Sunshine is delicious, rain is refreshing, wind braces us up, snow is exhilarating; there is really no such thing as bad weather, only different kinds of good weather.

John Ruskin

แสงแดดให้สัมผัสที่น่ารื่นรมย์..สายฝนแสนที่จะสดชื่น

สายลมทำให้จิตใจเรามีพลัง..หิมะตกช่างน่าตื่นเต้นเร้าใจ

ที่จริงแล้ว ‘สภาพอากาศไม่ดี’   นั้นไม่มี มีแต่  ‘สภาพอากาศดี’  ที่แตกต่างกัน

กลับจากเมืองไทย โผล่หน้าออกจากเครื่องบิน  อ้อยหวานก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น (แบบหนาวๆ) จากเพื่อนรัก ที่เจอกันทุกปี  ‘หิมะ’ ของแคนนาดา ทั้งหนาทั้งนุ่ม เพื่อนมารออยู่ตั้งอาทิตย์กว่า มาในรูปพายุหิมะ โครมเดียวเอาไปเลย 2 ฟุตครึ่ง ทำให้สนามบินปิดกันเป็นแถว

ถนนหน้าบ้านของอ้อยหวานตอนนี้ ก็สวยไปอีกแบบ

อากาศอย่างนี้แน่นอนปั่นจักรยานไม่ได้  แต่ก็มีอย่างอื่นมาทดแทน สนุกไม่แพ้กันเลย

กิจกรรมในฤดูหนาวของคนที่นี่ มีหลายอย่างเช่น การเล่นสกี สเก็ตน้ำแข็ง สโนว์ชูว์ (การเดินป่าหรือเดินเที่ยวด้วยรองเท้าหิมะ) สโนว์บอร์ด และ สเลด.. แคร่หรือรถเลื่อน (sled)  

ส่วนอ้อยหวานนั้นชอบเล่นสกีทุ่งหรือสกีพื้นราบ

สกีมีอยู่ 2 แบบคือสกีภูเขา (Down Hill Ski) และสกีทุ่งหรือสกีพื้นราบ (Cross Country Ski) สกีภูเขาต้องขับรถไปเกือบชั่วโมง เป็นสกีที่นิยมเล่นกันมาก เพราะสนุกอย่างโลดโผน ต้องนั่งกระเช้าขึ้นไปบนเขาสูง แล้วสกีลงมา สนุกแบบนี้ อ้อยหวานไม่ถนัดค่ะ

สกีทุ่งหรือสกีพื้นราบนั้นเล่นง่ายมาก แค่ใส่รองเท้าสกี เหยียบให้ล็อคติดกับสกี แล้วไปโลด! รองเท้าสกีจะมีเหล็กกลมตรงปลายเท้า ส่วนตัวล็อคนั้นจะติดอยู่บนสกี

สกีและที่ขาดไม่ได้คือไม้เท้าสกี สกีทุ่งจะหุ่นเพรียวเรียวเล็กกว่าสกีภูเขา

เมืองออตตาวามีป่าล้อมเมือง ที่เขาเรียกว่า เข็มขัดเขียว ..กรีนเบ้ล (Greenbelt) เป็นป่าปลูกเมื่อ 40-50 ปีก่อน ที่มีชื่อว่ากรีนเบ้ล เพราะเป็นรูปวงแหวนล้อมเมืองออตตาวาทั้งเมือง ในฤดูร้อนใช้เป็นที่เดินป่าชมธรรมชาติ ฤดูหนาวใช้เป็นที่เล่นสกีทุ่งหรือสกีพื้นราบ และสโนว์ชูว์ เปิดให้ชาวประชาเข้าฟรี ไม่ต้องเสียตังส์

จากบ้านขับรถไป 15 นาทีก็ถึงแล้ว ป่ากรีนเบ้ล บางช่วงจะเป็นป่าต้นโอ๊คและเมเปิล

บางช่วงจะเป็นทุ่งหญ้าโล่ง  ในฤดูร้อนจะมีเบอรรี่และดอกไม้ป่าขึ้นกันเต็ม

ป่าช่วงจะนี้เป็นสนต้นใหญ่อีกฝั่งเป็นเมเปิล

เส้นทางสกีคดเคี้ยว หลายเส้นทาง แต่ละแยกจะมีป้ายบอกทางกำกับไว้อย่างชัดเจน

บ้านให้อาหารนกมีอยู่หลายจุด บางครอบครัวจะพาเด็กๆมาเดินเล่น ดูนก ชมไม้กัน

ท่ามกลางแมกไม้ ไอหมอก อากาศบริสุทธิ์ ได้เติมพลังและความสดชื่นคืนสู่ร่างกาย ..

ในวันทำงานของคุณผู้ชาย อ้อยหวานก็จะออกไปสกีคนเดียว ในป่าใกล้บ้าน ต้องแบกสกีออกจากซอย และข้ามถนนใหญ่ ดีที่สกีน้ำหนักเบา ถนนใหญ่จะสะอาดสะอ้าน เก็บกวาดหิมะเรียบร้อยกว่าถนนในซอย

ที่จริงก็ไม่เชิงป่าเท่าไรค่ะ  แต่ต้นไม้ก็เยอะเหมือนกัน มีทั้งทางสกีและทางเดิน

มีลอดใต้มีเสาโครงเหล็กด้วย

เวลาไปคนเดียว อ้อยหวานก็จะใช้เวลาเก็บรูปข้างทาง ไม่ต้องเกรงใจใคร ใบไม้ใบหญ้าส่องไปเรื่อย

ผ่านโรงเรียนที่ลูกเคยเรียนตอนอยู่ชั้นประถม ช่วงเวลาพักพอดี เด็กๆที่นี่ชอบเล่นหิมะมาก

จากจุดเริ่มต้นไปจนสุดระยะทางประมาณ 2 กิโลกว่า ไปกลับ 5 กิโล เดินแบกสกีอีกครึ่งกิโล มาถึงบ้าน ได้เหงื่อดีจริงๆ

วันไหนที่ไม่ได้ออกไปสกี ก็จะปั่นจักรยานในสวน สวนน้อยๆในบ้าน ก็พอใช้ได้ มีสีเขียวๆให้ชื่นชม ให้ความสดชื่นได้เหมือนกัน

การออกกำลังกายเป็นยาวิเศษจริงๆ ..ยารักษากาย ..เพิ่มพลังใจ...

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

ขอบคุณค่ะ

อ้อยหวาน

บล็อกนี้ขึ้นชื่อไว้โรแมนติค หวานแว๋ว แต่จริงแล้วไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคู่รัก หรือความรักเลยค่ะ แต่ในบล็อกมีตัวเอกเด่น คือ มะเขือเทศ นั่นเอง

ช่วงนี้ที่บ้านได้รับแคตตาล็อกเมล็ดพันธ์พืชผัก มา 2-3 เล่ม ทุกครั้งที่เปิดไปถึงหน้ามะเขือเทศ ต้องตื่นตาตื่นใจ เหมือนเด็กเปิดดูแคตตาล็อกของเล่น มีพันธ์แปลกๆ ใหม่ๆ ให้น้ำลายไหล

มะเขือเทศ จาก สวนอ้อยหวาน

คุณผู้ชายที่บ้านชอบปลูกมะเขือเทศมาก เธอมีความสุขที่สุดที่ได้กินแซนด์วิชมะเขือเทศสดๆ จากต้น ทุกๆ ปีจะปลูกมะเขือเทศไว้หลายต้น และมีมากจนเกินพอ ต้องแจกจ่ายอยู่เสมอ

แอปเปิ้ลแห่งความรัก จาก ตลาดนัด..โปรวองซ์

คำว่า tomato ที่แคนนาดาและอเมริกาออกเสียงว่า  “โทเมโท่” แต่ที่อังกฤษออกเสียงว่า “  โทมาโท่”  คือ มะเขือเทศ

มาจากชาวแอซเท็ก ชาวอินเดียนโบราณในในเปรู เรียกมะเขือเทศว่า  xitomatl..อิโทมอล?? ซึ่งแปลได้ความว่า "ลูกไม้อวบอิ่มที่มีสะดือ"

แอปเปิ้ลแห่งความรัก จาก ตลาดนัด..โปรวองซ์

ต่อมาชาวสเปนได้นำมะเขือเทศไปเผยแพร่ที่ยุโรบ ชาวฝรั่งเศสขนานนามมะเขือเทศว่า..แอปเปิ้ลแห่งความรัก  (the apple of love) ชาวเยอรมันขนานนามว่า..แอปเปิ้ลแห่งแดนสุขาวดี  (the apple of paradise)

ชื่อทางพฤกษศาสตร์ของมะเขือเทศ ซึ่งเป็นภาษากรีก  lycopersicon lycopersicum แปลว่า ลูกพีชหมาป่า

รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม

ในปี 1986 นายกอร์ดอน เกรแฮม แห่งโอคลาโฮมา  สหรัฐอเมริกา ได้ปลูกมะเขือเทศที่หนักที่สุดในโลก ชั่งได้ 3.51 กิโลกรัม นายกอร์ดอนหั่นมะเขือเทศลูกนี้  ทำแซนวิชมะเขือเทศ ให้สมาชิกในครอบครัวทั้ง 21 คนกิน อืม..ใหญ่จริงๆ

แต่อ้อยหวานหารูปจริงไม่ได้ค่ะ เลยเอารูปข้างบนมาลงแทน

ต้นมะเขือเทศที่สูงที่สุดในโลก บันทึกไว้ในปี 2000 สูงถึง 19.8 เมตร ปลูกโดยบริษัท Nutriculture Ltd. แลงคาเชียร์ ประเทศอังกฤษ หารูปไม่ได้เช่นกันค่ะ

ในปี 2010 สวนสนุกเอ็ปคอท ดิสนีย์เวิลด์ (Epcot Theme Park ,Disney World)ออร์แลนโด ฟลอริด้า ได้ปลูกมะเขือเทศ ที่ได้รับรางวัลกินเนสส์  ว่าเป็นต้นมะเขือเทศที่ออกผลมากที่สุดในโลก (ใน 1 ปี) 32,000 ลูก โดยใช้เทคนิคการกราฟติ้งต้นแบบจากประเทศจีน คือจ้างคนจีนมาทำให้นั่นเอง

เมืองคอลลิน อิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา ได้สร้างแท้งค์น้ำเป็นรูปขวดซอสมะเขือเทศ แล้วติดอันดับเสียด้วย ถือว่าเป็นขวดซอสมะเขือเทศ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

เทศกาลมะเขือเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก จัดขึ้นที่เมืองบูโยล (Buñol) สเปน มีชื่อว่าเทศกาล ลา โทมาทิน่า (La Tomatina ) จัดขึ้นทุกวันพุธสุดท้ายของเดือนสิงหาคม  

ในทุกๆ ปีจะมีผู้เข้าร่วมเทศกาล ลา โทมาทิน่ากว่า 40,000 คน เพื่อเล่นโยนมะเขือเทศใส่กัน หมดมะเขือเทศไป 115,000 กิโลกรัม

ส่วนมากจะเป็นวัยสนุก  ซึ่งเขาก็สนุกกันมากมาย แต่เสียดายมะเขือเทศ จังเลย…

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่อง…แอปเปิ้ลแห่งความรัก.. แอปเปิ้ลแห่งแดนสุขาวดี หรือ ลูกพีชหมาป่าในตอนต่อไป

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่นี่ค่ะ

http://www.tomatodirt.com/

https://www.facebook.com/catsupbottle

http://thephotogardenbee.com/2010/01/03/disneys-epcot-greenhouses-are-amazing-part-i-the-land/

http://en.wikipedia.org/wiki/Tomato

I would like to Thanks everyone for all the resources for this blog. Thank you.

