Quantcast
Channel: บล็อก อ้อยหวาน
Viewing all 244 articles
Browse latest View live

สองล้อเที่ยวชมวิถีชีวิตเมืองคอน 2

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

Photo:

บล็อกนี้อ้อยหวานจะพาเพื่อนๆ ไปจักรยานปั่นเที่ยวเมืองคอนบ้านเกิดของอ้อยหวานกันต่อ เที่ยวตลอดเลยนะอ้อยหวาน ใครค่อนแคะก็ไม่รู้ แต่มันก็เป็นความจริง เพราะอ้อยหวานถือคติว่า การออกไปท่องเที่ยวคือการไปเรียนรู้ประสบการณ์จริง ที่หนังสือ หรือโรงเรียนให้ไม่ได้ การได้ดมกลิ่นสายลม สัมผัสแสงแดด เรียนรู้ประเพณี วัฒนธรรมท้องถิ่น พบปะผู้คนต่างถิ่น ต่างเชื้อชาติ ต่างภาษา คือการเรียนรู้โลก และการเรียนรู้โลกคือการเรียนรู้ตัวเอง

สำหรับอ้อยหวานแล้ว ไม่มีวิธีใดในการท่องไปเรียนรู้โลกและตัวเอง ที่ดีไปกว่าการปั่นจักรยานเที่ยว ขอย้ำ อีกที...ไม่มีวิธีใดที่ดีไปกว่าการปั่นจักรยานเที่ยวอีกแล้ว อ้อ.. แต่ยังมีวิธีที่ดีพอๆ กัน คือการเดินเที่ยว อ้อยหวานอ่านบล็อกของคู่ออสเตรเลียที่ชอบเดินเที่ยวทั่วฝรั่งเศส อ่านบล็อกของเขาได้ ที่นี่และเคยผ่านตากับบางคนที่เดินทางทั่วยุโรบบนม้า! โหสุดยอดเลย!

 

Photo:

หลายคนบ่นว่าอากาศเมืองไทยร้อน ปั่นจักรยานก็แย่นะสิ ขอบอกว่าไม่แย่ ทำมาแล้ว หลายครั้งนับไม่ถ้วน ด้วยการออกจากบ้านแต่เช้าพร้อมพระอาทิตย์ ดวงไฟต่างๆ ที่ศาลหลักเมืองนครศรีฯ ยังไม่ดับเลย เช้าๆ อากาศดี สดชื่น แสงสีก็สวยด้วยสำหรับการถ่ายรูป

 

Photo:

ปั่นเลยไปที่อื่นก่อน แล้วย้อนกลับมาถ่ายรูปที่ศาลหลักเมืองอีกครั้ง แม้วันนั้นฝนตกนิดหน่อย คนปั่นจักรยานก็ยังไม่ถอยเลย เรียกว่า ‘อิน’ แล้ว ก็ ‘อิน’ เลย

อ่านประวัติศาลหลักเมืองนครโดยละเอียดได้ ที่นี่

 

Photo:

ถูกใจกับกระถางธูปด้านหลังศาลหลักเมือง มีพระราหูอมจันทร์อยู่สามตน สวยแปลกตามาก

 

Photo:

ออกจากบ้านไปไม่ไกลก็เจอสวนแล้ว เมืองคอนนี้ดีหนักหนา ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว มีสวนยาง มีสวนมังคุด และอื่นๆ อีกมากมาย

อ้อยหวานเคยเขียนเล่าในบล็อกก่อนโน้นว่า คุ้นเคยกะยางพารามาตั้งแต่ตัวน้อยๆ เพราะตาและพ่อต่างทำมาหากินเลี้ยงครอบครัวมากับยางพารา เจอสวนยางทีไรก็ต้องหยุดชมทุกครั้ง

 

Photo:

คราวนี้มีนางแบบด้วย อ้อยหวานขออนุญาติถ่ายรูปป้า ก็เลยได้ยิ้มหวานเจี้ยบมาฝากเพื่อนๆ อย่าลืมทำงานกันอย่างมีความสุขนะ (ยิ้มป้าบอก)

 

Photo:

เก็บรูปการตัดยางหรือกรีดยางมาให้แม่ (อดีตผู้รู้เมื่อห้าสิบกว่าปีมาแล้ว) ดู แม่บอกว่าโอ้เดี๋ยวนี้แตกต่างจากเมื่อก่อนมาก วิวัฒนาการยางพาราก้าวล้ำนำหน้าอย่างกับไอแพดเลย คงเป็นยางพันธ์ใหม่ที่กรีดตั้งแต่อายุน้อย ในยามสาย แม่ว่าอย่างงั้น เพราะแต่ก่อนต้องตื่นกันตั้งแต่ยามสองยามสามมากรีดยาง พอสายก็เก็บน้ำยางกันแล้ว นี่หกโมงเช้าป้าเพิ่งแต่งตัวสวยมาทำงาน ยางพาราก้าวไปไกลจริงๆ

 

Photo:

ทุกเช้าที่ออกไปโต๋เต๋บนจักรยาน อ้อยหวานจะสวนทางกับชาย (ขอย้ำ ‘ชาย’ เพราะมีแต่ผู้ชายเท่านั้นที่ทำอย่างนี้) บนรถมอเตอร์ไซด์ มือเดียวขับรถ อีกมือหนึ่งถือกรงนก (อย่างทะนุถนอม) สวนทางกะอ้อยหวานไปหลายคัน อย่างนี้ต้องตามไปดู แล้วรู้ว่าโก๋เขานัดกันที่คาเฟ่นก เก๋ไหม?

 

Photo:

นุ่งสโร่ง ขี่มอเตอร์ไซด์ ถือกรงนกหัวจุก เปิดตำราโก๋เมืองคอน

หนุ่มๆ ก็เม้าส์กันไป ส่วนนกๆ ก็ส่งเสียงเจี้ยวจ้าวไม่แพ้กัน

 

Photo:

อีกมุมหนึ่งของเมืองคอน อ้อยหวานเคยพามาแล้วในบล็อกเก่าเก็บ แต่อยากให้ชมอีก ‘ปากนคร’ นี้มาบ่อย เพราะปั่นสิบสองกิโลเมตรจากบ้าน ไปกลับยี่สิบสี่กิโล กำลังพอเหมาะ ได้เหงื่อดี วิวสวย บรรยากาศสงบ สุดปลายปากนครจะมีศาลาหลวงปู่ทวด และสะพานตัวที (T) ที่ทอดตัวยาวออกไปในทะเล

 

Photo:

ยามเช้าสีสันสวยสุดใจ มีสีชมพูนิดๆ

 

Photo:

อีกด้านหนึ่งมีนักปั่นจองกันเต็ม

 

Photo:

ปั่นกันมาจากในตัวเมือง แล้วปั่นกลับ.. สนุกกว่าขี่มอเยอร์ไซด์อีกนะ

 

Photo:

รูปนี้พยายามทำให้เป็นรูปหัวใจพระอาทิตย์ แต่มีมือเดียว อีกมือถือกล้องถ่ายรูป เลยมีมีคนบอกว่าเหมือนปลาวาฬกระโดดขึ้นมางับพระอาทิตย์ ไม่รู้ดูกันยังไง!!

 

Photo:

กลับมาที่ลานวัดพระธาตุนครศรีธรรมราชกันอีกครั้ง เพราะอยากบอกข่าวงานใหม่ล่าสุด ถนนคนเดินที่มีชื่อเก๋ว่า ‘หลาดหน้าพระธาตุ’

 

Photo:

เอารูปที่น้องส่งมา ลงให้ดู ว่าสนุกสนาน น่าสนใจแค่ไหน

 

Photo:

ด้วยสโลแกน “ ตลาดต้องชม บนถนนสายธรรม”

 

Photo:

หลาดหน้าพระธาตุจัดขึ้นทุกวันเสาร์ 16.00-21.00 น. อย่าพลาดชม หากแวะไปที่เมืองคอน

 

Photo:

ไหว้พระเสร็จก็เดินชมตลาดต่อ ขอบอกว่าตอนนี้องค์พระธาตุมีโครงเหล็กล้อมอีกแล้ว! เป็นเพราะเหตุอันใด อ้อยหวานหารู้ไม่ แต่ขอจบบล็อกนี้ เพียงนี้แหละ

 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่อง “ก้าวเท้าที่นำไป ” ในตอนต่อไป

อ่าน “ก้าวเท้าที่นำไป ” ตอนแรก

ก้าวเท้าเดิน..ตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ

ก้าวเท้าเดิน..ตามรอยเวลา

สองล้อเที่ยวชมวิถีชีวิตเมืองคอน 1

 

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

ขอบคุณค่ะ

อ้อยหวาน

 


ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 1

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

Photo:

เรื่องเล่าในบล็อกชุดนี้เป็นเหตุการณ์ทีเกิดขึ้นเมึ่อต้นปีนี้ เข็มนาฬิกาหมุนกันอย่างรวดเร็ว เผลอแป๊บเดียว อ้อยหวานกลับมานอนเล่นที่บ้านแคนนาดาไปได้สองเดือนกว่าแล้ว เวลาเหมือนสายน้ำไหลไม่หวนกลับ….

กลับเมืองไทยครานั้น โรคไม่ชอบนั่งรถยนต์หรือรถไฟกำเริบ ไม่ว่าจะไกลหรือใกล้ อ้อยหวานก็ไม่อยากไปทั้งนั้น (นอกจากจะปั่นจักรยานไป) พอคุณผู้ชายถามว่า เราจะไปปั่นจักรยานเที่ยวไทยที่ไหนดี อ้อยหวานก็รีบบอกทันใดว่า ไม่ใกล้ไม่ไกล ทะเลสาบสงขลานี่เอง

Photo:

อ้อยหวานขอคัดลอกข้อมูลจากวิกิเพียเดีย มาให้อ่านเพิ่มความรู้

ทะเลสาบสงขลาเป็นทะเลสาบแห่งเดียวในประเทศไทยที่มีอาณาเขตติดต่อกันถึง 3 จังหวัด และมีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 1,000 ตารางกิโลเมตร ได้แก่ จังหวัดพัทลุง, จังหวัดสงขลา และ จังหวัดนครศรีธรรมราช

น้ำในทะเลสาบสงขลาได้รับจากเทือกเขาบรรทัดและเทือกเขาสันกาลาคีรี ลุ่มน้ำในแถบนี้เรียกว่า "ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา"แบ่งออกได้เป็น 4 ตอนใหญ่ ๆ ได้ดังนี้

-ทะเลน้อยเป็นช่วงต้นของทะเลสาบคาบเกี่ยวอยู่กับ 3 อำเภอ 3 จังหวัด อันได้แก่ อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช และ อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา เป็นทะเลสาบน้ำจืด มีพื้นผิวน้ำราว 30 ตารางกิโลเมตร

-ทะเลสาบตอนบนเป็นทะเลสาบตอนที่ 2 ต่อจากทะเลน้อยจนถึงแหลมจองถนนและแหลมควายราบฝั่งเกาะใหญ่

-ทะเลสาบตอนกลางจากทะเลสาบตอนบนมาจนถึงปากแม่น้ำหลวงของเขตอำเภอปากพะยูน

-ทะเลสาบตอนล่างเป็นทะเลสาบที่อยู่รอบ ๆ เกาะยอ และมีปากน้ำที่ไหล่ออกสู่อ่าวไทย

สนใจอ่านรายละเอียดได้ที่ วิกิพีเดีย

https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%A5%E0%B8%B2

ขอบคุณค่ะ

 

Photo:

เราวางแผนปั่นไปเรื่อยเท่าที่มีเวลา และหยุดพักค้างคืนในที่ที่มีที่พักไว้บริการ ระยะทางประมาณ 45-50 กิโลต่อวัน แต่เริ่มเช้าวันแรก เราก็ทำผิดกฏที่สำคัญของการปั่นเที่ยวในประเทศไทยของเรา ไปอย่างจังๆ กฏข้อนั้นก็คือ

ออกแต่เช้าพร้อมพระอาทิตย์ เพื่อให้ถึงที่หมายก่อนสิบเอ็ดโมงเช้า ก่อนที่พระอาทิตย์จะแผดเผา จนมันสมองของเราละลาย กฏข้อนี้คือกฏเหล็ก เพราะเราสองคนเจอมากับตัวเอง เมื่อคราวปั่นจักรยานรอบเมืองกาญจนบุรี แต่เนื่องจากต้องรอติดรถน้องไปลงบนทางหลวงก่อนถึงทะเลน้อย กว่าจะเริ่มปั่นก็สายมากแล้ว แถมยังหยุดกินก่วยเตี๋ยวรองท้องที่ทะเลน้อยอีกด้วย พอถึงช่วงสะพานยกระดับ แสงแดดก็แผดจ้าตรงหัวพอดี

 

Photo:

สะพานยกระดับที่เคยประทับใจอ้อยหวานมากมายเมื่อคราวก่อน กลับจืดจางลงไปอักโข เพราะแถบนี้ไม่มีร่มไม้เลยแม้แต่น้อย

แม้จะมีน้องนก และฝูงควายให้ชมมากมาย แต่ตาของอ้อยหวานเริ่มจะลาย เพราะเมาแดด ต้องหยุดพักทานน้ำบ่อยครั้ง กว่าจะถึงที่พักที่ปากเบง ก็ปาไปบ่ายสองโมง ระยะทางเพียง 45 กิโลเมตร แต่ให้ความรู้สืกเหมือนปั่นมาร้อยกิโล

 

Photo:

สองนกแห่งทะเลน้อย ยืนคอยต้อนรับผู้มาเยือน

 

