้จะเป็นสวนดอกไม้

friendship is like a flower; when one take care of it, the world become a garden.

วันนี้อ้อยหวานเอาคำคมจากดอกไม้ และรูปดอกไม้ที่ถ่ายเก็บไว้ตอนไปญี่ปุ่นเมื่อปีที่แล้ว มาให้ชมกัน ดอกไม้ให้ความรัก ดอกไม้ให้ความสุข ดอกไม้ยังสอนใจได้ด้วย

 

ดอกไม้ของวันพรุ่งนี้ อยู่ในเมล็ดของวันนี้

~ สุภาษิตชาวอเมริกันพื้นเมือง

All the flowers of all the tomorrows are in the seeds of today.

~ Indian Proverb

 

ขอให้ชีวิตของเธอเป็นเหมือนดอกไม้ป่า เติบโตอย่างอิสระในความงามและความสุข

~ สุภาษิตชาวอเมริกันพื้นเมือง

"May your life be like a wildflower growing freely in the beauty and joy of each day."

~ Native American Proverb

 

เธอมาที่นี่ (โลก) ในระยะเวลาสั้น โปรดอย่ารีบร้อน อย่ากังวลใจ และอย่าลืมหยุดดมดอกไม้ในระหว่างทาง

You're only here for a short visit. Don't hurry, don't worry. And be sure to smell the flowers along the way.

~ Walter Hagen

 

ที่ไหนมีดอกไม้เบ่งบาน ที่นั่นมีความหวัง

Where flowers bloom, so does hope.

~ Lady Bird Johnson

 

จงเป็นเหมือนดอกไม้ เชิดหน้ารับดวงตะวัน

Be like a flower, turn your faces to the sun

~ Kahlil Gibran

 

ดอกไม้กระซิบคำบอกขาน ที่ไม่สามารถจะเอื้อนเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้

Flowers whisper what words cannot say

 

ดอกไม้คือเสียงเพลงจากพื้นดิน เป็นบทเพลงที่ไร้เสียงจากริมฝีปากของโลก

Flowers are the music of the ground From earth's lips spoken without sound.

~ EDWIN CURRAN

 

ดอกไม้เบ่งบานในที่ที่เธอหว่านเมล็ด

 

อย่าท้อแท้ อย่าหยุด หากอยากจะหยุด ก็เพียงหยุดดมดอกไม้

 

อย่าส่งดอกไม้ไปงานศพของฉัน ถ้าเธอชอบฉัน ส่งดอกไม้ให้ฉันเดี๋ยวนี้ ในขณะที่ฉันยังมีชีวิตอยู่

Don't send me flowers when I'm dead. If you like me, send them while I'm alive.

~ Brian Clough

 

เพื่อนเป็นเหมือนดอกไม้ เบ่งบานสะพรั่งหลากสีสัน

Friends are like flowers, They always bloom in color.

 

เมล็ดพืช ตัวหนอน และผึ้งน้อย เกิดขึ้นก่อนจะมี ดอกไม้ ผีเสื้อ และน้ำผึ้ง เหมือนมันกำลังบอกเราว่า ความงาม การปฏิรูป และความหวานชื่น ต่างๆ ในชีวิต จะต้องใช้เวลาอดทนเฝ้ารอการเติบโต มีความฮึดสู้เพื่อความอยู่รอด และต้องมีความพยายามขยันหมั่นเพียร แล้วทุกอย่างจะให้ผลคุ้มค่าในสักวันหนึ่ง

Seeds, caterpillars, and bees come before flowers, butterflies, and honey. They remind us of the beauty, transformation, and sweetness in life that follow the patience to grow, persistence in struggle, and diligent effort. Everything will be worthwhile one day.

~ Doe Zantamata

 

ดอกไม้นี้ ฉันให้เธอ

แทนวาจา แทนคำบอกลา

แทนคำกล่าวว่า.. จะย้อนกลับมา

 

ขอให้สดสวย ขอให้สดสี

เก็บไว้แต่สิ่งดีๆ ในชีวิต

ดุจดอกไม้หลากสีในสวนสวย

 

ถึงเวลาอ้อยหวานออกเดินทางอีกแล้วค่ะ คงจะห่างหายจากการเขียนบล็อกไปสัก 9-10 อาทิตย์ อ้อยหวานกลับเมืองไทยและขากลับจะแวะเที่ยวญี่ปุ่น ขอฝากดอกไม้เอาไว้แทนตัว และฝากบ้านสวนที่อบอุ่นแห่งนี้ด้วยนะค่ะ กลับมาเจอกันที่นี่ เวลาเดิม

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

เรื่องของต้นฟิกน้อย 6 ต้น (และส่งการบ้าน)

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

วันนี้อ้อยหวานแวะมาเล่า เรื่องของต้นฟิกน้อย ที่รอนแรมเดินทางไกลจาก ราชบุรีมาใช้ชีวิตใหม่ที่นครศรีธรรมราช นี่ถ้าไม่ติดด่านกักกันพืชต่างถิ่นของญี่ปุ่นและแคนนาดา ก็คงจะมีต้นฟิกน้อย ที่รอนแรมเดินทางไกลมากกว่านั้น  เริ่มเรื่องก็คือความอยากได้ต้นฟิกที่มีลูกฟิกที่มีคุณค่าทางอาหารสูง อ้อยหวานอยากให้พ่อแม่ น้องๆ ที่บ้านมีไว้ครอบครอง และได้ลิ้มลองผลอันโอชา หันซ้าย แลขวา ก็มีความคิดปิ้งขึ้นมา เราเขียนบล็อกเกี่ยวกับต้นฟิกแล้วเจ้าแม่หรือเจ้าพ่อฟิกก็จะปรากฎกาย แล้วเป็นไปตามนั้นจริงๆ ที่บ้านอ้อยหวานจึงได้ต้นฟิกมาครอบครอง บ้านละต้นสองต้น

ต้นฟิกน้อยสองต้นอยู่ที่บ้านพ่อแม่ บ้านในเมืองเนื้อที่น้อย พ่อหาที่ลงดินในสวนน้อยๆ ให้ โดยการตัดต้นไม้ใหญ่ไปหนึ่งต้น คนงานขุดหลุมอย่างยากลำบาก เพราะเจอแต่รากใหญ่มากมาย ต้นฟิกเลยต้องอยู่ในกระถางในหลุมไปก่อน ก้าวต่อไปคงต้องหาปล่องซิเมนต์

 

ต้นที่สองอยู่ในสวนบนตึก

 

ได้อยู่กับดอกไม้หลากพันธ์และบอนไซหลายต้น

 

และแน่นอนจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากผู้ที่รักต้นไม้ทั้งสองท่าน ที่อ้อยหวานได้สืบทอดความรักต้นไม้และดอกไม้มาจากท่าน

 

ส่วนต้นฟิกอีก 4 ต้นก็กำลังรอเจ้าของใหม่มารับไปอยู่ที่บ้าน สองต้นน้อยอยู่เมืองคอนเมืองคนใจดี อีกสองต้นจะไปลั่นล้าที่ภูเก็ต

อ้อยหวานขอขอบคุณน้องตุ๊ก (TOOK SRONSIT) มากๆ ค่ะ ที่สละเวลาจัดหาและจัดส่งให้  บริการทุกระดับ ประทับใจจริงๆ

ขอบคุณบ้านสวนพอเพียง ที่ทำให้ได้เจอะเจอกับเพื่อนๆ พี่น้องที่แสนดี แม้จะไม่เคยได้เจอตัวจริง แต่นั่นก็ไม่สามารถหยุดหยั้งสายสัมพันธ์

ขอบคุณพ่อแม่ที่ได้ปลูกฝังความรักต้นไม้ดอกไม้ให้

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

ส่งความคิดถึง..จากญี่ปุ่น

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

อ้อยหวานห่างหายไปหลายเพลา เพราะติดภารกิจ..เที่ยว ขณะนี้ก็ยังไม่ถึงบ้านค่ะ ยังเร่ร่อนอยู่ที่ญี่ปุ่น วันนี้แวะเอารูปมายั่ว ถือว่าเป็นอาหารว่างหรืออาหารเรียกน้ำย่อยก็แล้วกัน

