Quantcast
Channel: บล็อก อ้อยหวาน
Viewing all 244 articles
Browse latest View live

เล่าสู่กันฟัง "ศิลปะบนท้องนา"

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

 

วันนี้อ้อยหวานเอาศิลปะแบบหนึ่งของญีปุ่นมาให้ชมกัน เพราะแปลบทความบทหนึ่งของคุณแซนดร้า เธอพาไปเที่ยวสวนดอกบัวโบราณอ่านได้ที่นี่ค่ะ

เป็นสวนที่ปลูกดอกบัวจากที่เมล็ดบัวโบราณ ที่ขุดเจอในระหว่างการขุดสร้างอาคาร และเมล็ดบัวนี้อายุประมาณ 1,400-3,000 ปี เหลือเชื่อจริง!!! ที่สวนนั้นยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้อ้อยหวานตาโต สวยมากๆ จึงต้องบอกต่อ

 

ศิลปะบนท้องนา หรือ ศิลปะแทมโบะ ศิลปะแบบใหม่ของญีปุ่นที่มีขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เอง สวย เป็นธรรมชาติ ใช้เวลาและความพยายามมากๆ และที่อ้อยหวานประทับใจมากที่สุดคือ เป็นศิลปะที่ต้องช่วยกันทำ ต้องร่วมแรงร่วมใจกัน

 

เริ่มตั้งแต่ศิลปินคนออกแบบ วาดแบบ คนที่เพาะข้าวแบบต่างๆ หลายๆ สี การเกณฑ์คนมาช่วยกันปลูกในฤดูใบไม้ผลิ ต้องช่วยกันดูแลอีกหลายเดือน แล้วศิลปะบนท้องนาก็งามสุดสวย ให้ผู้คนชื่นชมกันในฤดูร้อน เป็นศิลปะที่น่าดูมาก นอกจากความสวยงามแล้ว ยังเห็นความงามของเบื้องหลังด้วย

 

ในปี 1993 มีการจัดทัวร์ปลูกข้าวขึ้นที่ญีปุ่น เป็นทัวร์ที่จัดให้ลูกทัวร์ได้ปลูกข้าวด้วยมือแบบดั้งเดิม หลังจากทัวร์ครั้งนั้น ก็มีการเริ่มทำศิลปะบนท้องนาขึ้น ครั้งแรกได้ลองใช้ข้าวสามชนิด ข้าวสีม่วง ข้าวสีเหลือง และข้าวท้องถิ่นที่มีสีเขียว ต่อมาก็มีการเพิ่มชนิดของข้าว เช่น ข้าวยุกิเอะโซะบิ มีใบสีขาว และข้าวอิวะอิอะคะเนะ มีปลายของใบเป็นสีแดง ปัจจุบันนี้มีการใช้ข้าวถึง 9 ชนิด

 

ตอนนี้มีหลายแห่งที่มีศิลปะแทมโบะให้ชม และต้องปีนหอคอยขึ้นไปชมกัน ในรูปคือที่ทำการราชการที่หมู่บ้านอินะคะเดะเทะ (Inakadate)ที่เปิดให้คนขึ้นไปบนหอคอย เพื่อไปชมแทมโบะ

 

มีพิพิธภัณฑ์แสดงภาพของศิลปะแทมโบะปีก่อนๆ

 

ช่วยกันปลูก

 

ร่วมด้วยช่วยกัน

 

แล้วก็รอๆๆ ให้ต้นข้าวเติบโต มาเป็นศิลปะที่งดงามน่าภาคภูมิใจ

 

เป็นศิลปะที่ต้องดูแล ถอนหญ้า ให้ปุ๋ย

 

ตัวอย่างต้นข้าวของสวนโคะไดฮะสุ-โนะ-ซะโตะ

 

อันนี้น่ารักมาก

 

คนดังอย่างมาริลีน มอนโร ก็มี

 

อ้อยหวานชอบอันนี้ นิทานพื้นบ้านของญีปุ่น เป็นเรื่องของเจ้าหญิงที่เกิดในปล้องไม้ไผ่มีชื่อว่า ตำนานคนตัดไม้ไผ่ หรือ ตำนานเจ้าหญิงคะงุยะ  เจ้าหญิงจากดวงจันทร์อ่านได้ที่นี่ค่ะ

 

รูปนี้เป็นตอนเริ่มต้นเรื่อง ที่คนตัดไม้ไผ่ไปเจอไม้ไผ่ที่ส่องแสงสว่างสุกใส

 

ดูกันชัดๆ ใกล้ก็สวย ไกลก็สวย

 

ยอดมนุษย์ก็มาด้วย

 

เมื่อช่วยกันปลูก ต้องช่วยกันเก็บเกี่ยว เอาไว้ทำพันธ์สำหรับปีต่อไป

 

เขาแขวนตากข้าวกันแบบนี้ ดูแปลกตาดี

 

 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่นี่ค่ะ

http://www.outdoorjapan.com/magazine/story_details/280

http://butajack.exblog.jp/iv/detail/index.asp?s=8302717&i=200807/14/90/e0143590_1951255.jpg

http://en.wikipedia.org/wiki/Rice_paddy_art

http://lipikazuo.blogspot.ca/2012_09_01_archive.html

http://www.outdoorjapan.com/magazine/story_details/280

http://ponkanchan.blogspot.ca/2011/09/rice-field-tanbo-art.html

http://ponkanchan.blogspot.ca/2013/08/inakadate-ricefield-tambo-art.html

http://hirokyonta.at.webry.info/201107/article_12.html

http://blogs.yahoo.co.jp/kamiyu1109love/GALLERY/show_image.html?id=33060409&no=2

http://en.aptinet.jp/message/100816.html

 

 

 

I would like to Thanks everyone for all the resources for this blog. Thank you.

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน


เคยถามบ้างไหม "ชีวิตคืออะไร"

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

 

 

เคยถามบ้างไหม "ชีวิตคืออะไร"

 

 

ผีเสื้อแสนสวย ตามหาความฝัน

ล่องลอยตามตะวัน ฝันนั้นอยู่ไหน

 

 

เหนื่อยไหมผีเสื้อ เธอเบื่อบ้างไหม

พักหน่อยเป็นไร หยุดใจเถอะคนดี

 

 

หยุดลงที่นี้ พักลงตรงนี่

พิจดูให้ดี ชีวิตคืออะไร

 

 

ความฝันความสุข ความทุกข์ความเศร้า

รวมกันรุมเร้า คละเคล้ากันไป

 

 

ผีเสื้อแสนสวย ร่าเริงสดใส

หยอกล้อกิ่งใบ จิตใจเบิกบาน

 

ขอบคุณบทกลอนเพราะๆจาก Bann Sanehchandra  http://thorfun.com/bann

เธอมีบทความดีๆ น่าอ่าน น่าคิด

 

ภาพดอกไม้จาก อ้อยหวาน

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

สะพานข้ามแม่น้ำทุกข์ระทม..."Bridge Over Troubled Water"

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

 

"Bridge Over Troubled Water"

สะพานข้ามแม่น้ำทุกข์ระทม

 

ขอบคุณ youtube และ คุณ Nicloe

 

 

เมื่อยามเธอเหนื่อยล้า ทุกข์ถาโถมกระหน่ำ

ยามเมื่อน้ำตาไหลหลั่งริน ฉันจะเป็นคนซับน้ำตาให้

 

 

ฉันอยู่เคียงข้างเธอ เมื่อเธอรู้สึกเดือดร้อนใจ

และมองหาเพื่อนรอบกายก็ไม่พบ

เมื่อยามเจออุปสรรคปัญหา

ฉันจะเป็นดั่งสะพานทอดกายให้เธอข้ามพ้นมันไป

 

 

 

เมื่อรู้สึกเหนื่อล้าและสิ้นหวัง

เมื่อรู้สึกเหมือนเดียวดายตามลำพัง

เหมือนจบสิ้นวันด้วยความทุกข์ระทม

 

 

 

ฉันจะช่วยปลอบประโลม

เป็นส่วนหนึ่งเคียงข้าง

 

 

เมื่อยามความมืดแห่งราตรีย่างกราย

มาพร้อมความทุกข์ห้อมล้อมถาโถม

 

 

เมื่อยามเจออุปสรรคปัญหา

ฉันจะเป็นดั่งสะพานทอดกายให้เธอข้ามพ้นมันไป

 


ล่องลอยไปเถิดยอดหญิง

ออกเดินทางต่อไป

ถึงเวลาของเธอที่ต้องออกไปเจิดสรัส

 

 

ฝันของเธอดำเนินไปตามทางของมัน

และส่องแสงสว่างนำทาง

หากเธอต้องการใครสักคน

ฉันติดตามมาใกล้ๆ ให้กำลังใจอยู่ข้างหลัง

 


เมื่อยามเจออุปสรรคปัญหา

ฉันจะเป็นดั่งสะพานทอดกายให้เธอข้ามพ้นมันไป

 

ขอบคุณบทแปลเพลง Bridge over troubled water – Simon and Garfunkel จาก

http://englishsong.nitaan.com

ภาพโดยอ้อยหวาน

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

 

เล่าสู่กันฟัง "สะพานพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก"

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

 

วันก่อนอ้อยหวานเอา สะพานข้ามแม่น้ำทุกข์ระทมมาให้ชม วันนี้จะเป็นคราวของ "สะพานพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก"ซึ่งอ้อยหวานขอเรียกว่า สะพานเพื่อโลกสีเขียว

 

"สะพานพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก"นี้อยู่ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ เป็นสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำเทมส์ และยังเป็นกึ่งสะพานกึ่งสถานีรถไฟด้วย มีชื่อว่าสะพานแบล็คแฟรส์ (Blackfriars) และสถานีรถไฟแบล็คแฟร

 

มีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาของสะพานทั้งหมด  4,400 แผง พลังงานแสงอาทิตย์ที่ได้ สามารถใช้สำหรับสถานีรถไฟได้ถึง 50% และจะลดการปล่อยก๊าซ คาร์บอนได้ถึงปีละ  511 ตัน

 

ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์

 

4,400 แผง เป็นระยะทาง 2 ไมล์ เท่ากับ 3.2 กิโลเมตร งานนักเลย

 

ภายในสถานีรถไฟ

 

ภายในสถานีรถไฟ

 

ยังไม่ค่อยเสร็จสมบูรณ์ แต่จะเป็นสะพานสถานีรถไฟที่มีวิวสวย

 

แม่น้ำเทมส์ ใจกลางลอนดอน

นี่เป็นหนึ่งของโครงการดีๆ เพื่อจะเพิ่มสีเขียวให้โลกนี้ ทั้งที่อังกฤษเป็นประเทศที่มีแดดไม่มาก ลองคิดดูว่ามีโครงการแบบนี้เพิ่มมากขึ้น โลกนี้จะเป็นเช่นไร

 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่นี่ค่ะ

http://grist.org/list/londons-new-solar-bridge-is-the-largest-in-the-world/

http://earthtechling.com/2014/01/in-london-a-record-breaking-solar-covered-bridge/

http://inhabitat.com/worlds-largest-solar-bridge-complete-in-london/

http://grist.org/list/londons-new-solar-bridge-is-the-largest-in-the-world/

 


I would like to Thanks everyone for all the resources for this blog. Thank you.

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

เล่าสู่กันฟัง "สะพานที่ไม่ธรรมดา”

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

 

อ้อยหวานยังโม้เรื่องสะพานอยู่อีกค่ะ เพราะชอบสะพาน สำหรับอ้อยหวาน สะพานเป็นสัญญาลักษณ์ของการช่วยเหลือค้ำจุน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และยังให้วิวสวยๆ ด้วย แต่ละ สะพานก็ออกแบบมาแตกต่างกันไป อยู่ในที่ที่ต่างกัน ดูได้ไม่เบื่อเลย

 

"สะพานที่ไม่ธรรมดาสะพานแรกของอ้อยหวานคือ สะพานคินทาอิ หรือคินไท ที่ญี่ปุ่น อ้อยหวานและคุณผู้ชายมีโอกาสไปเดินบนสะพานเมื่อหลายปีมาแล้ว ภาพสะพานคินไทของอ้อยหวานจึงเก่าและคลาสสิคมากๆ

อ่านบทความที่อ้อยหวานเขียนเกี่ยวกับสะพานนี้ภาคภาษาไทยที่นี่

 ภาคภาษาอังกฤษได้ที่นี่

 

สะพานคินไท สร้างในปีค.ศ. 1673 สะพานที่เห็นไม่ใช่สะพานดั้งเดิม เพราะสะพานถูกทำลายและสร้างใหม่มาหลายครั้งหลายหน และล่าสุดคือ ในปี 2005 ไต้ฝุ่นนาบิ ได้ทำลายบางส่วนของสะพาน อย่างไรก็ตามสะพานคินไทก็ได้สร้างขึ้นใหม่อีกใหม่

 

สร้างในแบบเดิม แบบโบราณที่ไม่ใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียว สวย อ่อนช้อย และไม่เหมือนใคร

 

"สะพานที่ไม่ธรรมดาสะพานที่ 2 อ้อยหวานขอพาเพื่อนๆบินด่วน แว็ปมาลงที่สิงคโปร์ มาชมสะพานคนเดินอีกสะพานหนึ่งที่สวยมากๆ สะพานลูกคลื่น เฮ็นเดอร์สัน

 

เป็นสะพานคนเดินที่สูงที่สุดของสิงคโปร์ เชื่อมต่อระหว่างสวนสาธารณะ 2 แห่ง ทำให้ สะพานเฮ็นเดอร์สันคับคั่งไปด้วยคนเดินและวิ่งออกกำลัง บรรยากาศดีมากๆ

 

สะพานลูกคลื่น เฮ็นเดอร์สัน ในตอนกลางคืน

 

 

สะพานม้วนของลอนดอน อังกฤษ (The Rolling Bridge) เป็นสะพานที่ไม่ธรรมดาจริงๆ ม้วนเก็บก็ได้ การเปิดปิดใช้ระบบไฮดรอลิกส์

 

คำว่าไฮดรอลิกส์ (hydrauluc) นั้น แต่เดิมมาจากรากศัพท์ในภาษากรีก คือ "Hydro"ซึ่งมีความหมายว่าน้ำ และ "aulis"นั้นหมายถึงท่อ แต่เดิมนั้น คำว่าไฮดรอลิก หมายถึงเฉพาะการไหลของน้ำในท่อเท่านั้น แต่ปัจจุบัน ไฮดรอลิก หมายถึงการไหลของ ของเหลวทุกชนิด (ส่วนใหญ่จะเป็นน้ำมัน) ที่ใช้ในระบบ เพื่อเป็นตัวสารตัวกลางในการส่งถ่ายกำลังงานในการเปลี่ยนแปลงกำลังงานของไหลให้เป็นกำลังงานกล

ขอบคุณข้อมูลไฮดรอลิกส์จากความรู้พื้นฐานทางวิศวกรรม

 

สวย แปลก ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใครจริงๆ

 

"สะพานที่ไม่ธรรมดาอีกสะพานหนึ่ง ไม่ธรรมดาเอามากๆ สะพานนี้สร้างจากหลอดกระดาษแข็ง อยู่ที่ประเทศฝรั่งเศสไม่ไกลจากสะพานโรมันโบราณที่โด่งดัง

 

ออกแบบโดยสถาปนิกญี่ปุ่นที่โด่งดังในเรื่องความไม่ธรรมดานายชิเกะรุ บัน (Shigeru Ban) สะพานหลอดกระดาษนี้ สร้างจากหลอดกระดาษแข็ง 281 หลอด มีทรายบรรจุในหลอดกระดาษทุกหลอด และสามารถรองรับคนได้ถึงยี่สิบคนในเวลาเดียวกัน เป็นไอเดียรีไซเคิลที่ดีจริงๆ

 

สะพานที่ไม่ธรรมดา สะพานสุดท้าย สะพานจม หรือชื่อที่เรียกกันว่า สะพานโมเซส (Moses Bridge) อยู่ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์

 

เป็นสะพานข้ามคูน้ำรอบป้อมโบราณของเนเธอร์แลนด์  (Fort de Roovere)

 

การออกแบบเช่นนี้เพื่อไม่ให้มีอะไรมาเปลี่ยนและบดบังวิวเก่าแก่และงดงามของป้อมโบราณ เขามีเขื่อน 2 เขื่อนที่สร้างอยู่ตรงปลายของคูน้ำรอบ เพื่อควบคุมระดับน้ำ แน่ใจได้ว่าน้ำจะไม่ท่วมสะพาน

 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่นี่ค่ะ

http://en.wikipedia.org/wiki/Kintai_Bridge

http://goesholiday.com/henderson-waves-bridge-singapore.html

http://nexttriptourism.com/rolling-bridge-is-special/

http://www.treehugger.com/sustainable-product-design/shigeru-ban-builds-bridge-out-of-paper.html

http://inhabitat.com/shigeru-bans-cardboard-bridge/

http://www.arts-stew.com/mother-earth/places-to-visit/the-moses-bridge-in-the-netherlands-parts-water-like-moses/

http://www.happy-pixels.com/2011/11/15/moses-bridge/

 

 

I would like to Thanks everyone for all the resources for this blog. Thank you.