Photo:

นกขาเทียน มีให้ชมเป็นฝูง

 

Photo:

แม้วันนั้นท้องฟ้าจะมีเมฆเป็นบางส่วน แต่แสงแดดที่แผดจ้านั้น ทอดไข่เจียวกลางถนนได้เลย

 

Photo:

ระดับน้ำในช่วงนี้ต่ำพอสมควร

 

Photo:
ถึงที่พักที่เราติดต่อมาร่วงหน้า ได้อาบน้ำ อบไอแอร์ สองสามชั่วโมง เราก็สดชื่นขึ้น เหมือนต้นไม้ได้น้ำ ทันเวลาออกไปชมบ้านชมเมือง และทานอาหารเย็น ปากเบงมีจุดชมวิวทะเลสาบสงขลาที่สวยงามมาก เป็นลานอเนกประสงค์ใหม่เอี่ยมให้เด็กๆ ได้กระโดดโลดเต้น และปั่นจักรยานเล่น ขนาดผู้ใหญ่ยังมันส์เลย

 

Photo:

เราแวะทานข้าวที่ร้านแถวจุดชมวิว และอยู่รั้งรอจนตะวันตกดิน ถึงวันนี้จะไม่มีตะวันดวงโตให้ชม แต่ก็จัดว่าเป็นวิวที่สวยถูกใจ

 

Photo:

เช้าวันรุ่งขึ้น เราออกจากปากเบงกันแต่เช้า จากปากเบงริมทะเลสาบสงขลา สู่อ่าวไทยมีระยะทางเพียง 7.5 กิโลเมตร หลังจากแวะกินข้าวต้มโจ๊กที่ระโนดแล้ว เรายังมีเวลาปั่นมาชมพระอาทิตย์ขึ้นที่อ่าวไทย

 

Photo:

ถนนหลังพาเราเลาะเลียบหมู่บ้านเล็กหมู่บ้านน้อย แถบนี้มีการเลี้ยงเป็ดกันหลายเจ้า ฝูงนี้คงถูกต้อนไปว่ายน้ำเล่นกันตั้งแต่ไก่โห่ สายหน่อยก็ต้อนกลับเข้าเล้า เลยไปหน่อยมีการทำฟาร์มหอยเป๋าฮื้อ (abalone) แต่ฟาร์มหอยดูท่าจะไม่รุ่ง มีหลายแห่งปิดร้าง

 

Photo:

บนแผนที่กูเกิ้ลมีถนนที่เลียบชายฝั่งทะเลไปเกือบตลอดสาย และเป็นถนนลูกรังที่ขรุขระอย่างแรง ปั่นจักรยานทางไกลบนถนนแบบนี้ จะทำให้เจ็บหัวเข่าและข้อมือ

 

Photo:

เราเลยเปลี่ยนใจยอมปั่นเลาะเลี้ยวเข้าออกไปตามหมู่บ้าน ได้ชมบ้าน ชมสวน เพลินใจดี

 

Photo:

และบางครั้งถนนก็เลียบทะเล แต่ขอบอกว่ามีขยะ! มากมาย

เมืองไทยมีปัญหาเรื่องขยะที่แก้ไม่ตก ไม่ไหนมาไหน อ้อยหวานก็เห็นมีคนกวาดขยะทำงานนักและเคร่งเครียด แต่คนสะเพร่าทิ้งขยะมีเยอะกว่าคนเก็บกวาด ทำให้ริมถนน ริมหาด ในแม่น้ำลำคลอง หรือคูน้ำ ไม่ว่าจะในเมือง นอกเมือง แม้แต่ในป่า ก็มีขยะอยู่เต็ม! ปัญหาที่แก้ไม่ตก!

 

Photo:

ระยะทางประมาณ 47 กิโลเมตร เราก็มาถึงที่พักริมทะเลสุดหรูของแถบนี้ แม้จะแพงหน่อย แต่ก็มีสระว่ายน้ำให้เราแช่คลายร้อน มีร้านอาหารอร่อยภายในตัวโรงแรม และชายหาดที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ขาวสะอาด ไร้ขยะ

 

Photo:

แดดร่ม ลมตก นอนฟังเสียงคลื่นล้อเล่นกับหาดทราย เป็นการพักหย่อนใจที่ดีจริง!

 

Photo:

มนุษย์เปรียบเหมือนกับเปลือกหอยหลากสีสันบนชายหาด ต่างก็มีความงามและเรื่องราวที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง

 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่อง “ก้าวเท้าที่นำไป ” ในตอนต่อไป

 

อ่าน “ก้าวเท้าที่นำไป ” ตอนแรก

ก้าวเท้าเดิน..ตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ

ก้าวเท้าเดิน..ตามรอยเวลา

สองล้อเที่ยวชมวิถีชีวิตเมืองคอน 1

สองล้อเที่ยวชมวิถีชีวิตเมืองคอน 2

 

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

อ้อยหวาน

 

ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 2

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

Photo:

หลังจากได้พักผ่อน นอนฟังเสียงคลื่นกระทบอ่าวไทยในบล็อกที่แล้วเช้าของอีกวันเราหมุนล้อออกจากที่พักพร้อมพระอาทิตย์ มุ่งหน้าไปทางใต้สู่ตัวเมืองสงขลา

ด้วยระยะทางเพียง 35.5 กิโลเมตร เราเลือกเส้นทางเลียบอ่าวไทย ซึ่งเป็นถนนท้องถิ่นสายเล็กๆ และส่วนใหญ่จะเลียบชายหาด และมุ่งตรงสู่ท่าแพขนานยนต์ข้ามทะเลสาบสงขลา ส่วนอีกเส้นทางหนึ่งที่สามารถไปถึงสงขลาได้เช่นกัน คือเส้นทางที่เลียบทะเลสาบ และข้ามสะพานที่เกาะยอ แต่ต้องปั่นบนทางหลวง ซึ่งคู่ปั่นของอ้อยหวานไม่นิยม เมื่อหลายปีที่แล้ว อ้อยหวานเคยปั่นเดี่ยวจากหาดใหญ่มาเกาะยอ ดูจากบล็อกเก่าของอ้อยหวาน รอเธอที่..เกาะยอ  และ ฟ้าสางที่..เกาะยอ

 

Photo:

เป็นเส้นทางที่สวยมาก แต่….ก็มีขยะมากเช่นกัน

 

Photo:

ลากอวนหาปลาริมหาด

 

Photo:

ชิว..ชิว การปั่นจักรยานเที่ยวนั้น ระหว่างทางมีค่าเท่ากันกับจุดหมายปลายทาง และบางครั้งก็อาจจะให้ความเพลิดเพลินมากกว่าเสียอีก จากประสบการณ์การท่องเที่ยวของอ้อยหวาน การปั่นจักรยานเที่ยวเป็นการท่องเที่ยวที่ดีที่สุด เก็บรายละเอียด สัมผัสวิถีชีวิตและบรรยากาศของท้องถิ่นได้อย่างลึกซึ้ง

 

Photo:

ไม่นานเราก็ถึงท่าแพขนานยนต์ ไม่ต้องรอเลยละ มาถึงก็ขึ้นแพเลย จักรยานขึ้นฟรี! ไม่ถึงสิบห้านาทีก็ถึงแหลมสมิหลา ได้ชมวิวปลายสุดของทะเลสาบสงขลา ท่าเรือน้ำลึก หมู่บ้านมุสลิมเชิงเขาแดง

 

Photo:

และฐานทัพเรือสงขลา

จากท่าแพขนานยนต์ไปยังตัวเมืองสงขลานั้นไม่ไกลเลย สี่กิโลกว่าๆ ก็ถึงแล้ว

 

Photo:

เช้าวันต่อมา เราก็เริ่มทัวร์สงขลาด้วยการปั่นจักรยานกลับไปที่ท่าแพขนานยนต์อีกครั้ง แต่คราวนี้เราไม่ได้ขึ้นแพ แต่ปั่นเลยไปยังแหลมสน จุดสูงสุดของแหลมสมิหลา บริเวณนี้อยู่ตรงกันข้ามกับท่าเรือน้ำลึกพอดิบพอดี ทัวร์วันนี้มีชื่อเรียกว่า ‘ตามหาพญานาคที่แหลมสมิหลา’  

********

นาค หรือ พญานาค เป็นสัญลักษณ์ของการกำเนิดน้ำ ความยิ่งใหญ่ แห่งน้ำ เป็นเทพแห่งการให้น้ำ และความอุดมสมบูรณ์แก่สรรพชีวิตทั้งปวง ชาวใต้มีความเชื่อว่า นาค หรือ พญานาค จะพ่นโปรยน้ำทิพย์มาชโลมไล้ให้มนุษยื มีความสุขสดชื่น ชำระล้างมลทินทั้งกายและใจ

ในปี พ.ศ. 2549 นายอุทิศ ชูช่วย นายกเทศมนตรีนครสงขลาได้ มีความคิดที่จะสร้าง นาค หรือ พญานาค เพื่อเป็นสิริมงคล และความเจริญรุ่งเรืองแก่เมืองสงขลา จึงให้อาจารย์มนตรี สังข์สิกานนท์ อาจารย์มหาวิทยาลัยทักษิณ เป็นผู้ดำเนินการ ออกแบบเป็นนาค หรือ พญานาค และได้ทำพิธีเปิด ปติมากรรมนาค หรือ พญานาค อย่างเป็นทางการในปี พ.ศ.2550

***********

ปฏิบัติการตามหาพญานาคจะง่ายมาก ถ้าพญานาคทั้งตัวอยู่ในจุดเดียวกัน มันง่ายเกินไป และไม่สนุก พญานาคของสงขลาจึงออกแบบมาเป็นสามส่วน และนี่ก็คือส่วนหัว เราไปกันเช้าเกินไป พญานาคจึงยังไม่พ่นน้ำ

 

Photo:

ส่วนท้อง ตั้งอยู่ใกล้กับหาดสมิหลา การค้นหาพญานาคให้สนุก อ้อยหวานขอแนะนำให้ปั่นจักรยาน นั่งรถไปไม่สนุกหรอก จืดชืด ไร้รสชาติ

 

Photo:

หาดสมิหลา วันนั้นเขามีการแข่งขันกีฬา Samila Triathon Fun

 

Photo:

ทำให้นางเหงือกมีคนขอถ่ายรูปด้วยมากมาย รูปนี้มีสัญลักษณ์ของหาดสมิหลาอยู่ครบครัน นางเหงือกทองซึ่งมีอายุครบ 51 ปี เมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา ส่วนในทะเลก็มีเกาะหนูและเกาะแมว

 

Photo:

ส่วนหาง ตั้งอยู่ก่อนถึงสนามกีฬาติณสูลานนท์ ระยะทางจากหัวพญานาคจนถึงหางประมาณเกือบสี่กิโล เลยจุดนี้ไปจะมีชายหาดน่านั่งพักเหนื่อย

 

Photo:

หาดชลาทัศน์ มีทั้งหาดทราย ทิวมะพร้าว และสนามหญ้าเขียวขจี เป็นชายหาดที่สะอาดสะอ้านมาก น่าเอาเสื่อมาปูนอนเล่นฟังเสียงคลื่น

 

Photo:

หรือเล่นเกมส์กับเพื่อน

 

Photo:

ถ้าปั่นเลยไปหน่อยก็จะได้ชมวิวนี้

 

Photo:

 

เย็นวันนั้นเราปั่นกลับไปที่หาดชลาทัศน์อีกครั้ง

 

Photo:

เพื่อลิ้มลองอาหารทะเลริมหาด ไม่ต้องปรุงมาก เพียงแค่ปิ้งให้สุกพอดี ทานกับน้ำจิ้มเลิศรส ก็อร่อยเหาะ!

เช้าวันรุ่งขึ้น เราปั่นจักรยานออกจากเมืองที่มีคำขวัญประจำจังหวัดว่า "นกน้ำเพลินตา สมิหลาเพลินใจ เมืองใหญ่สองทะเล เสน่ห์สะพานติณ ศูนย์การค้าแดนใต้"กันแต่เช้า ไปไหนต่อ ติดตามบล็อกต่อไป

 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่อง “ก้าวเท้าที่นำไป ” ในตอนต่อไป

 

อ่าน “ก้าวเท้าที่นำไป ” ตอนแรก

ก้าวเท้าเดิน..ตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ

ก้าวเท้าเดิน..ตามรอยเวลา

สองล้อเที่ยวชมวิถีชีวิตเมืองคอน 1

สองล้อเที่ยวชมวิถีชีวิตเมืองคอน 2

ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 1

 

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

 

อ้อยหวาน

 

ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 3

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

Photo:

ก้าวเท้าออกไป ก้าวเท้าเดินออกไปเถิด ฉันขอร้อง

ออกไปสัมผัสความงามแห่งสายลม

ไปตกตลึงพรึงเพริด กับสิ่งมหัศจรรย์ของโลก

ด้วยจิตใจที่น่าพิศวงของเด็กน้อย

Go out, go out I beg of you    

And taste the beauty of the wild.    

Behold the miracle of the earth    

With all the wonder of a child.  