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

ขอบคุณค่ะ

อ้อยหวาน

 
วันนี้มาเล่าเรื่อง แอปเปิ้ลที่ไม่ใช่แอปเปิ้ล หรือ มะเขือเทศกันต่อค่ะ

ในอิตาลีเรียกมะเขือเทศว่า pomodoro.. โพโมโดโร่  ซึ่งมาจากคำว่า pomo d'oro แปลว่า แอปเปิ้ลทองคำ นั่นเอง

ขอบคุณ รูปภาพจาก wall.alphacoders.com

มะเขือเทศ มีสายพันธุ์ ประมาณ 7500 สายพันธุ์..เท่านั้นเอง!!!  และอย่างที่อ้อยหวานเกริ๋นไว้ในบล็อกก่อนหน้านี้ว่า  มีเมล็ดพันธ์มะเขือเทศ แปลกๆ ใหม่ๆ ออกมาขายอยู่ทุกปี

ดูออนไลน์แคตตาล็อกของบริษัทเมล็ดพันธ์ที่มีชื่อว่า จอนนี่ ซีเล็ก ซีดด์ (Johnny's Selected Seeds) ได้ที่นี่ค่ะ

http://www.johnnyseeds.com/

เวปไซด์ของเขาดีมากค่ะ มีความรู้ให้เก็บเกี่ยวมากมาย มีรูปผักสวยๆให้ดู ฝึกภาษาไปด้วยในตัว

อ้อยหวานขอขอบคุณรูปมะเขือเทศ ต่างๆ จากเวปไซด์ของ จอนนี่ ซีเล็ก ซีดด์ (Johnny's Selected Seeds)

สายพันธุ์มะเขือเทศมีมากมายจริงๆ อ้อยหวานอ่านและศึกษาดูแล้ว มะเขือเทศสามารถจัดสายพันธุ์ เป็นหมวดหมู่ต่างๆ ได้ดังต่อไปนี้

หมวดหมู่แรก แฮร์ลูม (Heirloom) และ ไฮบริด (Hybrid)

มะเขือเทศแฮร์ลูม (Heirloom) สายพันธุ์มะเขือเทศที่เป็นพันธุ์ดั้งเดิม ไม่มีการดัดแปลงพันธุ์ 

มะเขือเทศไฮบริด (Hybrid) เป็นสายพันธุ์มะเขือเทศลูกผสม มีปรับเปลี่ยน ดัดแปลงพันธุ์  เพื่อให้เหมาะกับสภาพดินฟ้าอากาศ และสำหรับในเชิงพาณิชย์

หมวดหมู่ที่ 2  ดีเทอร์มิเนท (Determinate) และ อินดีเทอร์มิเนท (Indeterminate)

มะเขือเทศพันธุ์ดีเทอร์มิเนทนิยมปลูกในเชิงพาณิชย์ เพราะสามารถเก็บเกี่ยวไปครั้งเดียว ไม่เสียเวลา ส่วนมะเขือเทศพันธุ์อินดีเทอร์มิเนท เหมาะกับปลูกในสวนตามบ้าน เพราะสามารถเก็บกินไปได้เรื่อยๆจนกว่าต้นจะตาย

หมวดหมู่ที่  3  แบ่งตามลักษณะรูปร่าง

มะเขือเทศแบ่งตามลักษณะรูปร่างได้ดังนี้

-รูปทรงกลม ลูกใหญ่

 -รูปทรงพลัม และแพร์ 

-รูปทรงเชอร์รี่  ผลเล็กกลม

-รูปทรงองุ่น

  มะเขือเทศเชอร์รี่ พันธุ์นี้เป็นรูปหัวใจ

มะเขือเทศพลัม (Plum Tomatoes) เปรียบเทียบขนาด บางพันธ์ยาวถึง 4 นิ้ว เป็นพันธุ์ที่มีเนื้อหนา ใช้ในการทำซอส

อ้อยหวานชอบทานมะเขือเทศพลัมบางชนิด เนื้อเยอะ น้ำน้อยดี

หมวดหมู่ที่  4  แบ่งตามสี

แดง ชมพู เหลืองหรือส้ม และอื่น ๆ เช่น ขาว  เขียว ม่วง  ดำ ลายด่าง ....

ยัง..ยังไม่หมด มะเขือเทศยัง แบ่งตามลักษณะรูปร่างของใบคือ มะเขือเทศที่มีใบแบบธรรมดาทั่วไป และ มะเขือเทศที่มีใบแบบคล้ายใบมันฝรั่ง ในรูปขวามือคือ มะเขือเทศที่มีใบแบบคล้ายใบมันฝรั่ง

ตารางมะเขือเทศแบบย่อๆ อ้อยหวานทำเป็นตัวอย่างให้ดูอยู่ 4 พันธุ์ คัดลอกจาก WIKIPEDIA

 ดูตารางมะเขือเทศ แบบเต็มๆ ได้ที่นี่ค่ะ

http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_tomato_cultivars

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่อง…แอปเปิ้ลที่ไม่ใช่แอปเปิ้ล ในตอนต่อไป

อ่านเรื่อง มะเขือเทศตอนแรก ได้ที่นีค่ะ

http://www.bansuanporpeang.com/node/27779

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่นี่ค่ะ

http://www.tomatofest.com/terminology_tomato.html

http://urbanext.illinois.edu/veggies/tomato.cfm

http://www.walnuthealthcare.com/251.html

http://joehewitt.com/

http://faq.gardenweb.com/faq/lists/tomato/2004111539004321.html

I would like to Thanks everyone for all the resources for this blog. Thank you.

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

ขอบคุณค่ะ

อ้อยหวาน

มะเขือเทศเป็น..ผลไม้..หรือผัก???  เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันมาช้านาน แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไร มะเขือเทศก็เป็นยอด.. ให้คุณค่าอาหารสุดยอด..

ขอบคุณ รูปภาพจาก wall.alphacoders.com

ที่บ้านอ้อยหวาน แต่ก่อนคุณผู้ชายจะซื้อต้นกล้าจากร้าน เพราะสะดวก มีขายตั้งแต่ขนาดเล็ก ไปจนถึง ขนาดโตติดดอกและลูกแล้ว แต่มีข้อเสียคือ มีให้เลือกน้อยพันธ์ และพันธ์ก็ซ้ำๆกันทุกปี ตอนหลังจึงซื้อเมล็ดพันธ์มาเพาะเอง เพาะไว้เยอะ จนเหลือมากมาย ได้แจกคนที่ทำงานทุกปี

 หน้าร้อนปีที่แล้ว เป็นปีแรกที่อ้อยหวานรับหน้าที่เพาะเมล็ดพันธ์ผักทั้งหมดเอง เพราะไม่ได้ทำงานแล้ว อ้อยหวานเพาะเมล็ดมะเขือเทศ 4-5 ชนิด ที่คุณผู้ชายสั่งซื้อจากอินเทอร์เน็ท มีอีกพันธ์หนึ่งมาเพิ่มคือพันธ์องุ่น ที่ซื้อมากินแล้วรสชาติถูกใจคนทั้งบ้าน เลยเก็บเมล็ดมาเพาะเอง ขอบอกว่าเพาะขึ้นง่ายทั้ง 2 แบบ

วิธีเพาะเมล็ดทุกชนิด อ้อยหวานเพาะบนกระดาษทิชชู่ชุ่มน้ำ ใส่ไว้ในกล่องพลาสติค หรือถุงซิปล็อก ส่วนของอ้อยหวานต้องใช้แผ่นทำความร้อนช่วยอบเมล็ดด้วย เพราะอยู่เมืองหนาว

รูปจากบล็อกเก่าของอ้อยหวาน

http://www.bansuanporpeang.com/node/25500

พอเมล็ดงอกรากก็นำมาปลูกในกระถางหรือกระป๋อง เพราะจะช่วยให้เรายกหนีทาก แมลง ฝน หรือควบคุมระดับความร้อน และความชุ่มชื้นได้ พอต้นกล้าแข็งแรงดี ต้นสูงสัก 7-8 นิ้ว ค่อยย้ายลงดิน

การปลูกต้นกล้ามะเขือเทศนั้น ต้องขุดหลุมให้ลึก ฝังต้นกล้าให้ลึกๆ ประมาณ 50 - 75% ของต้นกล้า ถึงแม้จะมีใบอยู่ก็ตาม

วิธีนี้ทำให้ต้นกล้า แตกรากมากขึ้น = ต้นใหญ่ขึ้น = ให้ผลมากขึ้น 

มะเขือเทศไม่ชอบการขาดน้ำ หรือแล้ง ใบจะหงิกงอทันที หากไม่มีเวลารดน้ำบ่อยๆ ก็ให้ใช้วิธีแบบในรูป หรือวิธีให้น้ำต้นไม้โดยใช้หม้อ..ไห..ดินเผา (Clay Pot System) จากบล็อกเก่าของอ้อยหวาน เป็นวิธีง่ายๆ แบบบ้านๆ ไม่ต้องใช้เทคโนโลยีเลย

http://www.bansuanporpeang.com/node/26231

และต้องให้น้ำซึมลงไปลึกๆ ให้ทั่วราก แต่มะเขือเทศไม่ชอบน้ำท่วม!!!

การให้น้ำมะเขือเทศนี้สำคัญ โดยเฉพาะสภาพอากาศร้อนและแห้ง ทำให้มีคนค้นคิด ถาดรดน้ำมะเขือเทศ มาผลิตขายเอาตังส์คนบ้า (ปลูก) มะเขือเทศ มีให้เลือกหลายแบบเลย

รู้ไหมจ้ะ!

ว่ามะเขือเทศปลูกในกระถางได้ดีด้วย หน้าร้อนที่แล้ว อ้อยหวานปลูกมะเขือเทศองุ่นใน ”กระถางอ่างเก็บน้ำ… SIP” (Sub-irrigated planter)เติบโตออกดอกออกลูกกันงามมากๆ ในขณะที่ต้นมะเขือเทศในสวนโดนทั้งทาก ทั้งเชื้อรา ในกระถาง  SIP ไม่มีปัญหาเลย

วิธีทำ ”กระถางอ่างเก็บน้ำ… SIP” (Sub-irrigated planter) ได้ที่บล็อกเก่าของอ้อยหวานที่นี่ค่ะ http://www.bansuanporpeang.com/node/26531

ใช้ได้ดีกับมะเขือเทศจริงๆ เพราะคุณไม่ชอบการขาดน้ำเอามากๆ  กับกระถาง SIP คุณก็ดื่มเองเมื่อหิวน้ำ

กับกระถางอื่นๆ ก็ใช้ได้ แต่อย่าให้แล้งก็แล้วกัน ประเภทฝากเทวดาเลี้ยงนั้น คุณเธอไม่นิยมค่ะ

ที่แคนนาดานิยมปลูกมะเขือเทศในกระถาง แบบใช้เป็นไม้ประดับ แล้วกินได้ด้วย มะเขือเทศชอบกระถางใหญ่ๆค่ะ เล็กๆไม่เอา

แต่มีเพื่อนอยู่ด้วยก็ได้ จะปลูกดอกไม้แซม หรือพวกผักและสมุนไพรก็ดีทั้งนั้น

พวกมะเขือเทศเชอร์รี่ปลูกในกระถางแขวน สวย โชว์ได้ กินดี

ต่อมาที่สำคัญพอๆกับการให้น้ำให้ปุ๋ยคือ การปักหลักให้มะเขือเทศ (Staking Tomatoes)

การปักหลักให้มะเขือเทศจะช่วยให้มะเขือเทศแข็งแรง ต้นใหญ่ สุขภาพดี ให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น

การปักหลักให้มะเขือเทศทำได้หลายแบบ จะใช้เป็นแบบดั้งเดิม คือใช้ไม้

ของที่บ้านอ้อยหวานคุณผู้ชายทำคอกให้มะเขือเทศเอง โดยใช้ตระแกรงเหล็กที่ใช้ทำรั้ว

อันนี้คอกมะเขือเทศของน้องอ๊อดที่อเมริกา น้องอ๊อดเธอเป็นเซียนมะเขือเทศเลย ตามไปดูบล็อกของเธอได้ที่นี่

http://www.bansuanporpeang.com/node/27155

ขอบคุณค่ะ

เธอคนนี้ทำกรงขังมะเขือเทศเสียแน่นหนา

เธอคนนี้ เธอปลูกมะเขือเทศในกระถาง… SIP ปลูกได้อลังการมาก ระแนงมะเขือเทศของเธอก็สุดยอด

ส่วนเธอคนนี้ ก็ยอดความคิด เธอใช้สายยางรดน้ำมาทำเป็นเกลียว

อ้อยหวานเอารูปมาลงให้ดูหลายแบบ เพื่อให้เป็นไอเดีย ไปปรับเปลี่ยน เลือกทำ เลือกใช้กับของที่มีอยู่รอบตัว สร้างสรรกันเอง ให้สมกับคำขวัญของบ้านสวนพอเพียง ..แบ่งปัน สร้างสรรค์ พอเพียง

ตอนต่อไปอ้อยหวานจะเล่าเรื่อง..การปลูกมะเขือเทศในเขตร้อนชื้น อย่างเมืองไทยบ้านเรา

ต้องรีบเขียนแล้วค่ะ อ้อยหวานจะไปเขียนเรื่องอื่นต่อ..ก็เค้าอยากไปเที่ยวญี่ปุ่น  

อ่านเรื่อง มะเขือเทศ ตอนแรก ได้ที่นี่่ค่ะ

http://www.bansuanporpeang.com/node/27779

http://www.bansuanporpeang.com/node/27790

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่นี่ค่ะ

http://www.wikihow.com/Grow-a-Tomato-Plant

http://bonnieplants.com/library/plant-tomatoes-deep-deep-deep/

http://www.reneesgarden.com/articles/grow-tomato.htm

http://forums.gardenweb.com/forums/load/tomato/msg071323042980.html

 I would like to Thanks everyone for all the resources for this blog. Thank you.

 ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

ขอบคุณค่ะ

อ้อยหวาน

อ้อยหวานได้เซอร์เวย์ ขุดคุ้ย เขี่ย ไปตามเว็ปไซด์ต่างๆ เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจ ก่อนที่จะยืนยันว่า เมืองไทยปลูกมะเขือเทศได้ค่ะ อ้อยหวานไม่เคยมีประสบการณ์ปลูกมะเขือเทศที่เมืองไทย แต่ก็มั่นใจว่าเป็นไปได้

ขอบคุณ รูปภาพจาก wall.alphacoders.com

ได้อ่านศึกษาดูทั้งในหนังสือและในเว็ปไซด์ จนไปถึงที่เขาคุยกันประสามะเขือเทศ มีคนปลูกมะเขือเทศในเขตร้อนชื้นหรือทรอปพิเคิล (tropical) ได้สำเร็จ ตั้งแต่หมู่เกาะคาริบเบียน ฮาวาย สิงคโปร์ ๚

ฝรั่งนายหนึ่งคุยเฟื่องว่าปลูกมะเขือเทศที่เชียงใหม่ เมล็ดจากอังกฤษและฝรั่งเศส ปลูกได้ดีจนร้านอาหารอิตาลีที่เชียงใหม่ เหมาซื้อในราคาสูง

เคล็ดไม่ลับในการปลูกมะเขือเทศในเขตร้อนชื้น อ้อยหวานรวบรวมมาป่าวประกาศมีดังนี้

เลือกพันธุ์มะเขือเทศ การเลือกพันธุ์มะเขือเทศนี้จะช่วยได้มาก

ขอบคุณ รูปภาพจากจอนนี่ ซีเล็ก ซีดด์ (Johnny's Selected Seeds)

แนวทางเล็กๆน้อยๆ ในการการเลือกพันธุ์มะเขือเทศ

พันธุ์ที่ทนต่อความร้อน คุณนิคโคลแห่ง‘A Caribbean Garden’ ได้แนะนำไว้ที่นี่

http://caribbeangarden.blogspot.ca/2008/12/growing-tomatoes-in-caribbean-and.html

เป็นพันธุ์มะเขือเทศที่คุณนิคโคลปลูกและได้ผลดี

Costoluto Genovese,Costoluto Fiorentino,Carolina Gold,Heatmaster, Calypso, Purple calabash, Arkansas Traveler, Pink accordion,Black Krim,Porter, German Green, Cherokee Purple

ที่น่าแปลกใจคือมะเขือเทศจากรัสเซียและเยอรมนี เติบโตให้ผลดีมาก

ขอบคุณ รูปภาพจากคุณนิคโคลแห่ง ‘A Caribbean Garden’

มะเขือเทศเชอร์รี่ (cherry Tomatoes ) และมะเขือเทศพลัมและแพร์(Plum and  pearTomatoes) ทนสภาพอากาศร้อนและชื้นได้ดีกว่าพวกพันธุ์ลูกใหญ่กลม

ที่บ้านอ้อยหวานคุณผู้ชายต้องสู้รบปรบมือกับแมลง เชื้อรา ทาก ทั้งหลาย ทุกๆปี อาศัยที่ปลูกเหลือกิน เลยแบ่งๆ กันไป แต่เขตร้อนชื้นอย่างเมืองไทย จะมีปัญหาเรื่องเชื้อโรคเชื้อรา และแมลงรบกวนมากกว่าที่อื่น เขาบอกกล่าวกันไว้ว่า พันธุ์มะเขือเทศแฮร์ลูม (Heirloom) จะทนต่อโรคและแมลงได้ดีกว่า มะเขือเทศไฮบริด (Hybrid) แต่บ่อยครั้งที่บ้านแม้แต่แฮร์ลูมก็ยอมแพ้ เชื้อรา ยิ่งปลูกแบบอินทรีย์ด้วยแล้ว ยิ่งเป็นการท้าทาย ข้อมูลมะเขือเทศมีเยอะในอินเทอร์แน็ต สำหรับผู้ที่ใฝ่หาความรู้

เชื้อราในมะเขือเทศที่ฝรั่งเรียกว่า Blight..ไบล์ ตัวนี้ คนปลูกมะเขือเทศจะต้องเจอะเจอกันเกือบทุกคน

ยิ่งเขตร้อนชื้นอย่างเมืองไทย  เชื้อราไบล์ยิ่งปรากฏตัว อ้อยหวานใส่ลิงค์ของเวปนี้ที่บอกวิธีสู้รบตบมือกับเจ้าเชื้อราไบล์แบบออการ์นิคหรือแบบอินทรีย์ไว้ตรงนี้ เผื่อต้องใช้

http://homeguides.sfgate.com/natural-ways-kill-blight-tomatoes-42558.html

http://www.gardeners.com/Prevent-Late-Blight/7262,default,pg.html

โดยรวมแล้วจากการศึกษาค้นคว้าของอ้อยหวาน การปลูกมะเขือเทศในเขตร้อนชื้นอย่างเมืองไทย ให้ได้ผลดีที่สุด คือปลูกในกระถาง หรือร่องที่ยกไว้สูง (raised bed) เช่นในวงบ่อซีเมนต์

ปลูกมะเขือเทศในบริเวณที่ได้รับแสงแดดเฉพาะในช่วงเช้า หากบริเวณนั้นได้รับแสงแดดทั้งวันก็ต้องมีตาข่ายพรางแสงแดดในตอนบ่าย

คลุมดินด้วยหญ้า ฟาง ใบไม้ จะช่วยปกป้องรากมะเขือเทศจากความร้อน

ให้น้ำมะเขือเทศทุกๆ 2-3 วัน รดให้ชุ่มไปทั่วราก รากมะเขือเทศค่อนข้างลึก เพราะฉะนั้นต้องให้น้ำจนทั่วถึง

หยุดให้ปุ๋ยในช่วงที่อากาศร้อนมากๆ

ในช่วงที่อากาศร้อนมากๆ คือ สูงกว่า 30 องศา มะเขือเทศจะไม่สุกเป็นสีแดง ความร้อนจะทำให้มะเขือเทศเละและเน่า ให้เก็บมะเขือเทศสีส้มๆ มาบ่มให้สุกในที่ร่ม

อีกอย่างหนึ่งที่อยากแนะนำให้ลองทำกัน คือการกราฟติ้ง อ้อยหวานลงไว้อย่างละเอียดในบล็อกเก่าของอ้อยหวานที่นี่  http://www.bansuanporpeang.com/node/26120

การกราฟติ้งจะทำให้เราสามารถปลูกพืชต่างถิ่นได้ เป็นเทคนิคที่นิยมทำกันมาก ทำให้สามารถปลูกมะเขือเทศในทะเลทราย

ปีที่แล้วอ้อยหวานลองทำกราฟติ้ง มือใหม่มาก อุปกรณ์ไม่พร้อม ขาดกิ๊ปสำหรับติดมะเขือเทศ อ้อยหวานใช้กิ๊ปติดผม เลยช้ำไปตามๆกัน เสียต้นกล้าไป 20 ต้น เป็นต้นมะเขือเทศ 10 ต้น ต้นมะเขืออ้อล้อจากป้าเล็ก และมะเขือยักษ์ของคุณแดงอุบล อีก 10 ต้น คืออย่างนี้..พยายามปลูกมะเขือจากเมืองไทยที่แคนนาดาค่ะ เพราะปลูกยากมากๆ ปีนี้ว่าจะลองดูอีกครั้ง ถ้าหาซื้อกิ๊ปสำหรับติดมะเขือเทศได้ ใครที่สนใจก็อย่าลืมลองดูนะ แล้วเอามาอวดกันบ้าง

อ้อยหวานขอเอาใจช่วยคนที่กำลังปลูก หรือคิดที่จะปลูกมะเขือเทศ มะเขือเทศปลูกไม่ง่ายในเมืองไทย แต่ก็ไม่ยากที่จะปลูก ผลที่ได้นั้นทั้งอร่อย ทั้งมีคุณค่าอาหาร..สุดยอด

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่อง…มะเขือเทศ  ในตอนต่อไป

อ่านเรื่อง มะเขือเทศ ตอนแรก ได้ที่นี่่ค่ะ

http://www.bansuanporpeang.com/node/27779

http://www.bansuanporpeang.com/node/27790

http://www.bansuanporpeang.com/blog/12443

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่นี่ค่ะ

http://caribbeangarden.blogspot.ca/2008/12/growing-tomatoes-in-caribbean-and.html

http://forums.gardenweb.com/forums/load/higard/msg111220438804.html

http://www.baliadvertiser.biz/articles/garden_doctor/2010/tomatoes.html

http://www.pennystomatoes.com/hot-weather-tomatoes.html

http://homeguides.sfgate.com/care-tomato-plants-really-hot-weather-55387.html

I would like to Thanks everyone for all the resources for this blog. Thank you.

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

ขอบคุณค่ะ

อ้อยหวาน

มะเขือเทศมิใช่แต่ทานอร่อยเพียงอย่างเดียวนะจะบอกให้ ยังเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางอาหารอีกด้วย เป็นผลไม้หรือผักที่มีบทบาทสำคัญในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ตั้งแต่อเมริกาใต้ ถิ่นกำเนิดของมะเขือเทศ ไปตลอดอเมริกาเหนือ ไซบีเรีย รัสเซีย เอเซียกลาง เอเซียตะวันออก และทั่วภูมิภาคยุโรบ ที่ฝรั่งกล่าวไว้ว่า ‘แอปเปิ้ลวันละลูก ไกลหมอได้เลย’ คงต้องแก้แอปเปิ้ลเป็นมะเขือเทศ หรือ..แอปเปิ้ลแห่งความรัก.. แอปเปิ้ลแห่งแดนสุขาวดี  หรือแอปเปิ้ลทองคำ..

ขอบคุณ รูปภาพจาก wall.alphacoders.com

อ้อยหวานเอาตารางคุณค่าทางอาหารของมะเขือเทศ มาใส่ไว้ที่นี้ เพื่อเป็นการยืนยัน ขอไม่แปลเป็นภาษาไทย เพราะเยอะมาก

ขอบคุณ Wikipedia, the free encyclopedia

อ้อยหวานขอนำเอาตัว ที่เด่นๆ มาลงไว้

ไลโคปีน (lycopene) สารสารต้านอนุมูลอิสระตัวสำคัญในมะเขือเทศ มีข้อมูลจากหลายแหล่งมีการค้นพบว่า คนกินมะเขือเทศเป็นประจำสม่ำเสมอ สามารถลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งได้ ไลโคปีนในมะเขือเทศจะเพิ่มขึ้นหากนำมาปรุงอาหาร การกินมะเขือเทศกับน้ำมัน เช่นน้ำมันมะกอก จะช่วยให้ไลโคปีนดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีขึ้น

***แต่สารอาหารอย่างอื่นอาจจะถูกทำลายเมื่อผ่านความร้อน อ้อยหวานจึงแนะนำให้กินทั้งสดและนำมาทำอาหาร อร่อยทั้ง 2 แบบค่ะ

ซีแซนทีน (zeaxanthin) ซึ่งเป็นอีกตัวหนึ่งที่พบมากในมะเขือเทศ ซีแซนทีน นี้ช่วยปกป้องดวงตาของผู้สูงอายุจากโรคจอประสาทตาเสื่อม (ARMD) เพราะเป็นสารที่มีคุณสมบัติในการกรองรังสีอัลตร้าไวโอเลต 

สารต้านอนุมูลอิสระที่มีมากในมะเขือเทศสำคัญเช่น ไลโคปีน วิตามินซี และวิตามินเอ เหล่านี้ช่วยการป้องกันการถูกทำลายของเซลล์ ซึ่งเป็นสาเหต์สำคัญของ โรคมะเร็ง โรคกระดูกเสื่อม โรคหลอดเลือดตีบ (Atherosclerosis) และโรคเบาหวาน

สาวๆ ทั้งหลายโปรดฟัง!!!!!สารต้านอนุมูลอิสระในมะเขือเทศ ยังช่วยต้านริ้วรอย หรือความเสื่อมของผิวหนังอีกด้วย ความแก่ที่เราอยากชลอกัน หูผึ่งเลยใช่ไหม

มะเขือเทศนั้น กินก็ได้ ทาก็ดี อะไรจะขนาดนั้น ไม่เว๋อเลยค่ะ จริงๆ ไว้บล็อกหน้าอ้อยหวานจะเอาเมนูมะเขือเทศ ทั้งกินทั้งทา มาเล่าสู่กันฟัง

โปรดติดตาม..ในตอนต่อไป

อ่านเรื่อง มะเขือเทศ ตอนแรก ได้ที่นี่่ค่ะ

http://www.bansuanporpeang.com/node/27779

http://www.bansuanporpeang.com/node/27790

http://www.bansuanporpeang.com/blog/12443

http://www.bansuanporpeang.com/node/27808

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่นี่ค่ะ

http://www.nutrition-and-you.com/tomato.html

http://www.whfoods.com/genpage.php?tname=foodspice&dbid=44

http://www.tomatodirt.com/tomato-nutrition-facts.html

http://www.fitday.com/fitness-articles/nutrition/healthy-eating/5-health-benefits-of-tomatoes.html

http://www.netdoctor.co.uk/diet-and-nutrition/health-benefits-of-tomatoes.htm

I would like to Thanks everyone for all the resources for this blog. Thank you.