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

อ้อยหวาน

 

โอ้ฤดูใบไม้ผลิ เธออยู่ไหนกันหนอ

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

 

โอ้ฤดูใบไม้ผลิ เธออยู่ไหนกันหนอ

ฉันยังเฝ้ารอ รอแล้วรอเล่า

โอ้ฤดูใบไม้ผลิ เธออยู่ไหนกันหนอ

เธอเคยสัญญาว่าจะกลับมา

และฉันยังคงเฝ้าคอย

 

 

ปีนี้เป็นปีที่หนาวนานมากๆ ช่วงนี้ปรกติหิมะจะละลายไปหมดแล้ว ทำให้อ้อยหวานต้องทวงถาม

 

..โอ้ฤดูใบไม้ผลิ เธอไปแอบอยู่ที่ไหน วันนี้ดูเหมือนว่าธรรมชาติจะได้ยิน ส่งหิมะมาให้อีกหนา 5 นิ้ว

 

สวนในบ้านของอ้อยหวานกำลังจะเป็นป่า ได้ยินเสียงคุณผู้ชายบ่นงึมงัม ต้นเสาวรสกำลังยึดครองพื้นที่ นี่ขนาดตัดไปหลายรอบแล้ว

เสาวรสคงจะเฝ้ารอฤดูใบไม้ผลิเหมือนกัน

 

ส่วนลูกฟิคไม่ขอรอ ตอนนี้ออกลูกเต็มต้น ให้กำลังใจคนปลูกล้นเหลือ ลูกฟิคนี่ไม่มีดอก คือเธอออกมาเป็นลูกเลย ไม่ต้องเปลืองดอก

 

ดกพอใช้ได้ สำหรับต้นเล็กๆสูงเทียมเอว และอยู่ในกระถาง แถมอยู่ในบ้านอีกด้วย

 

ต้นมะนาวก็มีดอกเหมือนกัน กลิ่นหอมอวลทั่วบ้านเลย

 

ต้นแกงกะหรี่ curry leaf หรือหอมแขกออกดอกหลายรอบแล้ว ดอกหอมมากๆๆๆๆๆ ถูกใจจริงๆ แถมใบกินอร่อยด้วย อ้อยหวานจะเขียนรายละเอียดของต้นแกงกะหรี่ในบล็อกกหน้าค่ะ

 

นี่ก็เป็นอีกต้นที่ไม่รอฤดูใบไม้ผลิ มะเขือเทศที่ไม่ตั้งใจปลูก คืือจะปลูกอย่างอื่น พอดีมีเมล็ดมะเขือเทศเหลือ เลยเอาใส่ไปด้วย ตกลงว่าไอ้ที่ตั้งใจปลูกกลับไม่ขึ้น ส่วนที่โยนๆใส่กลับโตเอาๆ

 

และกำลังออกดอกด้วย ไม่รอฤดูใบไม้ผลิเหมือนกัน

 

แก้วมังกร น้องตุ้ยบอกมาว่า ปลูกกับเมล็ดต้องรอเกือบ 10ปี ถึงจะมีดอก อ้อยหวานอึ้งเลย นี่ต้องยกเข้ายกออกนอกบ้านกันอีกนาน แต่ถึงไม่มีดอก แก้วมังกรก็ให้ความเขียวในบ้าน ให้ความสดชื่น ให้ความสุข อ้อยหวานต้องให้กำลังใจตัวเองค่ะ ไม่อย่างนั้นแก้วมังกรโดนทิ้งถังขยะแน่ๆ

เพราะสองกระถางนี้หนักจริงๆ แถมทำร้ายคนยกด้วย

 

เมื่อเสียอย่างก็ได้อย่าง ออกไปสกีในป่ากันเถอะ สกีในป่าตอนหิมะตกนี่เป็นอะไรที่พิเศษมากๆ

 

ไม่สามารถถ่ายรูปให้สวยอย่างที่ตาเห็น

 

สวยเสียจน อ้อยหวานบอกกับตัวเองว่า ..เราจะเรียกร้องคร่ำครวญกับธรรมชาติไปใย? หากพอใจที่จะอยู่กับธรรมชาติ ไม่ว่าอะไรก็มีความสวยสดงดงามในตัวของมันเอง และความสุขก็อยู่ตรงนั้นเอง

 

ปีที่แล้วช่วงนี้อ้อยหวานได้เอาจักรยานออกไปปั่นแล้ว แต่ปีนี้โชคดีกว่าได้ออกไปสกีนานกว่าเดิม ถือว่าได้ของแถม..

 

ได้ยินไหม..เสียงหิมะตก
มันเบาบาง..เหมือนเสียงกระซิบ
ที่กำลังบอกกับฉันว่า..
ออกมาเถอะ..มาอยู่กลางธรรมชาติ
และฉันก็เดินตามเสียงนั้นไป..

 

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

 

ว่าด้วยเรื่อง ‘หอมแขก’ (curry leaves)

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

 

 

ต้นหอมแขกที่บ้านอ้อยหวานอายุ 2 ปีกว่าแล้ว ไปเจอเขาขายอยู่ที่เมืองมอนทรีออล ขับรถประมาณ 3 ชั่วโมงจากออตตาวา หลังจากที่ดิ้นรนเสาะหามาหลายปี ทั้งเก็บเม็ดจากสวนที่อังกฤษมาลองเพาะ และซื้อที่เขาขายที่ร้านอินเดียสำหรับทำกับข้าว แล้วเลือกเอากิ่งดีๆมาแช่น้ำก็ไม่เคยขึ้น

 

 

อยู่ดีๆก็ไปเจอที่ตลาดนัดตอนไปปั่นจักรยานเที่ยวที่เมืองมอนทรีออล ทั้งร้านมีอยู่ต้นเดียวเสียด้วย หอบหิ้วกันมา จากต้นเท่าฝ่ามือ ตอนนี้โตเร็วมาก แต่โดนตัดมากินบ่อยๆ ยิ่งตัดก็ยิ่งแตก ยิ่งแตกก็ยิ่งตัดเพราะอ้อยหวานชอบกิน ทั้งใส่ในแกงอินเดีย ยอดกับใบอ่อนกินแนมแกงเผ็ด อร่อยมาก สำหรับคนที่ผักชอบรสฉุนจะชอบหอมแขกค่ะ

 

 

หอมแขกมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Murraya koenigii และยังมีชื่อเรียกกันหลายชื่อ curry leaves  ที่อินเดียจะเรียกกันว่า sweet neem leaves หรือ kadi pattaมีถิ่นกำเนิดในอินเดียและศรีลังกา เป็นพืชอยู่ในสกุลเมอร์รายา  (Murraya) สกุลเดียวกับดอกแก้ว และอยู่ในวงศ์ส้ม (Rutaceae) ต้นจะเป็นพุ่ม เติบโตเต็มที่จะสูง 4–6 เมตร

 

 

ดอกสีขาวเล็กๆ แต่หอมมากๆ ต้นนี้ออกดอกให้คนปลูกชื่นชมบ่อยๆ ทั้งในบ้านและนอกบ้าน

 

 

WIKIPEDIA บอกมาว่าลูกกินได้ แต่เมล็ดกินไม่ได้มีพิษ ดอกจะติดเป็นลูกได้น้อย ช่อนี้เหลือกลูกสุกอยู่ลูกเดียว

 

 

หอมแขกเหมือนกับยอดหมุยมากๆ แต่กลิ่นจะฉุนกว่า อ้อยหวานขอยืมรูปยอดหมุยของคุณ boston มาให้เปรียบเทียบดูค่ะ ดูบล็อกของเธอได้ที่นี่ ต้นหมุย VS ต้นยอ ขอบคุณค่ะ

 

 

แกงเนื้อ ก่อนปรุง

ใบหอมแขกที่บ้านจะใส่ในแกงอินเดียแบบนี้ คุณผู้ชายถนัดเรื่องแกงอินเดียและทำอร่อยด้วย แกงอินเดียบางครั้งจะใส่นม หรือโยเกิต ที่บ้านบางครั้งใส่กะทิแทน และใช้ใบแก่ๆ ใส่ในแกง ส่วนใบอ่อนก็กินเป็นผักเหนาะ

 

 

แกงเนื้อ หลังปรุง อืม..อร่อย เวลาที่แกงอินเดียคุณผู้ชายจะหุงข้าวอินเดีย ข้าวอินเดียนี่อร่อยเหมือนกันค่ะ ทานกับนานเข้ากันมาก

 

 

ที่เวปนี้มีสูตรอาหารแกงอินเดียตอนใต้กับใบหอมแขกมีตั้งแต่แกงปลาหมึก แกงกุ้ง แกงผัก ดูได้ที่นี่ค่ะ Curry leaf recipes and Curry leaf food

 

 

คุณผู้ชายชอบทำแกงกุ้งนี้ จากสูตรของเวปข้างบน อร่อยเหมือนกัน

 

 

วันนี้อ้อยหวานแกงเผ็ดไทยๆ ใส่ใบหอมแขก อร่อยใช้ได้เลยละ วันนี้แกงปลาแซลมอน เครื่องปรุงมีแค่นี้ค่ะ เครื่องแกงคั่วกระป๋อง บางครั้งจะใช้เครื่องแกงแดง แกงเขียวหวาน ก็อร่อยดีเหมือนกัน

 

 

แกงปลาแซลมอน หลังปรุง ..หอมอร่อย ปลาแซลมอนเนื้อแน่นหวานอร่อย ไม่ได้โม้เลย

บางครั้งผัดแบบผัดกระเพรา ใส่พริกรสจัดก็กลืนน้ำลายเลยละ

 

 

ส่วนในบล็อกนี้เธอเอามาหุงกับข้าวแปลก น่ากินไปอีกอย่าง ดูบล็อกของเธอได้ที่นี่ Spice: Curry Leaves 

 

 

แกงผักแบบอินเดียตอนใต้

ดูได้ได้ที่นี่ Southern Indian vegetable curry with curry leaves

 

 

นอกจากกินอร่อย หอมแขกยังมีสรรพคุณเยอะด้วย

- ช่วยบรรเทาโรคโลหิตจาง อุดมไปด้วยธาตุเหล็กและกรดโฟลิค นอกจากนั้นยังช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีอีกด้วย

- ช่วยปกป้องตับ เพราะมีสาร kaempferol ค่อนข้างสูง ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยปกป้องตับจากเช่นสารปรอท (พบมากในปลา) เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสภาพแวดล้อมอื่น ๆ

- ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ต่อสู้โรคเบาหวาน

- ช่วยลดคอเลสเตอรอลและป้องกันโรคหัวใจ

- ช่วยให้กระเพาะอาหารแข็งแรง และช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น ในอายุรเวทเชื่อว่าใบหอมแขกช่วยให้กระเพาะอาหารกำจัดของเสียและของเป็นพิษ

- ช่วยสามารถลดผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัด จากการวิจัย ใบหอมแขกสามารถป้องกันร่างกายจากผลร้ายของยาเคมีบำบัดและรังสีบำบัด และยังปกป้องโครโมโซมไม่ให้ถูกทำลาย ยังช่วยปกป้องไขกระดูก และยับยั้งการผลิตอนุมูลอิสระในร่างกายด้วย

ยังมีอีกเยอะค่ะ ในเวปนี้มีรายละเอียดหยิบเลย วิธีกินมีด้วย ดูได้ได้ที่นี่ 10 health benefits of kadi patta or curry leaves

 

 

หอมแขกกินก็ได้ ทาก็สวยด้วยนะจะบอกให้ สูตรครีมหมักผมยอดนิยมของคนอินเดีย สูตรแรกดูได้ได้ที่นี่ Use Curry Leaves for Healthy and Radiant Hair

สรรพคุณ ช่วยให้ผมแข็งแรง หยุดอาการผมร่วง หยุดอาการเส้นผมหงอกก่อนกำหนดเวลาและเร่งการเจริญเติบโตของเส้นผม

 

 

สูตรที่สอง คุณ ramya เธอทำน้ำมันหมักผมใบหอมแขกกับน้ำมันมะพร้าว ดูได้ได้ที่นี่ Curry Leaf Hair Oil

 

 

เกือบลืมไปว่าใบหอมแขกชงเป็นชาก็ได้ค่ะ วิธีชงชาดูได้ได้ที่นี่ How do I Make Curry Leaf Tea?

 

 

หรือแบบพร้อมดื่มของศรีลังกา

 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่นี่ค่ะ

http://en.wikipedia.org/wiki/Curry_tree

http://www.satvikshop.com/blog/herbs-knowledge-base/curry-leaves

http://completewellbeing.com/article/kadi-patta-long-live-the-curry/

http://www.ehow.com/how_6876299_do-make-curry-leaf-tea_.html

 

I would like to Thanks everyone for all the resources for this blog. Thank you.