-Edna Jaques นักเขียนชาวแคนนาดา

 

Photo:

ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน บนจุดใดของโลกนี้ ทุกๆ สถานที่ ต่างก็มีเรื่องราว มีประวัติ มีความงาม ที่จะบอกกล่าว และนำเสนอแก่นักเดินทาง การอ่านหนังสือ ดูหนัง ดูทีวี ที่เกี่ยวกับสถานที่แต่ละแห่ง มันเป็นเพียงอาหารว่างลองท้อง แต่การพาตัวเองออกไปที่นั่น ไปสัมผัส จมแช่ กับบรรยากาศ ความงดงาม ที่แตกต่าง เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น คือการได้ทานอาหารจานหลัก แถมของหวานครบสูตร

การปั่นจักรยานเที่ยว ที่ไหนๆ ก็เที่ยวได้ มีเวลาน้อย ก็เที่ยวแถวบ้าน มีเวลามาก ก็ไปเที่ยวแถวบ้านคนอื่นไกลออกไป ต่างอำเภอ ต่างจังหวัด ต่างประเทศ หรือต่างทวีป ไปดูสิว่าเพื่อนร่วมโลกของเรา เขากินอยู่กันอย่างไร ทำสวนปลูกต้นไม้อะไร มีวิถีชีวิตเยี่ยงไร อย่ามัวนอนแช่จมอยู่กับบ้าน ก้อ..ชีวิตคือการเดินทาง

 

Photo:

จากสงขลาก็ถึงเวลาปั่นย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นของทริปนี้ เรามีเวลาสามวัน และไม่รีบร้อนไปไหน เพื่อหลีกเหลี่ยงถนนสายหลัก เราจึงกลับไปที่ท่าแพขนานยนต์ ซึ่งตั้งอยู่ตรงปลายสุดของทะเลสาบสงขลาอีกครั้ง บอกลาเมืองสองทะเล ขึ้นแพ ข้ามกลับไปยังฝั่งอำเภอระโนด แล้วปั่นไปบนถนนสายเล็กสายน้อย ผ่านเทือกสวนไร่นา

 

Photo:

แถวที่มีชื่อว่า บ้านมะม่วงงาม งามจริงๆ ห้อยระย้าอย่างนี้ไปตลอดทาง

 

Photo:

แล้วเราก็ข้ามสะพานไปยังเกาะนางคำ หนึ่งในเกาะที่ใหญ่ที่สุดในทะเลสาบสงขลา ซึ่งเป็นเขตของจังหวัดพัทลุง เมืองมโนราห์

เส้นทางที่เราเลือกปั่น ต้องข้ามสะพานกันหลายแห่ง จากเกาะนางคำข้ามไปยังเกาะเล็กๆ ที่ไม่มีชื่อ จากนั้นก็ข้ามไปยังเกาะหมาก พื้นที่ส่วนใหญ่ของทั้งสองเกาะจะเป็นสวนปาล์ม ทำให้มีรถบรรทุกปาล์มคันโตๆ วิ่งผ่านไปมาอยู่หลายคัน แต่ทุกคันก็ฝึกมาดี เป็นมิตรกับจักรยาน ชลอความเร็วเมื่อวิ่งผ่านเรา คงเป็นเพราะแถบนี้เขากำลังพัฒนาให้เป็นพื้นที่ปั่นจักรยานท่องเที่ยว การท่องเที่ยวสีเขียว เพื่อโลกที่น่าอยู่

 

Photo:

ภาพที่มองเห็นจากที่พักของเรา เบดแอนด์โบ๊ท อ่าวพะยูน รีสอร์ท ริมทะเลสาบสงขลา อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง อ้อยหวานคิดว่าคงเป็นเกาะสี่ เกาะห้า

**********

หมู่เกาะสี่ เกาะห้า เป็นหมู่เกาะหินปูนซึ่งตั้งอยู่ในทะเลสาปสงขลาตอนใน ตำบลเกาะหมาก อำเภอปากพะยูน อยู่ห่างจากเกาะหมากไปทางทิศตะวันตกประมาณ 1.6 กม. สาเหตุที่เรียกว่า "เกาะสี่เกาะห้า"เนื่องจากเมื่อมองจากทิศใต้และทิศเหนือจะเห็นเป็นเกาะสี่เกาะ แต่ถ้ามองจากทิศตะวันตกจะเห็นเป็นเกาะห้าเกาะ จึงเรียกว่า เกาะสี่เกาะห้า

หมู่เกาะสี่เกาะห้า ประกอบด้วยเกาะเล็กเกาะใหญ่มากมาย เช่น เกาะท้ายถ้ำดำ เกาะร้านไก่ เกาะรูสิม เกาะหน้าเทวดา หรือเกาะมวย เกาะกันตัง เกาะป้อย เกาะตาใส เกาะยายโส เกาะกระ เกาะราบ ซึ่งเป็นดินแดนประวัติศาสคร์ ธรรมชาติสมบูรณ์ บริเวณทะเลสาบพัทลุง-สงขลา-นครศรีธรรมราช เป็นที่ก่อกำเนิดชุมชน อารยธรรม ศิลปวัฒนธรรมนับพันปี และสืบเนื่องมาเป็นวิถึชีวิตปัจจุบัน ผสมผสานกับวัฒนธรรมสมัยใหม่

นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมถ้ำรังนกนางแอ่นธรรมชาติได้ และมีเรือนำชมเกาะต่างๆ และมีที่พักรองรับนักท่องเที่ยวบนเกาะ ติดต่อที่โทร. 0 9812 1276, 0 1599 7778

ติดต่อสอบถาม:ททท. สำนักงานหาดใหญ่ 0 7423 1055, 0 7423 1055, 0 7423 8518

ขอบคุณข้อมูล และอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://www.touronthai.com/article/3340

 

Photo:

เช้าวันรุ่งขึ้น เราปั่นไปบนถนนเลียบทะเลสาบเกือบตลอดสาย ป้ายข้างถนนที่เป็นรูปแบบนี้ หาดูไม่ได้ง่ายๆ นะจ้ะ

 

Photo:

แถบนี้เขานิยมเลี้ยงวัวชน เช้าๆ อย่างนี้ก็ต้องพามาออกกำลัง เดินเรียงแถวกันมากมายหลายคนและหลายตัว

 

Photo:

อยากแวะที่ไหน ก้อแวะได้ตามใจฉัน

วิวเกาะต่างๆ ในทะเลสาบสงขลา

 

Photo:

ใกล้ถึงที่พัก บริเวณที่คลองปากประ ไหลลงสู่ทะเลสาบสงขลา

 

Photo:

ที่ซุกหัวนอนสองคืนของเรา ถูกใจกันมากมาย มีร้านอาหารที่แสนอร่อย เงียบสงบ ราคาพอเหมาะ คืนนั้นพายุเข้า แต่เรานอนหลับสบาย ไม่มีน้ำฝนรั่วซึม

 

Photo:

เช้าวันรุ่งขึ้นฟ้าฝนไม่เป็นใจ สำหรับชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น แต่ไม่เป็นไร เรายังพักอยู่ที่นี่อีกหนึ่งคืน แสงหม่นหมองแบบนี้ ก็ดูสวยไปอีกแบบหนึ่ง

 

Photo:

ถึงฝนจะตก แต่ฟ้าไม่ร้อง หลังอาหารเช้า สองจักรยานก็ออกทัวริ่ง วันนี้ไม่เร่งรีบ ไม่มีกระเป๋า เพราะเราจะกลับมานอนที่เดิม วันนี้อาจจะตั้งชื่อว่าทัวร์ลุยโคลน เพราะถนนหลังที่เราผ่านไป ส่วนใหญ่จะเป็นถนนดินลูกรัง ได้ฝนนิดๆ หน่อยๆ ก็เละ เส้นทางวิ่งซอกแซกผ่านนาข้าว สวนปาล์ม และหมู่บ้านน้อยใหญ่

 

Photo:

เห็นยายนั่งสานกระจูด ก็แวะดูอยู่พักใหญ่

*********

กระจูด หรือ จูด (ชื่อวิทยาศาสตร์: Lepironia articalata) เป็นพันธุ์ไม้จำพวก "กก" (Sedge) ลักษณะลำต้นกลมสีเขียวอ่อน ดินสอดำ สูงประมาณ 1 - 2 เมตร ออกดอกเป็นกระจุกแน่นคล้ายดอกกระเทียมที่ข้างลำต้นใกล้ยอดกระจุกหนึ่ง แต่มีช่อดอกปลายลำต้นอีกหนึ่งช่อซึ่งมีใบเล็กประกอบช่อด้วย กระจูดชอบขึ้นในพื้นที่น้ำขังซึ่งเรียกว่าโพระหรือพรุ มีถิ่นกำเนิดจากทางเกาะมาดากัสการ์ มอริเซียส ลังกา สุมาตรา แหลมมาลายู และหมู่เกาะต่าง ๆ ในแหลมมาลายู อินโดจีนตอนริมฝั่งทะเล ฮ่องกง บอร์เนียว ตลอดถึงออสเตรเลีย ริมฝั่งตะวันออก

การใช้ประโยชน์

ต้นกระจูด นำไปฝึ่งแดดให้แห้งสนิท สามารถนำมาผลิตงานจักสานเป็น เสื่อปูรองนั่งที่เรียกกันว่า 'เสื่อกระจูด'หรือ 'สาดกระจูด'โดยการสานเสื่อกระจูดโดยทั่วไปนิยมสานลวดลาย มาตรฐาน คือ ลายขัดสอง หรือลายขัดสาม และมีการพัฒนาดัดแปลงลวดลาย เช่น ลายลูกแก้ว ลายดาวล้อมเดือน ลายดอกจัทนทร์ ลายก้านต่อดอก ลายโคม ลายแก้วเนื่อง ลายแก้วบ้านดอน ลายตัวหนังสือ เป็นต้น และมีการทำผลิตภัณฑ์เช่น สายกระเป๋าเครื่องใช้ต่าง ๆ ใช้ทำใบเรือ ทำเชือกผูกมัด

แหล่งผลิตที่สำคัญ อยู่ที่หมู่บ้านทะเลน้อยจังหวัดพัทลุง หมู่บ้านบ่อกรัง จังหวัดสุราษฎร์ธานี หมู่บ้านสะกอม จังหวัดสงขลา หมู่บ้านทอนทอน จังหวัดนราธิวาส ปัจจุปันมีการผลิตจำหน่ายมาก ใน ตำบลเคร็ง อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช

ขอบคุณข้อมูลจาก วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

 

Photo:

อันนี้คงจะเป็นกระเป๋าใบสวย ในอนาคต พัทลุงมีแหล่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องจักรสานจากกระจูดอยู่หลายแห่ง แหล่งใหญ่คงจะเป็นบริเวณหน้าอุทยานนกน้ำทะเลน้อย

 

Photo:

เจอต้นนี้ก็ต้องหยุดอีกครั้ง เป็นต้นไม้ที่ทำให้อ้อยหวานหวลระลึกถึงอดีตอันไกลโพ้น สมัยเด็กๆ ชอบทานลูกโทะ ลูกไม้ที่ไม่มีขายในตลาด อยากกินต้องลุยทุ่ง ลุยดง หาเก็บกินเอาเอง ลูกมีลักษณะคล้ายบลูเบอรี่ของฝรั่ง แต่ผิวมีขนเล็กๆ ไม่เรียบเหมือนบลูเบอรี่ เสียดายที่ไม่มีลูกไหนสุกให้เก็บกินได้เลย

*****

โทะหรือทุ หรือพรวด หรือพรวดกินลูก มีชื่อวิทยาศาสตร์: Rhodomyrtus tomentosa เป็นพืชในวงศ์ Myrtaceae กิ่งอ่อนและยอดอ่อนมีขนสีขาว ใบเดี่ยว ไม่ผลัดใบ ใบอ่อนและดอกมีผงรังแคสีขาวหรือเหลืองปกคลุม ใบเหนียวคล้ายหนัง ผิวใบด้านบนเป็นมัน ผิวใบด้านล่างมีผงรังแค เส้นใบนูน ดอกช่อ ออกตามง่ามใบ สีม่วงแกมชมพู ดอกแก่สีขาว ผลเดี่ยว กลม กลีบเลี้ยงติดทน ผลสดแบบมีเนื้อหลายเมล็ด สีดำแกมม่วง มีผงรังแคปกคลุม รสหวาน มีเมล็ดมาก ผลแก่สีม่วงคล้ำถึงดำ แบ่งเป็น 2 พันธุ์ คือ

  • var. tomentosa พบในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจีนตอนใต้ มีผงรังแคสีขาวปกคลุม

  • var. parviflora พบในอินเดียและศรีลังกา ใบมีผงรังแคสีครีมหรือสีเหลืองปกคลุม

การใช้ประโยชน์

ไม้ใช้ทำเครื่องมือประมง ผลรับประทานได้เมื่อดิบรสฝาด สุกจัดรสหวาน หรือเป็นอาหารนก บางพื้นที่ใช้ทำแยมและเยลลี ในมาเลเซียใช้ผลแก้ท้องเสียและปวดท้อง ในอินโดนีเซียใช้ใบตำละเอียด พอกรักษาแผล ยางเหนียวจากเนื้อไม้สีดำ ใช้ทาฟันและคิ้วให้ดำ ในชวาใช้เป็นไม้ประดับ

ขอบคุณข้อมูลจาก วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

 

Photo:

นาข้าวเขียวขจี นี่ขนาดต้นเดือนเมษยน ทางใต้ยังมีฝนหลงฤดู

 

Photo:

เช้าของอีกวัน แสงสียามเช้าอันงดงามตระการตา ได้ยินไหม? ได้ยินเสียงของความเงียบสงบ และความงามที่ธรรมชาติสร้างสรรไหม?