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

ขอบคุณค่ะ

อ้อยหวาน

เพราะว่ามะเขือเทศเป็นผลไม้ก็ได้ เป็นผักก็ดี เมนูมะเขือเทศจึงมีความหลากหลายมากๆ อีกทั้งมะเขือเทศค่อนข้างจะแพร่หลายมาก อ้อยหวานขอหยิบยกมาบางส่วน เผื่อจะได้เอามาดัดแปลง ทำกินกัน

ขอบคุณ รูปภาพจาก wall.alphacoders.com

 เอาประเภทเมนูกินก็ได้ก่อน

ง่ายๆก็คือกินสด หรือหั่นใส่ในสลัดและแซนด์วิช สูตรแซนด์วิชมะเขือเทศของคุณผู้ชายที่บ้าน ปิ้งขนมปังให้กรอบ ไสลด์มะเขือเทศไม่บางหรือหนาจนเกินไป วางเรียงบนขนมปังปิ้ง ตามด้วยเบคอนที่ใส่ไมโครเวปจนกรอบ และชีส+พริกไทย ไม่ใส่ชีสก็อร่อยดี ใช้หมูปิ้งแทนเบคอน ก็ได้ หรือทำเป็น น้ำมะเขือเทศสด

น้ำมะเขือเทศสด สูตร 1

ส่วนผสม มะเขือเทศสุก, ซอสทาบาสโก ซอสพริกหรือพริกป่น ปั่นมะเขือเทศให้ละเอียด แล้วแช่เย็น

น้ำมะเขือเทศสด สูตร 2

 นอกจากมะเขือเทศสุกแล้วยังเพิ่ม หัวหอม คื่นฉ่าย พริกระฆัง ผักชีฝรั่ง เกลือ น้ำมะนาว พริกไทย น้ำผึ้ง ปั่นรวมกัน รายละเอียดที่นี่ค่ะ

 น้ำมะเขือเทศสด สูตร 3

มะเขือเทศสุก แตงกวา เคลหรือผักคะน้าฝรั่ง โหระพา กระเทียม

จะเห็นว่าได้ว่าดัดแปลงได้ง่ายมาก จะทำแบบสูตรตามใจฉันก็ได้ ทั้งผักทั้งผลไม้โยนใส่เครื่องปั่น แล้วแช่เย็น รายละเอียดที่นี่ค่ะ

เมนูมะเขือเทศแบบอบ

พิซซ่ามะเขือเทศกับไข่ รายละเอียดที่นี่ค่ะ

 สูตรนี้ใช้ขนมปังแทนได้ วางขนมปังเรียงใส่ทาดแทน แต่เวลาตัดต้องระวังหน่อย

ทาร์ตมะเขือเทศนี่เป็นที่นิยมกันมากที่ฝรั่งเศส ตอนที่อ้อยหวานไปเที่ยวโปรวองซ์ ได้ซื้อกินเป็นของว่างบ่อยๆ แป้งบางๆกับมะเขือเทศไม่มีอะไรมาก แต่ก็อร่อย รายละเอียดที่นี่ค่ะ

 ทาร์ตมะเขือเทศสูตรนี้จัดเต็มที่ รายละเอียดที่นี่ค่ะ

ทาร์ตมะเขือเทศอีกสูตร หน้าตาน่ากินมาก ใช้มะเขือเทศหลายชนิด รายละเอียดที่นี่ค่ะ

มะเขือเทศยัดไส้

มะเขือเทศยัดไส้ด้วยข้าวผัด

รายละเอียดที่นี่ค่ะ

มะเขือเทศยัดไส้ด้วยเต้าหู้ มะเขือเทศ+เต้าหู้+ไข่+ซุคคีนี

รายละเอียดที่นี่ค่ะ

มะเขือเทศยัดไส้ไข่มีหลายสูตรมาก ใส่เครื่องกันแตกต่างกัน

สูตร 1 มะเขือเทศ+ไข่+แฮมสไลด์+โหระพาปั่น

รายละเอียดที่นี่ค่ะ

สูตร 2 มะเขือเทศ+ไข่+กระเทียม+ชีส+ผักสลัดปั่น

รายละเอียดที่นี่ค่ะ

เมนูมะเขือเทศกับไข่

 มะเขือเทศ+ปาปริก้า+ไข่ = ซัคชูก้า (Shakshouka) อาหารจานเด็ดของตูนิเซีย มอร็อกโก และอิสราเอล จานนี้ใช้กระทะเหล็กทำ ในกระทะแล้วยกเสริฟทั้งกระทะ รายละเอียดที่นี่ค่ะ

อีกสูตรหนึ่งใส่เครื่องเพิ่ม และมีรูปวิทีทำละเอียด ดูได้ที่นี่

มะเขือเทศผัดไข่แบบจีน

จานนี้ อร่อยมาก ช่วงหน้าร้อนที่มีมะเขือเทศในสวน อ้อยหวานใช้เป็นเมนูจานเด็ดขึ้นโต๊ะอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง แต่ขอแนะนำว่าอย่าใส่น้ำปลา ใช้เกลือหรือซีอิ้วขาวแทน

รายละเอียดที่นี่ค่ะ

ซุปมะเขือเทศกับไข่สูตรเวียตนาม

รายละเอียดที่นี่ค่ะ

ก๋วยเตี๋ยวจีนกับไข่และมะเขือเทศ

รายละเอียดที่นี่ค่ะ

สตูว์มะเขือเทศกับปลาหมึก

รายละเอียดที่นี่ค่ะ

ซุปมะเขือเทศ

อันนี้ทำง่ายมากๆๆๆๆ เอามะเขือเทศ พริกระฆัง หัวหอม กระเทียม ใครชอบให้มีรสเผ็ดหน่อยๆ ก็เติมพริกสดสักดอก เอาทุกอย่างเข้าเตาอบ ถ้าไม่มีเตาอบ ก็ปิ้งเอา แล้วก็ปั่นทุกอย่างกับน้ำซุปผัก สูตรนี้ลูกสาวทำบ่อยๆ อร่อยค่ะ ถ้าอากาศร้อนซุปมะเขือเทศนี้กินเป็นซุปเย็นก็อร่อย

รายละเอียดที่นี่ค่ะ

ของหวานมะเขือเทศ

ไอศครีมมะเขือเทศเชอร์เบทดูได้ที่นี่

ทาร์ตมะเขือเทศ แบบหวาน

รายละเอียดที่นี่ค่ะ

โด้วเซ เดอ โทเมท (Dulce de Tomate)หรือมะเขือเทศหวานนั่นเอง

จะทำแบบใส กินแบบของหวาน ดูได้ที่นี่

หรือทำเป็นแยม ดูได้ที่นี่

หิวแล้วยังค่ะ บล็อกหน้าอ้อยหวานจะเอาเมนูมะเขือเทศ ทาก็ดีมาเล่าสู่กันฟัง

โปรดติดตาม.. ในตอนต่อไป

 I would like to Thanks everyone for all the resources for this blog. Thank you.

อ่านเรื่อง มะเขือเทศ ตอนแรก ได้ที่นี่่ค่ะ

http://www.bansuanporpeang.com/node/27779

http://www.bansuanporpeang.com/node/27790

http://www.bansuanporpeang.com/node/27793

http://www.bansuanporpeang.com/node/27808

http://www.bansuanporpeang.com/node/27815

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

ขอบคุณค่ะ

อ้อยหวาน

ที่นี้ก็มาถึงเรื่องการใช้มะเขือเทศ ในด้านเสริมสร้างความงามค่ะ เอาเร่เข้ามา คุณผู้หญิงทั้งหลาย ได้งามแท้ งามธรรมชาติกันคราวนี้แหละ

มะเขือเทศมี วิตามิน แร่ธาตุ และ สารต้านอนุมูลอิสระ ที่มหัศจรรย์มาก แค่หั่น ขยำ บด แล้วทาใบหน้าหรือใส่บนผมก็งามแจ่ม

สาร ไลโคปีน (Lycopene) ที่ทำให้มะเขือเทศเป็นสีแดง คือกุญแจสำคัญในการย้อนเวลา ช่วยลบริ้วรอยบนใบหน้า นอกจากนั้นวิตามินเอในมะเขือเทศ ยังช่วยในการรักษาและซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสียหาย ทำให้หน้าเต่ง หรือหน้าเด้ง ดูเถิดน่าตื่นตา ตื่นใจ อะไรอย่างนี้

วิธีใช้มะเขือเทศในด้านเสริมสร้างความงาม มีดังนี้

มาร์คพอกหน้า (facial mask)

สูตร 1สูตรหน้าเด้ง

บดมะเขือเทศหนึ่งลูกกับอะโวคาโดหนึ่งลูก เข้าด้วยกัน ทาบนใบหน้า แล้วทิ้งไว้ 10-15นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น

มะเขือเทศช่วยทำความสะอาดลึกลงไปในผิว ในขณะที่อะโวคาโดช่วยคืนความชุ่มชื้น

ข้อควรระวัง มะเขือเทศมีกรดสูง ควรทดสอบที่แขนหรือคอ ก่อนใช้กับใบหน้า อ้อยหวานขอแนะนำว่า ใช้มะเขือเทศครึ่งลูกกับอะโวคาโดหนึ่งลูกก่อน แล้วค่อยปรับเปลี่ยน

สำหรับคนที่หน้ามันและรูขุมขนกว้าง  ผสมน้ำมะเขือเทศคั้นสด 1ช้อนโต๊ะ กับน้ำมะนาว 2-3หยด ใช้สำลีชุบส่วนผสม แล้วแตะเบาๆ บนใบหน้า ทิ้งไว้ 5-10นาที ล้างออกด้วยน้ำเย็น จะช่วยกระชับรูขุมขน

รายละเอียดที่นี่ค่ะ

สูตร 2 ชะลอความแก่

มะเขือเทศ+ใบผักชีฝรั่งสด+โรสแมรี่สด ปั่นรวมกัน แล้วเอามาทาหน้า ทิ้งไว้ 20-30 นาที แล้วล้างออก

มะเขือเทศ: อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระธรรมชาติเช่นวิตามินซีและไลโคปีนที่ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระและส่งเสริมให้ผิวมีสุขภาพดีสร้างเซลล์ผิวใหม่ ดีสำหรับคนที่มีผิวมัน

ผักชีฝรั่ง: ช่วยผ่อนคลาย ให้ผิวชุ่มชื่น

โรสแมรี่: เรียกอีกอย่างว่า สมุนไพรมหัศจรรย์ที่เรียกคืนผิวเยาว์วัยโรสแมรี่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผิวนุ่มนวล

รายละเอียดที่นี่ค่ะ

สูตร 3  รักษาสิวและกำจัดสิวหัวดำ

ง่ายมากๆ แค่บดเนื้อมะเขือเทศ แล้วละเลงบนหน้า ทิ้งไว้ 5-10 นาที

หรือจะเป็นทั้งกำจัดสิวและประเทืองผิวด้วยก็ต้องใช้สูตรนี้  มะเขือเทศ+น้ำผึ้ง+โอคมีลบดละเอียด = สวย

รายละเอียดที่นี่ค่ะ

สูตร 4 โทนและยกผิวหน้า

จะเอาแค่มะเขือเทศกับโยเกิตปั่นรวมกันแค่นี้ก็ได้ค่ะ รายละเอียดที่นี่ค่ะ

เพิ่มแตงกวา อีกอย่างเพื่อ

รายละเอียดที่นี่ค่ะ

หากไม่มีโยเกิตก็ใช้สูตรนี้  มะเขือเทศ มันฝรั่งต้มสุก และอโวคะโด

รายละเอียดที่นี่ค่ะ

นอกจากนี้แล้วมะเขือเทศยังใช้กับผมได้ด้วย หลังจากสระผมแล้ว ละเลงน้ำมะเขือเทศลงบนผม ทิ้งไว้ 5 นาทีแล้วล้างออก น้ำมะเขือเทศช่วยปรับสภาพเส้นผมที่แห้งเสีย น้ำมะเขือเทศจะล้างสารต่างๆตกค้างอยู่บนผมและหนังศีรษะ ช่วยบรรเทาอาการคันศีรษะ

อ้อยหวานขอจบเรื่องของมะเขือเทศลง ณ.ที่นี้ หวังว่าจะมีประโยชน์ต่อเพื่อนๆบ้าง

อ่านเรื่อง มะเขือเทศ ตอนแรก ได้ที่นี่่ค่ะ

แอปเปิ้ลแห่งความรัก.. แอปเปิ้ลแห่งแดนสุขาวดี

แอปเปิ้ลทองคำ..