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

ดอกไม้แห้ง แต่ความทรงจำยังสดใหม่

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

 

 

เอาดอกไม้ (ไม่) แห้งแต่มีความทรงจำที่ดีมาฝากค่ะ เพราะเป็นดอกไม้ที่เก็บภาพไว้ในระหว่างการเดินทาง ทุกดอกมีความทรงจำมากมาย ขอเอาเพลง ดอกไม้แห้งกับความทรงจำ มาบรรยายแทน

 

 

ไม้เมือง - ดอกไม้แห้งกับความทรงจำ

คำร้อง / ทำนอง จักราวุธ แสวงผล

เรียบเรียง สิทธวีร์ พิพัฒน์ชุติพร

ขอบคุณ youtube และ คุณnick naiyarat

 

 

 

เจอดอกไม้ในหนังสือเล่มเก่า

วันเวลาของเราพรั่งพรูกลับมา

 

 

เสียงภูเขา เสียงใบไม้ กลิ่นสายลมพัดคืนมาหา

เธอยื่นดอกไม้ในมือให้ฉัน พูดว่าเก็บมันให้ดีด้วยนะ

 

 

ถ้าสักวันเธอจากไป ดอกไม้นี้จะนำเธอกลับมา เธอจะกลับมา

 


 

ดอกไม้แห้ง แต่ความทรงจำยังสดใหม่ เธอยังคงสดใสงดงาม

ดอกไม้แห้ง ดอกไม้แห้ง บันทึกคำว่ารักไว้ทุกคำ

 


 

เหมือนว่าเธอกอดฉันไว้แนบกาย

พูดว่านานแค่ไหน เธอไม่ลืมสัญญา

 

 

ได้ความหวาน ได้กลิ่นกาย ดั่งฝันไปทั้งที่ยังไม่หลับตา

แม้วันนี้เธอจากไป ดอกไม้นี้ ก็นำเธอกลับมา

 

 

 

ดอกไม้แห้ง แต่ความทรงจำยังสดใหม่

 

 

เธอยังคงสดใสงดงาม ดอกไม้แห้ง ดอกไม้แห้ง

บันทึกคำว่ารักไว้ทุกคำ

 


 

ถึงเวลาอ้อยหวานออกเดินทางอีกแล้วค่ะ ไปญี่ปุ่น 4 อาทิตย์ ยังไงอย่าลืมแวะไปให้กำลังใจกันบ้างนะคะที่ Japan travel  http://th.japantravel.com/

 

ขอบคุณค่ะ

ฝากบ้านสวนที่อบอุ่นแห่งนี้ด้วยนะค่ะ กลับมาเจอกันที่นี่ เวลาเดิม กับของฝากจากญี่ปุ่น

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

 


ลืมเธอไม่ลง..คามาคุระ ตอน 3

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

 

คามาคุระเป็นเมืองเล็กๆ ที่สวยมาก เมืองในดวงใจของอ้อยหวาน คราวนี้เลยแวะไปที่คามาคุระเสียสองครั้งเลย เอาจักรยานไปปั่นเที่ยวรอบๆ แวะชมวัด ชมเมืองไปเรื่อยๆ อีกครั้งก็ไปเดินป่าบนภูเขาที่ล้อมรอบสามด้านของเมือง

 

 

 

การเดินทางทั้งสองแบบทำให้ชมเมืองได้ละเอียด แต่อ้อยหวานเดินไม่เก่ง วันนั้นเดินขึ้นลงเนินเขา แถมซอกแซกตามซอกตามซอย 20 กว่ากิโล ตอนกลับไปที่พักจากสถานีรถไฟต้องขึ้นเนินเขาอีก แทบคลานเลย แต่คนญี่ปุ่นเดินกันเก่งและเร็วมาก มีอยู่ช่วงหนึ่งเดินตามหลังผู้สูงวัยกลุ่มหนึ่ง อ้อยหวานต้องใช้ความพยายามอย่างสูงเพื่อเดินตามให้ทัน เวอร์ชั่นที่มีรายละเอียดการท่องเที่ยวเพิ่งจะเขียนเสร็จค่ะ ถ้าสนใจอ่านได้ที่ลิงค์ข้างล่างค่ะ

เพลิดเพลินกับการเดินป่าที่คามาคุระ สัมผัสกับธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม

 

 

วันนั้นไปแต่เช้าได้ไปเดินตามซอกตามซอยดูบ้านเรือน ก่อนไปเดินป่า เวลาไปต่างถิ่น การได้เดินหรือปั่นจักรยานชมบ้านเรือนเป็นสิ่งที่ชอบมาก ไม่ต้องตีตั๋ว เสียตังส์ด้วย

ชอบประตูรั้วบ้านของคนที่นี่ ดูโปร่ง เรียบง่าย และมีสไตล์ ดูอบอุ่น ยินดีต้อนรับ ชอบหินที่วางบนทางเดิน

 

 

ประตูรั้วบ้านอีกหลัง

อีกอย่างหนึ่งที่ญี่ปุ่นที่ชอบมากคือ เขาเทรนหมาดีมาก ไม่ได้ยินเสียงเห่าหรือตะกุยเลย เดินตามซอกตามซอย เดินผ่านบ้าน น้องหมาเขาก็นอนดูเงียบ

 

 

รั้วบ้านส่วนมากจะใช้วัสดุตามธรรมชาติ

 

 

บ้านแบบเรียบๆ แต่น่าดู ให้บรรยากาศอบอุ่น

 

 

ดูดิมีที่ไม่มากมายเลย แต่ต้นไม้เต็มแน่น

 

 

บ้านส่วนมากจะมีเนื้อที่รอบๆบริเวณน้อย แต่หน้าบ้านจะมีกระถางดอกไม้ตกแต่งกันงดงาม

 

 

สวนหน้าบ้าน ที่มีรั้วเตี้ยๆ เลยถูกแอบมอง จัดเสียสวยมาก

 

 

หลังนี้ก็ต้นไม้แน่นเอี้ยดเลย หลังเล็กๆ แต่ร่มรื่นน่าอยู่

 

 

สวนผักก็ปลูกแน่นเหมือนกัน ไม่มีที่เหลือให้วัชพืช ใช้พื้นที่ได้คุ้มมาก

 

 

แอบโผล่หน้าไปถ่ายรูปบ้านนี้ อยู่สุดซอยเลยไม่มีประตูกั้น ต้นอะเซลเลีย (azalea) ออกดอกเสียดกพราว อะเซลเลียเป็นต้นไม้ที่มีอยู่เกลื่อนทั่วเมือง นิยมปลูกกันริมถนน ริมทางเดิน แล้วดอกก็บานทนด้วย อ้อยหวานอยู่ญี่ปุ่นหนึ่งเดือนมีดอกอะเซลเลียให้ชมตลอด

 

 

ทางเดินสู่ศาลเจ้าที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในคามาคุระ ศาลเจ้าซึรุโอะกะ ฮะชิมาน กุมีแถวดอกอะเซลเลียอยู่เคียงข้างต้นซากุระ วันที่ไปปั่นจักรยานเที่ยว พอมาถึงแถวนี้ฟ้าเริ่มมืดครึ้ม แสงน้อย ถ่ายรูปออกมาไม่สวย ก็คิดว่าค่อยมาเก็บรูปอีกครั้งในวันหลัง

 

 

อ้อยหวานไปถึงที่ศาลเจ้าฝนเริ่มตกปรอยๆ และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก เลยปั่นกลับไปที่สถานี แล้วก็กลับที่พัก

 

 

อีกสองวันกลับไปเดินป่าแล้วแวะไป กลายเป็นว่าไปตรงกับวันหยุดราชการ คนเยอะมากๆ ถ่ายรูปไม่ได้เลย วันนั้นเลยได้แต่รูปประตูโทริของศาลเจ้าซึรุโอะกะ ฮะชิมาน กุ

 

 

ดูดิทางเดินดอกอะเซลเลีย ถ่ายรูปไม่ได้เลย คนเยอะจริงๆ

 

 

อะเซลเลีย เป็นพืชตระกูลเดียวกับโรโดเดนดรอน (Rhododendron) หรือกุหลาบพันปี

 

 

ทั้งอะเซลเลีย และ โรโดเดนดรอน หรือกุหลาบพันปี เป็นพืชมีพิษ ใบและเกสรมีพิษร้ายแรง

 

 

ดอกอะเซลเลียสีนี้ก็สวย

 

 

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

 

 

 

โบตั๋น..อีกสักครั้ง

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

 

 

เพิ่งเก็บ (ภาพ) มาสดๆ ร้อนๆ ได้กลิ่นหอมไหมคะ เช้าวันนี้ปั่นจักรยานไปที่สวนใหญ่ของเมืองออตตาวามาค่ะ ไปชื่นชมดอกโบตั๋นที่นั่น

 

 

โบตั๋นของที่นี่เป็นโบตั๋นพันธ์ฝรั่ง ชื่อภาษาอังกฤษว่าเพียนนี่ (Peony)

 

 

ชื่อ เพียนนี่’ (Peony) นี้ มาจากชื่อของเทพเจ้าแห่งการรักษาหรือการแพทย์ของชาวกรีกโบราณ Paean หรือ Paeon

 

 

ดอกของโบตั๋นพันธ์ฝรั่งจะเล็กกว่าพันธ์ของจีนหรือญี่ปุ่น

 

 

มีทั้งแบบกลม

 

 

แบบกลีบซ้อน

 

 

และแบบรา หรือกลีบเดี่ยว

 

 

เก็บรูปมาสองขนาด ในความคิดเห็นของอ้อยหวานจะชอบรูปแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า มากกว่าสี่เหลี่ยมจัตุรัส

 

 

แต่คุณผู้ชายที่บ้านบอกว่ารูปดอกไม้สี่เหลี่ยมจัตุรัสจะสวยกว่า

 

 

ที่สวนนี้มีดอกโบตั๋นทุกสี

 

 

โบตั๋นพันธ์ฝรั่ง หน้าหนาวต้นจะตายหมด รากจะยังอยู่ พอหมดหนาวก็งอกต้นใหม่ แต่โบตั๋นพันธ์ของจีนหรือญี่ปุ่นต้นจะไม่ตาย แต่ไม่ค่อยทนหนาว ทำให้ไม่ค่อยนิยมปลูกกันในแคนนาดา

 

 

 บล็อกสุดท้ายของโบตั๋น (ของปีนี้) แล้วค่ะ เจอพวกหนูอีกทีปีหน้านะคะ

 

 

 

เก็บดอกไอริสมาด้วย ที่สวนมีหลายสี หลายแบบ ค่อยเอามาให้ชมกันวันหน้า

 

เล่าเรื่องญี่ปุ่นยังไม่จบ ชีพจรลงเท้าและสองล้ออีกแล้วค่ะ คราวนี้ไปปั่นจักรยานกับคุณผู้ชายที่บ้าน อีกสองอาทิตย์ค่อยมาเจอกันอีกค่ะ

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

 

 

พาตัวเองไปพบกับความฝัน ตอน พาดวงใจ..ไปอิงแอบเขา

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

 

พาดวงใจ..ไปอิงแอบเขา

แนบซบลำเนาป่า..พงไพร

ได้ยินแต่เสียง สายน้ำไหล

เสียงกู่ร้อง ไกลๆ ในหุบเขา

 

 

อ้อยหวานเพิ่งกลับมาจากการ พาตัวเองไปพบกับความฝันที่เทือกเขาแคนาเดียน ร็อกกี้ (Canadian Rockies) มาค่ะ เรื่องเล่าจากญี่ปุ่นค่อยมาเล่าทีหลังนะคะ

 

 

ทุกๆ ครั้งของการท่องเที่ยว อ้อยหวานได้พาตัวเองไปพบกับความฝัน และดื่มด่ำกับบรรยากาศรอบๆ ตัวเสมอ การไปเที่ยวด้วยตัวเองอย่างช้า ทำให้จมแช่กับบรรยากาศที่ชื่นชอบนานแค่ใจอยาก ไม่เร่งรีบ ได้ซึมซับ สัมผัสบรรยากาศรอบตัวจนชุ่มช่ำใจ

 

 

ทริปนี้เริ่มต้นจากข่าวดีที่ส่งมาจากน้องเขยตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว ว่าหลานสาวคนสวยของคุณผู้ชายที่บ้านจะแต่งงาน ขอเชิญญาติๆไปร่วมงาน

ทำให้กระดิ่งท่องเที่ยวในหัวของอ้อยหวานดังกริ้งกร๊างๆ ก็เมืองที่หลานสาวคนสวยว่าที่เจ้าสาว อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเทือกเขาที่โด่งดังของแคนนาดา เทือกเขาแคนาเดียน ร็อกกี้

 

 

ถนนแถบนี้ขึ้นชื่อมากในเรื่องความงดงาม และเป็นที่ยอดนิยมในการปั่นจักรยานเที่ยว

 

 

แต่ดูๆ แล้ว สังขารของอ้อยหวานและคุณผู้ชายที่บ้านคงจะไม่เอื้ออำนวย กับการปั่นขึ้นๆ ลงๆ เขาสูงๆ เยี่ยงนี้ อีกทั้งแต่ละเมืองก็ห่างไกลกันมาก แต่ละวันต้องปั่นมากกว่าสองร้อยกิโล มีแต่พวกน่องเหล็กเท่านั้นที่ทำได้ แต่ถ้าไปไหนแล้วไม่ปั่นจักรยานเที่ยว อ้อยหวานก็ไม่อยากไป

 

 

จึงมาลงเอยกับการขับรถ + ปั่นจักรยาน + เดินป่า ออกมาเป็นทริปท่องเที่ยวที่ผสมผสานเข้ากันอย่างสดสวย

 

 

 เทือกเขาแคนาเดียน ร็อกกี้ ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของประเทศแคนาดา ประกอบด้วยอุทยานแห่งชาติเจ็ดแห่ง รวมเป็นพื้นที่ทั้งหมด 22,990 ตารางกิโลเมตร อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่นี่

 

 

เทือกเขาแคนาเดียน ร็อกกี้ จึงเป็นพื้นที่ ที่มีป่าเขา

 

 

พรรณไม้น้อยใหญ่

 

 

ธารน้ำแข็ง อายุหลายพันปี

 

 

ทะเลสาบที่มีน้ำใสดุจกระจกเงา

 

 

น้ำตกที่ไหลเชี่ยวกราด

 

 

หุบเขาที่งดงาม ดุจฉากในหนัง

 

 

และสัตว์ป่า

 

 

ทุกสิ่งทุกอย่างมีอยู่มากมาย และได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีเยี่ยม 

 

 

มีเส้นทางจักรยาน

 

 

เส้นทางเดินป่าอยู่มากมาย

 

 

และแน่นอน ขาดไม่ได้คือดอกไม้ริมทาง ซึ่งมีให้ชมตลอดทาง

 

 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่อง พาตัวเองไปพบกับความฝันในตอนต่อไป

 

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

 

 

 

พาตัวเองไปพบกับความฝัน ตอน ได้ยินไหม..เสียงของภูเขา

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

ได้ยินไหม..เสียงของภูเขา

กระซิบแผ่วเบา..มากับสายลม

สายน้ำร่วมบรรเลง เพลงผสม

ชวนให้มาชม..