 

Photo:

เวลาผ่านไปไม่กี่นาที ก็เริ่มมีชาวบ้านมาจับจองยอหาปลาหากุ้งกัน  ที่จริงเขามีบริการนั่งเรือออกไปชมพระอาทิตย์ และดูนกกันในตอนเช้า แต่อ้อยหวานไม่นิยมเรือหางยาว มลพิษทางเสียง อยากบอกว่าเกือบได้ตำแหน่งเรือที่มีเสียงดังมากที่สุด ลำก็ไม่ใหญ่โต แต่เสียงใหญ่เกินตัวมากมาย ไปถึงไหน ความสงบแตกกระจุยกระจาย

 

Photo:

เที่ยงของวันนั้น ท่านแม่และน้องสาวเอารถมารับเรากลับบ้าน ก็ต้องเก็บภาพเป็นที่ระลึกกันหน่อย แถมแวะทานอาหารกลางวันแกล้มวิวงามๆ กันด้วย ขอบคุณมากค่ะ

หลังจากวันเช็งเม้งหรือวันไหว้บรรพบุรุษ ช่วงเทศกาลที่อ้อยหวานห่างหายไปนานหลายสิบปี เราก็บอกลาพ่อแม่ พี่น้อง และจักรยานทั้งสองคัน บินลัดฟ้าสู่แดนอาทิตย์อุทัย เพราะอ้อยหวานมีนัดไว้กับหัวใจ (อีกแล้ว)

 

Photo:

ก้าวเท้าออกไป ก้าวเท้าเดินออกไปเถิด ฉันขอร้อง

ออกไปสัมผัสความงามแห่งสายลม

ไปตกตลึงพรึงเพริด กับสิ่งมหัศจรรย์ของโลก

ด้วยจิตใจที่น่าพิศวงของเด็กน้อย

 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่อง “ก้าวเท้าที่นำไป ” ในตอนต่อไป

 

อ่าน “ก้าวเท้าที่นำไป ” ตอนแรก

ก้าวเท้าเดิน..ตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ

ก้าวเท้าเดิน..ตามรอยเวลา

สองล้อเที่ยวชมวิถีชีวิตเมืองคอน 1

สองล้อเที่ยวชมวิถีชีวิตเมืองคอน 2

ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 1

ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 2

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

อ้อยหวาน

 

โลกนี้สีชมพู 1

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

Photo:

ฉันไม่รู้ว่า...โลกของเธอนั้นเป็นสีอะไร?

แต่โลกของฉัน..เป็นสีชมพู

เพราะฉันได้เก็บเกี่ยวภาพความงามของทุ่งดอกไม้

เก็บไว้ทุกดอก ทะนุถนอมไว้ในใจ

ยามใดฟ้าหม่น ชีวิตเริ่มหมอง

ภาพดอกไม้สีชมพู ในใจฉัน...จะเริ่มทยอยกันออกมา

ปลอบประโลมใจฉัน.. ด้วยสีชมพู

 

Photo:

แม้ว่าอ้อยหวานได้พบเจอกับเธอ ...ดอกซากุระ มาหลายครั้งหลายครา (อ่านครั้งล่าสุดได้ที่บล็อกนี้ ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดอกซากุระ..สัญลักษณ์แห่งชีวิตและความไม่ยั่งยืน ) แต่ทุกครั้งก็เจอพวกเธอ ตรงนั้นนิด ตรงนี้หน่อย กระปริบกระปรอย ไม่หนำใจ กลับไปอีกครั้งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ระหว่างทางกลับบ้านจากเมืองไทยไปแคนนาดา อ้อยหวานได้วางแผนนัดกับเธอๆ ครั้งใหญ่ แบบล้นหลาม และให้สะใจกันไปเลย ต้นซากุระของโตเกียวและพื้นที่ใกล้เคียงจะพากันบานเต็มที่ในช่วงอาทิตย์แรกของเดือนเมษายน ไปหลังจากวันเช็งเม้งหรือวันไหว้บรรพบุรุษกำลังพอดี บางแห่งอาจจะเริ่มโรยกันบ้างแล้ว เนื่องจากโดนสายฝนและพายุ

 

Photo:

แต่ส่วนใหญ่กำลังสวยสะพรั่ง

สี่วันแรกเราพักกันที่โรงแรมริมแม่น้ำโอโอะคะกะวะ (Ookagawa) แห่งโยโกฮะมะ (Yokohama)

 

Photo:

ซึ่งมีต้นซากุระยืนเรียงรายไปสุดสายตา ในช่วงต้นเดือนเมษายนต้นซากุระจะพากันออกดอกเบ่งบานเต็มต้น ซากุระของที่นี่เป็นซากุระพันธ์โซะเม โยะชิโนะ (Somei Yoshino) ซึ่งเป็นพันธ์ที่นิยมมากในประเทศญี่ปุ่น ดอกของซากุระพันธ์นี้มีสีชมพูอ่อนจนเกือบขาว และที่สำคัญคือ เวลาออกดอกเบ่งบานจะไร้ใบ ทำให้เป็นสีชมพูไปทั่วทั้งต้น   

 

Photo:

เข้าพักโรงแรมนี้เหมือนถูกแจ็คพอต เช้าก็ได้ชมเชยเธอ เย็นก็ได้ชมเธอ ค่ำก็ได้ชม ตอนกลางคืนตื่นไปเข้าห้องน้ำ ก็ได้ชะเฮ้อคอมองเธอจากหน้าต่างในห้อง ตีสามตีสี่ก็ยังไปยืนมองเธอ ไม่สะใจให้มันรู้ไป

อ้อยหวานยังเขียนบทความให้เว็ปเจเปนทราเวิล (Japan Travel) เป็นอีกเว็ปหนึ่งที่อ้อยหวานได้เขียนบล็อกและบทความกันมายาวนานหลายปี หากสนใจอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแม่น้ำโอโอะคะกะวะ (Ookagawa) แห่งโยโกฮะมะ อ่านและดูรูปเพิ่มได้ที่ลิงค์นี้ค่ะ Ookagawa ในวันที่มีเธอ

 

Photo:

สถานที่ชมดอกซากุระในโตเกียวและโยโกฮะมะนั้น มีอยู่หลายแห่งมาก แต่ละแห่งก็ให้บรรยากาศที่แตกต่างกันไป อาทิตย์แรกเราเน้นชมซากุระกันล้วนๆ แบบที่ไหนไม่มีสีชมพู เราไม่ไป!

วัดอิเคะกะมิ ฮอนมอน-จิ (Ikegami Honmon-ji) ของโตเกียว เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่มีเธอ เดินขึ้นบันไดหินเกือบร้อยขั้น

 

Photo:

ไม่เหนื่อยเลย เพราะมีเธอรออยู่

 

Photo:

ในวันนั้นที่วัดมีงานแข่งขันวิ่งมาราธอน ทำให้มีผู้คนมากมายเต็มลานวัด ดังนั้นจึงเป็นวันดีที่พายุฝนจะเข้าร่วมงานด้วย ทั้งฝนและลมพากันมาให้ความหนาวสั่นแก่นักวิ่งและนักท่องเที่ยวที่มาชมดอกซากุระ

 

Photo:

แล้วเราก็ได้ชม ‘สายฝนดอกซากุระ’ ภาพกลีบดอกไม้เบาบาง ลอยล่อง ร่วงล่น ลงดิน นั้น สวยงดงามไม่แพ้ดอกซากุระบนต้น แต่ไม่สามารถบันทึกในภาพถ่ายได้

วัดอิเคะกะมิ ฮอนมอน-จิ (Ikegami Honmon-ji) นี้เป็นวัดเก่าแก่หลายร้อยปี ภายในวัดมีสุสานเก่าแก่ พร้อมกับต้นซากุระสีชมพู สร้างบรรยากาศที่ สวย เศร้า และสงบ ในคราวเดียวกัน

 

Photo:

ถึงเวลา.. ซากุระ         When cherry blossoms

ล่วงหล่นโปรยปราย  scatter

ไม่มีคำว่า..เสียใจ      no regrets

กลอนไฮกุของท่านอิสสะ  (Issa)

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อิเคะกะมิ ฮอนมอน-จิ ในฤดูดอกซากุระ

 

Photo:

สวนซานเคเอ็น (Sankeien Garden) แห่งโยโกฮะมะ เป็นสวนญี่ปุ่นที่สวยงามในทุกฤดูกาล ยิ่งเป็นฤดูสีชมพูก็ยิ่งสวยกันไปใหญ่ เสียดายอ้อยหวานทำไฟล์ของวันนี้หาย ไม่รู้หายไปไหน ไฟล์ที่มีรูปถึงหนึ่งร้อยรูป ละลายหายไปในอากาศ เหลืออยู่ไม่กี่รูปที่อ้อยหวานโพสไว้ในเฟสบุค เศร้าเลย!!!!

 

Photo:

สวนซานเคเอ็นนี้เป็นสวนญี่ปุ่นเก่าแก่ พร้อมทั้งเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งไปในตัว เป็นแหล่งรวมของบ้านและอาคารเก่าแก่ซึ่งถูกขนย้ายมาจากถิ่นฐานดั้งเดิม เช่น เจดีย์สามชั้นจากวัดเก่าแก่ในเมืองเกียวโต และ วิลล่าแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมอีกหลายหลัง และที่ถูกใจอ้อยหวานก็คือ โคมไฟหิน ในสวนมีเป็นร้อย ต่างแบบ หลากสไตล์ อ้อยหวานเก็บรูปโคมหินมาทุกอัน แต่รูปหายหมด...

 

Photo:

เป็นสวนที่สวยมากจริงๆ

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ตระการตา..สวนซานเคเอ็น

 

Photo:

สถานที่ชมดอกซากุระสุดท้ายที่จะเขียนถึงในบล็อกนี้ และเป็นอีกแห่งหนึ่งที่ประทับใจอ้อยหวานมากมาย จากสนามม้าเก่าแก่ในอดีต กลายร่างเป็นสวนสวย ที่จุเต็มไปด้วยสีชมพูในฤดูดอกซากุระ

สวนป่าเนะกิชิ (Negishi Forest Park) แห่งเมืองโยโกฮะมะ เป็นสวนที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ และมีสนามหญ้าเขียวขจีลาดไปสู่ป่าต้นซากุระ ชาวบ้านแถบนี้พาลูกพาหลานมาฮานามิ (ชมดอกไม้) กัน ไม่ว่าจะนั่งชม นอนชม ปูเสื่อ ขนกล่องอาหารเบ็นโตะ และเหล้าสาเกมาปิคนิก ให้บรรยากาศที่แตกต่างจากที่อื่นๆ สวย สงบ และผ่อนคลาย

 

Photo:

ต้นซากุระของที่สวนนั้นทั้งสูงทั้งใหญ่ แผ่กิ่งก้านออกไปทุกทิศทุกทาง ส่วนดอกนั้นเล่า ชวนให้อยาก ‘กรี้ดดดดดด’ ไปก้องป่า

 

Photo:

ไปนั่งชมในป่าซากุระ ก็ให้บรรยากาศอีกแบบหนึ่ง

 

Photo:

ไปญี่ปุ่นคราวนี้ มีน้องสาวไปกับเราด้วย ได้ลั่นล้าและชื่นมื่นหัวใจกันทุกคน เราให้คะแนนสวนป่าเนะกิชิไปเลยเต็มสิบ สวยมากๆ มีที่กว้าง และมีคนน้อยกว่าที่อื่นๆ

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ตกหลุมรักป่าสีชมพูของโยโกฮะมะ

 

Photo:

ที่สวนมีทุ่งดอกเรพซีดสีเหลืองสดตัดกับสีชมพูได้อย่างงดงาม

 

Photo:

ถ่ายรูปเซลฟี่ก็ออกมาดูดี การันตี

 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่อง “ก้าวเท้าที่นำไป ” ในตอนต่อไป

 

อ่าน “ก้าวเท้าที่นำไป ” ตอนแรก

ก้าวเท้าเดิน..ตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ

ก้าวเท้าเดิน..ตามรอยเวลา

สองล้อเที่ยวชมวิถีชีวิตเมืองคอน 1

สองล้อเที่ยวชมวิถีชีวิตเมืองคอน 2

ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 1

ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 2

ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 3

 

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

อ้อยหวาน

 

โลกนี้สีชมพู 2

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

Photo:

เราไม่อาจจะระบายสีให้โลกเต็มไปด้วยดอกไม้สีชมพูสดใสได้เสมอไป แต่เราสามารถระบายสีโลกภายในใจให้งดงามสดใสอยู่เสมอ…

 

Photo:

อย่างคำคมของพระไพศาล วิสาโล  ...ความสุขอยู่ที่ใจ หันมาเมื่อไหร่ก็เจอ

 

Photo:

อ้อยหวานส่งภาษาใบ้ขออนุญาติถ่ายรูปลุงและภาพเขียนสุดสวยของลุง ลุงยิ้มให้และพยักหน้าตกลง ในประเทศญี่ปุ่น ภาพผู้สูงอายุนั่งวาดรูปสีน้ำอย่างใจเย็นในสวนหรือสถานที่ที่สวยงดงามเช่นนี้ มีให้เห็นบ่อยๆ บ้างมาเป็นกลุ่มใหญ่ กระจัดกระจายกันนั่งวาดรูป จากนั้นก็ช่วยกันติชม บ้างก็มาโดดเดี่ยว (แต่ไม่เดียวดาย) อย่างที่อ้อยหวานเขียนไว้ใน บล็อกสีน้ำอีกสักครั้งการวาดรูปเป็นการบำบัดจิตใจแบบหนึ่ง ที่มีชื่อหรูว่า ศิลปะบำบัด (Art Therapy) ศิลปะสามารถนำมาใช้บำบัดจิตใจ สำหรับโรคหลายชนิด เช่น โรคเครียด  โรคเศร้าซึม โรคจิตตก โรคเบื่อ โรคกังวลวิตกจริต โรคบอบช้ำทางจิตใจจากการสูญเสีย