บล็อกของจริงคงต้องรอออีกสองอาทิตย์กว่า เมื่ออ้อยหวานกลับถึงบ้านที่แคนนาดา อย่าลืมติดตามอ่านกันนะค่ะ

 

 โตเกียว

 

 คามาคุระ

 

คามาคุระ

 

คามาคุระ

 

นาโกย่า

 

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

 

 

ชีวิตคือการเดินทาง

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

 

สำหรับอ้อยหวานในช่วงเวลาสองปีที่ผ่านมา นอกจากจะเดินทางผ่านห้วงเวลาแล้ว อ้อยหวานยังเดินทางผ่านผืนดิน ผืนน้ำ และเหนือเมฆ ขึ้นรถ (รถยนต์, รถไฟ, รถถีบ) ลงเรือ (บิน) จนสมกับคำว่า ชีพจรลงเท้า

 

บล็อกนี้ขอเล่าเรื่องการเดินทางผ่านห้วงเวลาก่อน ที่จริงแล้วไม่ค่อยอยากเล่าเรื่องส่วนตัวในบล็อก แต่เรื่องนี้อยากเล่าจะได้เป็นข้อคิดให้ผู้อื่นบ้าง เพราะการเดินทางผ่านห้วงเวลาของมนุษย์ ทางที่ต้องเดินไปเราไม่รู้ว่าจะต้องเจอะเจออะไรบ้าง แยกหน้าหรือโค้งหน้าจะมีอะไรดักรอเราอยู่

 

อย่างอ้อยหวานก็เดินทางผ่านห้วงเวลาเช่นทุกวัน จนเย็นวันหนึ่งคุณผู้ชายที่บ้านกลับจากทำงานเหมือนทุกเย็น ต่างกันตรงที่ว่านอกจะเหนื่อยและหิวแล้ว คุณผู้ชายยังมีข่าวมาบอกด้วย จู่ๆ เจ้านายใหญ่เรียกทุกคนในที่ทำงานเข้าห้องประชุมด่วน และแจ้งข่าวด่วนว่าออฟฟิศจะปิดแล้วย้ายไปเมืองโตรอนโตภายในสามอาทิตย์ คือก่อนสิ้นปีที่แล้ว ทุกคนมีข้อเลือกอยู่สองข้อคือย้ายไปโตรอนโตหรือรับเงินชดเชย คุณผู้ชายเลือกข้อหลัง อีกสามอาทิตย์บ้านที่เคยอยู่คนเดียวเงียบๆ บ้านที่เคยเป็นของเราคนเดียว (ในตอนกลางวัน) จะต้องแบ่งปันแล้ว

 

ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น อ้อยหวานกำลังดูแลลูกหมาลักกี้ ที่จริงลักกี้ไม่ใช่ลูกหมา แต่เป็นหมาที่เลี้ยงเหมือนลูก ลักกี้อายุ 17 ปี เป็นหมาแก่ (ใกล้ตาย) ใครที่เคยดูแลหมาแก่ (ใกล้ตาย) จะรู้ว่าเป็นเช่นไร ไม่ใช่อยู่ๆ ก็หยุดหายใจและตายไปเฉย มันทุรนทุรายมาก ลุกขึ้นยืนไม่ได้ แล้วหมาก็ทำอะไรๆ เกือบทุกอย่างในท่ายืน ยืนถ่าย ยืนฉี่ ยืนกิน ลักกี้จะทุรนทุรายและร้องทุกครั้งที่พยายามยืน แม่ต้องช่วยให้ลุกยืน คอยป้อนข้าวป้อนน้ำ เช็ดอึเช็ดฉี่

 

ความตาย การพลัดพลากเป็นธรรมดาโลก และที่เป็นธรรมดาโลกอีกอย่างสำหรับปุถุชนธรรมดาๆ คือความเสียใจ แต่..มีเรื่องที่ไม่ธรรมดามาเกี่ยวข้องกับการตายของลักกี้ ที่ทำให้แม่อ้อยหวานเครียดมากคือ ที่แคนนาดาเขาจะพาหมาแก่หรือหมาใกล้ตายไปให้หมอฉีดยา เขาถือว่าเป็นสิ่งที่สมควรทำ เป็นการช่วยให้หมาไม่ต้องทรมาร อ้อยหวานพูดคุยกับคนเลี้ยงหมาและรักหมาของตัวมากๆ หลายรายว่า เธอทำเช่นนั้นหรือ?? เธอทำได้อย่างไร?? ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า It’s hard but it’s the right thing to do. โดยเฉพาะบุคคลหนึ่งที่อ้อยหวานคุยด้วย เธอเป็นคนรักสัตว์ เลี้ยงหมาเลี้ยงแมวไว้เต็มบ้าน เธอเป็นสัตวแพทย์ และเธอก็เป็นน้องสะใภ้ของอ้อยหวาน เธอยืนยันว่า It’s the right thing to do. เธอฉีดยาให้หมาใกล้ตายของเธอด้วยตัวเองทุกตัว

 

ในห้วงเวลานั้นอ้อยหวานคิดหนัก เพราะทำเช่นนั้นไม่ใช่วิถีพุทธ คุณผู้ชายบอกว่าตนพาลักกี้ไปส่งโรงหมอได้ถ้าอ้อยหวานเซย์เยส น้องเบลลูกสาวพูดทั้งน้ำตาว่าเพื่อนๆของลูกต่างก็พากันบอกให้พาลักกี้ไปหาหมอ ลักกี้จะได้ไม่ต้องทรมาน ส่วนแม่อ้อยหวานก็คิดแต่ว่า ลักกี้เกิดเป็นหมาเพราะมีกรรมต้องชดใช้ ถ้าไปหาหมอเดี๋ยวจะใช้กรรมไม่หมด ต้องเกิดเป็นหมาอีก อีกอย่างหนึ่งถ้าแม่เซย์เยส ก็เหมือนกับทำกรรมอีก

 

ช่วงนั้นแม่ป้อนข้าวป้อนน้ำลักกี้ไป สวดมนต์ไป น้ำตาก็ไหลพรากๆ พอลักกี้ร้องทั้งแม่อ้อยหวานและน้องเบลต้องวิ่งไปดู ช่วยยกตัวให้เขายืน น้องเบลก็คอยลูบตัวลูบขาให้ แล้วเรื่องพาลักกี้ไปหาหมอก็ผุดขึ้นมา ทางแยกสองทางนี้เราจะไปทางไหนดี ทางไหนเป็นสิ่งที่สมควรทำ? ถ้าลักกี้เลือกเองได้ ..ก็คงจะดี

 

แล้ววันหนึ่งอ้อยหวานนั่งฟังเพลงในคอม มีลักกี้นอนอยู่ใกล้ๆ ฟังไปครึ่งเพลง จู่ๆ เสียงเพลงผิดเพี้ยนไปเหมือนเทปเพลงยืด เสียงย้วยยืดเลย ก็เลยบอกคุณผู้ชายซึ่งงานยุ่งมากๆ เพราะต้องปิดเก็บงานก่อนออฟฟิศย้าย ว่าลำโพงมันเสีย คุณเธอจัดการติดตั้งลำโพงอันใหม่แล้วก็ไปต่างจังหวัด แต่อันใหม่เสียงก็ไม่ดีขึ้น คุณผู้ชายกลับมาลองฟังแล้วต้องหันมามองหน้าอ้อยหวาน เธอแน่ใจว่าปัญหาไม่ใช่อยู่ที่ลำโพง แต่เป็นที่หูของอ้อยหวาน แล้วใช่จริงๆ ด้วย ในระยะเวลาอาทิตย์กว่าๆ ต่อมา ประสิทธิภาพในการได้ยินของอ้อยหวานลดลงอย่างฮวบฮาบ ได้ยินไม่ชัดถึงขนาดจับใจความคำพูดที่ได้ยินไม่ได้ เพราะเสียงเพี้ยนไปหมดแม้แต่เสียงของตัวเอง

 

แต่เสียงลักกี้ร้องกลับได้ยินแจ่มชัด มันทำให้อ้อยหวานคิดวนเวียนวันละหลายหนว่าตัดสินใจเลือกทาง (ให้ลักกี้) ถูกทางหรือไม่ แม้แต่ขณะนี้ลักกี้ก็ตายไปสามเดือนแล้ว แม่อ้อยหวานของลักกี้ก็ยังคิดไม่ตก