มาจมอยู่กับ..ธรรมชาติ

 

 

อย่างที่อ้อยหวานเกริ่นไว้ในตอนแรก ทริปนี้เป็นทริปผสมผสานของการขับรถ + ปั่นจักรยาน + เดินป่า เริ่มจากการเอาจักรยานใส่รถเช่าที่สนามบินเมืองคัลการี่ (Calgary) และแวะพักตามเมืองต่างๆ จากนั้นก็ปั่นจักรยานหรือเดินป่าเที่ยวกัน เส้นทางส่วนใหญ่เป็นทางป่าบนภูเขา ซึ่งเหมาะกับเสือภูเขามากกว่าจักรยานในเมืองของอ้อยหวาน แต่เส้นทางส่วนน้อยก็ยังมีให้ปั่นเที่ยวชม เป็นเส้นทางลาดเลาะไปตามหุบเขาและลำน้ำ บางช่วงเป็นทางลาดยาง บางช่วงเป็นทางดิน

 

 

เมืองแรกที่แวะกันคือ เมืองแคนมอร์ (Canmore) เป็นเมืองเล็กๆ ตั้งอยู่ในหุบเขาชายขอบเทือกเขาแคนาเดียน ร็อกกี้ เมืองแคนมอร์อยู่นอกเขตอุทยานแห่งชาติ แต่ก็ยังรักษาความเป็นธรรมชาติไว้มาก

 

 

แคนมอร์ เป็นเมืองเล็กๆ แต่มีเส้นทางจักรยานและทางเดินป่ามากมาย อ้อยหวานกับคุณผู้ชายเลือกปั่นจักรยานบนเส้นทางที่ง่าย และเหมาะกับจักรยานของเรามากที่สุด คือ เส้นทางสีแดง นอกนั้นเป็นเส้นทางบนเขาที่มีแต่เดินกับจักรยานเสือภูเขาเท่านั้นที่ไปได้

 

 

เส้นทางสีแดงมีชื่อว่า เส้นทางพี่น้องสามสาว (The Three Sisters trail) ลัดเลาะริมแม่น้ำ ผ่านบ้านริมเขาสวยๆ มากมาย อ้อยหวานชอบหลังนี้มาก ข้างหน้าติดภูเขา ข้างหลังชิดแม่น้ำ

 

 

นี่คงเป็นสนามเด็กเล่นที่อยู่ในที่ที่สวยที่สุด มองเห็นยอดเขาพี่น้องสามสาว (The Three Sisters Mountain) เป็นฉากหลัง

 

 

ยอดเขาทุกลูกมีชื่อของตนเอง เมื่ออ้อยหวานหยุดถามเจ้าถิ่นว่าลูกไหนคือ พี่น้องสามสาว (The Three Sisters Mountain) เจ้าถิ่นชี้บอกชื่อมาหมดทุกลูก แต่อ้อยหวานจำได้ลูกเดียว คือยอดเขาพี่น้องสามสาวที่อยู่ไกลลิบ ส่วนยอดใกล้ๆ หาจำได้ไม่..

 

 

อีกฝั่งแม่น้ำก็มีภูเขายืนเรียงราย มีป่าสนแน่นขนัด เป็นสนเปลือกสีขาว (Whitebark pine) ของแคนนาดา

 

 

เส้นทางจักรยานและทางเดินของฝั่งแม่น้ำตรงกันข้าม จะเลียบไปตามแม่น้ำ ภูเขาในรูปอ้อยหวานตั้งชื่อให้เองว่า แรด..หลายนอ

 

 

อีกวันหนึ่งขับรถไปพักที่เมืองแบมฟ์ (Banff) ซึ่งอยู่ห่างออกไป 30 กว่ากิโลเมตร แล้วปั่นจักรยานบนเส้นทางจักรยานสายใหม่เอี๋ยม เส้นทาง Rocky Mountain Legacy Trail

 

 

เป็นเส้นทางลาดยางอย่างดีเยี่ยม เชื่อมระหว่างเมืองแบมฟ์กับเมืองแคนมอร์ มีระยะทางประมาณ 26.8 กิโลเมตร

 

 

แต่..ขนานไปกับถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ไปตลอดทาง น่าเสียดายมากๆ เป็นเส้นทางที่งดงาม ถ้าสร้างให้ห่างจากถนนใหญ่คงจะวิเศษสุด

 

 

มีบางช่วงที่สวย ถ้าไม่ติดถนนจนเกินไป

 

 

บางช่วงจะมีป่าสนคั่นระหว่างเส้นทางจักรยานกับถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ ซึ่งทำให้ดูดีขึ้น

 

 

อีกมุมหนึ่งของ ภูเขาแรด..หลายนอ ที่อ้อยหวานตั้งชื่อให้ แต่มีชื่อจริงว่า Mount Rundle ถ้าดูจากแผนที่ข้างบนจะเห็นว่ามีเส้นทางเดินป่าหรือเสือภูเขา ล้อมรอบ Mount Rundle เส้นทางนั้นคงจะสวยมาก แต่คงจะเละเทะมากๆ เช่นกัน เพราะคืนก่อนฝนตกทั้งคืน เช้าวันนั้นฝนตกปรอยๆ ให้เปียกกันนิดหน่อย พอถึงเมืองแคนมอร์เราก็เอาจักรยานขึ้นรถบัสกลับไปที่เมืองแบมฟ์ ทีเมืองแบมฟ์มีจักรยานเสือภูเขารออยู่หลายคัน เพื่อขึ้นรถกลับไปเมืองแคนมอร์ ทั้งจักรยานและเสือปั่นทั้งหลายเละเทะ หมอมแมน แต่เสือปั่นทั้งหลายบอกว่ามันส์มากๆ

 

 

แบมฟ์ (Banff) เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของระแวกนี้ ที่ใครๆ ต้องมาแวะชม อยู่ที่นี่สองวัน ฟ้าร้องไห้ทั้งสองวัน กลับไปถึงที่พักเปียกปอนทั้งคนทั้งจักรยาน แบมฟ์มีเส้นทางเดินป่าหรือเสือภูเขาเยอะมาก จึงมีเสือภูเขาจอดอยู่เต็ม มีร้านให้เช่าเสือภูเขาอยู่หลายร้าน อ้อยหวานตาขาว กลัวมากกับการขี่เสือบนภูเขา แต่ใจลึกๆ ส่วนหนึ่งกลับบอกว่า ‘ยังไม่ได้ลองดูสักครั้ง แต่ยอมให้ความกลัวมันหลอก’ คงจะมีสักวัน..คงจะมีสักวัน..

 

 

ในฤดูหนาวก็เปลี่ยนจากเดินป่าและเสือภูเขา ไปเป็นสกีและกีฬาฤดูหนาวอื่นๆ ทำให้แบมฟ์ (Banff) เป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมตลอดปี ดูจากรูปแล้ว ในฤดูหนาวแถบนี้ก็สวยมากเช่นกัน

 

 

แบมฟ์ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแบมฟ์ (Banff National Park) มีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย ซึ่งอ้อยหวานจะเล่าในตอนต่อไป

 

 

 

โปรดพาตัวเองไปพบกับความฝัน กับอ้อยหวาน ในตอนต่อไปนะคะ

 

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

 

 

พาตัวเองไปพบกับความฝัน ตอน สัมผัสกับผืนป่า

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

 

 

ได้ยินเสียงนั้นไหม?

เสียงร้องเรียก ให้ใครมา

สัมผัสกับผืนป่า

ให้เวลา เรียนรู้มัน

 

 

วันนี้อ้อยหวานจะพาไปชมผืนป่าในเขตอุทยานแห่งชาติแบมฟ์ (Banff National Park) กันค่ะ

อุทยานแห่งชาติแบมฟ์ เป็นอุทยานแห่งชาติเก่าแก่ ก่อตั้งขึ้นในปี 1885 เป็นอุทยานแห่งชาติที่ตั้งขึ้นเป็นแห่งแรกของแคนาดา และเก่าแก่เป็นอันดับสามของโลก มีอาณาเขตพื้นที่ทั้งหมด 6,641 ตารางกิโลเมตร

 

 

ในปี 1984 อุทยานแห่งชาติแบมฟ์และอุทยานแห่งชาติอีกหกแห่งในบริเวณนี้ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลก รวมกันเรียกว่า อุทยานแห่งชาติเทือกเขาแคนาเดียน ร็อกกี้ (Canadian Rocky Mountain Parks)

 

 

อุทยานแห่งชาติแบมฟ์ เป็นตัวอย่างที่ดีในการอนุรักษ์ป่าและสัตว์ป่า ถึงแม้ว่าอาจจะสายไปสักนิดสำหรับสัตว์ป่าบางชนิดเช่น วัวไบสัน (Bison) ถูกล่าจนสูญพันธ์ไปจากอุทยานแห่งชาติแบมฟ์ตั้งแต่ปี 1858 ก่อนที่พื้นที่บริเวณนี้จะถูกแต่งตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ แต่ก็ไม่สายไปสำหรับสัตว์ป่าและพืชพันธ์ชนิดอื่น

รูปข้างบนคือสะพานที่เห็นอยู่เป็นระยะๆ บนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ที่ตัดผ่านอุทยานแห่งชาติแบมฟ์  เป็นสะพานสำหรับสัตว์ป่าในการข้ามถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ ถนนตลอดสายจะมีรั้วกั้นเพื่อป้องกันอุบัติเหตุให้แก่สัตว์ป่า แม้แต่บนสะพานก็มีรั้วกั้น มีการศึกษากันอย่างจริงจัง และใช้ได้ผลด้วย

 

 

สัมผัสกับผืนป่า

ข้อมูลอย่างนี้มีอยู่ทั่ว การให้ความรู้ ให้ข้อมูล เป็นการให้การศึกษาแก่มนุษย์โลก ให้เข้าใจสิ่งที่เรียกว่า ‘ธรรมชาติ’ และความสำคัญของมันต่อโลกและมนุษย์

สัมผัสกับผืนป่า

จากเคราหยาบๆ.. สิ่งที่ดูเหมือนกระจุกขน ที่ห้อยอยู่บนกิ่งไม้คือ ไลเคน (lichen) ชนิดหนึ่ง ถ้าส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์จะพบว่ามันประกอบด้วยเนื้อเยื่อสองชนิดคือ เชื้อรา (fungus) และสาหร่าย (algae) ทั้งสองอย่างมีความสัมพันธ์กันเป็นอย่างดี เชื้อรา (fungus) ได้ธาตุอาหารจากสาหร่าย (algae) ส่วนสาหร่าย (algae) ได้บ้านที่อาศัยอย่างดีคือ เชื้อรา (fungus)

..ไปจนถึง มอสขนนก (Feather moss) ใต้ร่มเงาของต้นสนใหญ่คือ ป่าขนาดจิ๋วของมอสที่ปกคลุมผืนดิน มอสเป็นพืชที่ไม่มีราก แต่จะซึมซับน้ำทางใบ ที่ป่านี้มีมอสอยู่หลายชนิด – คุณได้เห็นมอสกี่ชนิด?

 

 

ป่าขนาดจิ๋ว

 

 

ป่าขนาดจิ๋ว

 

 

เส้นทางเดินป่า Johnston Canyon ประเทศแคนนาดามีภาษาราชการสองภาษาคือ ภาษาอังกฤษและฝรั่งเศส ระยะทางจากจุดเริ่มต้นไปจนถึงน้ำตกส่วนบนเป็นระยะทาง 2.6 กิโลเมตร และยังมีเส้นทางเดินป่าต่อจากนี้ไปอีก 5-6 กิโลเมตรไปจนถึงทะเลสาปเล็กๆ เช้านั้นเราสองคนเดินไปจนถึงน้ำตกส่วนบนแล้ววกกลับได้ระยะทางกันห้ากิโลกว่า เป็นเส้นทางที่งดงามมาก

 

 

น้ำตกส่วนล่าง

 

 

น้ำตกส่วนบน

 

 

ป่าสน และป่ามอส มีละอองน้ำกระจายไปทั่ว ได้กลิ่นป่าไหม หอมจัง

ทางเดินที่สร้างเป็นอย่างดี ให้มนุษย์ได้สัมผัสกับธรรมชาติจริงๆ และทำลายธรรมชาติให้น้อยที่สุด ไม่ไปเหยียบย่ำพวกมอส

 

 

ดื่มด่ำกับธรรมชาติ จะมีสักกี่ครั้งที่ได้อยู่ท่ามกลางป่าอย่างนี้ ในเวลานั้นมีความรู้สึกเหมือนนกที่หลุดจากกรงขัง

..มนุษย์เราสร้างเมืองไว้ขังตัวเอง แถมยังสร้างโซ่ตรวนอีกหลายอย่างไว้พันธนาการ ขึงตรึงตัวเองเสียแน่นหนา..จนยากที่จะปล่อยวาง

คงจะต้องฝันอีกนาน..ที่จะมีโอกาสอย่างนี้อีก แต่จะฝันต่อไป

 

 

ออกจากเส้นทางเดินป่า เราก็ไปปั่นจักรยานกันในเมืองแบมฟ์ ไปชมน้ำพุใต้ดินที่มีกำมะถัน ทำให้แถวนี้มีกลิ่นเหม็นเหมือนไข่เน่า

 

 

ที่นี่มีทางเดินไม้อย่างดี พร้อมคำอธิบายให้ความรู้เกี่ยวกับพืช สัตว์ และธรรมชาติในบริเวณนั้น

 

 

ต้นไม้ พืช และสัตว์ต่างๆ ปรับตัวให้อยู่กับสภาพดินและน้ำที่มีกำมะถัน

 

 

สระน้ำนี้มาจากน้ำพุใต้ดิน ต้นน้ำพุคงจะร้อน มาถึงที่นี่น้ำอุ่นสบาย แต่ก็ยังมีกำมะถันอยู่ ในน้ำมีปลาตัวเล็กอาศัยอยู่เต็ม ที่น่าแปลกคือปลาเหล่านั้นไม่ใช่ปลาที่อาศัยอยู่ดั้งเดิม แต่เป็นปลาในเขตร้อนที่มีคนเอามาปล่อยไว้ แล้วปรับตัว เติบโตเกิดลูกเกิดหลานมามากมาย

 

 

เช่นเดียวกับต้นวอเตอร์เครส และต้นไม้น้ำอื่นๆ เติบโตมีลูกมีดอก แม้แต่ในฤดูหนาว น้ำในสระก็ยังอุ่น ทำให้เขียวเช่นนี้ตลอดปี

 

 

ต่อจากนั้นก็ปั่นจักรยานไปรอบๆ เส้นทางแถบนี้ส่วนใหญ่จะเส้นทางบนเขา ทางดินธรรมชาติ ขรุขระ ที่มีแต่สองขาและจักรยานเสือภูเขาเท่านั้นที่ไปได้ เราจึงไปปั่นเที่ยวในสนามก็อฟ

 

 

เป็นสนามก็อฟที่อยู่ในที่ที่สวยที่สุด ขณะนั้นฝนตกปรอยๆ แต่ทั้งนักก็อฟและนักปั่นไม่ยอมเลิกลา ยังอยากดื่มด่ำกับบรรยากาศ

 

 

ดูดิ.. เมืองในป่าแท้ๆ แต่มนุษย์ก็ไม่ละ.. ยังคงยึดติดกับสิ่งที่เรียกว่าหรูหรา

 

 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่อง ‘พาตัวเองไปพบกับความฝัน’ ในตอนต่อไป

อ่าน ‘พาตัวเองไปพบกับความฝัน’  ตอนแรกๆได้ที่นี่่ค่ะ

พาดวงใจ..ไปอิงแอบเขา

ได้ยินไหม..เสียงของภูเขา

 

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

 อ้อยหวาน

 

 

พาตัวเองไปพบกับความฝัน ตอน ฤานี่คือ..สวรรค์บนดิน

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

 

ที่นี่ ที่ไหน?