และสำหรับผู้สูงอายุ อ้อยหวานคิดว่าการได้นั่งวาดรูประบายสี แทนที่จะไปนั่งกังวลเรื่องลูกหลานเหลน หรือวิตกถึงความเสื่อมต่างๆ ที่กำลังรุมล้อมร่างกาย มันจะทำให้มองเห็นโลกที่เหลืออยู่สดใสและมีความหมายมากขึ้น

 

Photo:

จากบล็อกที่แล้ว เมื่อโบกมืออำลาน้องๆ แล้ว เราสองคนก็โยกย้ายตัวเองออกนอกเมืองคามาคุระ ไปที่ทะชิคะวะ (Tachikawa) ชานเมืองโตเกียว โดยที่ไม่ทราบมาก่อนว่าจะได้พบเจออะไรที่นั่น และกลายเป็นว่าเราได้พบกับขุมทรัพย์สีชมพู ที่จริงต้องเรียกว่าเราได้ตกลงไปในขุมทรัพย์ดอกไม้เข้าอย่างจัง! เพราะที่เมืองนี้มีสวนสวยที่ไม่ธรรมดา

สวน Showa Memorial Park หรือ Showa Kinen Koen

และสวนนี้กำลังมี งานเทศกาลดอกไม้

 

Photo:

ในสวนมีต้นซากุระกว่า 1500 ต้น 31 สายพันธุ์ กำลังเบ่งบานกันอย่างเต็มที่ คนรักดอกไม้อย่างอ้อยหวานก็ได้เบิกบานอย่างผีเสื้อล้อลม เป็นความสุขที่ไม่เคยลืม นึกถึงทีไร สุขใจร่ำไป

 

Photo:

ยัง...ยังไม่หยุดเพียงแค่นั้น เพราะในสวนยังมีทุ่งทิวลิปหลากสีสันกว่า 23,000 ต้น

 

Photo:

ทิวลิปกับดอกซากุระ ที่สวยจัดกินกันไม่ลงจริงๆ

 

Photo:

หันมาอีกมุม แดฟโฟดิลสีเหลืองเข้ม กับซากุระสีชมพูอ่อน ก็ได้ใจไปอีกหลายดวง แม้ว่าเมืองออตตาวา เมืองที่อ้อยหวานอยู่นั้นจะมีดอกทิวลิปและดอกแดฟโฟดิลอยู่มากมาย (และมากกว่า) แต่ออตตาวาไม่มีชากุระ

 

Photo:

โอ้..ว้าววววววว ทำไมสีตัดกันได้อย่างงดงามเช่นนี้

 

Photo:

ดอก Chinese Violet Cress สีม่วงหวาน สีโปรดของอ้อยหวานนะเนี่ย

ดอก Chinese Violet Cress มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Orychophragmus violaceus เป็นดอกไม้ป่าที่ขึ้นอยู่ทั่วไปริมถนน ตามทุ่งนา ป่าเขาของประเทศจีนและญี่ปุ่น เป็นพืชในตระกูลมัสตาร์ด ในประเทศจีนจัดว่าเป็นผัก ก้าน ใบ และดอกสามารถนำมาทำเป็นอาหารหรือกินสด ดอกมีสีม่วงอ่อน ม่วงแก่ ไปจนถึงสีชมพูอมม่วง

เดินอยู่ในทุ่งดอก Chinese Violet Cress เธอรวมตัวกันส่งกลิ่นหอมระรวย ให้คนรักสีม่วงใจอ่อนระทวยเชียวละ

 

Photo:

เรียกได้ว่า ‘สวยหมดจด’ คือ รูปสวย กลิ่นหอม แถมกินได้อีก อยากเอามาปลูกที่บ้าน แต่หาซื้อเมล็ดไม่ได้ น่าเสียดายจัง

 

Photo:

ฮะนะมิ ปิคนิกชมดอกไม้แบบญี่ปุ่น ‘ฮะนะ’ ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่าดอกไม้

 

Photo:

ส่วนใหญ่แล้วคำว่าฮะนะมิจะหมายเจาะจงลงไปที่ ชมดอกซากุระและดอกพลัม เป็นประเพณีที่สืบต่อกันมาหลายร้อยปี

 

Photo:

พอผ่านดงดอก Chinese Violet Cress ก็มาเจอกับทุ่งดอกไม้สีเหลือง แล้วต้องร้องบอกตัวเองว่า สวรรค์บนดินเป็นเช่นนี้เอง!

 

Photo:

ในทุ่งดอกเรฟซีดสีจัดจ้านนี่เอง ที่อ้อยหวานได้พบกับลุงจิตรกรนั่งวาดรูปสีน้ำอย่างมีความสุข  

 

Photo:

เรฟซีด เป็นพืชในตระกูล Brassicaceae หรือตระกูลมัสตาร์ด (หรือกะหล่ำปลี) เป็นพืชที่เพาะปลูกเพื่อนำเมล็ดมาผลิตน้ำมันสำหรับใช้ในการปรุงอาหาร และถือว่าเป็นแหล่งผลิตน้ำมันสำหรับใช้ในการปรุงอาหารอันดับสามของโลก

ว่าด้วยเรื่อง เรฟซีด (rapeseed) กับ คาโนล่า (Canola) ความเหมือนและความแตกต่าง

เอาสั้นๆ เลยนะ คาโนล่า (Canola) ก็คือ เรฟซีด (rapeseed) ที่กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ชาวแคนนาดาช่วยกันปรับปรุงบำรุงพันธ์ขึ้น เพื่อให้น้ำมันที่มีคุณภาพเหมาะสมสำหรับใช้เป็นอาหารของมนุษย์ คำว่า คาโนล่า (Canola) กลายมาจากคำว่า Canadian oil, low acid (น้ำมันพืชผลิตในแคนาดา มีกรดต่ำ)

สนใจอ่านรายละเอียดได้ที่

https://en.wikipedia.org/wiki/Canola

https://www.naturalnews.com/034733_canola_oil_rapeseed_food_labels.html

 

Photo:

เราชมสวนกันตั้งแต่เช้าจรดเย็น แต่ก็ยังชมได้ไม่ทั่ว นับว่าเป็นสวนที่กว้างมาก ที่จริงเขามีจักรยานให้เช่า แต่ส่งภาษากันไม่รู้เรื่อง เลยพลาดไป

ในสวนยังมีดอกไม้อีกหลายชนิด ไปชมกันได้ที่นานาดอกไม้ของสวน Showa Memorial Park

บล็อกหน้าเราไปปั่นจักรยานชมญี่ปุ่นกันนะค่ะ
 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่อง “ก้าวเท้าที่นำไป ” ในตอนต่อไป

 

อ่าน “ก้าวเท้าที่นำไป ” ตอนแรก

ก้าวเท้าเดิน..ตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ

ก้าวเท้าเดิน..ตามรอยเวลา

สองล้อเที่ยวชมวิถีชีวิตเมืองคอน 1

สองล้อเที่ยวชมวิถีชีวิตเมืองคอน 2

ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 1

ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 2

ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 3

โลกนี้สีชมพู 1

Photo:

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

อ้อยหวาน

 

ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 1

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

Photo:

เรื่องเล่าในบล็อกชุดนี้เป็นเหตุการณ์ทีเกิดขึ้นเมึ่อต้นปีนี้ เข็มนาฬิกาหมุนกันอย่างรวดเร็ว เผลอแป๊บเดียว อ้อยหวานกลับมานอนเล่นที่บ้านแคนนาดาไปได้สองเดือนกว่าแล้ว เวลาเหมือนสายน้ำไหลไม่หวนกลับ….

กลับเมืองไทยครานั้น โรคไม่ชอบนั่งรถยนต์หรือรถไฟกำเริบ ไม่ว่าจะไกลหรือใกล้ อ้อยหวานก็ไม่อยากไปทั้งนั้น (นอกจากจะปั่นจักรยานไป) พอคุณผู้ชายถามว่า เราจะไปปั่นจักรยานเที่ยวไทยที่ไหนดี อ้อยหวานก็รีบบอกทันใดว่า ไม่ใกล้ไม่ไกล ทะเลสาบสงขลานี่เอง

Photo:

อ้อยหวานขอคัดลอกข้อมูลจากวิกิเพียเดีย มาให้อ่านเพิ่มความรู้

ทะเลสาบสงขลาเป็นทะเลสาบแห่งเดียวในประเทศไทยที่มีอาณาเขตติดต่อกันถึง 3 จังหวัด และมีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 1,000 ตารางกิโลเมตร ได้แก่ จังหวัดพัทลุง, จังหวัดสงขลา และ จังหวัดนครศรีธรรมราช

น้ำในทะเลสาบสงขลาได้รับจากเทือกเขาบรรทัดและเทือกเขาสันกาลาคีรี ลุ่มน้ำในแถบนี้เรียกว่า "ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา"แบ่งออกได้เป็น 4 ตอนใหญ่ ๆ ได้ดังนี้

-ทะเลน้อยเป็นช่วงต้นของทะเลสาบคาบเกี่ยวอยู่กับ 3 อำเภอ 3 จังหวัด อันได้แก่ อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช และ อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา เป็นทะเลสาบน้ำจืด มีพื้นผิวน้ำราว 30 ตารางกิโลเมตร

-ทะเลสาบตอนบนเป็นทะเลสาบตอนที่ 2 ต่อจากทะเลน้อยจนถึงแหลมจองถนนและแหลมควายราบฝั่งเกาะใหญ่

-ทะเลสาบตอนกลางจากทะเลสาบตอนบนมาจนถึงปากแม่น้ำหลวงของเขตอำเภอปากพะยูน

-ทะเลสาบตอนล่างเป็นทะเลสาบที่อยู่รอบ ๆ เกาะยอ และมีปากน้ำที่ไหล่ออกสู่อ่าวไทย

สนใจอ่านรายละเอียดได้ที่ วิกิพีเดีย

https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%A5%E0%B8%B2

ขอบคุณค่ะ

 

Photo:

เราวางแผนปั่นไปเรื่อยเท่าที่มีเวลา และหยุดพักค้างคืนในที่ที่มีที่พักไว้บริการ ระยะทางประมาณ 45-50 กิโลต่อวัน แต่เริ่มเช้าวันแรก เราก็ทำผิดกฏที่สำคัญของการปั่นเที่ยวในประเทศไทยของเรา ไปอย่างจังๆ กฏข้อนั้นก็คือ

ออกแต่เช้าพร้อมพระอาทิตย์ เพื่อให้ถึงที่หมายก่อนสิบเอ็ดโมงเช้า ก่อนที่พระอาทิตย์จะแผดเผา จนมันสมองของเราละลาย กฏข้อนี้คือกฏเหล็ก เพราะเราสองคนเจอมากับตัวเอง เมื่อคราวปั่นจักรยานรอบเมืองกาญจนบุรี แต่เนื่องจากต้องรอติดรถน้องไปลงบนทางหลวงก่อนถึงทะเลน้อย กว่าจะเริ่มปั่นก็สายมากแล้ว แถมยังหยุดกินก่วยเตี๋ยวรองท้องที่ทะเลน้อยอีกด้วย พอถึงช่วงสะพานยกระดับ แสงแดดก็แผดจ้าตรงหัวพอดี

 

Photo:

สะพานยกระดับที่เคยประทับใจอ้อยหวานมากมายเมื่อคราวก่อน กลับจืดจางลงไปอักโข เพราะแถบนี้ไม่มีร่มไม้เลยแม้แต่น้อย

แม้จะมีน้องนก และฝูงควายให้ชมมากมาย แต่ตาของอ้อยหวานเริ่มจะลาย เพราะเมาแดด ต้องหยุดพักทานน้ำบ่อยครั้ง กว่าจะถึงที่พักที่ปากเบง ก็ปาไปบ่ายสองโมง ระยะทางเพียง 45 กิโลเมตร แต่ให้ความรู้สืกเหมือนปั่นมาร้อยกิโล

 

Photo:

สองนกแห่งทะเลน้อย ยืนคอยต้อนรับผู้มาเยือน

 

Photo:

นกขาเทียน มีให้ชมเป็นฝูง

 

Photo:

แม้วันนั้นท้องฟ้าจะมีเมฆเป็นบางส่วน แต่แสงแดดที่แผดจ้านั้น ทอดไข่เจียวกลางถนนได้เลย

 

Photo:

ระดับน้ำในช่วงนี้ต่ำพอสมควร

 

Photo:
ถึงที่พักที่เราติดต่อมาร่วงหน้า ได้อาบน้ำ อบไอแอร์ สองสามชั่วโมง เราก็สดชื่นขึ้น เหมือนต้นไม้ได้น้ำ ทันเวลาออกไปชมบ้านชมเมือง และทานอาหารเย็น ปากเบงมีจุดชมวิวทะเลสาบสงขลาที่สวยงามมาก เป็นลานอเนกประสงค์ใหม่เอี่ยมให้เด็กๆ ได้กระโดดโลดเต้น และปั่นจักรยานเล่น ขนาดผู้ใหญ่ยังมันส์เลย

 

Photo:

เราแวะทานข้าวที่ร้านแถวจุดชมวิว และอยู่รั้งรอจนตะวันตกดิน ถึงวันนี้จะไม่มีตะวันดวงโตให้ชม แต่ก็จัดว่าเป็นวิวที่สวยถูกใจ