 

หลังจากรอร้านหมอหูเปิดหลังปีใหม่ อ้อยหวานก็รู้ว่าตัวเองเป็นโรคประสาทหูเสื่อม ต้องใส่เครื่องช่วยฟัง แต่มันไม่ใช่ง่ายๆ เหมือนเปิดปุบติดปับ ต้องพยายามทำตัว (หู) ให้ชินกับเครื่องช่วยฟัง และสมองก็ต้องปรับตัว และแม้แต่ใส่เครื่องช่วยฟังมันก็ช่วยได้แค่ 50 % เท่านั้น

 

ที่จริงแล้วเรื่องนี้ต้องโทษตัวเองที่ไม่เชื่อฟังหมอ เพราะหูข้างซ้ายเสื่อมได้ยินแค่ 30% มา 4-5 ปีแล้ว แต่ยังดื้อคิดว่าฟังข้างเดียวก็ได้ (วะ) ต้นปีที่แล้วเริ่มมีเสียงกริ่งในหูข้างที่เคยได้ยินดี คุณหมอที่หากันมาเกือบ 20 ปี บอกให้ใส่เครื่องช่วยฟัง เพราะจะช่วยกระตุ้นการได้ยิน และจะได้ปรับตัวชินกับเครื่องช่วยฟัง แต่อ้อยหวานก็ไม่เคยฟังหมอ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

อย่าเป็นเด็กดื้ออย่างอ้อยหวานนะ อย่าประมาทนะ จงเชื่อฟังหมอและดูแลรักษาตัวอย่างเคร่งครัด

 

ยารักษาใจ..

นอกจากจะดูแลรักษาตัว (หู) แล้ว ยารักษาใจหรือยาสมานใจก็สำคัญ อ้อยหวานมีคนข้างตัวข้างใจอย่างคุณผู้ชาย ที่แสนดีและเข้าใจ มีพ่อแม่ที่คอยยื่นมือมาประคับประคอง ตอนนี้กำลังทานยาจีนที่พ่อขวนขวายหาให้ ส่วนคนที่เข้าใจอ้อยหวานดีที่สุดคือแม่ แม่มีปัญหาเรื่องการได้ยินมาช้านาน น้าๆ น้องของแม่มีปัญหาเรื่องหูกันทุกคน เวลาที่แม่จะพูดกับอ้อยหวาน แทนที่จะตะโกนดังใส่เหมือนคนอื่น (ซึ่งทำให้อ้อยหวานฟังไม่รู้เรื่องไปกันใหญ่) แม่จะแตะไหล่ก่อน แล้วค่อยๆ พูด แม่คือแม่พระของลูกจริงๆ น้องๆ ของอ้อยหวานเป็นยาสมานใจอีกขนาน ทั้งคนที่เป็นหมอและคนที่ไม่เป็นหมอแต่เป็นคนขับรถพาไปหาหมอ น้องคนอื่นๆ ก็เป็นกองเชียร์

 

ยารักษาใจอีกขนานหนึ่งคือเพื่อนๆ อ้อยหวานอยู่ต่างแดน ไม่ค่อยคบหาใคร กลับไปเมืองไทยแต่ละครั้งก็ไม่ค่อยได้ติดต่อเพื่อนๆ แต่ครั้งนี้โชคชะตาทำให้ได้พบเจอเพื่อนๆ ทั้งเพื่อนเก่าสมัยเรียนนิเทศ และเพื่อนบ้านสวนที่รู้จักคุ้นเคย แต่ไม่เคยพบหน้ากัน เพื่อนๆ น้องๆ ทุกคนต่างสละเวลามาให้อ้อยหวาน ขอบอกว่าเธอทุกคนคือยารักษาใจให้อ้อยหวาน แม้หูจะได้ยินแย่เหมือนเดิม แต่ (กำลัง) ใจดีขึ้นเหมือนกินยาโด๊ป ขอบคุณ ขอบคุณทุกๆ คน

 

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

ยารักษาใจหรือยาสมานใจนี้สำคัญพอกับยาทานหรือยาทา อย่าลืมยาขนานนี้

 

 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่องการเดินทาง ขึ้นรถ ลงเรือ ขึ้นเหนือ ล่องใต้ ในตอนต่อไป

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

 


ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ทำไมต้องท่องเที่ยว

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

 

มีคนถามอ้อยหวานว่า ทำไมต้องท่องเที่ยว? อยู่บ้านเฉยๆ ไม่ได้หรือ? บล็อกก่อนหน้านี้ก็บอกไปแล้วว่า ‘เราล้วนคือคนเดินทาง เราเดินทางผ่านห้วงเวลาวันแล้ว..วันเล่า’

 

สำหรับอ้อยหวาน ท่องเที่ยว หรือ เดินทาง มันคือคำๆ เดียวกัน และอ้อยหวานก็ให้ความหมายว่า เป็นการเคลื่อนที่จากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่ง เหมือนเข็มนาฬิกาที่เดินติ๊กๆ ติ๊กๆ นาทีแล้ว..นาทีเล่า ชั่วโมงแล้ว..ชั่วโมงเล่า วันแล้ว..วันเล่า แต่เข็มนาฬิกาจะเดินเป็นวงกลม วนแล้วเวียนอีก หากหยุดเมื่อไร คนก็บอกว่านาฬิกามันตาย

 

บางคนเลือกเดินทางแบบเข็มนาฬิกา คือเดินเป็นวงกลม วนแล้วเวียนอีก ทุกวี่ทุกวัน กระเด้งจากเตียงนอน เข้าห้องน้ำ แต่งตัว ออกจากบ้านไปที่ทำงาน จากที่ทำงานกลับบ้าน ดูทีวี ล้มตัวนอนบนเตียง วนแล้วเวียนอีกเช่นนี้ จนกว่าเข็มนาฬิกาหยุดเดิน

 

แบบนั้นไม่ใช่อ้อยหวานแน่นอน เพราะโลกนี้ไม่ใช่มีแต่บ้านกับที่ทำงาน

 

โลกนี้มีหลายๆ อย่างที่ให้ไปค้นพบค้นหา

 

โลกนี้มีภูเขา มีแม่น้ำ

 

มีทะเล หาดทราย โขดหิน ทุ่งนา ทุ่งหญ้า

 

มีสวนดอกไม้ ดอกไม้ริมทาง ป่าสน ป่าไผ่ อาหาร ผู้คน และวัฒนธรรมแตกต่างหลากหลาย มีสายลมอ่อนๆ หรือลมแรงปะทะหน้า มีสายฝนเย็นฉ่ำ หรือบางครั้งก็เย็นยะเยือก และบางครั้งกลับเป็นเกร็ดหิมะ

 

มีกลิ่นหอมดอกไม้หรือกลิ่นไอของท้องถิ่น

 

โลกนี้กว้างใหญ่นัก โลกนี้ไม่ใช่มีแต่บ้านกับที่ทำงาน

 

การเดินทางคราวนี้ของอ้อยหวานเป็นเพราะโอกาสหลายประการอำนวย

1. คุณผู้ชายหมดภาระที่ทำงาน

2. อ้อยหวานหมดภาระดูแลลักกี้

3. ไม่ต้องห่วงบ้านแล้ว เพราะลูกสาวกลับจากไปเรียนต่างประเทศมาเรียนต่อที่บ้าน และจะเป็นผู้ดูแลบ้าน

4. ถึงเวลาที่อ้อยหวานต้องกลับไปเยี่ยมพ่อแม่และน้องๆ ที่เมืองไทย

5. ระหว่างบินจากแคนนาดาไปเมืองไทย ต้องหยุดเปลี่ยนเครื่องบินที่ญี่ปุ่น

6. ประการสุดท้าย มีที่พักให้ฟรีโดยที่ไม่ต้องเสียสตางค์สักแดงเดียวตั้ง 17 คืนทั่วญี่ปุ่น ที่จริงที่พักก็ไม่ได้มาฟรีๆ หรอกนะ อ้อยหวานเขียนและแปลบทความให้เวป JapanTravelแล้วแต่ละบทความเขาให้เป็นจุด สะสมมาเกือบปี และจังหวะก็ดีที่ระหว่างนั้นมีที่พักอยู่หลายแห่งให้เลือก