งดงามดุจดังฉันฝันไป

โอ้..ฤานี่คือ..สวรรค์บนดิน

 

 

ใช่จริงๆ..ทะเลสาบ เลค หลุยส์ (Lake Louise) งดงามดั่งสวรรค์บนดิน

เลค หลุยส์ (Lake Louise) เป็นทะเลสาบที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องความงาม เป็นทะเลสาบที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในแคนนาดา เลค หลุยส์ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแบมฟ์ (Banff National Park)

 

 

ตั้งอยู่ในจุดที่ค่อนข้างสูงกว่าระดับน้ำทะเลคือ 1,646 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ทำให้มีอากาศเย็นสบาย เหมาะสำหรับเป็นที่พักตากอากาศในฤดูร้อน และเป็นที่ที่มีอากาศเย็นยะเยือกถึง -50 องศา มีหิมะหนาเป็นเมตรๆ เหมาะสำหรับเล่นสกีภูเขาในฤดูหนาว

 

 

เลค หลุยส์ ปรากฏสู่สายตาของโลกภายนอกในปี 1882 เมื่อชาวผิวขาวนายหนึ่งซึ่งไปสำรวจเส้นทางเพื่อสร้างทางรถไฟแถวๆ เทือกเขาแคนาเดียน ร็อกกี้ วันหนึ่งเขาได้ยินเสียงดังก้องของหิมะถล่ม จึงสอบถามกับชาวอินเดียนที่นำทาง ได้ความว่าเสียงมาจากภูเขาหิมะเหนือทะเลสาบน้อย วันต่อมาชาวอินเดียนได้พาเขาไปที่นั่น ภาพที่เขาเห็นทำให้เขาถึงกับปรารภว่า

“ให้ตายสิ! ผมสาบานต่อพระเจ้าได้ ว่าผมไม่เคยเห็นสถานที่ที่ไหน ที่งดงามหาที่ใดเปรียบได้เช่นนี้มาก่อน”

(As God is my judge, I never in all my explorations saw such a matchless scene.)

 

 

เลค หลุยส์ มีชื่อดั้งเดิมว่า ‘ทะเลสาบมรกต’ (Emerald Lake) ต่อมาถูกเปลี่ยนชื่อมาเป็น ทะเลสาบ เลค หลุยส์ (Lake Louise) ตามพระนามของเจ้าหญิงหลุยส์ (Princess Louise) พระธิดาของสมเด็จพระราชินีวิกตอเรียแห่งอังกฤษ ในปี 1890 รีสอทแห่งแรกก็ถูกสร้างขึ้นริมฝั่งเลค หลุยส์ ในปัจจุบันคือโรงแรม Fairmont Chateau Lake Louise โรงแรมสุดหรูในสถานที่สุดสวย Fairmont มีโรงแรมหรูๆ หลายแห่งทั่วแคนนาดา ที่ออตตาวาเมืองที่อ้อยหวานอยู่ก็มีโรงแรมของ Fairmont ดูจากบล็อกเก่าของอ้อยหวานได้ ที่นี่

 

 

น้ำในเลค หลุยส์ ไหลโดยตรงมาจากธารน้ำแข็งวิกตอเรีย (Victoria Glacier) ดูจากรูปที่สี่ตรงกลางที่เป็นสีขาวระหว่างหุบเขานั่นคือธารน้ำแข็งวิกตอเรีย เป็นธารน้ำแข็งที่ละลายอย่างช้าๆ เริ่มแรกน้ำจะขุ่นขาวเหมือนสีนมไหลมาจากภูเขา มาถึงจุดนี้จะไหลช้าลง และเริ่มตกตะกอน ผงสีขาวคือผงหินที่ธารน้ำแข็งบดขยี้มาเป็นเป็นพันๆ ปี น้ำจากธารน้ำแข็งในเลค หลุยส์ หลังจากเศษหินตกตะกอนแล้วเป็นสีมรกต ใสแจ๋วและเย็นเจี้ยบ ในฤดูหนาวจะกลายเป็นน้ำแข็ง น้ำในเลค หลุยส์ ไม่เคยมีอุณภูมิสูงกว่า 5 องศาเซลเซียต ปลาในเลค หลุยส์จึงตัวใหญ่ไม่เกินฝ่ามือ

 

 

จากโรงแรม Fairmont Chateau Lake Louise มีเส้นทางเดินป่าอยู่หลายสาย เราสองคนเลือกเดินไปบนเส้นทาง ‘ทุ่งหกธารน้ำแข็ง’ (Plain of Six Glaciers) เส้นทาง ‘ทุ่งหกธารน้ำแข็ง’ มีระยะทาง 7 กิโลเมตร ไปชมธารน้ำแข็งทั้งหก โดยเริ่มเดินเลียบเลค หลุยส์ ไปจนสุด แล้วค่อยๆ ไต่ขึ้นเขา แต่เราเดินไปได้แค่ครึ่งทางก็ต้องวกกลับ เพราะระยะทางที่เหลือยังมีหิมะปกคลุม เราใส่รองเท้าผ้าใบธรรมดา เดินย่ำหิมะเท้าคงจะเปียกและเย็น ..น่าเสียดายมากๆ

 

 

มีเพื่อนร่วมทางเยอะพอสมควร สาวนักเดินป่าคนนี้เตรียมตัวมาอย่างดี มีรองเท้าบูธกันน้ำ และไม้เท้าสำหรับเดินป่า

 

 

เราแวะนั่งพักกินแซนวิชที่นี่ แล้วได้พบกับเพื่อนใหม่ตัวจิ๋ว

 

 

เธอเชื่องมาก มาเกาะเข่าขอของกิน เลยได้ไปหลายอย่าง คือได้ปั๊บก็วิ่งเอาไปเก็บ อีกห้านาทีกลับมาขอใหม่

 

 

กลับมาถึงบ้านแล้วเช็คดูในอินเทอเน็ท ปรากฎว่าเธอเป็นดารา มีชื่อเสียงโด่งดัง เสียดายไม่ได้ขอลายเซ็น

เธอมีชื่อว่า ‘Crasher Squirrel’ รูปนี้เป็นรูปที่จุดเดียวกันกับที่เรานั่งพักกินแซนวิช สามีภรรยาคู่นี้ตั้งกล้องตั้งเวลาไว้บนก้อนหิน แล้วส่งรูปนี้ไปประกวดกับ National Geographic เธอก็เลยโด่งดังเป็นข่าวใหญ่โต อ่านรายละเอียดได้ที่นี่

 

 

เส้นทางผ่านป่าสน

 

 

ตอไม้ในป่าสน ..สิ่งหนึ่งตายไปแต่ยังทำประโยชในแก่สิ่งมีชีวิตอีกหลายสิ่ง

 

 

ป่าจิ๋วบนตอไม้

 

 

ป่าจิ๋วบนตอไม้

 

 

บนเส้นทาง ‘ทุ่งหกธารน้ำแข็ง’ (Plain of Six Glaciers)

 

 

วิวจากโรงแรม Fairmont Chateau Lake Louise โรงแรมสุดหรู

 

 

วิวที่มองจากห้องอาหารของโรงแรม Fairmont Chateau Lake Louise มีคิวรอโต๊ะนานถึง 1 ชั่วโมง

 

 

เช้าอีกวันหนึ่งเราตื่นตั้งแต่ตีห้าเพื่อจะไปดูตะวันทอแสง เราไม่ได้พักอยู่ที่โรงแรมสุดหรู แต่พักอยู่ที่โรงแรมติดกันแต่ราคาห่างไกลกัน คือถูกกว่ากันเยอะ

 

 

ยามเช้าอากาศเย็นเจี้ยบ 1 องศา

 

 

เงียนสงบมีแต่เราสองคน

 

 

โอ้..ฤานี่คือ..สวรรค์บนดิน

แสงพระอาทิตย์ส่องหิมะและธารน้ำแข็งวิกตอเรียตรงหุบเขา สะท้อนเงาบนทะเลสาบที่ใสดุจกระจกเงา

 

 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่อง ‘พาตัวเองไปพบกับความฝัน’ ในตอนต่อไป

อ่าน ‘พาตัวเองไปพบกับความฝัน’  ตอนแรกๆได้ที่นี่่ค่ะ

พาดวงใจ..ไปอิงแอบเขา

ได้ยินไหม..เสียงของภูเขา

สัมผัสกับผืนป่า

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

พาตัวเองไปพบกับความฝัน ตอน ในอ้อมกอดของขุนเขา

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

 

ในอ้อมกอดของขุนเขา

ฉันฝันเห็นทุกครั้งที่หลับตาลง

ภาพฝันที่ชวนให้หลุ่มหลง

ธรรมชาติช่างสร้างสรร..บรรจงแต่ง

 

 

ออกจากทะเลสาบ เลค หลุยส์ (Lake Louise) มาสัก 20 นาที ก็ออกจากเขตอุทยานแห่งชาติแบมฟ์ (Banff National Park) เข้าสู่เขตอุทยานแห่งชาติแจสเปอร์ซึ่งอยู่ทางทิศเหนือ อุทยานแห่งชาติแจสเปอร์เป็นอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในแคนนาดา มีอาณาเขตพื้นที่ทั้งหมด 10,878 ตารางกิโลเมตร และได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกเช่นเดียวกับอุทยานแห่งชาติแบมฟ์

 

 

ถนนที่ตัดผ่านอุทยานแห่งชาติแจสเปอร์จากเหนือสู่ใต้ จัดว่าเป็นถนนที่สวยที่สุดสายหนึ่งของโลก เป็นระยะทางทั้งหมด 230 กิโลเมตร มีชื่อว่า Icefields Parkway อ้อยหวานขอยืนยันว่าสวยจริงๆ ตลอดทั้งสายไม่มีเมืองเลย ภูเขาทั้งซ้ายทั้งขวาทั้งหน้าทั้งหลัง เหมือนอยู่ในอ้อมกอดของขุนเขา ถนนเล็กๆที่จำกัดความเร็ว และไม่อนุญาติให้รถบรรทุกวิ่งผ่าน มีข้อความบอกเตือนไว้เป็นระยะๆ ให้ระวังสัตว์ป่า มีนักปั่นจักรยานทางไกลนับได้เกือบ 20 คัน ดูๆ แล้วถนนสายนี้โหดจริงๆ สำหรับการปั่นจักรยาน รูปข้างบนมองมาจากช่วงถนนตรงจุดที่สูงที่สุด 2069 เมตร

 

 

บนถนน Icefields Parkway นี้มีจุดชมวิวที่มีที่จอดรถอยู่เป็นระยะ มีเส้นทางเดินป่าอยู่หลายสาย และมีสัตว์ป่ามากมาย ไม่ต้องเดินเข้าไปในป่าเลย กลุ่มแกะเขาใหญ่ (Bighorn Sheep) นี้ มายืนกินเกลือแกงอยู่บนลานที่จอดรถของจุดชมวิว โดยไม่สนใจใยดีกับมนุษย์รอบข้าง (ที่นี่ไม่อนุญาติให้อาหารสัตว์ป่า)

 

 

แกะเขาใหญ่ (Bighorn Sheep) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Ovis Canadensis เป็นหนึ่งในแกะภูเขาสองชนิดของทวีปอเมริกาเหนือ ขนสีมีตั้งแต่สีน้ำตาลอ่อน เทา ไปจนถึงสีน้ำตาลเข้ม เขาของแกะเขาใหญ่ตัวผู้จะมีน้ำหนักถึง 14 กิโลกรัม แกะเขาใหญ่ตัวเมียจะมีเขาที่เล็กกว่า

ขอบคุณ ข้อมูลจาก  WIKIPEDIA

 

 

ขับรถไปอีกหน่อยก็ต้องจอดข้างทางอีก เพราะเจ้าสองตัวนี้มายืนเล็มหญ้าข้างถนนโดยไม่สนใจใยดีกับมนุษย์รอบข้างเช่นกัน

แพะภูเขา (Mountain goat) หรืออีกชื่อหนึ่งว่า the Rocky Mountain goat มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Oreamnos americanus ทั้งตัวผู้และตัวเมียจะมีเขาและเครา แต่ตัวเมียจะจะมีเขาและเคราสั้นกว่าตัวผู้ แพะภูเขาใส่เสื้อหนาวสองชั้น ขนชั้นในจะเป็นขนที่ละเอียดหนา ส่วนขนชั้นนอกจะยาวและหยาบกว่า ทำให้สามารถอยู่ในที่ที่มีอากาศหนาวถึงลบห้าสิบองศาบนภูเขา

ขอบคุณ ข้อมูลจาก  WIKIPEDIA

 

 

แพะภูเขาจะเริ่มสลัดขนในฤดูใบไม้ผลิโดยการถูตัวกับหินหรือต้นไม้ ในสมัยก่อนคนอินเดียนจะไปเก็บขนแพะภูเขาตามป่ามาทอผ้าขนสัตว์

ยังมีสัตว์ป่าอีกหลายชนิดที่มองเห็นไกลๆ และเก็บรูปไม่ทัน คุณผู้ชายเห็นหมี Grizzly Bear แต่อ้อยหวานไม่เห็น เพราะเป็นคนขับรถและหยุดรถไม่ทัน

 

 

อุทยานแห่งชาติแจสเปอร์มีทุ่งน้ำแข็ง (Icefield) ขนาดใหญ่มีชื่อว่า ทุ่งน้ำแข็งโคลัมเบีย (Columbia Icefield) เป็นทุ่งน้ำแข็งที่เป็นต้นสายของธารน้ำแข็ง (Glacier) 6 สาย หนึ่งในนั้นคือ ธารน้ำแข็งอะทะบาสกะ (Athabasca Glacier) เป็นธารน้ำแข็งใหญ่ที่มองเห็นได้จากถนน Icefields Parkway

 

 

ธารน้ำแข็งอะทะบาสกะ (Athabasca Glacier) 360 องศา

 

 

มีความยาว 6 กิโลเมตร ความหนาของน้ำแข็ง 90–300 เมตร ในรูปจะเห็นปากน้ำ ที่นี้มีรถทัวร์พิเศษพานักท่องเที่ยวขึ้นไปชมและเดินบนทุ่งน้ำแข็งและธารน้ำแข็ง แต่เราไม่ได้ใช้บริการ

 

 

ในปี 1992 ธารน้ำแข็งอะทะบาสกะควรจะอยู่ตรงนี้ แต่เพราะผลกระทบจากภาวะโลกร้อน ทำให้ธารน้ำแข็งละลายในอัตราประมาณ 5 เมตรต่อปี

 

 

น้ำตก Sunwapta ไม่ไกลจากถนน Icefields Parkway

 