มาปลูกมะเขือเทศกันเถิด

เคล็ดไม่ลับในการปลูกมะเขือเทศในเขตร้อนชื้นอย่างเมืองไทย

อ้อยหวานชวนกิน…มะเขือเทศ

เมนูมะเขือเทศ กินก็ได้ ทาก็ดี

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

ขอบคุณค่ะ

อ้อยหวาน

ขอเชิญชวนเพื่อนๆ มาร่วมสนุกกัน ในการแข่งขันเขียนบล็อก ในหัวข้อ"วันนี้ฉันปลูกอะไร"รางวัลก็นี่เลย เมล็ดมะเขือเทศแปลกๆ สดๆ ใหม่ๆ ที่อ้อยหวานเพิ่งได้รับมาสดๆร้อนๆ จากบุรุษไปรษณีย์

สองอาทิตย์ก่อนคุณผู้ชายที่บ้านซึ่งชื่นชอบ (บ้า) มะเขือเทศเอามากๆ ไปเจอะเจอ จ๊ะเอ๋กับเว็ปขายเมล็ดมะเขือเทศ ขายเฉพาะมะเขือเทศ อย่างเดียวเท่านั้น แต่มีถึง 600 ชนิดให้เลือก ทำเอาคุณเธอมือไม้สั่น และต้องเสียสตางค์จนได้ อ้อยหวานเลยแจมบ้าง ปิดตาชี้มา 5 ชนิดที่คิดว่าปลูกที่เมืองไทยได้ งานนี้คุณผู้ชายเสียเงินไปพอสมควร และได้มาถึงสิบกว่าชนิด ปีนี้สงสัยในสวนจะมีแต่ต้นมะเขือเทศ ได้ทั้งกิน ทั้งทา แถมอาบด้วยเลย

นี่เป็นภาพของเมล็ดมะเขือเทศทั้ง 5 ชนิด

ทั้งหมดนี้เป็นมะเขือเทศแฮร์ลูม (Heirloom)

มาเร็ว ขอเชิญชวน สมช. ทั้งเก่าและใหม่ มาเขียนบล็อกกัน ในหัวข้อ "วันนี้ฉันปลูกอะไร"

หมดเขตวันแห่งความรักนี้ 14 ก.พ.นี้ เพื่อฉลองมิตรภาพที่มีต่อกันในบ้านสวนพอเพียงแห่งนี้

ผู้ชนะจะได้รับเมล็ดมะเขือเทศทั้ง 5 ซอง ส่งตรงจากแคนนาดา กรรมการผู้ตัดสินคือผู้ใหญ่โสทรนี้เอง

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

ขอบคุณค่ะ

อ้อยหวาน

ในเดือนนี้ เดือนกุมภาพันธ์ เดือนแห่งความรัก

ฉันปลูกอะไร?  แน่นอนฉันปลูกต้นรัก..ต้นไมตรี

ปลูกในดวงใจของฉัน

ปลูกด้วยเมล็ดพันธ์  แห่งน้ำใจ ไมตรี

ฉันเพาะเมล็ดพันธ์นี้ อย่างทะนุถนอม

เฝ้าดูแล ห่วงหา

มั่นให้น้ำแห่งความรัก

และปุ๋ยแห่งความศรัทธา

หน่อต้นกล้าแห่งมิตรไมตรี

ขอบคุณเจ้าของเมล็ดทุกๆ คน เธอไม่ได้ให้เพียงแค่เมล็ด เธอให้ความสุข ความสดชื่นและเธอได้ให้ไมตรีจิต

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

ขอบคุณค่ะ

อ้อยหวาน

งานฤดูหนาวประจำปี  2014 เริ่มมีขึ้นอีกแล้วค่ะ งานใหญ่ประจำปีของเมืองออตตาวา ที่มีขึ้นในวันหยุดสุดสัปดาห์ตลอดเดือนกุมภาพันธ์ งานค่อนใหญ่และกว้าง มีกิจกรรมหลายอย่าง จัดขึ้น เช่นการแข่งขันแกะสลักน้ำแข็ง  รูปปั้นจากหิมะ เสก็ตน้ำแข็ง งานฤดูหนาวประจำปี  2013 ดูได้ที่นี่ค่ะ

ปีนี้อ้อยหวานจะพาไปเที่ยวงานที่ปลายลานเสก็ตน้ำแข็งกลางแจ้งที่ยาวที่สุดในโลกค่ะ ที่จริงแล้วคลองริโดว์และทะเลสาบนี้ อ้อยหวานพาเพื่อนปั่นจักรยานเที่ยวโฉบไปโฉบมาบ่อยมาก วันนี้จักรยานหมดสิทธิค่ะ ต้องนี่เลย‘เสก็ตน้ำแข็ง’ แล้วไม่ธรรมดาด้วยนะ เพราะของที่นี่เขาเป็น‘ลานเสก็ตน้ำแข็งกลางแจ้งที่ยาวที่สุดในโลก’ ยาว 10 กิโลเมตร

 มาเร็วใส่เสื้อหนาวตามมาเลย ใครชอบเล่นเสก็ตน้ำแข็งก็เอามาด้วย ส่วนอ้อยหวานขอเดินเก็บรูปค่ะ

คลองริโดว์และทะเลสาบนี้ เป็นคลองและทะเลสาบที่ขุดขึ้นร้อยกว่าปีมาแล้ว เชื่อมแม่น้ำ 2 สาย มีประตูกั้นน้ำทั้ง 2 ด้าน ฤดูอื่นๆจะมีน้ำเต็ม แต่ในฤดูหนาวเขาจะปล่อยน้ำออกให้เหลือแค่เข่า เพื่อให้น้ำแข็งตัวเป็นน้ำแข็ง และเปิดให้คนเล่นเสก็ตกัน แต่ก่อนตอนช่วงคริสต์มาสก็ลงเล่นได้แล้ว แต่เดี๋ยวนี้อากาศไม่แน่นอน ปีนี้เปิดให้ลงเล่นกลางเดือนมกราคม

จุดเริ่มต้นอยู่ในเมือง ดูบล็อกเก่าของอ้อยหวานได้ที่นี่

ปลายคลองจะมาสุดที่ทะเลสาบเล็กๆ ในช่วงที่มีงานจะมีรถเมล์ให้ขึ้นฟรี ไปกลับจากในเมือง

ธงสีเขียวหมายความน้ำแข็งในคลองอยู่ในสภาพดีเยี่ยม คนที่จะลงเล่นเสก็ตก็ต้องดูธงนี้ด้วย เพราะบางวันอากาศหนาวไม่พอ น้ำแข็งละลาย ถ้าธงเหลืองก็ยังเล่นได้แต่ไม่ดีนัก แต่ธงแดงห้ามลงเล่นเด็ดขาด ธงจะมีปักไปตลอดฝั่งคลอง

เด็กที่นี่เล่นเสก็ตน้ำแข็งได้กันเกือบทุกคน แต่ก่อนที่ลูกของอ้อยหวานก็หัดเล่นตั้งแต่ตัวเท่านี้เหมือนกัน

เริ่มหัดก็ต้องใช้ราวจับช่วย รายนี้พ่อค่อยๆ เอาราวจับห่างออกไป ให้ลูกพยายามเดินเอง

หนูน้อยก็ไม่กลัวเหมือนกัน กระดึบๆ ไปทีละนิด

ถึงแล้ว ไชโย!

หรือจะเช่ารถเลื่อนแบบนี้ เด็กๆ นั่งกันสบาย

ตัวบีเวอร์สัญญาลักษ์ของแคนนาดา

มุมร้านอาหาร ร้านขายน้ำและกาแฟ แถมมีร้านขายของที่ระลึก

ก็จะมีโต๊ะให้นั่ง กับเตาพิง คนเยอะพอสมควร นี่ขนาดสิบโมงเช้าเอง สายๆ คนจะเยอะมาก ไม่มีที่จอดรถเลยละ

ดูแถวคนเข้าคิวหน้าร้านนี้ซิ ร้านขายขนมบีเวอร์เทล หรือหางบีเวอร์ ขนมเอกลักษของแคนนาดาเขาละ ปีหนึ่งมีให้กินครั้งเดียว คนก็เลยเยอะ

เอารูปของปีที่แล้วมาให้ดูค่ะ ไม่มีอะไรมากแค่แป้งทอดโรยหน้าด้วยน้ำตาลกับชินนามอน แต่กินกับบรรยากาศแบบนี้ก็อร่อยดีเหมือน

ตรงนี้ 7 กิโลเมตรจากจุดเริ่มต้นอยู่ในเมือง เพราะบางคนเล่นเสก็ตจากที่โน้น จะได้รู้ว่าถึงไหนแล้ว

เจ้าตัวเล็กตัวน้อย ก็ใส่เสื้อหนาวออกมาเที่ยวเหมือนกัน

คนยิ่งเยอะขึ้นเรื่อยๆ อ้อยหวานกับคุณผู้ชายก็ถอยทัพไปเล่นสกีกันในป่าดีกว่า

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

ขอบคุณค่ะ

อ้อยหวาน

เมื่อถูกถามว่าทำอย่างไร ถึงได้อยู่กินกันมานานถึง  65 ปี

เธอตอบว่า..เราเกิดมาในสมัยที่ เมื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งพัง เราก็ซ่อมมัน

..ไม่ใช่โยนมันทิ้ง

นี่แหละความหมายของคำว่า..รัก

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

ขอบคุณค่ะ

อ้อยหวาน

ขอบคุณเพื่อนๆ สมาชิกบ้านสวนพอเพียงทุกๆ คนที่เข้าร่วมสนุก ในการแข่งขันเขียนบล็อก ในหัวข้อ "วันนี้ฉันปลูกอะไร"รวมทั้งกองเชียร์ทุกคน แล้วเราก็สนุกกันจริงๆแต่ละคนฝีมือขั้นเซียนทั้งนั้น เฉือนกันไม่ลงเลย

ก่อนที่อ้อยหวานจะลงบล็อกเชิญชวนเพื่อนๆ ได้ปรึกษาผู้ใหญ่บ้าน น้องโสทร กันประมาณนี้

อ้อยหวาน : พี่อยากจะจัดให้มีกิจกรรมเล็กๆน้อยๆ คืออยากให้เพื่อนในบ้านสวนพอเพียงเขียนบล็อกในหัวข้อ วันนี้ฉันปลูกอะไร ชิงรางวัลเล็กๆน้อยๆ เมล็ดพันธ์มะเขือเทศ น้องโสทรเห็นว่าดีหรือไม่?

ผู้ใหญ่บ้าน : เป็นกิจกรรมที่ดีครับ พี่เขียนบล็อกประกาศได้เลยครับ

อ้อยหวาน : แล้วใครเป็นกรรมการดี???

ผู้ใหญ่บ้าน : ผมว่าใครเขียนก่อนก็ให้เลยครับ

อ้อยหวาน... อย่างนี้ง่ายมาก ไม่ต้องกุมขมับเลย เพราะรู้ๆ อยู่ที่นี่คือดงเซียน

แล้วเราก็ได้เทพีมะเขือเทศ ป้าต่าย กรุณาส่งที่อยู่ด้วยค่ะ

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

ขอบคุณค่ะ

อ้อยหวาน

อ้อยหวานขออนุญาติคัดลอกกลอนที่น้องบัวริมลงในข้อคิดเห็นในบล็อกนี้  เพราะมากๆ และความหมายของ ความรักก็กินใจ ขอเอารูปของอ้อยหวานมาลงประกอบ

สุขสันต์วันแห่งความรัก

แปลกใจใครมาเปรียบรักเป็นแก้วบาง

ต้องระวังมิให้บิ่นให้ช้ำ

เฝ้าประคองมิให้เสียน้ำคำ

ด้วยกลัวทำให้แก้วหมอง

หากคราวใดแก้วหล่นทิ้งลงพื้นไป

แตกกระจายไม่สมดังใจหวัง

ต่อยังไงคงไม่เหมือนดัง

แก้วคงยังร้าวรอยอยู่

แต่รักฉันเปรียบดัง ต้นไม้งอกงาม

ต้องเลี้ยงต้องดูให้น้ำ

แม้ปลิดใบกิ่งเสียหักลง

งอกเสริมเติบโต...รักเป็นดังต้นไม้

หมั่นเพียรดูแลต้นไม้ของเรา

ไม่เปรียบเอารักเป็นแก้วบางใส

แตกหักลงคงด้วยพลั้งไป

ยังออกกิ่งใบเติบโตสวยงาม

ขออนุญาติแต่งเพิ่มอีกนิดค่ะ

รักของฉันเปรียบดัง..ดอกไม้หวาน

ฤดูกาลผ่านไปยัง..สดใส

ถึงแดดเผา พายุซัด ไม่เป็นไร

เราเข้าใจ กันและกัน ..เท่านั้นพอ

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

ขอบคุณค่ะ

อ้อยหวาน

วันนี้เอารูปที่อ้อยหวานถ่ายเก็บไว้ในระหว่างปั่นจักรยานเที่ยว นอกจากชอบถ่ายรูปดอกไม้แล้ว ยังมีอีกอย่างที่ชอบมากๆ…ม้านั่งริมทาง แค่เห็นภาพก็รู้สึกผ่อนคลายแล้ว ยังไม่ทันได้นั่งเสียด้วยซ้ำ เห็นม้านั่งที่ไหนก็ต้องเก็บรูปไว้ บางครั้งแค่ม้านั่งตัวเดียว แต่ใช้เวลาอยู่นานเดินเก็บรูปไปทุกมุม แถมมีการหมอบ ตะแคง ปีน จนบางคนสงสัยว่าหล่อนทำอะไรกะม้านั่ง ยังกะถ่ายรูปนางแบบ

ที่เมืองออตตาวา บ้านอยู่ของอ้อยหวาน ม้านั่งริมทางของที่นี่ไม่ธรรมดาเลย เขาให้ความสำคัญกับม้านั่งจริงๆ นอกจากจะมีสวนเล็กสวนใหญ่อยู่มากมายทุกมุมเมืองแล้ว ทุกมุมของสวนแต่ละสวนจะมีม้านั่ง และเป็นม้านั่งที่ดูเชิญชวนเอามากๆ  ดูเอาเองเถอะ

ม้านั่งตัวนี้เป็นตัวโปรดของอ้อยหวาน วิวตรงนี้สวยทุกฤดู แต่จะเลิศที่สุดในฤดูใบไม้ผลิ เห็นดอกทิวลิป ดอกไลเล็ค และดอกแคร็ปแอ็ปเปิล กลิ่นดอกไม้จางๆ ในสายลม เคลิ้มไหม?