 

เมื่อโอกาสทั้งหมดมาถึง อ้อยหวานและคุณผู้ชายก็คว้าไว้ ไหนๆ ก็ออกจากบ้านแล้ว ไปสัก 2 เดือนกว่าๆ เลย เดินทางท่องเที่ยวช้าๆ เรื่องหูเอาไว้ว่ากันทีหลัง (จากเที่ยว)

และนี่คือที่มาของบล็อก ‘ชีวิตคือการเดินทาง’

 

คราวนี้เราเลือกปั่นจักรยานเที่ยวเมืองไทย ปั่นลงใต้ เลาะเลียบอ่าวไทย ปั่นให้มากที่สุดเท่าที่เวลาและสถานที่จะอำนวย ถ้าไฮเวย์มันเหลือทนก็เอาจักรยานขึ้นรถบ้าง ไฮเวย์ที่ว่าก็คือ สาย 4 ถนนเพชรเกษม เพราะบางช่วงไม่มีถนนสายอื่นให้เลือก

 

ส่วนที่ญี่ปุ่น เราขึ้นรถไฟแล้วก็เดิน..เดิน..เดิน..เดิน.. แต่ละวันเดินกันเกือบ 10 กิโล บางวันก็มากกว่านั้น อ้อยหวานกลับมาถึงบ้านหลายวันแล้ว แต่เท้ายังบ่นอยู่เลย เอาไว้ค่อยๆ เล่าว่าเราเดินกันเท้าแบะเท้าแฉะยังไง

 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่องการเดินทาง ขึ้นรถ ลงเรือ ขึ้นเหนือ ล่องใต้ ในตอนต่อไป

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ฉันรักสวนลุม

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

 

สวนลุมพินี หรือเรียกสั้นๆ ว่า สวนลุม เป็นสถานที่ในดวงใจของอ้อยหวานมาช้านาน สมัยก่อนที่ยังวิ่งออกกำลัง หากแวะบ้านที่กรุงเทพ อ้อยหวานจะเดินออกจากบ้านแต่เช้าไปยังสวนลุม ซึ่งอยู่ห่างจากประมาณ 1 กิโล วิ่งรอบสวนแล้วก็เดินกลับบ้าน อ้อยหวานไม่ได้แวะกรุงเทพมา 2-3 ปี จึงห่างหายจากสวนลุม

 

กลับเมืองไทยคราวนี้ มีเหตุให้ต้องแวะที่กรุงเทพ หลังจากที่ตัดสินใจซื้อตั๋วเครื่องบินแล้ว อ้อยหวานและคุณผู้ชายก็ตัดสินใจซื้อจักรยานคันใหม่ที่กรุงเทพ เราไม่ขนจักรยานไปจากบ้านเหมือนทริปอื่น เพราะค่าขนส่งจักรยานไป-กลับ เกือบจะเท่ากับจักรยาน (คุณภาพใช้ได้) คันใหม่ ใช้แล้วเก็บไว้ที่บ้าน จะได้ใช้ในทริปต่อๆ ไป

 

แล้วปฏิบัติการตามหาจักรยานก็เริ่มขึ้นโดยที่อ้อยหวานไม่ต้องไปไหนเลย นั่งอยู่หน้าคอมที่บ้าน (แคนนาดา) แล้วส่งเมล์ติดต่อร้านจักรยาน 3-4 แห่ง ภายใน 3-4 วันก็ได้จักรยานพับได้ 2 คัน ที่จะถูกติดตั้งทุกอย่างสำหรับทัวร์ริ่ง แถมจัดส่งถึงบ้านในเช้าวันที่อ้อยหวานไปถึงกรุงเทพให้ด้วย ขอขอบคุณน้องที่ร้าน CrazyBikeShopมาณ.ที่นี้

 

อ้อยหวานได้แวะไปเดินเล่นที่สวนลุมถึงสองครั้ง กลิ่นอายเก่าๆของสวนลุม ยังมีอยู่ครบถ้วนทั่วสวน สวนลุมในตอนเช้าอากาศดีกว่าที่อื่นๆ ในกรุงเทพ เพราะมีต้นไม้น้อยใหญ่มากมาย มีผู้คนมากมายพากันมาออกกำลังกาย

 

ใครใคร่เดินก็เดินไป ใครใคร่วิ่งก็วิ่งไป กลุ่มโยคะจองพื้นที่ตรงระเบียง กลุ่มรำไทเก็กจองที่ใต้ร่มไม้ใหญ่ อีกมุมหนึ่งมีการรำดาบ เครื่องออกกำลังกายก็มีคนจับจองกันเต็ม มีลูกหลานจูงมือหรือเข็นรถพ่อแม่ ปู่ย่า ตายา ออกมาเดินเล่น ภาพและกลิ่นอายเก่าๆ เช่นนี้ของสวนลุมที่ทำให้อ้อยหวานหลงรักนัก

 

เดินชมสวนเพลินๆ ก็ไปเจอกับลูกเป็ดตัวไม่น้อย มีนางแบบนายแบบกำลังเต๊ะท่าถ่ายรูป อ้อยหวานเลยไปขอถ่ายรูปบ้าง

 

สอบถามผู้คนแถวนั้น ได้ความว่าเขากำลังจัดงานเที่ยววิถีไทย เสียดายที่เย็นนั้นออกจากกรุงเทพเสียแล้ว จัดงานในสวนแบบนี้ได้บรรยากาศมาก มีกิจกรรมหลายอย่าง มีของกินจากที่ต่างมากมาย แวะไปดูได้ ที่นี่ค่ะ

 

มีธีมตรุษจีนด้วย

 

สองอาทิตย์ต่อมาอ้อยหวานกลับไปสวนลุมอีกครั้ง ครั้งนี้ไปกับคุณผู้ชายเอาจักรยานคันใหม่ไปลองเครื่องก่อนออกเดินทาง ที่นี่เขาไม่อนุญาติให้ปั่นจักรยานจนกว่าจะหลังสิบโมง แต่เราไปเช้าไปหน่อยคือหกโมงเช้า และเราสองคนก็ไม่ทราบกติกาอันนั้น ไปถึงก็ปั่นโลด เลยโดนเจ้าหน้าที่เป่าลูกหวีดเรียก อ้อยหวานพูดแซวกับคุณผู้ชายว่าวันแรกก็โดนใบสั่งเสียแล้ว

 

เราเลยต้องเข็นจักรยานไปรอบๆ สวนแทน ได้ไปชื่นชมศาลาไทยเก่าๆ และสิ่งก่อสร้างงามๆ หลายหลัง

 

หลังนี้คือศาลาการไฟฟ้าสามเสน

 

หลังนี้มีชื่อแสนไพเราะว่า ‘ศาลาภิรมย์ภักดี’ ใช้สำหรับจัดการแสดง ดนตรี และคอนเสิร์ต

 

เก๋งจีนก็มี

 

สวนลุมพินีจัดได้ว่าเป็นป่ากลางกรุง รายล้อมไปด้วยตึก อาคาร สูงใหญ่

 

สวนลุมพินีเป็นที่พักพิงของคนเมืองกรุง

 

และยังเป็นที่พักพิงของหมู่นกกา สิงสาราสัตว์ อย่างเช่นเจ้าตัวนี้

 

มีกันหลายตัวเชียวละ ตัวนี้ยาวเกือบสองเมตร

 

ต่างคนต่างอยู่ ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน ไม่รบกวนหรือตีกัน

 