 

น้ำตก Athabasca ไม่ไกลจากถนน Icefields Parkway

 

 

ช่วงปลายของน้ำตก Athabasca แถวนี้มีทัวร์ล่องแก่ง แต่เราไม่ได้ใช้บริการ

 

 

วันรุ่งขึ้นเราไปปั่นจักรยานเที่ยวแถวๆ เมืองแจสเปอร์ แถบนี้ต้องระวังตัวมากหน่อย เพราะเป็นถิ่นของหมี Grizzly Bear และกวาง elk ในฤดูใบไม้ผลิแม่กวาง elk ค่อนข้างดุและจะทำร้ายหากเข้าใกล้ลูกของมัน ส่วนหมีก็เช่นเดียวกัน ปรกติจะไม่ทำร้ายคน นอกจากในกรณีที่ตกใจหรือลูกอ่อน

 

 

สองอาทิตย์ก่อนหน้านี้มีนักปั่นจักรยานถูกหมีทำร้าย คุณผู้ชายจึงต้องพกสเปรย์หมี (bear spray) เป็นสเปรย์พริกไทยที่มีขายตามร้านที่เมืองแจสเปอร์ ไว้ใช้ป้องกันตัวจากหมี Grizzly Bear และกวาง elk แต่โชคดีที่เราไม่ต้องใช้มัน เพราะเราเจอแต่ตัวเล็กตัวน้อย

 

 

เช่นตัวนี้

 

 

บนเส้นทางเดินป่าที่เมืองแจสเปอร์

 

 

โบสถ์เก่าแก่ของเมืองแจสเปอร์

 

 

เมืองแจสเปอร์

 

 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่อง ‘พาตัวเองไปพบกับความฝัน’ ในตอนต่อไป

อ่าน ‘พาตัวเองไปพบกับความฝัน’  ตอนแรกๆได้ที่นี่่ค่ะ

พาดวงใจ..ไปอิงแอบเขา

ได้ยินไหม..เสียงของภูเขา

สัมผัสกับผืนป่า

ฤานี่คือ..สวรรค์บนดิน

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

 


พาตัวเองไปพบกับความฝัน ตอน ดอกไม้ป่าปรุงกลิ่นประทิ่นป่า

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

 

ดอกไม้ป่าปรุงกลิ่นประทิ่นป่า

อบบุหงามาลัยทั่วไพรกว้าง

หอมจนหอบหัวใจไปเคว้งคว้าง

เคลิ้มถวิลกลิ่นปรางอบกลางทรวง

~เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

 

 

ทริปท่องเที่ยวของอ้อยหวานไม่สามารถจบลงได้ถ้าไม่มีดอกไม้ ทริปนี้ไปเที่ยวป่าเขาจึงมีดอกไม้ป่ามาให้ชมกัน ฤดูดอกไม้ของเทือกเขาแคนาเดียน ร็อกกี้ จะอยู่ระว่างปลายเดือนกรกฎาคมถึงปลายเดือนสิงหาคม ถึงแม้ช่วงที่อ้อยหวานไปยังไม่ถึงฤดูดอกไม้ แต่ก็มีอยู่ประปรายถ้ามองหา

 

 

ดอกวิลโลว์ (Willow)

วิลโลว์เป็นพืชตระกูลใหญ่ มีทั้งหมดเกือบ 400 สายพันธ์ อ้อยหวานไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นดอกวิลโลว์พันธ์อะไร

 

 

ดอกวิลโลว์ (Willow)

วิลโลว์เป็นพืชที่มีดอกตัวผู้และดอกตัวเมียอยู่กันคนละต้น อ้อยหวานไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นดอกตัวผู้หรือตัวเมีย

ขอบคุณ ข้อมูลจาก  WIKIPEDIA

 

 

ดอก Shooting Stars

ดอก Shooting Stars มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Dodecatheon

 

 

ดอก Cascade Huckleberry

Cascade Huckleberry มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Vaccinium deliciosum เป็นพืชตระกูลเดียวกับบลูเบอรี่ (blueberry) ผลของ Cascade Huckleberry ทานได้และอร่อยมากด้วย เป็นที่ชื่นชอบของหมี Grizzly Bear

ขอบคุณ ข้อมูลจาก http://wildflowerswest.orgในเวปนี้มีข้อมูลดอกไม้ป่ามากมาย

 

 

ดอก Calypso orchid หรือ รองเท้านางฟ้า (fairy slipper)

รองเท้านางฟ้าดอกเล็กมากและชอบแอบซ่อนในพงไม้ เป็นกล้วยไม้ที่มีอยู่ทั่วไปในภูเขาสูงตั้งแต่แคนาดา สหรัฐอเมริกา สแกนดิเนเวีย รัสเซีย จีน มองโกเลีย เกาหลีและญี่ปุ่น มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Calypso bulbosa

ขอบคุณ ข้อมูลจาก  WIKIPEDIA

 

 

ดอกพู่กันอินเดียน (Indian Paintbrush)

พู่กันอินเดียน (Indian Paintbrush) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Castilleja ดอกพู่กันอินเดียนกินได้ ชาวอินเดียนในทวีปอเมริกาใช้ทานสดร่วมกับผักอื่นๆ แต่ใบและรากมีพิษ ดอกพู่กันอินเดียนมีหลายสีเช่น สีชมพู สีครีม สีแดง

ขอบคุณ ข้อมูลจาก  WIKIPEDIA

 

  

ดอก Field Milkvetch

 

 

ดอก Wiry Milkvetch

 

 

ดอกสตรอเบอร์รี่ป่า (Woodland Strawberry)

ผลของสตรอเบอร์รี่ป่ากินได้ มีขนาดเล็กและมีกลิ่นหอมกว่าสตรอเบอร์รี่ธรรมดา ใบ ลำต้น และดอก ใช้เป็นชาสมุนไพรรักษาโรคท้องร่วง

ขอบคุณ ข้อมูลจาก  WIKIPEDIA

 

 

ดอก Canadian Bunchberry

 

 

ดอก Field Mouse Chickweed

 

 

ดอก Rocky Mountain Thimbleberry

 

 

ดอก Labrador tea

ชาวพื้นเมืองของแคนาดาใช้ใบของ Labrador tea ชงเป็นชาสมุนไพร

 

 

ดอก Shrubby Cinquefoil

 

 

ดอก Browse Milkvetch

 

 

ดอก Alpine Mertensia

 

 

ดอก Alpine Coltsfoot

 

ทริป..พาตัวเองไปพบกับความฝันที่เทือกเขาแคนาเดียน ร็อกกี้ ก็จบลงตรงนี้ อ้อยหวานขอขอบคุณทุกๆ ท่านที่ติดตามอ่านและให้กำลังใจกัน ขอบคุณน้องโสทรที่ให้โอกาสและเนื้อที่ ให้อ้อยหวานได้ถ่ายทอดความฝันไปสู่ผู้อื่น

 

อ่าน ‘พาตัวเองไปพบกับความฝัน’  ตอนแรกๆได้ที่นี่่ค่ะ

พาดวงใจ..ไปอิงแอบเขา

ได้ยินไหม..เสียงของภูเขา

สัมผัสกับผืนป่า

ฤานี่คือ..สวรรค์บนดิน

ในอ้อมกอดของขุนเขา

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

 

เกียวโต..เมืองหมื่นวัดและศาลเจ้า

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

 

อ้อยหวานกลับมาเล่าเรื่องญี่ปุ่นต่อค่ะ อ้อยหวานมีโอกาสไปใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่นมาสี่อาทิตย์ ได้พบเห็น ได้สัมผัส และได้ประสบการณ์ ที่ยากจะลืมเลือน ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่แพ็คแน่นไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่ค่อนข้างจะโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ เมืองที่แพ็คแน่นไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่สุดคงจะไม่พ้น เกียวโต

 

 

อ้อยหวานเที่ยวตะลอนทั้งบนจักรยานและบนรถไฟ ที่เกียวโตอยู่ห้าวันเต็มๆ เป็นห้าวันที่เที่ยวตัวเป็นเกลียว ออกจากที่พักตีห้าครึ่ง กลับที่พักหกโมงเย็น อาบน้ำนอน พรุ่งนี้ออกไปใหม่ ออกจากที่พักเช้าๆ เพราะอยากไปสัมผัสบรรยากาศของสถานที่ก่อนที่ฝูงชนมหาศาลจะมากัน อ้อยหวานไปถึงเกียวโตตรงกับวันหยุดที่สำคัญที่สุดของญี่ปุ่นที่เรียกว่า ‘สัปดาห์ทอง’ (Golden week) เป็นวันหยุดที่ยาวสุดของปี เจ็ดวัน แล้วดูราวกับว่าคนทั้งประเทศมาเที่ยวที่เกียวโต

 

 

เกียวโตเป็นเมืองหลวงเก่าแก่ของญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปีค.ศ. 794 ในปี 1868 เมืองหลวงถูกย้ายไปที่เมืองเอะโดะ ปัจจุบันคือโตเกียว เกียวโตเคยเป็นศูนย์กลางของประเทศมาเป็นเวลานาน ทำให้มีวัดและศาลเจ้ามากมายจนได้ชื่อว่า ‘เมืองหมื่นวัดและศาลเจ้า’ เกียวโตที่อ้อยหวานเห็นเป็นเช่นนั้นจริงๆ หนึ่งเดือนก็ไม่รู้ว่าจะชมได้หมดไหม

สำหรับคนที่กลัวคนเยอะๆ อย่างอ้อยหวาน ถือว่าไปถึงเกียวโตเมืองที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องความงาม ในช่วงที่ผิดจังหวะอย่างแรง ผลลัพธ์ออกมาคือ อ้อยหวานไปชมแค่ สองวัดกับสองศาลเจ้า นอกนั้นอ้อยหวานไปปั่นจักรยานเที่ยวริมแม่น้ำ

 

 

และออกไปปั่นนอกเมืองเกียวโต ไปชมชนบท ที่มีคนน้อยๆ

 

 

วันแรกมาถึงอ้อยหวานก็เอาจักรยานออกไปปั่นเป้าหมายคือ วัดคินคะคุจิ (Kinkaku-ji) หรือ วัดศาลาทอง (the golden pavilion) วัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในเกียวโต คนที่เคยดูหนังการ์ตูนอิคคิวซังจะรู้จักศาลาทองของวัดคินคะคุจิ ในหนังคือที่อยู่ของท่านโชกุน แต่ไปถึงประตูวัดแล้วต้องหันหลังกลับ เพราะแพ้กองทัพมนุษย์ อ้อยหวานปั่นไปเรื่อยๆแล้วมาเจอกับศาลเจ้าที่มีประตูสีสรรสดใสแห่งนี้ ศาลเจ้าอิมะมิยะ อ่านและชมรูปภาพอีกมากมายได้ที่ได้ที่ลิงค์ข้างล่างค่ะ

ศาลเจ้าสุดสวย..ศาลเจ้าอิมะมิยะ..กินขนมโบราณชมศาลเจ้ากลางธรรมชาติที่สวยงามกลางเกียวโต

 

 

อาคารศาลเจ้าอิมะมิยะ

 

 

ศาลเจ้าอิมะมิยะ มีโรงเก็บแคร่หามที่ใช้สำหรับแห่ในงานเทศกาล เป็นแคร่หามที่ตกแต่งอย่างงดงาม

 

 

ข้างๆ ศาลเจ้ามีร้านน้ำชาโบราณที่เสริฟชาและขนมโมจิแบบโบราณที่ดูเหมือนหมูปิ้งชิ้นน้อยๆ

 

 

ขนมโมจิเป็นขนมยอดนิยมของญี่ปุ่น ทำด้วยข้าวญี่ปุ่นหุงสุกแล้วนำมาขลกในครกไม้จนเนียนเป็นแป้ง ขนมโมจิมีหลายรูปแบบ ส่วนใหญ่จะปั้นเป็นรูปกลมและสอดไส้ แต่ของที่นี่เป็นขนมโมจิแบบเสียบไม้ปิ้งบนเตาถ่าน อ้อยหวานไม่ได้ลองทาน เลยบอกไม่ได้ว่ารสชาติเป็นอย่างไร แต่ขายดีมาก คนนั่งกินกันเต็มร้าน

 

 

วันหนึ่งปั่นจักรยานออกจากที่พักแต่เช้า ไม่นำพากับท้องฟ้าที่มืดครึ้ม จุดหมายคือวัดกินคาคุจิ หรือ วัดศาลาเงิน (Temple of the Silver Pavilion) ไปถึงหกโมงกว่า วัดเปิดแปดโมงครึ่ง อ้อยหวานเลยปั่นชมบ้านเรือนแถวนั้น อากาศยามเช้าในวันครึ้มฟ้าครึ้มฝนเย็นยะเยือก

 

 

เกียวโตเป็นเมืองที่มีภูเขาล้อมรอบ บ้านเรือนแถบนี้ตั้งอยูบนเนินเขาที่เงียบสงบ

 

 

แต่ละบ้านจัดสวนกันงดงาม

 

 

ถึงวัดกินคาคุจิ (Ginkaku-ji) หรือ วัดศาลาเงิน (Temple of the Silver Pavilion) อ้อยหวานไปยืนเข้าแถวเป็นคนแรก แปดโมงเช้าแถวยาวเยียด แปดโมงครึ่งประตูวัดเปิด คนหัวแถวคืออ้อยหวาน รีบวิ่งไปเก็บรูปศาลาเงินก่อน เพราะอยากได้รูปที่ไม่มีคนติดอยู่ อ่านและชมรูปภาพอีกมากมายได้ที่ได้ที่ลิงค์ข้างล่างค่ะ

งามนัก..วัดกินคาคุจิ ชื่นชมชมศาลาเงิน สวนมอส และสวนทราย

ศาลาเงินของวัดกินคาคุจิ ไม่ได้เป็นเงินหรือสีเงินอย่างชื่อ เพราะคนสร้างเสียชีวิตเสียก่อนที่จะสร้างเสร็จ แผนเดิมคือสร้างด้วยไม้แล้วคลุมด้านนอกด้วยฟอยล์สีเงิน จะได้คู่กับศาลาทองของวัดคินคะคุจิ

 

 

สวนของวัดกินคาคุจิ เป็นสวนที่งดงาม ในช่วงที่อ้อยหวานแวะไปชมคือต้นเดือนพฤษภาคม ดอกอะเซลเลียเบ่งบานเต็มสวน สวนญี่ปุ่นจะต้องมีสระน้ำ คนญี่ปุ่นโบราณชอบชมพระจันทร์ และไม่ใช่แหนหน้ามองฟ้าชมจันทร์เฉยๆด้วย แต่ชอบชมจันทร์ที่สะท้อนเงาอยู่ในน้ำ

 

 

แต่ที่ขึ้นชื่อของวัดคือสวนมอส จัดได้ว่าเป็นสวนมอสที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น

 

 

สวนมอสจัดไว้ตามเนินเขาด้านหลังวัด ได้รับการดูแลและตกแต่งเป็นอย่างดีหาที่ติไม่

 

 