 

Photo:

เช้าวันรุ่งขึ้น เราออกจากปากเบงกันแต่เช้า จากปากเบงริมทะเลสาบสงขลา สู่อ่าวไทยมีระยะทางเพียง 7.5 กิโลเมตร หลังจากแวะกินข้าวต้มโจ๊กที่ระโนดแล้ว เรายังมีเวลาปั่นมาชมพระอาทิตย์ขึ้นที่อ่าวไทย

 

Photo:

ถนนหลังพาเราเลาะเลียบหมู่บ้านเล็กหมู่บ้านน้อย แถบนี้มีการเลี้ยงเป็ดกันหลายเจ้า ฝูงนี้คงถูกต้อนไปว่ายน้ำเล่นกันตั้งแต่ไก่โห่ สายหน่อยก็ต้อนกลับเข้าเล้า เลยไปหน่อยมีการทำฟาร์มหอยเป๋าฮื้อ (abalone) แต่ฟาร์มหอยดูท่าจะไม่รุ่ง มีหลายแห่งปิดร้าง

 

Photo:

บนแผนที่กูเกิ้ลมีถนนที่เลียบชายฝั่งทะเลไปเกือบตลอดสาย และเป็นถนนลูกรังที่ขรุขระอย่างแรง ปั่นจักรยานทางไกลบนถนนแบบนี้ จะทำให้เจ็บหัวเข่าและข้อมือ

 

Photo:

เราเลยเปลี่ยนใจยอมปั่นเลาะเลี้ยวเข้าออกไปตามหมู่บ้าน ได้ชมบ้าน ชมสวน เพลินใจดี

 

Photo:

และบางครั้งถนนก็เลียบทะเล แต่ขอบอกว่ามีขยะ! มากมาย

เมืองไทยมีปัญหาเรื่องขยะที่แก้ไม่ตก ไม่ไหนมาไหน อ้อยหวานก็เห็นมีคนกวาดขยะทำงานนักและเคร่งเครียด แต่คนสะเพร่าทิ้งขยะมีเยอะกว่าคนเก็บกวาด ทำให้ริมถนน ริมหาด ในแม่น้ำลำคลอง หรือคูน้ำ ไม่ว่าจะในเมือง นอกเมือง แม้แต่ในป่า ก็มีขยะอยู่เต็ม! ปัญหาที่แก้ไม่ตก!

 

Photo:

ระยะทางประมาณ 47 กิโลเมตร เราก็มาถึงที่พักริมทะเลสุดหรูของแถบนี้ แม้จะแพงหน่อย แต่ก็มีสระว่ายน้ำให้เราแช่คลายร้อน มีร้านอาหารอร่อยภายในตัวโรงแรม และชายหาดที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ขาวสะอาด ไร้ขยะ

 

Photo:

แดดร่ม ลมตก นอนฟังเสียงคลื่นล้อเล่นกับหาดทราย เป็นการพักหย่อนใจที่ดีจริง!

 

Photo:

มนุษย์เปรียบเหมือนกับเปลือกหอยหลากสีสันบนชายหาด ต่างก็มีความงามและเรื่องราวที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง

 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่อง “ก้าวเท้าที่นำไป ” ในตอนต่อไป

 

อ่าน “ก้าวเท้าที่นำไป ” ตอนแรก

ก้าวเท้าเดิน..ตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ

ก้าวเท้าเดิน..ตามรอยเวลา

สองล้อเที่ยวชมวิถีชีวิตเมืองคอน 1

สองล้อเที่ยวชมวิถีชีวิตเมืองคอน 2

 

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

อ้อยหวาน

 

ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 2

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

Photo:

หลังจากได้พักผ่อน นอนฟังเสียงคลื่นกระทบอ่าวไทยในบล็อกที่แล้วเช้าของอีกวันเราหมุนล้อออกจากที่พักพร้อมพระอาทิตย์ มุ่งหน้าไปทางใต้สู่ตัวเมืองสงขลา

ด้วยระยะทางเพียง 35.5 กิโลเมตร เราเลือกเส้นทางเลียบอ่าวไทย ซึ่งเป็นถนนท้องถิ่นสายเล็กๆ และส่วนใหญ่จะเลียบชายหาด และมุ่งตรงสู่ท่าแพขนานยนต์ข้ามทะเลสาบสงขลา ส่วนอีกเส้นทางหนึ่งที่สามารถไปถึงสงขลาได้เช่นกัน คือเส้นทางที่เลียบทะเลสาบ และข้ามสะพานที่เกาะยอ แต่ต้องปั่นบนทางหลวง ซึ่งคู่ปั่นของอ้อยหวานไม่นิยม เมื่อหลายปีที่แล้ว อ้อยหวานเคยปั่นเดี่ยวจากหาดใหญ่มาเกาะยอ ดูจากบล็อกเก่าของอ้อยหวาน รอเธอที่..เกาะยอ  และ ฟ้าสางที่..เกาะยอ

 

Photo:

เป็นเส้นทางที่สวยมาก แต่….ก็มีขยะมากเช่นกัน

 

Photo:

ลากอวนหาปลาริมหาด

 

Photo:

ชิว..ชิว การปั่นจักรยานเที่ยวนั้น ระหว่างทางมีค่าเท่ากันกับจุดหมายปลายทาง และบางครั้งก็อาจจะให้ความเพลิดเพลินมากกว่าเสียอีก จากประสบการณ์การท่องเที่ยวของอ้อยหวาน การปั่นจักรยานเที่ยวเป็นการท่องเที่ยวที่ดีที่สุด เก็บรายละเอียด สัมผัสวิถีชีวิตและบรรยากาศของท้องถิ่นได้อย่างลึกซึ้ง

 

Photo:

ไม่นานเราก็ถึงท่าแพขนานยนต์ ไม่ต้องรอเลยละ มาถึงก็ขึ้นแพเลย จักรยานขึ้นฟรี! ไม่ถึงสิบห้านาทีก็ถึงแหลมสมิหลา ได้ชมวิวปลายสุดของทะเลสาบสงขลา ท่าเรือน้ำลึก หมู่บ้านมุสลิมเชิงเขาแดง

 

Photo:

และฐานทัพเรือสงขลา

จากท่าแพขนานยนต์ไปยังตัวเมืองสงขลานั้นไม่ไกลเลย สี่กิโลกว่าๆ ก็ถึงแล้ว

 

Photo:

เช้าวันต่อมา เราก็เริ่มทัวร์สงขลาด้วยการปั่นจักรยานกลับไปที่ท่าแพขนานยนต์อีกครั้ง แต่คราวนี้เราไม่ได้ขึ้นแพ แต่ปั่นเลยไปยังแหลมสน จุดสูงสุดของแหลมสมิหลา บริเวณนี้อยู่ตรงกันข้ามกับท่าเรือน้ำลึกพอดิบพอดี ทัวร์วันนี้มีชื่อเรียกว่า ‘ตามหาพญานาคที่แหลมสมิหลา’  

********

นาค หรือ พญานาค เป็นสัญลักษณ์ของการกำเนิดน้ำ ความยิ่งใหญ่ แห่งน้ำ เป็นเทพแห่งการให้น้ำ และความอุดมสมบูรณ์แก่สรรพชีวิตทั้งปวง ชาวใต้มีความเชื่อว่า นาค หรือ พญานาค จะพ่นโปรยน้ำทิพย์มาชโลมไล้ให้มนุษยื มีความสุขสดชื่น ชำระล้างมลทินทั้งกายและใจ

ในปี พ.ศ. 2549 นายอุทิศ ชูช่วย นายกเทศมนตรีนครสงขลาได้ มีความคิดที่จะสร้าง นาค หรือ พญานาค เพื่อเป็นสิริมงคล และความเจริญรุ่งเรืองแก่เมืองสงขลา จึงให้อาจารย์มนตรี สังข์สิกานนท์ อาจารย์มหาวิทยาลัยทักษิณ เป็นผู้ดำเนินการ ออกแบบเป็นนาค หรือ พญานาค และได้ทำพิธีเปิด ปติมากรรมนาค หรือ พญานาค อย่างเป็นทางการในปี พ.ศ.2550

***********

ปฏิบัติการตามหาพญานาคจะง่ายมาก ถ้าพญานาคทั้งตัวอยู่ในจุดเดียวกัน มันง่ายเกินไป และไม่สนุก พญานาคของสงขลาจึงออกแบบมาเป็นสามส่วน และนี่ก็คือส่วนหัว เราไปกันเช้าเกินไป พญานาคจึงยังไม่พ่นน้ำ

 

Photo:

ส่วนท้อง ตั้งอยู่ใกล้กับหาดสมิหลา การค้นหาพญานาคให้สนุก อ้อยหวานขอแนะนำให้ปั่นจักรยาน นั่งรถไปไม่สนุกหรอก จืดชืด ไร้รสชาติ

 

Photo:

หาดสมิหลา วันนั้นเขามีการแข่งขันกีฬา Samila Triathon Fun

 

Photo:

ทำให้นางเหงือกมีคนขอถ่ายรูปด้วยมากมาย รูปนี้มีสัญลักษณ์ของหาดสมิหลาอยู่ครบครัน นางเหงือกทองซึ่งมีอายุครบ 51 ปี เมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา ส่วนในทะเลก็มีเกาะหนูและเกาะแมว

 

Photo:

ส่วนหาง ตั้งอยู่ก่อนถึงสนามกีฬาติณสูลานนท์ ระยะทางจากหัวพญานาคจนถึงหางประมาณเกือบสี่กิโล เลยจุดนี้ไปจะมีชายหาดน่านั่งพักเหนื่อย

 

Photo:

หาดชลาทัศน์ มีทั้งหาดทราย ทิวมะพร้าว และสนามหญ้าเขียวขจี เป็นชายหาดที่สะอาดสะอ้านมาก น่าเอาเสื่อมาปูนอนเล่นฟังเสียงคลื่น

 

Photo:

หรือเล่นเกมส์กับเพื่อน

 

Photo:

ถ้าปั่นเลยไปหน่อยก็จะได้ชมวิวนี้

 

Photo:

 

เย็นวันนั้นเราปั่นกลับไปที่หาดชลาทัศน์อีกครั้ง

 

Photo:

เพื่อลิ้มลองอาหารทะเลริมหาด ไม่ต้องปรุงมาก เพียงแค่ปิ้งให้สุกพอดี ทานกับน้ำจิ้มเลิศรส ก็อร่อยเหาะ!

เช้าวันรุ่งขึ้น เราปั่นจักรยานออกจากเมืองที่มีคำขวัญประจำจังหวัดว่า "นกน้ำเพลินตา สมิหลาเพลินใจ เมืองใหญ่สองทะเล เสน่ห์สะพานติณ ศูนย์การค้าแดนใต้"กันแต่เช้า ไปไหนต่อ ติดตามบล็อกต่อไป

 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่อง “ก้าวเท้าที่นำไป ” ในตอนต่อไป

 

อ่าน “ก้าวเท้าที่นำไป ” ตอนแรก

ก้าวเท้าเดิน..ตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ

ก้าวเท้าเดิน..ตามรอยเวลา

สองล้อเที่ยวชมวิถีชีวิตเมืองคอน 1

สองล้อเที่ยวชมวิถีชีวิตเมืองคอน 2

ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 1

 

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

 

อ้อยหวาน

 


ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 3

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

Photo:

ก้าวเท้าออกไป ก้าวเท้าเดินออกไปเถิด ฉันขอร้อง

ออกไปสัมผัสความงดงามของธรรมชาติ

ไปตกตลึงพรึงเพริด กับสิ่งมหัศจรรย์ของโลก

ด้วยจิตใจอันอยากรู้อยากเห็นของเด็กน้อย

Go out, go out I beg of you    

And taste the beauty of the wild.    

Behold the miracle of the earth    

With all the wonder of a child.  