ประวัติความเป็นมาของสวนลุมพินี  

สวนลุมพินีเป็นสวนสาธารณะแห่งแรกของกรุงเทพมหานคร และพระราชมรดกที่พระบาทสมเด็จพระ มงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานไว้ให้้แก่ชาวพระนคร โดยมีจุดเริ่มต้นใน พ.ศ. 2468 ซึ่งทรงครองราชสมบัติครบ 15 ปี ประกอบกับเศรษฐกิจตกต่ำหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 จึงทรงมีพระราชดำริจะจัดงานแสดงพิพิธภัณฑ์สรรพสินค้า และทรัพยากรธรรมชาติ ดังเช่น ประเทศตะวันตกทำได้ผลมาแล้ว โดยกำหนดจัดใน ฤดูหนาวปลายปี พ.ศ. 2468 และมีพระราชดำริว่า เมื่อเลิกการจัดงานแล้วสถานที่นั้น ควรจัดทำ เป็นสวนพฤกษชาติ เพื่อให้ประชาชนได้ศึกษาและใช้พักผ่อน ทรงเลือก บริเวณทุ่งศาลาแดงที่ดินส่วนพระองค์ ที่เหลือจากแบ่งเป็นจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไปแล้วเป็นที่จัดงาน และทรงสละพระราชทรัพย์เป็นทุนประเดิมในการเตรียมสถานที่ ครั้งนั้นมีการขุดสระกว้างสร้างเกาะลอยกลางน้ำตัดถนน และสร้างถาวรวัตถุ เช่น หอนาฬิกา ตึกแบบกรีก และทรงพระราชทานชื่อว่า "สวนลุมพินี"หมายถึง สถานที่ประสูติแห่งพระพุทธเจ้า ณ ตำบลลุมพินีวัน ประเทศเนปาล แต่ด้วยทรงเสด็จสวรรคตก่อนกำหนดเปิดงาน จึงต้องล้มเลิกงานไป ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 7 โครงการนี้จึงถูกรื้อฟื้นอีกครั้ง โดยทรงให้เช่าที่ดินด้านใต้ของสวนลุมพินี 90 ไร่ จัดเป็น"วนาเริงรมย์"คล้ายสวนสนุก และค่าเช่านำมาปรับปรุงที่ดินส่วนที่เหลือเปิดเป็นสวนสาธารณะ นับแต่นั้น สวนลุมพินีจึงเป็นสถานที่ให้ความเพลิดเพลินสนุกสนานแก่ประชาชนมีทั้ง การละเล่น แข่งว่าว วิ่งวัว ชิงช้า ม้าหมุนโดยทรงพระราชทานที่ดินให้รัฐบาลดูแลและมีพระกระแสรับสั่งให้ใช้เพื่อสวนสาธารณะเท่านั้น ต่อมาในสมัย สงครามโลกครั้งที่ 2 สวนลุมพินี กลายเป็นที่ตั้งค่ายของ ทหารญี่ปุ่น สวนแห่งนี้จึงลดบทบาทลง จนสงครามเลิกในปี พ.ศ. 2495-2497 จึงถูกใช้เป็นที่จัดงานฉลองรัฐธรรมนูญ และมีการประกวดนางสาวสยาม บริเวณเกาะลอย

สนใจอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่

 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่องชีวิตคือการเดินทาง ในตอนต่อไป

 

อ่านชีวิตคือการเดินทาง ตอนแรกๆ ได้ที่นี่่ค่ะ

ชีวิตคือการเดินทาง

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ทำไมต้องท่องเที่ยว

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

 

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน มีรักที่ราชบุรี

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

ราชบุรีเป็นจังหวัดหนึ่งที่อ้อยหวานคุ้นเคย ขณะเดียวกันก็แปลกหน้าสุดๆ ที่คุ้นเคยก็เป็นเพราะ ตอนเด็กๆ อ้อยหวานมาเรียนหนังสือที่กรุงเทพ ต้องนั่งรถไฟกรุงเทพ –นครศรี ปีละหลายหน เมื่อก่อนโน้นรถไฟจากกรุงเทพจะถึงราชบุรีก็ค่ำๆ ทันเวลาได้กินข้าวต้มโจ๊กที่ราชบุรี แต่ไม่เคยแวะเที่ยวหรือเยียบแผ่นดินราชบุรีเลย คราวนี้มาตามหารักจึงได้แวะ แล้วอ้อยหวานก็ได้พบรักมากมายก่ายกองที่ ราชบุรี

 

จากกรุงเทพเรา อ้อยหวานและคุณผู้ชายพากันออกจากที่พักกันแต่เช้าตีห้าครึ่ง โบกรถตุ๊ก ขนจักรยานพับได้ 2 คันมุ่งหน้าสู่สถานีรถไฟธนบุรี เพราะตารางเวลากำหนดไว้ว่ารถไฟไปราชบุรีจะออกจากสถานีธนบุรี 7.30 น. แล้วเราก็รู้ว่ามันเปล่าประโยขน์จริงๆ

 

รฟท ยังคงรักษาคุณภาพดั้งเดิม ไว้อย่างเหนียวแน่น 50 ปีเป็นอย่างไร ปัจจุบันก็เป็นอย่างนั้น คือการไม่ตรงต่อเวลา ตารางเวลากำหนดไว้เช่นไร ไม่เกียวกับฉัน เวลาออกรถคือเวลาสบายๆ ถึงเวลาออกคุณก็รู้เอง ไม่รู้ว่ามีตารางเวลาไว้ทำไม ลงอยู่ในเวปไซด์ทั้งไทย- อังกฤษ คนรอทั้งฝรั่งทั้งไทยรอจนซีด คราวนี้รฟท แถมเวลาให้แค่ 2 ชั่วโมงเอ๊ง ตอนอ้อยหวานเที่ยวอยู่ที่ญี่ปุ่นดูข่าวท่านนายกเกี้ยว รฟญ คือรถไฟญี่ปุ่นให้มาลงทุนในประเทศไทย อย่าลืมเอาความตรงต่อเวลามาด้วยนะคะ ที่ญี่ปุ่นรถออกสายแค่ 5 นาที เขาขอโทษแล้ว ขอโทษอีก เขาถือว่าเป็นความผิดใหญ่หลวง

 

มาเลท มาสาย เยี่ยงไร รัก(และข้าวเที่ยง) ก็ยังคงรออยู่ที่ราชบุรี ขอบคุณน้องตุ๊กคนสวยกับผู้ดูแลรูปหล่อ น้องอิ๋ว น้องอลิส น้องต๋อง น้องสุนทร น้องริโอ้ และพี่สาวที่น่ารัก ขอบคุณทุกคนที่พากันลางาน ลากลูกจูงหลาน มาพบเจอกัน

 

เมื่อท้องอิ่มแล้วก็ถึงเวลาของหวาน เราไปเก็บผลไม้สดจากต้น ณ.ไร่ริมราง ซึ่งอุดมสมบูรณ์เพราะ รักที่น้องตุ๊กและผู้ดูแลไร่ริมรางตัวจริงทุ่มเทให้

 

อ้อยหวานและคุณผู้ชายต้องใจกับมะละกอซึ่งมีอยู่หลายต้น ทุกต้นมีลูกเกาะเต็มคอแน่นไปหมด

 

ลูกฟิกหรือมะเดื่อฝรั่งก็กำลังน่ากิน น้องตุ๊กเก็บมาหนึ่งลูกยื่นให้พี่อ้อยหวาน แต่ไม่ทันได้ถ่ายรูป เพราะสมองสั่งมือให้ยื่นลูกฟิกเข้าปากในทันทีทันใด หวานอร่อย ขอบคุณจ้า

 

คนชมสวนก็ชมไป หันกลับมาอีกที เสร็จไปหนึ่งลูก มีสาวสวยหน้าหวานจัดการปอกและหั่น อ้อยหวานก็วิ่งรี่เข้าใส่อย่างไม่เกรงใจ เพราะมะละกอเป็นผลไม้ในดวงใจ สดจากต้นอย่างนี้หวานอร่อยจริงๆ

 

เจ้าของสวนเผลอ กล้วยหินก็หล่นตุ๊บมาทั้งเครือ

 

อ้อยหวานชอบรูปนี้ นางแบบน่ารัก

 

ประชันความหล่อ

 

กินเสร็จก็ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก อาจจะมีคนสงสัยว่าทำไมต้องย่อตัวกันจัง ฝรั่งไม่ได้ตัวเตี้ยหรอกนะ แต่สาวๆ กำลังฝากเนื้อฝากตัวกัน

 

หลังจากท้องอิ่มแล้ว พวกเรายกพวกไปหากาแฟกินกันที่โรงงานไชโป้ว แม่ฮุ้น พร้อมแวะชมโรงงานด้วย

 

ราชบุรีนอกจากจะมีรักแล้ว ที่ตำบลเจ็ดเสมียนยังมีโรงงานไชโป้ว แม่ฮุ้น ด้วย ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก ทายสิกองนั้นมีหัวผักกาดกี่หัว!!!