สีเขียวในทางจิตวิทยาว่ากันว่า เป็นสีแห่งความสมดุลและความกลมกลืน นักคิดกลับบอกว่าสีเขียว เป็นสัญลักษณ์ของการเกิดใหม่ งอกใหม่ หรือกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง สำหรับอ้อยหวาน สีเขียว คือ ผ่อนคลาย ความหวัง และพลัง นั่งอยู่ที่โต๊ะนี้ หรือแค่ดูรูป ก็ได้ทั้ง 3 อย่างไปพร้อมๆ กัน

เชิญนั่ง พิงหลังลง

สายลมพริ้ว ปลิวผ่านดง

หอมกุหลาบ ซาบทรวงใน

หลับตาฝัน ให้ฉันกล่อมเธอ

สายน้ำ…

การนั่งดูนั่งฟังสายน้ำไหล ไม่ว่าจะเป็นลูกคลื่นน้อยใหญ่ในทะเล หรือน้ำพุเล็กๆ ในสวน เป็นยาสมานใจที่ดีที่สุด เหนื่อยกาย เหนื่อยใจ มานั่งปล่อยใจ ให้สายน้ำพัดพาความเหนื่อยล้านั้นไป

ที่ตรงนี้เป็นสวนบนเกาะเล็กๆ วิวริมน้ำสวยมาก แต่น่าเสียดายที่มีรั้วขึงรอบ เพราะแม่น้ำออตตาวาตรงช่วงนี้กว้าง น้ำไหลเชี่ยวและแรงมาก มีเด็กมาเล่นน้ำแล้วจมน้ำตายหลายราย จึงต้องมีรั้วกั้น บางครั้งความเกินพอดีอาจจะไม่ค่อยดี แต่สายน้ำตรงนี้สวยจริงๆ

อีกอย่างที่มีอยู่เยอะมากๆ ที่ออตตาวา คือโต๊ะปิกนิก

แล้วก็เข้าใจเลือกทำเลด้วย

ท่านมหาตมา คานธีได้กล่าวเอาไว้ว่า ชีวิตคนเรามีความหมายเกินกว่าที่จะเร่งรีบมัน

อิคคิวซัง เณรน้อยเจ้ปัญญาชอบพูดว่า "จะรีบไปไหน จะรีบไปไหน พักเดี๋ยวก่อนหนึ่งน๊า"

ไม่ทำอะไรเลย ดีกว่าหัวยุ่งไปกับการที่ไม่ได้ทำอะไรเลย คำคมของปรมาจารย์เต๋า ~เล่าจื้อ

อ้อยหวานใช้เวลาตีความคำคมของท่านเล่าจื้อนี้อยู่นาน ไม่แน่ใจว่าตีความหมายออกมาถูกตรงตามความคิดของท่านเล่าจื้อหรือไม่ เพราะดูเหมือนง่าย แต่จริงๆ แล้วล้ำลึกมาก

ขอตีความปรัชญาของท่านเล่าจื้อว่า

..บ่อยครั้งในชีวิตคนเรา เรายุ่งวุ่นวายไปกับสิ่งรอบตัว ฉันยุ่งมากๆ ฉันเหนื่อยเหลือเกิน ฉัน..ฉัน.. เราทำตัวเองให้วุ่นวาย คิดวกวนจนปวดหัว แต่หากเราเอนหลังนั่งลง ตรงที่เงียบๆสงบๆ ดูธรรมชาติ ต้นไม้ ดอกไม้ สายน้ำ แม้แต่ชั่วขณะหนึ่ง แล้วค่อยวกกลับมาดูเจ้าตัวยุ่งๆนั้น เราอาจจะมีงานเยอะจริง แต่ถ้าเราค่อยๆ เลือกทำงานตามลำดับความด่วน ทำไปเป็นขั้นๆ เหนื่อยก็พัก ไม่เหนื่อยก็พักได้เหมือนกัน

รูปนี้ถ่ายที่โปรวองซ์  ฝรั่งเศส อ้อยหวานกับคุณผู้ชายต้องเข็นจักรยานขึ้นเขาเกือบ 2 กิโลเมตร เดินอีก 1 กิโล มาถึงตรงนี้ หายเหนื่อยเลย วิวสวยมาก

ในบางครั้งข้างหน้าของความเหน็ดเหนื่อย ตรากตรำ คือ การพักผ่อนที่งดงาม

อ่านบทความของพระไพศาล วิสาโล บทหนึ่งที่ท่านกล่าวไว้ทำนองนี้

เมื่อพบกับความยากลำบาก หรือปัญหาสุดปัญญาแก้ไข ก็ไม่ต้องทำอะไร ให้นั่งลง เอนหลังพิง ปล่อยใจปล่อยกาย แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง

ในสวนข้างๆ โบสถเก่าแก่ที่โปรวองซ์  ฝรั่งเศส มีโต๊ะและม้านั่งที่เก๋มาก นี่ถ้าพุ่มดอกลาเว็นเดอร์บาน สีม่วงสวยกับกลิ่นหอมของดอกลาเว็นเดอร์บานคงซาบทรวงใน ดูรูปแล้วต้องใช้จินตนาการเอา กลิ่นดอกลาเว็นเดอร์นี้หอมไม่เหมือนใคร

ขอจบด้วยคำคมของ ลิน ยูธาง (Lin Yutang) นักเขียนจีน ผู้เขียนหนังสือ สิ่งสำคัญในการดำรงชีวิต (The Importance Of Living)
‘นอกจากศิลปะในการทำสิ่งต่างๆ ให้ลุล่วงแล้ว ยังมีศิลปะของการ ไม่ทำอะไรอีกด้วย’

ที่จริงการนั่งพักพิงหลัง ชมไม้ดูนก ก็ไม่ใช่ว่า ‘ไม่ทำอะไร’ เราทำอะไรที่เพิ่มกำลังให้ร่างกายและจิตใจของเรา โดยการไม่ทำอะไร

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

ขอบคุณค่ะ

อ้อยหวาน

วันนี้มาเล่าสู่กันฟังถึงเรื่องของวาซาบิค่ะ เมื่อ 2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมา อ้อยหวานแปลบทความมากมายของเว็ปท่องเที่ยวญีปุ่น แล้วได้อ่านและรับรู้เรื่องราวน่าสนใจมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือฟาร์มวาซาบิที่ญี่ปุ่น อ่านได้ที่นี่ค่ะ

พออ่านเสร็จก็ตามนิสัยเดิมของอ้อยหวาน คืออยากรู้มากกว่าเดิม โดยเฉพาะเมื่อเล่าให้คุณคุณผู้ชายที่บ้านฟัง แล้วคุณก็บอกมาว่าฟาร์มวาซาบิที่แคนนาดาก็มีนะ หูผึ่งเลยที่นี้ ความอยากรู้ก็เลยต้องคุ้ยเขี่ย หาอ่าน แล้วได้ความรู้ สนุกด้วย วันนี้เลยเอามาเล่าสู่กันฟัง

วาซาบิ เป็นพืชน้ำชนิดหนึ่ง ในตระกูลแบร์สิคาซีแอร์ (Brassicaceae) มีกะหล่ำปลี ฮอสแรดดิส และต้นมัสตาร์ด เป็นพี่น้องร่วมตระกูล

ในร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วไปในเมืองไทย อ้อยหวานไม่แน่ใจว่า เขาใช้วาซาบิของแท้กันหรือไม่ เพราะของแท้นั้นแพงมาก ส่วนวาซาบิเทียมที่่ใช้กันนั้นทำมาจาก ฮอสแรดดิส ผงมัสตาร์ด สีสีผสมอาหาร และเสก็ดนิดๆ หน่อยๆของวาซาบิแท้ๆ เห็นเขาว่ากันว่า ของแท้ต้องขูดจากหัวสดๆ แล้วกินภายใน 20 นาที ไม่เช่นนั้ันรสชาติจะหายหมด

ต้นวาซาบิปลูกกันได้ยากมาก ปรกติเป็นไม้ที่ขึ้นตามธรรมชาติตามริมน้ำในป่าหรือบนภูเขา

ฟาร์มวาซาบิมีทำกันอยู่ 2 วิธี คือ

การทำฟาร์มวาซาบิแบบซะวะ ปลูกกึ่งน้ำกึ่งกรวด ต้องมีน้ำบริสุทธิไหลผ่านตลอด แช่ขังอยู่ไม่ได้เลย และอุณหภูมิของ น้ำก็ต้องอยู่ประมาณ 13 องศาด้วย เย็นเจี้ยบเลย

ฟาร์มไดโอะ (Daio) ฟาร์มวาซาบิที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ก็ใช้วิธีการปลูกแบบนี้ และว่ากันว่าวาซาบิที่ปลูกวิธีนี้ รสชชาติจะใกล้เคียงกับพวกที่ขึ้นตามธรมชาติมากที่สุด

ฟาร์มวาซาบิไดโอะนี้สวยมาก น่าไปเที่ยวมากๆ อ้อยหวานยังไม่เคยเห็นเหมือนกันค่ะ แต่ดูจากรูปแล้ว สวยจริงๆ เขาเปิดให้คนเข้าชมด้วย เสียเงินค่าเข้าเท่าไร่ อันนี้ไม่ทราบค่ะ

อ้อยหวานเอารูปของฟาร์มไดโอะมาจากบล็อกนี้ คุณTokyobling's Blog ถ่ายรูปได้สวยมาก

และจากบล็อกนี้คุณcommuning with artifice

เป็นอีกบล็อกหนึ่งซึ่งมีเนื้อหาสาระและรูปสวยๆ มากมาย ขอชื่นชมด้วยใจจริง อ้อยหวานได้เรียนรู้วิธีการเขียนบล็อกจากบล็อกต่างๆ เหล่านี้ และยังได้ซาบซึ้งถึงการให้อย่างแท้จริง ..ให้ความรู้..ให้ความบันเทิง ภาพสวยๆ ของทั้งสองบล็อก คือตัวอย่างของการให้ที่ไร้ขอบเขต คือไม่หวงเลย

มาต่อค่ะ ที่ฟาร์มไดโอะนี้เขาจะกั้นน้ำจากแม่น้ำแบบนี้ แล้วคงจะปล่อยให้ไหลออกสู่แม่น้ำในตอนปลาย

ดูดิ..เหมือนนาข้าวเลย คิดว่าวาซาบิไม่ชอบแดด เลยต้องมีตาข่ายขึงไปตลอดแนว

วิธีทำฟาร์มวาซาบิอีกแบบหนึ่ง แบบโอะกะ (Oka) คือปลูกกันในเต้นส์หรือกรีนเฮ้าส์ แต่เขาว่ากันว่ารสชาติสู้ปลูกด้วยวิธีแรกไม่ได้ ในรูปคือฟาร์มวาซาบิของแคนาดา คงจะต้องปลูกกับกรวดเหมือนกัน แต่คิดว่าข้างล่างกรวดหินคงเป็นดิน

ฟาร์ม วาซาบิแบบหลังนี้ นอกจากมีที่แคนาดาแล้ว ยังมีคนทำกันอยู่หลายแห่งทั่วโลก เช่นสหรัฐอเมริกา ที่อังกฤษเจ้าของฟาร์มวอเตอร์เครส ได้เปลี่ยนจากปลูกวอเตอร์เครส มาปลูกวาซาบิแทน และส่งขายทั่วยุโรบ

 ส่วนออสเตรเลียได้ทำเป็นฟาร์มไฮโดรโพนิค แล้วได้ผลดีเสียด้วย กลายเป็นฟาร์มที่ให้ผลิตผลสูงที่สุดในประเทศออสเตรเลีย

วาซาบินี้ นอกจากกินหัว (ราก) แล้ว เขาว่าใบ ก้าน และดอก ยังกินอร่อยด้วย กินสดเป็นสลัด ผัดน้ำมัน ลวกกินกับซีอิ้ว ตากแห้งใส่กับอาหารอื่นๆ หรือหมักดองเป็นไวน์และเบียร์

อันนี้เอารูปมาให้ดู ว่าเขาเอาวาซาบิมาทำอะไรบ้าง

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่นี่ค่ะ

https://communingwithartifice.wordpress.com/tag/wasabi/

http://tokyobling.wordpress.com/tag/wasabi/

http://news.nationalpost.com/2013/09/13/b-c-farmers-may-help-solve-wasabi-shortage-with-top-secret-way-to-grow-japanese-quality-horseradish-abroad/

http://www.steamykitchen.com/15015-real-fresh-wasabi.html

http://www.yuppiechef.com/spatula/wonderful-wasabi/

I would like to Thanks everyone for all the resources for this blog. Thank you.