-Edna Jaques นักเขียนชาวแคนนาดา

 

Photo:

ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน บนจุดใดของโลกนี้ ทุกๆ สถานที่ ต่างก็มีเรื่องราว มีประวัติ มีความงาม ที่จะบอกกล่าว และนำเสนอแก่นักเดินทาง การอ่านหนังสือ ดูหนัง ดูทีวี ที่เกี่ยวกับสถานที่แต่ละแห่ง มันเป็นเพียงอาหารว่างลองท้อง แต่การพาตัวเองออกไปที่นั่น ไปสัมผัส จมแช่ กับบรรยากาศ ความงดงาม ที่แตกต่าง เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น คือการได้ทานอาหารจานหลัก แถมของหวานครบสูตร

การปั่นจักรยานเที่ยว ที่ไหนๆ ก็เที่ยวได้ มีเวลาน้อย ก็เที่ยวแถวบ้าน มีเวลามาก ก็ไปเที่ยวแถวบ้านคนอื่นไกลออกไป ต่างอำเภอ ต่างจังหวัด ต่างประเทศ หรือต่างทวีป ไปดูสิว่าเพื่อนร่วมโลกของเรา เขากินอยู่กันอย่างไร ทำสวนปลูกต้นไม้อะไร มีวิถีชีวิตเยี่ยงไร อย่ามัวนอนแช่จมอยู่กับบ้าน ก้อ..ชีวิตคือการเดินทาง

 

Photo:

จากสงขลาก็ถึงเวลาปั่นย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นของทริปนี้ เรามีเวลาสามวัน และไม่รีบร้อนไปไหน เพื่อหลีกเหลี่ยงถนนสายหลัก เราจึงกลับไปที่ท่าแพขนานยนต์ ซึ่งตั้งอยู่ตรงปลายสุดของทะเลสาบสงขลาอีกครั้ง บอกลาเมืองสองทะเล ขึ้นแพ ข้ามกลับไปยังฝั่งอำเภอระโนด แล้วปั่นไปบนถนนสายเล็กสายน้อย ผ่านเทือกสวนไร่นา

 

Photo:

แถวนี้มีชื่อว่า บ้านมะม่วงงาม งามจริงๆ ห้อยระย้าอย่างนี้ไปตลอดทาง

 

Photo:

แล้วเราก็ข้ามสะพานไปยังเกาะนางคำ หนึ่งในเกาะที่ใหญ่ที่สุดในทะเลสาบสงขลา ซึ่งเป็นเขตของจังหวัดพัทลุง เมืองมโนราห์

เส้นทางที่เราเลือกปั่น ต้องข้ามสะพานกันหลายแห่ง จากเกาะนางคำข้ามไปยังเกาะเล็กๆ ที่ไม่มีชื่อ จากนั้นก็ข้ามไปยังเกาะหมาก พื้นที่ส่วนใหญ่ของทั้งสองเกาะจะเป็นสวนปาล์ม ทำให้มีรถบรรทุกปาล์มคันโตๆ วิ่งผ่านไปมาอยู่หลายคัน แต่ทุกคันก็ฝึกมาดี เป็นมิตรกับจักรยาน ชลอความเร็วเมื่อวิ่งผ่านเรา คงเป็นเพราะแถบนี้เขากำลังพัฒนาให้เป็นพื้นที่ปั่นจักรยานท่องเที่ยว การท่องเที่ยวสีเขียว เพื่อโลกที่น่าอยู่

 

Photo:

ภาพที่มองเห็นจากที่พักของเรา รีสอร์ทริมทะเลสาบสงขลา อำเภอปากพะยูน พัทลุง อ้อยหวานคิดว่าคงเป็นเกาะสี่ เกาะห้า

**********

หมู่เกาะสี่ เกาะห้า เป็นหมู่เกาะหินปูนซึ่งตั้งอยู่ในทะเลสาปสงขลาตอนใน ตำบลเกาะหมาก อำเภอปากพะยูน อยู่ห่างจากเกาะหมากไปทางทิศตะวันตกประมาณ 1.6 กม. สาเหตุที่เรียกว่า "เกาะสี่เกาะห้า"เนื่องจากเมื่อมองจากทิศใต้และทิศเหนือจะเห็นเป็นเกาะสี่เกาะ แต่ถ้ามองจากทิศตะวันตกจะเห็นเป็นเกาะห้าเกาะ จึงเรียกว่า เกาะสี่เกาะห้า

หมู่เกาะสี่เกาะห้า ประกอบด้วยเกาะเล็กเกาะใหญ่มากมาย เช่น เกาะท้ายถ้ำดำ เกาะร้านไก่ เกาะรูสิม เกาะหน้าเทวดา หรือเกาะมวย เกาะกันตัง เกาะป้อย เกาะตาใส เกาะยายโส เกาะกระ เกาะราบ ซึ่งเป็นดินแดนประวัติศาสคร์ ธรรมชาติสมบูรณ์ บริเวณทะเลสาบพัทลุง-สงขลา-นครศรีธรรมราช เป็นที่ก่อกำเนิดชุมชน อารยธรรม ศิลปวัฒนธรรมนับพันปี และสืบเนื่องมาเป็นวิถึชีวิตปัจจุบัน ผสมผสานกับวัฒนธรรมสมัยใหม่

นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมถ้ำรังนกนางแอ่นธรรมชาติได้ และมีเรือนำชมเกาะต่างๆ และมีที่พักรองรับนักท่องเที่ยวบนเกาะ ติดต่อที่โทร. 0 9812 1276, 0 1599 7778

ติดต่อสอบถาม:ททท. สำนักงานหาดใหญ่ 0 7423 1055, 0 7423 1055, 0 7423 8518

ขอบคุณข้อมูล และอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://www.touronthai.com/article/3340

 

Photo:

เช้าวันรุ่งขึ้น เราปั่นไปบนถนนเลียบทะเลสาบเกือบตลอดสาย ป้ายข้างถนนที่เป็นรูปวัวตัวโตแบบนี้ หาดูไม่ได้ง่ายๆ นะจ้ะ

 

Photo:

แถบนี้เขานิยมเลี้ยงวัวชน เช้าๆ อย่างนี้ก็ต้องพามาออกกำลัง เดินเรียงแถวกันมากมายหลายคนและหลายตัว

 

Photo:

อยากแวะที่ไหน ก้อแวะได้ตามใจฉัน

วิวเกาะต่างๆ ในทะเลสาบสงขลา

 

Photo:

ใกล้ถึงที่พัก บริเวณที่คลองปากประ ไหลลงสู่ทะเลสาบสงขลา

 

Photo:

เราพักค้างคืนกันที่นี่ ถูกใจมากมาย มีร้านอาหารแสนอร่อย เงียบสงบ ราคาพอเหมาะ คืนนั้นพายุเข้า แต่เรานอนหลับสบาย ไม่มีน้ำฝนรั่วซึม

 

Photo:

เช้าวันรุ่งขึ้นฟ้าฝนไม่เป็นใจ สำหรับชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น แต่ไม่เป็นไร เรายังพักอยู่ที่นี่อีกหนึ่งคืน แสงหม่นหมองแบบนี้ ก็ดูสวยไปอีกแบบหนึ่ง

 

Photo:

ถึงฝนจะตก แต่ฟ้าไม่ร้อง หลังอาหารเช้า สองจักรยานก็ออกทัวริ่ง วันนี้ไม่เร่งรีบ ไม่มีกระเป๋า เพราะเราจะกลับมานอนที่เดิม ทัวร์วันนี้อาจจะตั้งชื่อได้ว่า ทัวร์ลุยโคลน เพราะถนนหลังที่เราซอกแซกผ่านไป ส่วนใหญ่จะเป็นถนนดินลูกรัง ได้ฝนนิดๆ หน่อยๆ ก็เละ เส้นทางวิ่งซอกแซกผ่านนาข้าว สวนปาล์ม และหมู่บ้านน้อยใหญ่

 

Photo:

เห็นยายนั่งสานกระจูด ก็แวะชมอยู่พักใหญ่

*********

กระจูด หรือ จูด (ชื่อวิทยาศาสตร์: Lepironia articalata) เป็นพันธุ์ไม้จำพวก "กก" (Sedge) ลักษณะลำต้นกลมสีเขียวอ่อน ดินสอดำ สูงประมาณ 1 - 2 เมตร ออกดอกเป็นกระจุกแน่นคล้ายดอกกระเทียมที่ข้างลำต้นใกล้ยอดกระจุกหนึ่ง แต่มีช่อดอกปลายลำต้นอีกหนึ่งช่อซึ่งมีใบเล็กประกอบช่อด้วย กระจูดชอบขึ้นในพื้นที่น้ำขังซึ่งเรียกว่าโพระหรือพรุ มีถิ่นกำเนิดจากทางเกาะมาดากัสการ์ มอริเซียส ลังกา สุมาตรา แหลมมาลายู และหมู่เกาะต่าง ๆ ในแหลมมาลายู อินโดจีนตอนริมฝั่งทะเล ฮ่องกง บอร์เนียว ตลอดถึงออสเตรเลีย ริมฝั่งตะวันออก

การใช้ประโยชน์

ต้นกระจูด นำไปฝึ่งแดดให้แห้งสนิท สามารถนำมาผลิตงานจักสานเป็น เสื่อปูรองนั่งที่เรียกกันว่า 'เสื่อกระจูด'หรือ 'สาดกระจูด'โดยการสานเสื่อกระจูดโดยทั่วไปนิยมสานลวดลาย มาตรฐาน คือ ลายขัดสอง หรือลายขัดสาม และมีการพัฒนาดัดแปลงลวดลาย เช่น ลายลูกแก้ว ลายดาวล้อมเดือน ลายดอกจัทนทร์ ลายก้านต่อดอก ลายโคม ลายแก้วเนื่อง ลายแก้วบ้านดอน ลายตัวหนังสือ เป็นต้น และมีการทำผลิตภัณฑ์เช่น สายกระเป๋าเครื่องใช้ต่าง ๆ ใช้ทำใบเรือ ทำเชือกผูกมัด

แหล่งผลิตที่สำคัญ อยู่ที่หมู่บ้านทะเลน้อยจังหวัดพัทลุง หมู่บ้านบ่อกรัง จังหวัดสุราษฎร์ธานี หมู่บ้านสะกอม จังหวัดสงขลา หมู่บ้านทอนทอน จังหวัดนราธิวาส ปัจจุปันมีการผลิตจำหน่ายมาก ใน ตำบลเคร็ง อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช

ขอบคุณข้อมูลจาก วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

 

Photo:

อันนี้คงจะเป็นกระเป๋าใบสวย ในอนาคต พัทลุงมีแหล่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องจักรสานจากกระจูดอยู่หลายแห่ง แหล่งใหญ่คงจะเป็นบริเวณหน้าอุทยานนกน้ำทะเลน้อย น่าจะมีใครเอาไปปูพื้นบ้าน เหมือนบ้านญี่ปุ่นที่เขาใช้เสื่อทาทามิ

 

Photo:

เจอต้นนี้ก็ต้องหยุดอีกครั้ง เป็นต้นไม้ที่ทำให้อ้อยหวานหวลระลึกถึงอดีตอันไกลโพ้น สมัยเด็กๆ ชอบทานลูกโทะ? ลูกไม้ที่ไม่มีขายในตลาด อยากกินต้องลุยทุ่ง ลุยดง หาเก็บกินเอาเอง ลูกมีลักษณะคล้ายบลูเบอรี่ของฝรั่ง แต่ผิวมีขนเล็กๆ ไม่เรียบเหมือนบลูเบอรี่ เสียดายที่ไม่มีลูกไหนสุกให้เก็บกินได้เลย

*****หมายเหตุ น้องบัวริมท้วงมาว่าเจ้าต้นนี้ของอ้อยหวานไม่ใช่ต้นโทะ ทำให้อ้อยหวานไปสืบสวนศึกษาในเน็ทแล้วคิดว่า บัวริมพูดถูก ต้นมันคล้ายกัน ดอกก็เหมือนๆ ลูกก็ใกล้เคียง เจ้าดอกข้างบนมีหลายชื่อ

************

โคลงเคลงหรือ สำเหร่ (Malabar melastome (Indian rhododendron)) เป็นไม้ดอกล้มลุกประเภทใบเลี้ยงคู่กิ่งสี่เหลี่ยมมักมีขนปกคลุม ใบเป็นใบเดี่ยวคู่ตรงข้าม เรียงแบบสลับน้อย เส้นใบ 3-9 ออกจากจุดเดียวกันตรงฐานใบ แล้วเบนเข้าหาปลายใบ เส้นใบย่อยเรียงแบบขั้นบันได ไม่มีหูใบ ออกดอกเป็นช่อ สมบูรณ์เพศ มีสมมาตรตามรัศมี กลีบเลี้ยง 3-6 (ส่วนใหญ่ 5) กลีบดอก 5 เรียงเกยซ้อนกันในดอกอ่อน เกสรเพศผู้ (ก้านชูอับละอองเรณู) มีประมาณ 10 เกสรเรียงเป็น 2 วงและมีรยางค์ รังไข่อยู่ใต้วงกลีบ ผลเมื่อแก่เปลือกจะแห้ง และแตกออก ภายในมีเมล็ดจำนวนมาก มีสรรพคุณเป็นยาพื้นบ้าน แก้คอพอก แก้อาเจียนเป็นเลือด และถ่ายเป็นเลือด รากใช้เป็นยา แก้ร้อนในกระหายน้ำ

ชื่อท้องถิ่น

  • กะดูดุ (มลายู-ปัตตานี)
  • กาดูโด๊ะ (มลายู-สตูล, ปัตตานี)
  • โคลงเคลงขี้นก, โคลงเคลงขี้หมา (ตราด)
  • ซิซะโพะ (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี)
  • ตะลาเด๊าะ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน)
  • เบร์, มะเหร, มังเคร่, มังเร้, สาเร, สำเร (ภาคใต้)
  • มายะ (ชอง-ตราด)
  • อ้า, อ้าหลวง (ภาคเหนือ)

 

ขอบคุณข้อมูลจาก วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

 

Photo:

นาข้าวเขียวขจี นี่ขนาดต้นเดือนเมษยน ทางใต้ยังมีฝนหลงฤดู

 

Photo:

เช้าของอีกวัน เราก็ได้ชมการแสดงอันตระการตาของธรรมชาติ แสงสียามเช้าอันงดงามยิ่งนัก

 

Photo:

สายหน่อยก็เริ่มมีชาวบ้านมาจับจองยอ หาปลาหากุ้ง  ที่จริงเขามีบริการนั่งเรือออกไปชมพระอาทิตย์ และดูนกกันในตอนเช้า แต่อ้อยหวานไม่นิยมเรือหางยาว มลพิษทางเสียง อยากบอกว่าเกือบได้ตำแหน่งเรือที่มีเสียงดังมากที่สุด ลำก็ไม่ใหญ่โต แต่เสียงใหญ่เกินตัวมากมาย ไปถึงไหน ความสงบแตกกระจุยกระจาย

 

Photo:

เที่ยงของวันนั้น ท่านแม่และน้องสาวเอารถมารับเรากลับบ้าน ก็ต้องเก็บภาพเป็นที่ระลึกกันหน่อย แถมแวะทานอาหารกลางวันแกล้มวิวงามๆ กันด้วย ขอบคุณมากค่ะ

หลังจากวันเช็งเม้งหรือวันไหว้บรรพบุรุษ ช่วงเทศกาลที่อ้อยหวานห่างหายไปนานหลายสิบปี เราก็บอกลาพ่อแม่ พี่น้อง และจักรยานทั้งสองคัน บินลัดฟ้าสู่แดนอาทิตย์อุทัย เพราะอ้อยหวานมีนัดไว้กับหัวใจ (อีกแล้ว)

 

Photo:

ทริปปั่นจักรยานรอบทะเลสาบสงขลา เท่าที่เวลาอำนวย แม้จะไม่ได้ปั่นตรงทะเลสาบส่วนล่าง แต่เราก็ได้ชมทั้งอ่าวไทย และทะเลสาบ ชมความงามของธรรมชาติ และวิถีชีวิตของผู้คนในท้องถิ่น

 

Photo:

หมุนล้อออกไป หมุนล้อออกไปเถิด ฉันขอร้อง

ออกไปสัมผัสความงดงามของธรรมชาติ

ไปตกตลึงพรึงเพริด กับสิ่งมหัศจรรย์ของโลก

ด้วยจิตใจอันอยากรู้อยากเห็นของเด็กน้อย

 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่อง “ก้าวเท้าที่นำไป ” ในตอนต่อไป

 

อ่าน “ก้าวเท้าที่นำไป ” ตอนแรก

ก้าวเท้าเดิน..ตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ

ก้าวเท้าเดิน..ตามรอยเวลา

สองล้อเที่ยวชมวิถีชีวิตเมืองคอน 1

สองล้อเที่ยวชมวิถีชีวิตเมืองคอน 2

ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 1

ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 2

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

อ้อยหวาน

 

โลกนี้สีชมพู 1

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

Photo:

ฉันไม่รู้ว่า...โลกของเธอนั้นเป็นสีอะไร?