 การผลิตหัวใช้โป้วเค็ม,หัวใช้โป้วหวาน ของประเทศไทยทุกวันนี้แหล่งผลิตที่จะมีปริมาตรมากทีสุด คือที่ ต.เจ็ดเสมียน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี วัตถุดิบที่ใช้มีอยู่แค่ 2 อย่างคือ หัวไช้เท้า หรือหัวผักกาดสด (จากพรมแดน จ.นครสวรรค์ กับ จ.กำแพงเพชร ในตอนนี้บริเวณด้านเขาชนกัน ของ จ.นครสวรรค์ ถือว่าเป็นแหล่งปลูกผักกาดส่งโรงดองที่มีคุณภาพแหล่งใหญ่ เพราะผักกาดชอบพื้นที่ที่เป็นดินปนทราย ตามป่าเขาที่มีอากาศเย็น มีน้ำค้างแรงๆ รวมทั้งยังมีพื้นที่อื่น อีกเช่น จ.อุทัยธานี กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ฯลฯ) กับเกลือสมุทร (จาก จ.เพชรบุรี)

หัวผักกาดจะเริ่มเพาะปลูกในช่วง ปลายฝน-ต้นหนาว คือสังเกตุดูว่า หมดฝนใหม่ๆแล้วดินยังมีความชื้นอยู่ ก็ไถ-หว่าน กันได้เลย รอจนอายุผักได้ 45-48 วัน ก็สามารถส่งโรงงานได้

ขั้นตอนการผลิตหัวไชโป้วเค็ม

1. เมื่อหัวผักกาดสดมาถึงโรงงาน สิ่งแรกคือลงแช่น้ำเกลือที่บ่อเกลือ น้ำเกลือที่ใช้แช่นั้น ยิ่งเค็มมาก ยิ่งดี เหมือนเป็นการ น็อคเอ็มไซม์ของผักในครั้งแรก เลย รวมทั้งเป็นการล้างทำความสะอาดไปในตัว ขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 1-3 วัน ยิ่งแช่ไว้นาน ผักกาดก็จะดูดซับความเค็มไว้ได้มาก แต่ถ้านานเกิน ผักจะอิ่มน้ำแล้วจมอยู่กับตะกอนดินที่ก้นบ่อ

2. นำผักกาดที่ล้างสะอาดแล้วขึ้นมาใส่เกลือเป็นการให้ความเค็มเพิ่มเติมเป็นขั้นที่สอง ขั้นตอนนี้สำคัญมาก การใส่เกลือต้องมากพอและทั่วถึง ในขั้นตอนนี้ผักกาดที่ยังมีความชื้นมากก็จะกินเกลือแล้วคายน้ำออกมามากที่สุด ขั้นตอนนี้ใช้เวลาหมักไม่เกิน 1 วัน เพราะถ้าความเค็มหมดไปแล้วแต่ยังหมักอยู่ ผักกาดอาจจะมีรสเปรี้ยวได้

3. ขั้นตอนนี้เหมือนกับข้อ 2. คือถ่ายเทผักแล้วใส่เกลือให้ทั่ว ดูให้เหมาะสมเพียงพอ คือผักก็จะมีความชื้นน้อยลง แล้วก็กินเกลือน้อยลงไปเรื่อยๆแต่ก็ต้องไม่ขาดเกลือ ระยะเวลาในการหมักก็ให้นานขึ้น คือประมาณ 2 วัน และ 3 วัน ถึงสี่วัน ในการหมักครั้งต่อไป

 

4. เมื่อทำการหมักได้ประมาณ 4 รอบแล้ว ผักกาดก็จะเริ่มเป็นผักกาดเค็มเต็มตัว คือเปลี่ยนจาก หัวใข้เท้ามาเป็นหัวไชโป้ว ผักกาดจะแห้งและมีกลิ่นหอม ขั้นตอนนี้ก็เป็นการเก็บเข้ายุ้งฉาง

 

รอการคัดสรร นำมาผลิตเป็นหัวไชโป้วเค็มหรือหวาน ที่มีชื่อเสียงของชาวเจ็ดเสมียน กันต่อไป

 

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์หัวไชโป้วเค็มหรือหวานของโรงงานไชโป้ว แม่ฮุ้น

 

และนางแบบ พรีเซ็นเตอร์ผลิตภัณฑ์หัวไชโป้วเค็มหรือหวานของโรงงานไชโป้ว แม่ฮุ้น

 

ราชบุรีมีสถานที่ให้ชมมากมาย แต่เวลาของเรามีจำกัด มีจักรยานสองคันที่อยากออกจากรถน้องต๋องและน้องอลิสมาเจอโลกภายนอก เราลาจากกันที่วัดบางกุ้ง ขอบคุณน้องๆ ทุกคนกับการต้อนรับที่แสนจะประทับใจ ขอบคุณบ้านสวนพอเพียงที่ทำให้เราได้รู้จักกัน

 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่องชีวิตคือการเดินทาง ในตอนต่อไป

อ่านชีวิตคือการเดินทาง ตอนแรกๆ ได้ที่นี่่ค่ะ

ชีวิตคือการเดินทาง

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ทำไมต้องท่องเที่ยว

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ฉันรักสวนลุม

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดับเบิ้ลดีที่อัมพวา

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

ทริปปั่นจักรยานเลาะเลียบอ่าวไทยนี้อ้อยหวานเลือกอัมพวาเป็นจุดเริ่มต้น ทริปนี้จะแปลกกว่าทริปก่อนๆ คือคราวนี้มีกล้องถ่ายรูปสองกล้อง กล้องเก่าคู่ใจและคู่มือของอ้อยหวาน ที่ตะลอนไปทุกแห่งที่เจ้าของไป กระเด้งกระดอนบนจักรยานจนบอบช้ำ แต่ก็ยังรับใช้เจ้าของไปทุกที่ และกล้องถ่ายรูปอีกกล้องที่ใหม่เอี๋ยมถอดด้าม สั่งตรงมาใช้งานนี้โดยเฉพาะ เป็นกล้องคู่มือของคุณผู้ชาย ภาพนี้จึงมีขึ้น.. ภาพอ้อยหวานบนจักรยาน

 

ดูรูปอ้อยหวานให้เบื่อกันไปข้างหนึ่ง (อยากถามถึงนัก) ที่จริงอยากให้ดูบรรยากาศรอบๆ ซึ่งคุณผู้ชายก็เก็บภาพมาได้ดี อยากบอกว่าสุขใจมาก ได้เดินทางท่องเที่ยวไปกับจักรยาน ไปตามถนนคดคี้ยวสายเล็กสายน้อย ห่างไกลผู้คนและความวุ่นวาย นี่แหละ ‘ดีแรก’ ของอัมพวา ในความรู้สึกของอ้อยหวานและคุณผู้ชาย อัมพวาไม่ใช่ตลาดที่โด่งดัง (และแน่นอนเราไม่ได้ไปเยือน)

เสน่ห์อัมพวาจริงๆ ไม่ใช่ตลาด หรือการชม (รบกวน) หิ่งห้อย เสน่ห์อัมพวาอยู่ที่การสัมผัสความสงบเงียบ และดื่มด่ำกับธรรมชาติรอบตัว

 

ดีที่สองของอัมพวา ต้องเล่ายาว ..