มองจากเนินเขาหลังวัด จะเห็นพื้นที่ของวัดทั้งหมด สวนทรายสีขาวตรงกลางวัด และเมืองเกียวโตเป็นฉากหลัง

 

 

แล้วฝนก็โปรยปรายลงมาทั้งวัน ให้คนปั่นจักรยานเปียกปอน ตั้งแต่วันนั้นกล้องถ่ายรูปก็มีปัญหา เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่ก็ยังโดนเจ้าของใช้งานจนถึงปัจจุบัน

อ้อยหวานปั่นมานั่งหลบฝนที่วัดโฮะเน็น-อิน (Honen-in) วัดเล็กๆ ที่เงียบสงบ อ่านและชมรูปภาพอีกมากมายได้ที่ได้ที่ลิงค์ข้างล่างค่ะ

สวย สงบเป็นธรรมชาติ..วัดโฮะเน็น-อิน สัมผัสความงามของวัด ท่ามกลางสายฝน

 

 

บรรยากาศของวัดโฮะเน็น-อิน ท่ามกลางสายฝน

 

 

มุมหลบฝนของอ้อยหวาน

 

 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่อง ‘เมืองเกียวโต’ ในตอนต่อไป

 

อ่านอ้อยหวานเล่าเรื่องญี่ปุ่น ตอนแรกๆได้ที่นี่่ค่ะ

โปสการ์ดจากญี่ปุ่น

4 อาทิตย์ที่ดินแดนอาทิตย์อุทัย

ดอกซากุระสุดท้ายของปี

ปั่นจักรยานกลางเมืองโตเกียว..เป็นไปได้และสนุกสุดๆ

ธรรมชาติ ศาสนา ศรัทธา รวมกันเป็นความงามที่โดดเด่น

ลืมเธอไม่ลง..คามาคุระ ตอน 1

ลืมเธอไม่ลง..คามาคุระ ตอน 2

ลืมเธอไม่ลง..คามาคุระ ตอน 3

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

 

เดินชมตลาดนิชิกิ..สุดยอดตลาดของเกียวโต

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

 

วันนี้อ้อยหวานมาพาพรรคพวกไปเดินตลาดกันค่ะ เป็นตลาดสุดฮิตของเมืองเกียวโต ตั้งอยู่ใจกลางเมือง แน่นอนคนต้องเยอะมาก อ้อยหวานรั้งรอจนหมดวันหยุดยาวของญี่ปุ่น และเป็นวันสุดท้ายก่อนลาจากเกียวโต คนจะได้น้อยๆ หน่อย

 

 

วันนั้นไปปั่นจักรยานเที่ยวนอกเมืองแต่เช้า กลับเข้าเมืองได้เวลาอาหารกลางวันพอดี ปั่นไปถึงตลาดกลับหาที่จอดจักรยานไม่ได้ มีแต่ป้ายห้ามจอดจักรยานติดอยู่ เหลียวไปเห็นหน้าซุปเปอร์มาเก็ตมีที่จอดจักรยาน อ้อยหวานก็เข็นจักรยานเข้าไป แต่โดนคนเฝ้าหยุดยั้งไว้

คนเฝ้า…##%%$$@@####

อ้อยหวาน… ?????!!!!!

คนเฝ้า…ซุปเปอร์มาเก็ตโอลี่ (สำหรับซุปเปอร์มาเก็ตเท่านั้น) แล้วใช้ทั้งภาษามือและภาษาญี่ปุ่น จนอ้อยหวานพอจะเข้าใจได้ว่า ต้องซื้อของมากกว่าหนึ่งพันเยนถึงจะจอดที่นี่ได้

อ้อยหวาน… ง่วย!!! ขนาดจักรยานยังหาที่จอดไม่ได้เลย ว่าแล้วก็ตัดสินใจเข็นจักรยานเข้าตลาด ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องวกกลับมา

 

 

ตลาดนิชิกิ (Nishiki) เป็นตลาดเก่าแก่และสำคัญของเกียวโต ตลาดเริ่มขึ้นในปี 1310 เป็นตลาดขายส่งปลา หลังจากนั้นก็มีร้านค้ามาเปิดเพิ่มขึ้นมากมาย ทำให้ตลาดนิชิกิเปลี่ยนจากตลาดขายส่งมาเป็นตลาดร้านค้าปลีก

 

 

ตลาดนิชิกิเป็นตลาดที่มีหลังคาคลุม มีความยาวประมาณ 400 เมตร มีร้านค้ามากกว่า 100 ร้าน มีร้านค้าขายของมากมายหลายชนิด แต่ที่มากที่สุดคือ ร้านขายผักดอง

อ้อยหวานขอกระซิบบอกดังๆ ว่า ผักดองของญี่ปุ่นนี่ อร่อยมากๆ เลย ไม่เค็มมากเหมือนของจีนและเกาหลี และมีมากมายหลายชนิด หลายแบบ หลายสี

 

 

ผักดองภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า ‘ซึตเกะโมะโนะ’ (tsukemono) เป็นอาหารที่สำคัญของญี่ปุ่น ในแต่ละมื้อจะต้องมีผักดองอย่างน้อยหนึ่งอย่าง วัสดุที่ใช้ในการดองผักมีหลายอย่างเช่น ดองเกลือ ดองด้วยรำข้าว ดองด้วยคะซุซุเกะ (kasuzuke) ส่วนผสมที่เหลือจากการทำเหล้าสาเก ดองด้วยซอสถั่วเหลืองญี่ปุ่น ดองด้วยน้ำส้มสายชู และดองด้วยมิโซะ (Miso) ถั่วเหลืองหมักของญี่ปุ่น ระยะเวลาและกรรมวิธีก็แตกต่างกัน เสียดายที่ทั้งตลาดไม่มีภาษาอังกฤษกำกับไว้เลย อ้อยหวานเลยบอกไม่ได้ว่าผักดองแต่ละอย่างดองกับอะไร แต่บอกได้ว่าอร่อยทุกอย่าง ชิมมาแล้ว

 

 

ดูดิ..มีผักอะไรบ้าง แต่คิดว่าหัวไชเท้ามีมากที่สุด

 

 

อีกร้านหนึ่ง มีมันฝรั่งดองด้วย

 

 

ไชเท้าดอง..อายุน้อย

 

 

ไชเท้าดอง..ปานกลาง

 

ไชเท้าดอง..อายุมาก

 

 

ไชเท้าดอง..แก่งั๊ก

 

 

ทายสิว่านี่คืออะไร อ้อยหวานพยายามถามคนขายว่ามันคืออะไร แต่ไม่มีใครพูดภาษาอังกฤษได้

 

 

ดูกันชัดๆ มาเป็นอ่างเลย อันนี้ไม่มีไว้ให้ลองชิม อ้อยหวานคิดว่าเป็นแตงหรือฟักชนิดหนึ่งดองด้วยคะซุซุเกะ (kasuzuke) คือส่วนผสมที่เหลือจากการทำเหล้าสาเก อ่านและชมรูปภาพอีกมากมายได้ที่ได้ที่ลิงค์ข้างล่างค่ะ

อยากถือชามข้าวไปชิมผักดองที่นิชิกิ

 

 

มาดูผักสดกันบ้าง ผักสดและผลไม้ที่ญี่ปุ่นราคาค่อนข้างสูง หัวที่เหมือนแครอทเล็กๆ สีดำหัวหนึ่งตั้งเกือบเจ็ดสิบบาท

 

 

หน่อไม้มีหลายชนิดหลายขนาด

 

 

สาร่ายสดจานละ 300 เยน ประมาณ 100 บาท

 

 

ร้านขายปลาสดขายจะหมดแล้ว เริ่มเก็บของกัน ปลาหมึกจานตรงกลางอร่อยมาก

 

 

ไข่เต็มท้องเลยละ เสร็จอ้อยหวานไปสองไม้ๆ ละ 100 เยน สามสิบกว่าบาท

 

 

อีกร้านหนึ่งขายปลาหมึกที่อ้อยหวานตามหา อ่านและชมรูปภาพอีกมากมายได้ที่ได้ที่ลิงค์ข้างล่างค่ะ

ตามล่าหาปลาหมึกที่ตลาดนิชิกิ

เสร็จอ้อยหวานไปหนึ่งไม้ ราคาค่อนข้างสูง ไม้ละ 300 เยน เก้าสิบกว่าบาท เป็นปลาหมึกแบบหวาน หัวยัดไส้ด้วยไข่นกกระทาต้ม รสชาติโอเคแบบหวานๆ  

 

 

ร้านขาย ‘ทะมะโกะยะกิ’ (Tamagoyaki) ไข่ม้วนหรือไข่หวานญี่ปุ่น มีให้เลือกหลายแบบ

 

 

ร้านนี้ขายลูกชิ้นทอด

 

 

ร้านขายชาแห้ง มีทั้งชาเขียวและชาดำ

 

 

ร้านขายขนมญี่ปุ่น ที่เห็นเหมือนลูกชิ้นปิ้งคือ ขนมดังโกะ (Dango) ทำจากแป้งข้าวเหนียวผสมกับน้ำ นวดให้เข้ากัน แล้วปั้นเป็นลูกกลมๆ นำไปนึ่ง แล้วเสียบไม้ปิ้งให้หอม ราดด้วยน้ำเชื่อมที่ใส่ซอสถั่วเหลือง หวาน เค็ม มัน อ้อยหวานชอบมาก ซื้อกินบ่อยๆ

 

 

ขนมโมจิแบบต่างๆ (Mochi) สีขาวตรงกลางเป็นแบบใส่ถั่วแดงเป็นเม็ดๆ ขนมโมจิจะทำจากข้าวหุงสุก นำไปโขลกหรือตำในครกไม้ให้เนียนเป็นเนื้อเดียวกัน ขนมโมจิมีมากมายหลายชนิด

 

 

พวกนี้ก็ขนมโมจิเหมือนกัน เป็นแบบแห้งเก็บไว้ได้นานหลายวัน เวลากินก็เอามาปิ้งให้หอม แล้วโรยน้ำตาลทรายแดง ส่วนสีขาวที่เป็นแท่งใช้ใส่ในน้ำซุป

 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่อง ‘เมืองเกียวโต’ ในตอนต่อไป

 

อ่านอ้อยหวานเล่าเรื่องญี่ปุ่น ตอนแรกๆได้ที่นี่่ค่ะ

โปสการ์ดจากญี่ปุ่น

4 อาทิตย์ที่ดินแดนอาทิตย์อุทัย

ดอกซากุระสุดท้ายของปี

ปั่นจักรยานกลางเมืองโตเกียว..เป็นไปได้และสนุกสุดๆ

ธรรมชาติ ศาสนา ศรัทธา รวมกันเป็นความงามที่โดดเด่น

ลืมเธอไม่ลง..คามาคุระ ตอน 1

ลืมเธอไม่ลง..คามาคุระ ตอน 2

ลืมเธอไม่ลง..คามาคุระ ตอน 3

เกียวโต..เมืองหมื่นวัดและศาลเจ้า

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

 

 

ชมเมืองเกียวโต..บนจักรยาน

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

 

 

สายลมปะทะหน้า

ฉันพาตัวเองไปสู่โลกกว้าง

สองเท้าและสองล้อเคียงคู่กัน

ไม่มีสิ่งใดขวางกั้น ฉันและโลกรอบตัว

 

 

การเที่ยวชมเมืองกับจักรยาน เปิดโอกาสให้เราสัมผัสกับสถานที่นั้นอย่างลึกซึ้ง รับรู้ลักษณะของภูมิประเทศ สูดกลิ่นไอของท้องถิ่น ได้สัมผัสและเก็บรายละเอียด ดอกไม้ริมทาง บ้านเรือน ผู้คน สายน้ำ เด็กน้อย

สถานที่ท่องเที่ยวของทุกสถานที่ทุกประเทศ แม้จะยิ่งใหญ่ โอ๋อ่า งดงามเพียงใด แต่ยังรู้สึกเหมือนไร้ชีวิต ยิ่งในปัจจุบันยิ่งไร้ชีวิตมากขึ้น เพราะรู้สึกเหมือนฉากละคร ผู้คนมากมายแย่งกันดู แย่งกันชม แล้วก็โดนต้อนเข้าร้านค้าซื้อของที่ระลึก เราได้สัมผัสสถานที่แห่งนั้นจริงๆ หรือ?

 

 

สำหรับอ้อยหวาน..สองล้อและสองขา ได้พาตัวเองไปสัมผัสเกียวโต ที่อ้อยหวานคิดว่าเป็นเกียวโตจริงๆ ไม่ใช่ฉากที่จัดให้คนต่างถิ่นชม อ้อยหวานได้พาตัวเองไปที่ที่ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว ชมศาลเจ้าและวัดเล็กที่แอบซ่อนตรงซอกมุม ซอกแซกไปตามซอกตามซอย ไปกับจักรยาน ไร้มลภาวะทั้งทางเสียงและทางอากาศ ผ่านมาแล้วผ่านไปไร้ร่องรอย เก็บมาแต่ภาพและความทรงจำ นึกถึงทีไร บรรยาศทุกอย่างผุดโผล่มาในความทรงจำ เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง

 

 

ชานเมืองเกียวโต ที่มีชื่อว่า ‘อะระชิยะมะ’ (Arashiyama) ตั้งอยู่ติดภูเขาทางทิศตะวันตกของใจกลางเกียวโต แถวนี้น่าเที่ยวมาก ที่นี่จะมีจักรยานให้เช่า และรถลากแบบญี่ปุ่นพาเที่ยวชนบทอย่างช้าๆ

 

 

คนลากรถเป็นทั้งเครื่องยนต์และไกด์ แถมเป็นคนที่นี่จริงๆ บอกเล่าเรื่องราวของจริง นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นจะอุดหนุนกันมาก ซึ่งเป็นข้อดีที่น่ายกย่องและเลียนแบบ เป็นการช่วยเหลือเศรฐกิจท้องถิ่น และถือว่าเป็นการท่องเที่ยวเพื่อโลกสีเขียวจริงๆ แต่คนลากรถส่วนใหญ่จะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ หรือได้น้อย อ้อยหวานยืนแอบดูและแอบฟังอยู่นาน แม้จะฟังไม่รู้เรื่อง แต่ก็รู้สึกถึงความสนุกสนานกันทั้งไกด์ทั้งนักท่องเที่ยว

รถลากทุกคันจะมีม้านั่งตัวเล็กๆ สำหรับให้แขกก้าวขึ้นลงรถ มีผ้าคลุมตักไว้ให้แขก และมีตระกร้าสำหรับเก็บขยะ

 

 

ที่ญี่ปุ่นหาถังขยะสาธารณะได้ยากมาก ทุกๆ วันอ้อยหวานต้องเก็ษขยะของตัวเองกลับไปทิ้งที่ที่พัก แต่ดูดิไม่มีเศษขยะตามท้องถนนเลย

 

 

บ่อยครั้งที่ได้ไปพบเจอวัดเล็กๆ ที่เงียบสงบ ไม่มีนักท่องเที่ยว ไม่ต้องเสียค่าเข้าชม แต่ก็ยังสวยสมให้แวะชม ปั่นจักรยานเที่ยวเท่านั้นที่จะได้พบเจออย่างนี้