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

ขอบคุณค่ะ

อ้อยหวาน

อ้อยหวานยังแปลบทความให้เว็ป 'เจเปน ทัวร์ริส'อยู่อีกค่ะ ยังติดลมอยู่  ได้รับรู้เรื่องราวใหม่ๆมากมาย โดยเฉพาะบทความของคุณโทะโมโกะ เขียนได้ละเอียดมาก มีอะไรเล็กๆน้อยอยู่ตลอดเวลา มีอยู่บทความหนึ่งเพิ่งแปลเสร็จ เกี่ยวกับวัดฮะเซะ แคนนอน ที่คามาคุระ  อ่านได้ที่นี่ค่ะเธอเล่าให้ฟังเกี่ยวกับการฝึกสมาธิแบบหนึ่งของญีปุ่น น่าสนใจมาก

ในบทความคุณโทะโมโกะได้เล่าเรื่องประวัติพระพุทธรูปองค์หนึ่งของวัดคือ พระโพธิสัตว์กวนอิม ซึ่งแกะสลักจากไม้ของต้นแคมฟอร์ (camphor tree) อ้อยหวานสดุดกึกเลย โอ้ต้นอะไรเอ๋ย แล้วก็ต้องขุดคุ้ยจนได้คำตอบ เจ้าต้นคามฟอร์ก็คือต้นการบูรนั่นเอง

รูปแกะสลักพระโพธิสัตว์กวนอิมที่วัดวัดฮะเซะ แคนนอนนี้สวยมากๆ เห็นว่าแกะสลักจากต้นแคมฟอร์ต้นใหญ่ทั้งต้น แล้วปิดทองทั้งองค์ เป็นรูปแกะสลักไม้พระโพธิสัตว์กวนอิมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น (สูง 9.18 เมตร) มี 12 เศียร ด้านหน้า 4 เศียร ข้างซ้ายและข้างขวาอีกข้างละ 3 เศียรอีก 2 เศียรอยู่ข้างบนและข้างหลัง

ตามตำนานเล่าว่าในปี 721 พระรูปหนึ่งไปพบต้นการบูรขนาดใหญ่มากๆ ในป่าใกล้ๆกับนารา แล้วตัดสินใจแกะสลักรูปพระโพธิสัตว์กวนอิมจากต้นการบูรต้นนั้น เพราะใหญ่มากจึงแกะได้ 2 องค์ องค์หนึ่งประดิษฐานอยู่ที่นารา อีกองค์หนึ่งท่านโยนลงไปในทะเล และอธิษฐานให้องค์พระโพธิสัตว์ไปเกยฝั่งในที่ที่มีคนต้องการบูชา หลังจากนั้น 15 ปี รูปแกะสลักพระโพธิสัตว์ได้เกยฝั่งไม่ไกลจากคามาคุระ

รูปพระโพธิสัตว์กวนอิม ขอบคุณjapanesesearch.com

ต้นคามฟอร์หรือต้นการบูรนี้ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า ซินนาโมมัม แคมโฟรา (Cinnamomum camphora L.) เป็นต้นไม้ที่มีกิ่งก้านสาขามากมีสีเขียวตลอดทั้งปีลำต้นและกิ่งค่อนข้างเรียบมีใบเป็นใบเดี่ยวใบมีลักษณะเรียวเป็นรูปไข่ปลายใบเรียวแหลมขอบใบเรียบด้านบนของใบเป็นมันด้านล่างหรือใต้ใบมีนวลดอกเป็นดอกช่อมีสีเหลืองอ่อน 

ผลมีขนาดเล็กค่อนข้างกลม มีสีเขียวเข้ม เมื่อแก่เต็มที่จะเปลี่ยนเป็นสีดำเป็นพืชพื้นเมืองของประเทศจีนญี่ปุ่นไต้หวันเกาหลี แต่ปัจจุบันนี้ได้แพร่หลายไปหลายประเทศเช่นสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย อินเดีย

การบูรที่ได้จากธรรมชาติมีลักษณะเป็นผลึกเล็กๆ สีขาวเกิดอยู่ทั่วทั้งต้นเราจะมองเห็นตามรอยแยกรอยแตกของต้นการบูร  และจะมีมากบริเวณใกล้ๆกับโคนต้นและรากซึ่งจะมีกลิ่นหอมมากกว่าส่วนอื่นๆการบูรส่วนมากจะละลายอยู่ภายในน้ำมันหอมระเหยที่อยู่ภายในส่วนต่างๆของต้นการบูร

การผลิตการบูรนิยมทำโดยนำส่วนต่างๆของต้นการบูร  มาหั่นเป็นชื้นเล็กๆนำไปต้มหรือกลั่นโดยใช้ไอน้ำน้ำมันหอมระเหยที่กลั่นได้จะอยู่ในภาชนะที่รองรับ  เมื่อได้น้ำมันหอมกระเหยที่มากพอจะมองเห็นการบูร ตกผลึกเป็นก้อนที่มีสีขาวๆ แยกออกมาจากน้ำมันหอมระเหย แล้วก็เก็บเอาผลึกนั้นมาทำเป็นก้อนหรือบดเป็นชิ้นเล็กๆละเอียดนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป ในประเทศอเมริกาจะใช้ใบและยอดอ่อนมากลั่นเอาการบูรและน้ำมันหอมระเหยซึ่งจะได้ผลผลิตเร็วขึ้นแต่ผลิตภัณฑ์ที่ได้จะน้อยกว่ากลั่นมาจากส่วนลำต้น 

อ่านเพิ่มเติมได้ ที่นี่  และ ที่นี่ 

ที่นี้ขอวกกลับมาที่ญีปุ่นค่ะ ต้นการบูรในลัทธิชินโตถือกันว่าเป็นต้นไม้ศักสิทธิ์ และที่มีวิญญาณหรือเทพอาศัยอยู่ ในศาลเจ้าชินโตส่วนมากจะปลูกต้นการบูรกันแห่งละต้นสองต้น แต่ละต้นก็ไม่เล็กเลย ใหญ่หลายคนโอบทั้งนั้น อายุก็เก่าแก่ บางต้นเกือบพันปี

อ้อยหวานคิดว่าเพื่อนๆ คงจะเคยดูหนังการ์ตูนญี่ปุ่นชื่อดัง ‘โทโทโร่เพื่อนรัก’ถ้าไม่เคยดูขอแนะนำว่าควรจะดูมากๆ ของเขาดีจริงๆ เนื้อเรื่องดี วาดภาพสวยมากๆ อ้อยหวานดูดีวีดีกับลูก ดูแล้วดูอีกกันหลายจบ ชอบมากมาย

ตัวเอกของเรื่องคือ โทโทโร่  ก็อาศัยอยู่ในโพลงของต้นการบูรต้นใหญ่ของศาลเจ้าชินโตแห่งหนึ่ง

ในสมัยสงครามโลกครั้งทีสอง ญี่ปุ่นโดนระเบิดปรมณูสองลูก ลูกแรกที่ฮิโรชิมา ลูกที่สองที่นางาซากิ ที่นางาซากินี้เองที่ศาลเจ้าชินโตแห่งหนึ่ง ศาลเจ้าซานโนะ โดนระเบิดจนเกลี้ยงเกลา เหลืออยู่เพียงต้นการบูร 2 ต้น ซึ่งในตอนนั้นก็เก่าแก่มากๆ อายุ 400-500 ปี แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือ หลังจากโดนระเบิดแค่ 2 เดือน ทั้งสองต้นได้แตกใบมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง

หลังจากนั้นต้นคามฟอร์หรือต้นการบูรทั้งสองต้นนี๊ ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความหวังและการเริ่มต้นใหม่ อ้อยหวานคิดว่าคนญี่ปุ่นคงได้บทเรียนและกำลังใจจากต้นการบูรทั้งสองต้นนี๊มาก ทำให้พวกเขาลุกขึ้นยืนและก้าวเดินต่อได้ทุกครั้งหลังจากเรื่องร้ายๆ

ขอสันติภาพมาสู่โลก ขออย่าให้มีอะไรเช่นนี้เกิดขึ้นอีกเลย

ต้นการบูรทั้งสองต้นในวันนี้

เมล็ดและต้นกล้าจากต้นการบูรทั้งสองต้น ถูกส่งไปปลูกทั่วประเทศ และยังมีอีกต้นกล้าอีกต้นหนึ่งที่ไปไกลถึงนิวซีแลนด์ เติบโตงดงามอยู่ที่สวนสันติภาพ เวลลิงตัน

ผลิตภัณฑ์ของต้นการบูรที่ญี่ปุ่นเขาทำไว้น่าใช้มาก อันนี้เขาเรียกว่า ลูกเบสบอลการบูรหอม ช่างคิดมาก ทำจากไม้การบูร เอาไว้ใส่ในอ่างอาบน้ำร้อนๆแบบญี่ปุ่น กลิ่นและน้ำมันการบูรจะซึมออกมา แล้วยังเก็บไว้ใช้ได้อีกนาน นอกจากนี้ยังมีสบู่ เกลืออาบน้ำ

อันนี้เอาไว้วางตามห้อง ให้กลิ่นหอมสดชื่น

หรือจะเป็นเศษเล็กเศษน้อยแบบนี้ ธรรมชาติสุดๆ

ส่วนอันนี้ไม่แน่ใจว่าของญี่ปุ่นหรือไม่ แต่ก็น่าใช้ ไว้ไล่แมลง และได้กลิ่นหอมด้วย

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่นี่ค่ะ

http://en.wikipedia.org/wiki/Cinnamomum_camphora

http://www.japantimes.co.jp/life/2002/08/01/environment/a-camphor-by-any-other-name/#.Uwvz586u6So

http://botanyboy.org/japans-largest-hardwood-the-camphor-tree-cinnamomum-camphora/

http://tgaw.wordpress.com/2009/06/28/survivor-trees-nagasakis-sanno-shrine/

http://global.rakuten.com/en/store/mokko-ya/item/tsubutsubu/

 I would like to Thanks everyone for all the resources for this blog. Thank you.

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

ขอบคุณค่ะ

อ้อยหวาน

วันนี้เอารูปโคมไฟที่อ้อยหวานถ่ายเก็บไว้ในระหว่างปั่นจักรยานเที่ยวที่โปรวองซ์ ฝรั่งเศส มาให้ชมกันค่ะโคมไฟของที่นั่นสวยมากมาย และขอเอากลอนเปล่าที่อ้อยหวานแต่งไว้ ในหัวข้อ ‘เธอคือ..แสงทองที่ส่องทาง’ มาลงเคียงกัน ขอให้ชื่นมื่นกันทุกคน

แสงส่องทาง 1

ทุกครั้งทุกครา ที่ฉันหลงทาง

งงงันกับทางชีวิตเบื้องหน้า

เหนื่อหน่าย อ่อนแรง ไร้หนทาง

ยืนอยู่กลางทางแยก ที่มืดมน

ทันใดนั้น ฉันมองเห็น

โคมไฟแรง ส่องประกาย

ฉายส่องไล่ความมืดมน

จาก ที่แห่งหนึ่ง

..บ้านของฉันเอง

มีพ่อและแม่ ยืนถือโคมไฟ

ส่องทางให้ ลูกเช่นฉัน

ทุกวี่ทุกวัน ..แสงไฟมิเคยเลือนลาง

แสงส่องทาง 2

เมื่อฉันเล็กๆ เป็นเด็กน้อยๆ

มือไม้ยังอ่อน ไม่รู้หนังสือ

มีมือ อ่อนโยน

ช่วยจับ ให้เขียน

เฝ้าเพียร สั่งสอน

โคมไฟของครู เปิดสว่างส่องทาง

ส่งต่อเป็นช่วงๆ

จากปอเตรียมน้อยๆ

จนฉันยืนผงาด

ยืนกอดปริญญาระหว่างอก

ครูคือโคมไฟ ส่องทางให้เด็กน้อยทุกคน

แสงส่องทาง 3

เป็นความบังเอิญ หรือโชคชะตา

ทางเดินของฉัน บรรจบพบเธอ

เธอให้ความรัก เธอให้ความหวัง

เธอให้ความพลัง ให้ฉันก้าวไปอย่างมั่นคง

รักของเธอสว่างไสว

พร้อมจะก้าวไปกับฉันทุกแห่ง

เธอคือ..แสงทองที่ส่องทาง

โคมไฟของโปรวองซ์ ฝรั่งเศส สวยคลาสสิค และโรแมนติก เอามากๆ อ้อยหวานชอบมากๆ ยิ่งบ้านเรือนเก่าแก่กับแสงอาทิตย์อัสดง บรรยากาศประทับใจไม่รู้ลืม

โคมไฟส่องทางเลียบแม่น้ำ ในระหว่างหุบเขา ที่เมืองไวซัน ลา โรมัน

โคมไฟอันนี้โค้งสวย อ่อนช้อยมาก ถนนสายนี้ทั้งสายมีโคมไฟและเสาไฟแบบนี้ยืนเรียงรายไปตลอดสาย สวยจริงๆ

สวยไหม?