หลังจากที่เราลาจากน้องๆ ชาวบ้านสวน๚ ที่วัดบางกุ้ง เราปั่นจักรยานไปเรื่อยๆ ผ่านที่พักที่ไหนที่เราก็แค่เยี่ยมๆ มองๆ แล้วปั่นต่อไปโดยไม่หยุด เพราะว่าเรามีรีสอท์ที่อ่านเจอในเนทและเราอยากจะไปพักที่นั่น อีกอย่างหนึ่งบนถนนแถบนั้นมีน้องหมาเยอะมาก ทั้งเห่า ทั้งวิ่งไล่ แต่ละตัวก็ฉลาดนัก รู้จักดูว่าคนบนสองล้อคันหน้าตัวใหญ่ เท้าก็คงใหญ่ตามตัว โดนแตะคงไม่คุ้มกัน จัดการกับคันที่ตามหลังมาคงจะสนุกกว่า บางช่วงมีน้องหมาตั้ง 3-4 ตัวไล่ตามหลังอ้อยหวาน เราจึงตั้งหน้าตั้งตาปั่น กว่าจะรู้ว่าหลงทางก็เมื่อฟ้าเริ่มมืด ถนนหนทางในสวนมืดมิดไม่มีไฟสักดวง นึกโทษตัวเองว่า ทำไมเราถึงชะล่าใจนัก ทำไมไม่หยุดตรงรีสอท์ 3-4 แห่งที่ผ่านมา ตอนนั้นก็หาทางกลับไปไม่ได้ เพราะถนนมืดมิด

แล้วเรามาถึงทางแยกระหว่างที่คุณผู้ชายพยายามเช็ค GPS กับมือถือ อ้อยหวานมองเห็นรถมอเตอร์ไซด์แล่นสวนทางมา จึงโบกให้รถหยุด เห็นลางๆ ว่าเป็นชายร่างผอมสูงอายุ ถามออกไปว่าลุงรู้จักที่พักที่ไหนบ้างแถวนี้ ลุงก็พยักหน้าแล้วบอกให้ตามลุงไป ไม่ไกลนักก็มาถึงประตูรั้วมืดมิด ลุงเปิดประตูเข้าไปแล้วกวักมือให้เราตามไป ทางเล็กผ่านสวนไปถึงบ้านหลังใหญ่ ลุงชี้มือไปที่ห้องว่างเล็กๆ ใต้ถุนบ้าน

 “บ้านลุงหรือค่ะ?” อ้อยหวานถาม

ลุงตอบว่า “เปล่า ลุงเฝ้าบ้านให้เขา แต่นอนได้ ” แล้วชี้มือบอกว่าห้องน้ำอยู่ทางโน้น แต่คุณผู้ชายส่ายหน้าไม่เห็นด้วย

อ้อยหวานเลยถามลุงไปว่า ลุงรู้จักรีสอท์ที่ชื่อบ้านดาหลาไหม ?

ลุงพยักหน้าบอกว่า รู้จัก

อ้อยหวาน.. ลุงช่วยพาเราสองคนไปที่นั้นได้ไหม

ลุงบอกว่า.. ได้ แต่ไกลนะ 2-3 กิโล

อ้อยหวาน.. 2-3 กิโลก็ไปค่ะ

ลุง..งั้นตามมา

และแล้วขบวนรถมอเตอร์ไซด์ที่มีไฟหน้าเล็กๆ หนึ่งดวง กับจักรยานสองคันก็วิ่งฝ่าความมืด โดยมีเสียงหมาเห่ากรรโชกไปตลอดทาง ในความมืดอ้อยหวานเห็นแต่เงาของลุงหลังมอเตอร์ไซด์ ทางวกวนไปมา มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผ่านวัดเล็กคงจะจัดงานอะไรสักอย่าง แต่แสงไฟและเสียงดนตรีทำให้อ้อยหวานขนหลุกซู่ แต่คนตัวใหญ่บนจักรยานที่ตามหลังมาทำให้รู้สึกอบอุ่นและและไม่รู้สึกกลัว เลยวัดไปสองโค้ง ลุงก็พามาจอดหน้าประตูรั้วที่มีหมาเห่ากันเกรียวอยู่ด้านใน

ลุงหันมาพูดว่า..นี่แหละ บ้านดาหลา ลุงกลับก่อนนะ

อ้อยหวาน.. ให้หนูช่วยจ่ายค่าน้ำมันนะคะลุง

ลุงโบกไม้โบกมือ.. ไม่ต้องไปเหอะไปพัก แล้วก็ขับรถมอเตอร์ไซด์จากไป

ในความมืดอ้อยหวานเห็นหน้าลุงไม่ชัด ถ้าเจออีกครั้งก็คงจะจำไม่ได้ แต่แน่ใจว่าจะจดจำลุงไปนานแสนนาน ขอบคุณลุงคนอัมพวา ขอบคุณค่ะ

หลังจากนั้นอ้อยหวานก็ไปเกาะประตูรั้วบ้านดาหลาทั้งๆ ที่กลัวหมา ร้องถามว่ามีห้องพักไหม น้องข้างหลังรั้วลงมาเปิดประตูให้ แล้วจัดแจงพาเราไปที่บ้านพัก ก่อนจากไปก็ถามว่า พวกพี่ทานข้าวเย็นกันแล้วยัง อ้อยหวานตอบว่ายัง แต่ไม่หิว เพราะเหนื่อยมากอยากพัก น้องคนนั้นเดินจากไปแล้วกลับมาพร้อมกับกล้วยน้ำหว้าหนึ่งหวี

ขอบคุณบ้านดาหลาที่เปิดประตูรับแขกนิรนามในยามวิกาล (2 ทุ่ม)

 

เช้าวันรุ่งขึ้นเราตื่นแต่เช้า เปิดประตูมาพบกับภาพนี้

 

คงเป็นบุญของเราที่ทำให้เราพบกับคนดีๆในยามวิกฤต ประสบการณ์เมื่อคืนก่อนเป็นบทเรียนสอนให้เรารู้ว่า การเดินทางโดยจักรยานเราต้องหาที่พักให้ได้ก่อน 5 โมงเย็น ก่อนที่ฟ้าจะมืด

 

เราพักที่นี่สองคืน

 

หลังอาหารเช้าเราเอาจักรยานออกไปปั่นเที่ยวรอบๆ บรรยากาศแตกต่างกับเมื่อคืนอย่างสิ้นเชิง น้องหมาที่วิ่งไล่และเห่ากรรโชกคงนอนตื่นสายกัน จึงเป็นเช้าที่สงบ เราได้ยินแต่เสียงไก่ขันและเสียงนกร้อง

 

สองข้างทางร่มรื่น

 

ไร่สวนของที่นี่ส่วนใหญ่เป็นสวนผสม ปลูกผลไม้สามสี่อย่างรวมๆ กัน แต่ผลไม้หลักคือส้มโอ

 

ทั้งลูกทั้งดอกเต็มต้น

 

กลิ่นหอมของดอกส้มโอขจรขจาย สิ่งเหล่านี้จะสัมผัสไม่ได้ถ้าเราไม่ได้เดินทางท่องเที่ยวไปกับจักรยาน หรือเดินเท้า

 

แถวนี้มีคลองเล็กคลองน้อยมากมาย

 

เราต้องข้ามสะพานหลายรูปแบบ

 

คลองหนึ่งในหลายคลองของอัมพวา

 

ในช่วงบ่ายเรากลับมาพักผ่อนในสวนที่ร่มรื่นริมคลองของบ้านดาหลา

 

นอนเล่น อ่านหนังสือ วางแผนเส้นการเดินทางสำหรับวันพรุ่งนี้

 

 โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่องชีวิตคือการเดินทาง ในตอนต่อไป

 

อ่านชีวิตคือการเดินทาง ตอนแรกๆ ได้ที่นี่่ค่ะ

ชีวิตคือการเดินทาง

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ทำไมต้องท่องเที่ยว

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ฉันรักสวนลุม

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน มีรักที่ราชบุรี

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

 

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ทะเล หาดทราย สายลม และสองเรา

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

เช้าวันนั้นเราตื่นแต่เช้ามืด และออกเดินทางทันทีที่เห็นแสงแรกของดวงตะวัน ในบันทึกของอ้อยหวานเขียนไว้ว่า..

7 กุมภาพันธ์ - อัมพวาไปหาดเจ้าสำราญ 65 กิโลเมตร เราออกจากที่พักหกโมงเช้าถึงหาดเจ้าสำราญเวลา 11.00 โมง เราเห็นนาเกลือทอดยาวสุดสายตา…

 

กิโลเมตรที่ 0

จุดนี้ไม่ใช่จุดเริ่มต้นทริปของเรา เพราะเราเริ่มที่บ้านดาหลา อัมพวา แต่จุดนี้เป็นจุดเริ่มต้นของถนนเลียบชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของอ่าวไทย (Scenic Route) คุณผู้ชายหยุดเช็ค GPS กับมือถือให้แน่ใจ ในแผนที่กูเกิ้ลและข้อมูลหลายๆ ข้อมูลในเน็ทใช้ชื่อ ทางหลวงชนบท สส 2012???  ที่จริงควรจะเป็น 2021 หรือไม่??