อ่านเวอร์ชั่นที่มีรายละเอียดการท่องเที่ยวได้ที่ลิงค์ข้างล่างค่ะ

กินลมชมวิว อะระชิยะมะ กับจักรยาน

 

 

พากลับเข้าเมืองมาปั่นจักรยานเลียบแม่น้ำคะโมะกันค่ะ แม่น้ำคะโมะเป็นแม่น้ำที่ไหลจากภูเขาทางเหนือไปทางใต้ และไหลผ่านใจกลางเมืองเกียวโต ทั้งสองฝั่งแม่น้ำจะมีทางเดินและทางจักรยาน กล้องถ่ายรูปของอ้อยหวานมีความชื้นอยู่ในเลนส์ เพราะปั่นจักรยานตากฝนในวันก่อนหน้านี้ จะมีเงาดำๆ ให้เห็นหากเป็นท้องฟ้าสีใสๆ อย่างนี้ ภาพในระยะหลังจึงมัวๆ และมีรอยด่างดำ

 

 

ร้านอาหารริมน้ำมีอยู่หลายร้านมาก ช่วงค่ำๆ คงจะติดไฟกันสวยงาม

 

 

โรงละคร ‘มินะมิ-ซะ’ (Minami-za) โรงละครคาบูกิเก่าแก่ของเกียวโต สร้างขึ้นในปี 1929  

 

 

ริมแม่น้ำคะโมะมีนกให้ชมมากมาย โดยเฉพาะนกกระเรียน ทั้งๆ ที่อยู่กลางเมือง มีทั้งคนเดินและปั่นจักรยานผ่านไปมาอยู่ตลอดเวลา ชายคนนี้กำลังให้อาหารนกพิราป จู่ๆเจ้านกกระเรียนก็มาแจม ทำตัวเนียนเป็นนกพิราปไปด้วย รอบข้างก็มีเด็กๆวิ่งเล่นอยู่เต็ม

 

 

น้ำในแม่น้ำคะโมะตื้นและสะอาดใสแจ๋วเลย เด็กๆ ลงเล่นน้ำกันสนุกสนาน เกียวโตเป็นเมืองที่มีเขาล้อมรอบ เมื่อวานฝนตกอากาศเย็นเจี๊ยบ วันต่อมาแดดออกและร้อนมากๆ ก็เลยได้เห็นภาพเด็กๆเล่นน้ำ เด็กบางกลุ่มมีสวิงอันเล็กในมือ วิ่งไล่จับปลากันสนุกสนาน

 

 

ตรงจุดที่แม่น้ำสองสายไหลมารวมกัน จะมีทางข้ามแม่น้ำที่ทำขึ้นให้เหมือนกับเป็นก้อนหิน มีผู้คนเดินผ่านไปมากันตลอด อ่านเวอร์ชั่นที่มีรายละเอียดการท่องเที่ยวได้ที่ลิงค์ข้างล่างค่ะ

ปั่นจักรยานชมแม่น้ำคะโมะ เกียวโต

 

 

อีกวันหนึ่งเข็นจักรยานขึ้นรถไฟไปชมเมืองสองเมืองที่อยู่ไม่ไกลจากเกียวโต นั่งรถไฟแค่สี่สิบนาทีก็ถึงเมืองโอะซึต (Otsu) แล้วปั่นจักรยานเลียบน้ำซึ่งเป็นปากน้ำจากทะเลสาบบิวะ (Biwa) ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น เพื่อไปชมวัดอิชิยะมะ-เดะระ (Ishiyama-dera)

 

 

เป็นเส้นทางจักรยานที่มีวิวสวยมากและมีดอกไม้ริมทางมากมาย อ้อยหวานได้เห็นผู้คนมากมายออกมาชื่นชมธรรมชาติริมน้ำ ปั่นจักรยานผ่านโรงเก็บเรือแคนูและสโมสรพายเรือหลายแห่ง

 

 

วัดอิชิยะมะ-เดะระ เป็นวัดใหญ่มีอาณาเขตกว้างขวาง และมีสวนที่สวยอีกวัดหนึ่ง อ้อยหวานไปถึงที่วัดแต่เช้า คนน้อยเดินชมวัด ชมสวนสบายๆ

 

 

สวนไอริสของวัดอิชิยะมะ-เดะระ

อ่านเวอร์ชั่นที่มีรายละเอียดการท่องเที่ยวได้ที่ลิงค์ข้างล่างค่ะ

วัดอิชิยะมะ-เดะระ เพรชน้ำหนึ่งของ เมืองโอะซึต

 

 

วิวจากเนินเขาของวัดอิชิยะมะ-เดะระ

 

 

จากนั้นก็ปั่นกลับไปขึ้นรถไฟไปชมเมืองที่อยู่ถัดไป เมืองโอะมิฮะชิมาน (Omihachiman) ออกจากสถานีรถไฟเมืองโอะมิฮะชิมาน แล้วปั่นจักรยานไปอีก 3 กิโลเมตรก็ไปถึงย่านเมืองเก่า

 

 

คลองที่ไหลผ่านเมืองเก่า

 

 

ศาลเจ้าใหญ่ของเมืองโอะมิฮะชิมาน ก่อนหน้านี้หนึ่งวัน (5 พฤษภาคม) เป็นวันเด็กและวันแม่ของญี่ปุ่น หนึ่งในวันหยุดที่สำคัญใน ‘สัปดาห์ทอง’ (Golden week) วันหยุดยาวสุดของปี ในอดีตวันที่ 5 พฤษภาคมนี้ เป็นวันเด็กผู้ชาย และวันที่ 3 มีนาคมเป็นวันเด็กผู้หญิง ต่อมาในปี 1948 รัฐบาลได้กำหนดให้เป็นวันหยุดประจำชาติ เป็นวันของเด็กทุกคน และเป็นการแสดงความกตัญญูต่อแม่ทุกคน

ว่าวหรือธงรูปปลาคาร์ฟ ‘โคะอิโนะโบะริ’ (Koinobori) ปลาคาร์ฟ ถือเป็นปลาที่แข็งแรง มีความเชื่อมาจากตำนานจีนว่า ปลาคาร์ฟนั้นสามารถว่ายทวนกระแสน้ำและกลายเป็นมังกร ชาวญี่ปุ่นจึงเอามาเป็นสัญลักษณ์ของเด็กผู้ชาย

 

 

ย่านเมืองเก่าของเมืองโอะมิฮะชิมานน่าปั่นจักรยานเที่ยวมาก ถนนเล็กๆ มีรถวิ่งน้อยมาก วัดเล็กๆ ที่อ้อยหวานไปพบเจอ

 

 

ศาลเจ้าเล็กๆ ที่ไปพบเจอ

 

 

ศาลเจ้าเล็กๆ ที่ไปพบเจอ

อ้อยหวานปั่นจักรยานไปตามซอกเล็กซอยน้อยจนปรุ และหลงทาง ต้องหยุดถามทางกับคนญี่ปุ่นถึง 13 คน เพื่อกลับไปที่สถานีรถไฟ

 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่อง ‘เมืองเกียวโต’ ในตอนต่อไป

 

อ่านอ้อยหวานเล่าเรื่องญี่ปุ่น ตอนแรกๆได้ที่นี่ค่ะ

โปสการ์ดจากญี่ปุ่น

4 อาทิตย์ที่ดินแดนอาทิตย์อุทัย

ดอกซากุระสุดท้ายของปี

ปั่นจักรยานกลางเมืองโตเกียว..เป็นไปได้และสนุกสุดๆ

ธรรมชาติ ศาสนา ศรัทธา รวมกันเป็นความงามที่โดดเด่น

ลืมเธอไม่ลง..คามาคุระ ตอน 1

ลืมเธอไม่ลง..คามาคุระ ตอน 2

ลืมเธอไม่ลง..คามาคุระ ตอน 3

เกียวโต..เมืองหมื่นวัดและศาลเจ้า

เดินชมตลาดนิชิกิ..สุดยอดตลาดของเกียวโต

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

 

 

 

ชมสวนสวย..สวนพฤษศาสตร์เมืองเกียวโต

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

 

 

คนที่ชอบต้นไม้ดอกไม้อย่างอ้อยหวาน ไปเที่ยวที่ไหนก็ต้องเช็คดูก่อนว่าที่ที่แวะไปนั้นมีสวนหรือไม่ ถ้ามีอยู่ก็จะขีดเส้นใต้ไว้ว่าเป็นที่ที่จะต้องแวะไป สวนพฤษศาสตร์เมืองเกียวโต (Kyoto Botanical Garden) ก็เช่นกันโดนทั้งขีดเส้นใต้และเติมดาวไว้หลายดวงกันพลาด ทั้งที่รู้ว่าคนต้องเยอะมากๆ แต่พลาดไม่ได้แน่นอน

 

 

สวนพฤษศาสตร์เมืองเกียวโต (Kyoto Botanical Garden) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1924 ได้เก็บรักษาพืชพันธ์ไว้ถึง 120,000 ต้น 12,000 ชนิด มีอาณาเขต  240,000 ตารางเมตร สวนดอกไม้ที่เด่นๆ และมีอยู่มากมายหลายต้นเช่น สวนต้นซากุระ (จะออกดอกในช่วงเดือนมีนาคม) สวนเมเปิ้ลญี่ปุ่น สวนคามิเลีย (จะออกดอกในช่วงเดือนเมษายน)

 

 

ช่วงที่อ้อยหวานไปต้นเดือนพฤษภาคม สวนโรโดเดนดรอน (Rhododendron) หรือกุหลาบพันปี กำลังเบ่งบานออกดอกกันเต็มที่ อย่างชนิดที่ว่าแทบจะบดบังรัศมีของดอกไม้อื่นๆ

 

 

ดูดิแต่ละกิ่งดอกแทบล้นชนิดที่ว่ากิ่งเกือบหัก

 

 

โรโดเดนดรอน (Rhododendron) หรือกุหลาบพันปีที่สวนนี้มีอยู่มากมายหลายสี แต่ละสีก็งดงามแตกต่างกัน เป็นพืชตระกูลใหญ่มีทั้งหมด 1,024 สายพันธ์ และอาจจะมีลูกผสมอีกมากมาย

 

 

ชื่อ โรโดเดนดรอน (Rhododendron) มาจากภาษากรีกโบราณ โรดอน (rhodon) แปลว่า กุหลาบ และเดนดรอน (DENDRON) แปลว่า ต้นไม้

ขอบคุณ ข้อมูลจาก  WIKIPEDIA

 

 

เป็นพันธ์ไม้ที่พบมากในแถบภูเขาสูงของทวีปเอเชีย

 

 

วิกิพิเดียบอกว่า โรโดเดนดรอนพันธ์ดั้งเดิมจะมีอับเรณูหรือก้านเกสรตัวผู้ (anther) เพียงห้าอันเท่านั้น แสดงว่าโรโดเดนดรอนในสวนนี้เป็นพันธ์ลูกผสมทั้งนั้น

 

 

เป็นสีชมพูที่สวยมาก

 

 

ต้นนี้ดอกตูมจะมีสีชมพูส้ม แต่พอบานแล้วกลายเป็นชมพูอ่อนจนเกือบขาว

 

 

สีแดงก็มี แต่กล้องถ่ายรูปของอ้อยหวานเก็บสีแดงออกมาไม่สวย

 

 

ถ้าดูดีๆ แล้วจะเห็นว่าแต่ละต้นไม่เหมือนกันเลย เช่นสีชมพู ลักษณะของกลีบดอก จุดแต้มในดอก ดอกตูมจะแตกต่างกัน

 

 

ชมพูหวาน

 

 

ชมพูเรื่อ มีจุด

 

 

ชมพูจางมีจุดเข้ม

 

 

ชมพูขาวไร้จุด

 

 

สวรรค์สีชมพู แล้วต้นนี้ก็หอมมากๆ ด้วย

 

 

ทีนี้รู้แล้วยังว่าอ้อยหวานจมแช่อยู่ตรงไหนในสวน กว่าจะย้ายตัวเองไปบริเวณอื่นของสวนก็ใช้เวลานานโข แต่ยังไม่นานเท่าลุงท่านนี้ และผู้สูงอายุชาวญี่ปุ่นอีกหลายๆ ท่านที่มานั่งวาดรูปสีน้ำกันเป็นกลุ่ม เห็นได้บ่อยมากตามที่สวยๆ ทั่วญี่ปุ่น อ้อยหวานยังคิดอยากไปเรียนวาดรูปสีน้ำ อายุมากๆ แล้วจะออกตะลอนไปนั่งวาดรูปอย่างนี้ แก่แล้วให้นั่งจับเจ่าดูทีวี หรือเลี้ยงหลานอยู่กับบ้าน นั่นไม่ใช่อ้อยหวานแน่นอน

 

 

จิตรกรแต่ละท่านฝีมือดีวาดรูปสวยๆ กันทั้งนั้น

 

 

มีความตั้งใจ และขะมักเขม้นมาก

 

 

อีกทั้งผ่อนคลายไปในตัว ลุงไม่ได้นั่งหลับหรอกนะ

 

 

ลุงท่านนี้นั่งวาดรูปริมสระน้ำในสวนเมเปิ้ลญี่ปุ่น ในสระมีนกมากมายหลายชนิด เป็นสวนที่ร่มรื่นและสวยงามมาก เมเปิ้ลญี่ปุ่นมีสีเขียวที่สวยจริง และในฤดูใบไม้ร่วงก็จะเป็นสีแดงที่สวยมากๆ

 

 

ทีนี้เชื่อแล้วยังว่า ในสวนมีจิตรกรเยอะมากๆ

ในสวนยังมีพันธ์ไม้อื่นๆอีกมากมาย และแน่นอนต้องมีร้านขายต้นไม้ แต่คงจะต้องเป็นบล็อกหน้าค่ะ

 

อ่านเวอร์ชั่นที่มีรายละเอียดการท่องเที่ยวได้ที่ลิงค์ข้างล่างค่ะ

ชมสวนสวย..สวนพฤษศาสตร์เมืองเกียวโต หลงอยู่ในดงกุหลาบพันปีและพันธ์ไม้นานาชนิด

 

อ่านอ้อยหวานเล่าเรื่องญี่ปุ่น ตอนแรกๆได้ที่นี่ค่ะ

โปสการ์ดจากญี่ปุ่น

4 อาทิตย์ที่ดินแดนอาทิตย์อุทัย

ดอกซากุระสุดท้ายของปี

ปั่นจักรยานกลางเมืองโตเกียว..เป็นไปได้และสนุกสุดๆ

ธรรมชาติ ศาสนา ศรัทธา รวมกันเป็นความงามที่โดดเด่น

ลืมเธอไม่ลง..คามาคุระ ตอน 1

ลืมเธอไม่ลง..คามาคุระ ตอน 2

ลืมเธอไม่ลง..คามาคุระ ตอน 3

เกียวโต..เมืองหมื่นวัดและศาลเจ้า

เดินชมตลาดนิชิกิ..สุดยอดตลาดของเกียวโต

ชมเมืองเกียวโต..บนจักรยาน

 

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

 

 

 

 

Viewing all 244 articles
Browse latest View live