กำแพงหินคลาสสิคของโรงละครโบราณที่เมืองออเร้นจ์ เป็นฉากหลังของโคมไฟสีดำสวย เข้ากันได้ดีจริงๆ

มองจากเมืองเก่าบนหน้าผา ตอนกลางคืนถ้ามองจากข้างล่างขึ้นมา คงจะงามมากๆ

โคมไฟบางอันเก่ามาก ยังมีที่วางเทียนไขติดอยู่ แล้วในตอนนี้ต้องเอาหลอดไฟสอดแทนเทียนไข ตอนกลางคืนมาเดินดูไฟพวกนี้สวยมาก ถ้าเป็นแสงเทียนคงจะงามกว่ามาก เพราะแสงเทียนมีขึ้นๆ ลงๆ เดี๋ยวริบหรี่ เดี๋ยวสว่างวาบ

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

ขอบคุณค่ะ

อ้อยหวาน

อ้อยหวานชอบอ่านบันทึกของคนหลายคนที่ไปปั่นจักรยานเที่ยวระยะไกล และบางคนก็ปั่นจักรยานรอบโลกเป็นปีๆ กันเลย ติดตามอ่านกันมา 3-4 ปีแล้ว และส่วนมากคนที่ชอบปั่นจักรยานเที่ยวนั้นจะเห็นอะไรๆ ริมทางน่าสนใจมากมาย เขียนเล่าเป็นปีก็ไม่หมด อ้อยหวานอ่านเจออะไรก็ต้องขยาย เพราะอยากรู้มากกว่านั้น วันนี้พระเอกนางเอกจะเป็นถั่วค่ะ

เริ่มแรกก็คือนี่เลย ถั่ว ‘ซาชา อินชิ’ (Sacha Inchi) เป็นพืชท้องถิ่นของป่าดงดิบอเมซอน ในเปรู มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Plukenetia volubilis หรือ ถั่วภูเขา mountain peanut เป็นไม้เถาสูงถึง 2 เมตร

ดอกและลูกอ่อน จะมีดอกหลังจากปลูกได้ 5 เดือน ในช่อดอกจะมี ดอกตัวผู้ขนาดเล็กสีขาว และอยู่กันเป็นกลุ่มข้างบนช่อ ดอกตัวเมียจะมีแค่ 2 ดอกอยู่ที่ฐานของช่อดอก และจะออกดอกและเมล็ดเกือบตลอดปี

เปลือกกินไม่ได้ ทานเมล็ดได้อย่างเดียว

ส่วนมากนำมาทำเป็นน้ำมัน น้ำมันของ ถั่ว ‘ซาชา อินชิ’ นี้ได้รับรางวัลเหรียญทองในด้านคุณภาพ organoleptic  ที่ดีเยี่ยม ในการแข่งขันน้ำมันที่กินได้ของโลก(the World Edible Oils competition) ที่กรุงปารีส ในปี 2004 และปี 2007

ชาวอินเดียนเผ่าชันคัสและเผ่าอื่น ๆ ในภูมิภาค เพาะปลูก ถั่ว ‘ซาชา อินชิ’กันมากว่า 3,000 ปี น้ำมันสกัดจากเมล็ดใช้ในการทำอาหาร เมล็ดและใบที่ทำสุกแล้ว ยังเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญอีกด้วย

ถั่ว ‘ซาชา อินชิ’ ตอนนี้ยังได้ครองตำแหน่งซุปเปอร์ฟูดอีกด้วย ในฐานะที่มคุณค่าทางอาหารสูง ถั่ว ‘ซาชา อินชิ’  มีโปรตีนสูง (27%) และน้ำมัน (35 - 60%) น้ำมันถั่ว ‘ซาชา อินชิ’อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3, โอเมก้า 6 และโอเมก้า 9 นอกจากยังอุดมไปด้วยไอโอดีน  วิตามินเอ วิตามินอี และอื่นๆ

ถั่ว ‘ชิกพี’ (Chickpea) หรือ Garbanzo beans คุณสายพินเคยเอากระทะมาตั้งปรุงถั่ว ‘ชิกพี’ ให้ดูแล้วในบล็อกนี้ พร้อมรายละเอียดคุณค่าทางอาหาร อ้อยหวานได้กินอยู่บ่อยๆ ใส่ในสลัดหรือเป็นแบบถั่วกรอบอร่อยดี แต่ไม่เคยเห็นต้น พอเห็นในบันทึกของคู่นักปั่นที่เขาไปเจอปลูกกันเต็มที่อินเดียตอนกลาง เป็นถั่วที่น่ารักมาก

เลยเอาต้น ดอก และเมล็ดมาให้ดูค่ะ เพราะหน้าตาน่ารักเหลือหลาย จนได้ชื่อไทยว่า ถั่วลูกไก่

ถั่ว ‘ชิกพี’ นี้จัดเป็นเป็นหนึ่งในผักที่ปลูกกันมานานและเก่าแก่ที่สุด มีการพบซากฟอสซิลในตะวันออกกลาง อายุถึง 7,500 ปีมาแล้ว

ต้นถั่ว ‘ชิกพี’ จะสูงประมาณ 20-50 ซม. ดอกมีตั้งแต่สีขาว ชมพู ม่วง แบ่งเป็น 3 พันธ์ใหญ่ๆ

- เดซิ (Desi) เม็ดเล็กสีเข้ม

- บอมเบย์ (Bombay) เม็ดสีเข้มแต่ใหญ่กว่าเดซิ

- คาบูลิ (Kabuli) เม็ดสีมีอ่อนและกว่าใหญ่ 2 ชนิดแรก

ประเทศที่ปลูกและส่งออกมากที่สุดคืออินเดีย

มีถั่ว ‘ชิกพี’ สีดำด้วย

ถั่วอันสุดท้าย ถั่ว‘เพรทเซล’ (Pretzel bean) เพราะรูปร่างคล้ายกับขนมเพรทเซลนั่นเอง ต้นจะสูงประมาณ 6 ฟุต

ดอกสีชมพูสวยมาก

ไม่มีข้อมูลมาก กินได้ทั้งฝักขณะที่ยังอ่อน ฝักแก่ตากแห้งกินเมล็ดเหมือนถั่วอื่นๆ

แต่รูปนี้น่ารักจัง ขอบคุณแนนซี่ บล็อกของเธอมีรูปสวยน่าดูมาก ดูได้ที่นี่ค่ะ

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่นี่ค่ะ

http://en.wikipedia.org/wiki/Plukenetia_volubilis

http://www.sacha-inchi-oil.com/

http://supermedicinalplants.blogspot.ca/2013/08/scientific-name-plukenetia-volubilis-l.html

http://en.wikipedia.org/wiki/Chickpea

http://www.gardenertofarmer.net/legumes/

http://hayefield.com/2012/12/01/three-neat-plants-17/

http://store.underwoodgardens.com/Pretzel-Bean-Cowpea-Vigna-unguiculata-subsp/productinfo/V1039/#.UxfWj842jKc

 I would like to Thanks everyone for all the resources for this blog. Thank you.

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

ขอบคุณค่ะ

 อ้อยหวาน

หลังจากแปลบทความเกี่ยวกับดอกซากุระให้เว็ป 'เจเปน ทัวร์ริส'ไป 20 บล็อก ดูดอกซากุระบนจอคอมพิวเตอร์จนฉ่ำตา (แต่ไม่ฉ่ำใจ) อ้อยหวานพร้อมแล้วที่จะเขียนบล็อกดอกซากุระของตัวเอง ถึงแม้จะยังไม่เคยเห็นของจริง รูปดอกซากุระในบล็อกนี้อ้อยหวานเอามาจาก http://yahbey.com/  มีรูปสวยๆ มากมายให้โลดฟรี และจาก WIKIPEDIAขอบคุณค่ะ

 นี่เป็น 5 รายการของบทความดอกซากุระใน 15 บทความที่อ้อยหวานแปลไว้ เผื่อจะสนใจไปอ่านกัน

ดอกซากุระที่โรงกษาปณ์โอซาก้า

ดอกซากุระพันธ์บานเร็ว ที่ Kanagawa

ซากุระที่โรงผลิตเหรียญกษาปณ์ฮิโรชิมา

ดอกซากุระที่สวนฮะนะมิยะมะ

ถนนวาคามิยะ-โอจิ ในคามาคุระ

และถ้าอยากอ่านและดูรูปสวยๆทั้งหมด ก็ให้พิมพ์คำว่า ซากุระบนช่องค้นหา ขอบอกว่าอ้อยหวานแปลไว้เยอะเลยค่ะ

ซากุระ เป็นพืชในตระกูล พรุนนัส (Prunus) ซึ่งรวมถึงพลัมเชอร์รี่ลูกพีชลูกเน็ททารีน (nectarines) แอ็ปปริคอต และอัลมอนด์ ซากุระหรือเชอร์รี่ญี่ปุ่นนี้ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Prunus serrulata เป็นต้นไม้พื้นเมืองของประเทศญี่ปุ่นเกาหลี และจีน ส่วนใหญ่จะเป็นไม้ประดับ ไม่มีผล

ดอกซากุระเป็นสัญญาลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น ซากุระพื้นเมืองของญี่ปุ่นมีอยู่ 600 กว่าสายพันธุ์

ดอกมีตั้งแต่สีขาว ขาวชมพู ชมพูอ่อน ชมพูเข้ม และเหลืองอ่อน

กลีบดอกมีตั้งแต่ 5 กลีบ ไปจนถึง 100 กลีบ ในรูปคือพันธ์กิกุซากุระ (Kikuzakura) ที่มีกลีบ 100 กลีบ

ดอกซากุระที่นิยมมากที่สุดในญี่ปุ่นคือพันธุ์โซะเมะอิ โยะชิโนะ ดอกมี 5 กลีบ และเกือบจะเป็นสีขาวบริสุทธิ์ แต้มด้วยสีชมพูนิดหน่อยตรงขั่ว ดูๆแล้วคล้ายกับดอกแอ็ปเปิลมาก ดูดอกแอ็ปเปิลที่บล็อกเก่าของอ้อยหวาน ได้ที่นี้ โอ้..เจ้าดอกแอ็ปเปิล   สวยไม่แพ้กันเลย

พันธุ์นี้เป็นพันธุ์ที่ห้อยลงมา ไม่ทราบว่าภาษาไทยจะเรียกว่าอะไร Weeping Cherry ใครรู้ช่วยบอกด้วย แต่อย่าแปลว่าซากุระร้องไห้ก็แล้วกัน ดูเหมือนน้ำตกซากุระเลย สวยจริงๆ

พันธุ์พิเศษพันธุ์ จิโอะอิโกะ (Gioiko) มีดอกสีเขียวเหลือง แปลกตามาก

น่าเสียดายที่ดอกซากุระจะบานอยู่แค่หนึ่งอาทิตย์เท่านั้น และค่อนข้างจะเปราะบางด้วย ตรงกับโวหารของญี่ปุ่นที่ว่า วาบิ ซาบิ ตีความได้ว่า ‘บางสิ่งบางอย่างมีความสวยงาม เพราะมันไม่สมบูรณ์แบบ หรือมีอยู่ระยะสั้น หรือไม่มีอยู่ตลอดไป’ เป็นแนวคิดที่ได้มาจากพุทธศาสนา ..ทุกสิ่ง บกพร่อง ไม่เที่ยง ไม่สมบูรณ์ (imperfect, impermanent and incomplete)

ดอกและใบซากุระกินได้ ที่ญี่ปุ่นจะนำมาใช้ปรุงอาหาร เอาดอกซากุระมาดองเกลือหรือน้ำส้มสายชูญี่ปุ่น นำมาใช้ทำขนมหวาน วิธีการดองก็จะใช้กล่องซึเกะโมะโนะกิ (Tsukemonoki) รูปร่างอย่างที่เห็น ดูรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่บล็อกนี้ค่ะ เธอเขียนและถ่ายรูปขั้นตอนวิธีทำละเอียดยิบเลย ขอบคุณค่ะ

ตากแห้งแล้วเป็นเช่นนี้ สวยจังเลย

ขนมหวานญี่ปุ่นที่เธอทำก็น่ากินมาก

ชาดอกซากุระที่เรียกกันว่า ‘ซากุระยุ’ (Sakurayu) นิยมเสริฟในพิธีงานแต่งงาน เพราะเป็นสัญญาลักษณ์ของการเริ่มต้น ชาซากุระยุนี้จะมีรสเค็มนิดหน่อย เพราะชงจากดอกซากุระมาดองเกลือ

ขนมโมจิซากุระเป็นขนมสำหรับเทศกาลซากุระ และเทศกาลเด็กผู้หญิง

ใบซากุระกินได้ แต่ไม่แนะนำให้ทานในปริมาณมาก เพราะว่ามีสาร coumarin ซึ่งเป็นพิษหากกินเกินขนาด

ข้าวหน้าปลาดิบห่อด้วยใบซากุระ

ประเพณีฮะนะมิ ประเพณีชมดอกไม้ เป็นประเพณีดั้งเดิมของญี่ปุ่น มีมาเมื่อพันกว่าปีมาแล้ว เห็นว่าทุกหนทุกแห่งจะมีคนเยอะมากๆ ถึงเยอะมหาศาล ต้องไปจองที่กันเลย ทุกแห่งจะมีจัดงานกัน เหมือนงานวัดบ้านเรา

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่นี่ค่ะ

http://en.wikipedia.org/wiki/Cherry_blossom

http://en.wikipedia.org/wiki/Prunus_serrulata

https://www.jnto.go.jp/eng/indepth/exotic/JapanesQue/1202/sakuraspot.html

http://www.japan-guide.com/e/e2011_species.html

I would like to Thanks everyone for all the resources for this blog. Thank you.

ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข

ขอบคุณค่ะ

อ้อยหวาน