 

เส้นทางการเดินทางของเราในวันแรก จากอัมพวาสู่หาดเจ้าสำราญ

 

ยามเช้าที่อ่าวบางตะบูน มองจาก สะพานเฉลิมพระเกียรติ ปากอ่าวบางตะบูน จ. เพรชบุรี

ปากอ่าวบางตะบูน อยู่ที่ อ.บ้านแหลม เป็นจุดที่แม่น้ำบางตะบูนหรือคลองบางตะบูน  ซึ่งแยกสาขาจากแม่น้ำเพชรบุรีบริเวณวัดคุ้งตำหนักไหลออกสู่ทะเล  ภูมิประเทศทั่วไปเป็นหาดโคลน  ปกคลุมด้วยป่าชายเลนสมบูรณ์ผืนใหญ่  เป็นแหล่งทำประมงพื้นบ้านของชาวบ้านบางตะบูน นักท่องเที่ยวที่ได้มาล่องเรือชมความสวยงามที่อ่าวบางตะบูน จะได้สัมผัสกับความสวยงามของธรรมชาติ บนอ่าวบางตะบูนและสัมผัสวิถีชีวิตชาวประมงชายฝั่ง ทั้งการทำคอกหอยแครง การเก็บหอย  โดยบริเวณ ใกล้ๆ เราจะเห็น กระท่อมเล็กๆ ที่สร้างขึ้นเพื่อนอนเฝ้าหอย เรียกว่า “กระเตง”  และเมื่อล่องเรือออกมาเรื่อยๆ ก็จะพบกับเรือประมงของชาวบ้านออกเก็บหอย  ทั้งสองฝั่งทุกบ้าน จะมีเรือประมงลำเล็กๆ  จอดอยู่  ส่วนบนชานบ้านเป็นที่ตากแห  อวน  และแปรรูปผลผลิตจากท้องทะเล  เช่น  ปลากุเลาเค็ม  กุ้งแห้ง  ปลาเค็ม  ไข่เค็ม  เป็นวิถีชีวิตที่ดำรงอยู่กับธรรมชาติอย่างสงบสุข  และชาวบ้านส่วนใหญ่ จะทำประมงพื้นบ้าน  เลี้ยงหอยแครง  หอยแมลงภู่  บางส่วนก็เผาถ่านไม้โกงกาง

ขอบคุณข้อมูลจาก https://sites.google.com/site/phetchaburi13/home/xaphex-banlad-laea-xaphex-banhaelm

 

หลังจากนั้นไม่นานเราก็มาถึงทุ่งนาเกลือ ของบ้านแหลม ภาพผืนนาเกลือไกลสุดลูกหูลูกตาเป็นภาพข้างทางที่เรามองเห็นไปอีกหลายกิโลเมตร

 

นาเกลือ :  จะอยู่บริเวณถนนหาดเจ้าสำราญ – บ้านแหลม การทำนาเกลือที่เพชรบุรีนับว่าทำกันมากที่สุดในประเทศ บริเวณที่ทำนาเกลือได้แก่พื้นที่ริมทะเลตั้งแต่บางตะบูน เรื่อยลงมาทางใต้ ถึงบ้านแหลมและชุมชนหาดเจ้าสำราญ นาเกลือเป็นกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวไม่ค่อยได้พบเห็นบ่อยนัก เพราะการทำนาเกลือจะเกิดขึ้นเฉพาะช่วงหน้าร้อน เมือ่ไม่มีฝนตก การหาบเกลือเข้ายุ้งดูแปลกตา เป็นวิถีชีวิตที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง การทำนาเกลือมีลักษณะเฉพาะ เริ่มตั้งแต่การเตรียมพื้นนาด้วยรถบดล้อกลมยาวๆ ประดิษฐ์กันขึ้นเอง บ้างก็ใช้แค่ลูกกลึ้งปรับพื้นนาให้เรียบเนียนและแห้งดี จากนั้นเป็นการปล่อยน้ำเข้านาและปล่อยให้น้ำระเหยงวดลง เปลี่ยนเป็นน้ำสีแดงๆ จนตกตะกอนเป็นเกลือ หลังจากเก็บเกลือพื้นนาบางแห่งก็ถูกปล่อยว่าง เป็นที่หากินของนกน้ำต่างๆ

ขอบคุณข้อมูลจาก https://sites.google.com/site/phetchaburi13/home/xaphex-banlad-laea-xaphex-banhaelm

 

โรงเก็บเกลือหรือฉางเกลือ

 

บางแห่งก็กำลังปรับที่นาด้วยรถบดนาเกลือ

 

และบางแห่งก็กำลังขนเกลือเข้าเก็บในโรงเก็บเกลือหรือฉางเกลือกัน เก็บกันรวดเร็วมาก คงได้ค่าจ้างเก็บเป็นหาบ เก็บนานี้เสร็จก็ขึ้นรถไปเก็บนาอื่นต่อ

 

ปั่นมาถึงถึงหาดเจ้าสำราญเวลา 11.00 โมง ซึ่งเราคิดว่าเราทำเวลาได้ดี แม้จะหยุดเก็บรูปกันบ่อยๆ  เราค้างคืนกันที่หาดเจ้าสำราญ ใช้เวลาช่วงบ่ายหลบร้อนในห้องแอร์

 

บรรยากาศยามเย็นของหาดเจ้าสำราญ

 

วันรุ่งขึ้นเราออกกันแต่เช้าตรู่เช่นเคย ได้แวะเก็บภาพนี้ระหว่างทาง ..ตาวันยอแสง!

 

เส้นทางการเดินทางจากหาดเจ้าสำราญสู่หัวหินซอย 1 ช่วงนี้ผ่านชายหาด 2 แห่งคือหาดปึกเตียนที่มีมีรูปปั้นพระอภัยมณีและผีเสื้อสมุทร แต่เราไม่ได้แวะ และหาดชะอำ

 

สะพานปลาก่อนถึงหาดชะอำ ที่นี่มีตลาดขายอาหารทะเลสด-แห้ง และร้านอาหารมากมาย

 

หาดชะอำเป็นชายหาดที่สวย สะอาด และเป็นระเบียบมาก

 

และเป็นหาดของจักรยาน ที่มีจักรยานหลายรูปแบบให้เช่า

 

จักรยานฮัลโหล คิตตี้ สำหรับคู่รัก

 

เราแวะทานข้าวเช้ามื้อสายที่ริมหาดชะอำ เราสองคนยกให้หาดชะอำเป็นหาดในดวงใจ อ้อยหวานขอย้ำอีกทีว่า หาดชะอำเป็นชายหาดที่สวย สะอาด เป็นระเบียบ และมีความรัก ความสนุก สดชื่น อยู่ทั่วไป

 

หลังจากหาดชะอำ ถนนเลียบชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของอ่าวไทย (Scenic Route) ช่วงเพรชบุรีก็จบลงอย่างน่าเสียดาย เราต้องปั่นบนถนนเพชรเกษม (เก่า) ถึง 20 กว่ากิโล เพราะไม่มีถนนสายอื่นให้เลือก มันก็โอเคนะ แต่ฝุ่นเยอะและเสียงรถวิ่งดังมากๆ หลังจากนี้เราสองคนเจ็บคอไปหลายวัน

เรามาถึงหัวหินซอย 1 เวลาสิบโมงเช้า เราแวะค้างที่นี่  3 คืน และเป็น 3 คืนที่สุขสบายสุดๆ  อ้อยหวานขอขอบคุณเพื่อนเก่า T&N มาณ.ที่นี้ ที่เปิดโอกาสให้เราเข้าพักที่คอนโดฯ ตากอากาศส่วนตัว ขอบคุณนะเพื่อน แม้คราวนี้เราไม่มีโอกาสได้เจอะเจอกัน แต่น้ำใจของเพื่อน เราสัมผัสได้เต็มที่

 

 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่องชีวิตคือการเดินทาง ในตอนต่อไป

 

อ่านชีวิตคือการเดินทาง ตอนแรกๆ ได้ที่นี่่ค่ะ

ชีวิตคือการเดินทาง

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ทำไมต้องท่องเที่ยว

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ฉันรักสวนลุม

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน มีรักที่ราชบุรี

ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดับเบิ้ลดีที่อัมพวา

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

Viewing all 244 articles
Browse latest View live