แต่โลกของฉัน..เป็นสีชมพู

เพราะฉันได้เก็บเกี่ยวภาพความงามของทุ่งดอกไม้

เก็บไว้ทุกดอก ทะนุถนอมไว้ในใจ

ยามใดฟ้าหม่น ชีวิตเริ่มหมอง

ภาพดอกไม้สีชมพู ในใจฉัน...จะเริ่มทยอยกันออกมา

ปลอบประโลมใจฉัน.. ด้วยสีชมพู

 

Photo:

แม้ว่าอ้อยหวานได้พบเจอกับเธอ ...ดอกซากุระ มาหลายครั้งหลายครา (อ่านครั้งล่าสุดได้ที่บล็อกนี้ ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดอกซากุระ..สัญลักษณ์แห่งชีวิตและความไม่ยั่งยืน ) แต่ทุกครั้งก็เจอพวกเธอ ตรงนั้นนิด ตรงนี้หน่อย กระปริบกระปรอย ไม่หนำใจ กลับไปอีกครั้งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ระหว่างทางกลับบ้านจากเมืองไทยไปแคนนาดา อ้อยหวานได้วางแผนนัดกับเธอๆ ครั้งใหญ่ แบบล้นหลาม และให้สะใจกันไปเลย ต้นซากุระของโตเกียวและพื้นที่ใกล้เคียงจะพากันบานเต็มที่ในช่วงอาทิตย์แรกของเดือนเมษายน ไปหลังจากวันเช็งเม้งหรือวันไหว้บรรพบุรุษกำลังพอดี บางแห่งอาจจะเริ่มโรยกันบ้างแล้ว เนื่องจากโดนสายฝนและพายุ

 

Photo:

แต่ส่วนใหญ่กำลังสวยสะพรั่ง

สี่วันแรกเราพักกันที่โรงแรมริมแม่น้ำโอโอะคะกะวะ (Ookagawa) แห่งโยโกฮะมะ (Yokohama)

 

Photo:

ซึ่งมีต้นซากุระยืนเรียงรายไปสุดสายตา ในช่วงต้นเดือนเมษายนต้นซากุระจะพากันออกดอกเบ่งบานเต็มต้น ซากุระของที่นี่เป็นซากุระพันธ์โซะเม โยะชิโนะ (Somei Yoshino) ซึ่งเป็นพันธ์ที่นิยมมากในประเทศญี่ปุ่น ดอกของซากุระพันธ์นี้มีสีชมพูอ่อนจนเกือบขาว และที่สำคัญคือ เวลาออกดอกเบ่งบานจะไร้ใบ ทำให้เป็นสีชมพูไปทั่วทั้งต้น   

 

Photo:

เข้าพักโรงแรมนี้เหมือนถูกแจ็คพอต เช้าก็ได้ชมเชยเธอ เย็นก็ได้ชมเธอ ค่ำก็ได้ชม ตอนกลางคืนตื่นไปเข้าห้องน้ำ ก็ได้ชะเฮ้อคอมองเธอจากหน้าต่างในห้อง ตีสามตีสี่ก็ยังไปยืนมองเธอ ไม่สะใจให้มันรู้ไป

อ้อยหวานยังเขียนบทความให้เว็ปเจเปนทราเวิล (Japan Travel) เป็นอีกเว็ปหนึ่งที่อ้อยหวานได้เขียนบล็อกและบทความกันมายาวนานหลายปี หากสนใจอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแม่น้ำโอโอะคะกะวะ (Ookagawa) แห่งโยโกฮะมะ อ่านและดูรูปเพิ่มได้ที่ลิงค์นี้ค่ะ Ookagawa ในวันที่มีเธอ

 

Photo:

สถานที่ชมดอกซากุระในโตเกียวและโยโกฮะมะนั้น มีอยู่หลายแห่งมาก แต่ละแห่งก็ให้บรรยากาศที่แตกต่างกันไป อาทิตย์แรกเราเน้นชมซากุระกันล้วนๆ แบบที่ไหนไม่มีสีชมพู เราไม่ไป!

วัดอิเคะกะมิ ฮอนมอน-จิ (Ikegami Honmon-ji) ของโตเกียว เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่มีเธอ เดินขึ้นบันไดหินเกือบร้อยขั้น

 

Photo:

ไม่เหนื่อยเลย เพราะมีเธอรออยู่

 

Photo:

ในวันนั้นที่วัดมีงานแข่งขันวิ่งมาราธอน ทำให้มีผู้คนมากมายเต็มลานวัด ดังนั้นจึงเป็นวันดีที่พายุฝนจะเข้าร่วมงานด้วย ทั้งฝนและลมพากันมาให้ความหนาวสั่นแก่นักวิ่งและนักท่องเที่ยวที่มาชมดอกซากุระ

 

Photo:

แล้วเราก็ได้ชม ‘สายฝนดอกซากุระ’ ภาพกลีบดอกไม้เบาบาง ลอยล่อง ร่วงล่น ลงดิน นั้น สวยงดงามไม่แพ้ดอกซากุระบนต้น แต่ไม่สามารถบันทึกในภาพถ่ายได้

วัดอิเคะกะมิ ฮอนมอน-จิ (Ikegami Honmon-ji) นี้เป็นวัดเก่าแก่หลายร้อยปี ภายในวัดมีสุสานเก่าแก่ พร้อมกับต้นซากุระสีชมพู สร้างบรรยากาศที่ สวย เศร้า และสงบ ในคราวเดียวกัน

 

Photo:

ถึงเวลา.. ซากุระ         When cherry blossoms

ล่วงหล่นโปรยปราย  scatter

ไม่มีคำว่า..เสียใจ      no regrets

กลอนไฮกุของท่านอิสสะ  (Issa)

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อิเคะกะมิ ฮอนมอน-จิ ในฤดูดอกซากุระ

 

Photo:

สวนซานเคเอ็น (Sankeien Garden) แห่งโยโกฮะมะ เป็นสวนญี่ปุ่นที่สวยงามในทุกฤดูกาล ยิ่งเป็นฤดูสีชมพูก็ยิ่งสวยกันไปใหญ่ เสียดายอ้อยหวานทำไฟล์ของวันนี้หาย ไม่รู้หายไปไหน ไฟล์ที่มีรูปถึงหนึ่งร้อยรูป ละลายหายไปในอากาศ เหลืออยู่ไม่กี่รูปที่อ้อยหวานโพสไว้ในเฟสบุค เศร้าเลย!!!!

 

Photo:

สวนซานเคเอ็นนี้เป็นสวนญี่ปุ่นเก่าแก่ พร้อมทั้งเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งไปในตัว เป็นแหล่งรวมของบ้านและอาคารเก่าแก่ซึ่งถูกขนย้ายมาจากถิ่นฐานดั้งเดิม เช่น เจดีย์สามชั้นจากวัดเก่าแก่ในเมืองเกียวโต และ วิลล่าแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมอีกหลายหลัง และที่ถูกใจอ้อยหวานก็คือ โคมไฟหิน ในสวนมีเป็นร้อย ต่างแบบ หลากสไตล์ อ้อยหวานเก็บรูปโคมหินมาทุกอัน แต่รูปหายหมด...

 

Photo:

เป็นสวนที่สวยมากจริงๆ

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ตระการตา..สวนซานเคเอ็น

 

Photo:

สถานที่ชมดอกซากุระสุดท้ายที่จะเขียนถึงในบล็อกนี้ และเป็นอีกแห่งหนึ่งที่ประทับใจอ้อยหวานมากมาย จากสนามม้าเก่าแก่ในอดีต กลายร่างเป็นสวนสวย ที่จุเต็มไปด้วยสีชมพูในฤดูดอกซากุระ

สวนป่าเนะกิชิ (Negishi Forest Park) แห่งเมืองโยโกฮะมะ เป็นสวนที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ และมีสนามหญ้าเขียวขจีลาดไปสู่ป่าต้นซากุระ ชาวบ้านแถบนี้พาลูกพาหลานมาฮานามิ (ชมดอกไม้) กัน ไม่ว่าจะนั่งชม นอนชม ปูเสื่อ ขนกล่องอาหารเบ็นโตะ และเหล้าสาเกมาปิคนิก ให้บรรยากาศที่แตกต่างจากที่อื่นๆ สวย สงบ และผ่อนคลาย

 

Photo:

ต้นซากุระของที่สวนนั้นทั้งสูงทั้งใหญ่ แผ่กิ่งก้านออกไปทุกทิศทุกทาง ส่วนดอกนั้นเล่า ชวนให้อยาก ‘กรี้ดดดดดด’ ไปก้องป่า

 

Photo:

ไปนั่งชมในป่าซากุระ ก็ให้บรรยากาศอีกแบบหนึ่ง

 

Photo:

ไปญี่ปุ่นคราวนี้ มีน้องสาวไปกับเราด้วย ได้ลั่นล้าและชื่นมื่นหัวใจกันทุกคน เราให้คะแนนสวนป่าเนะกิชิไปเลยเต็มสิบ สวยมากๆ มีที่กว้าง และมีคนน้อยกว่าที่อื่นๆ

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ตกหลุมรักป่าสีชมพูของโยโกฮะมะ

 

Photo:

ที่สวนมีทุ่งดอกเรพซีดสีเหลืองสดตัดกับสีชมพูได้อย่างงดงาม

 

Photo:

ถ่ายรูปเซลฟี่ก็ออกมาดูดี การันตี

 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่อง “ก้าวเท้าที่นำไป ” ในตอนต่อไป

 

อ่าน “ก้าวเท้าที่นำไป ” ตอนแรก

ก้าวเท้าเดิน..ตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ

ก้าวเท้าเดิน..ตามรอยเวลา

สองล้อเที่ยวชมวิถีชีวิตเมืองคอน 1

สองล้อเที่ยวชมวิถีชีวิตเมืองคอน 2

ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 1

ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 2

ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 3

 

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

อ้อยหวาน

 

โลกนี้สีชมพู 2

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

Photo:

เราไม่อาจจะระบายสีให้โลกเต็มไปด้วยดอกไม้สีชมพูสดใสได้เสมอไป แต่เราสามารถระบายสีโลกภายในใจให้งดงามสดใสอยู่เสมอ…

 

Photo:

อย่างคำคมของพระไพศาล วิสาโล  ...ความสุขอยู่ที่ใจ หันมาเมื่อไหร่ก็เจอ

 

Photo:

อ้อยหวานส่งภาษาใบ้ขออนุญาติถ่ายรูปลุงและภาพเขียนสุดสวยของลุง ลุงยิ้มให้และพยักหน้าตกลง ในประเทศญี่ปุ่น ภาพผู้สูงอายุนั่งวาดรูปสีน้ำอย่างใจเย็นในสวนหรือสถานที่ที่สวยงดงามเช่นนี้ มีให้เห็นบ่อยๆ บ้างมาเป็นกลุ่มใหญ่ กระจัดกระจายกันนั่งวาดรูป จากนั้นก็ช่วยกันติชม บ้างก็มาโดดเดี่ยว (แต่ไม่เดียวดาย) อย่างที่อ้อยหวานเขียนไว้ใน บล็อกสีน้ำอีกสักครั้งการวาดรูปเป็นการบำบัดจิตใจแบบหนึ่ง ที่มีชื่อหรูว่า ศิลปะบำบัด (Art Therapy) ศิลปะสามารถนำมาใช้บำบัดจิตใจ สำหรับโรคหลายชนิด เช่น โรคเครียด  โรคเศร้าซึม โรคจิตตก โรคเบื่อ โรคกังวลวิตกจริต โรคบอบช้ำทางจิตใจจากการสูญเสีย

และสำหรับผู้สูงอายุ อ้อยหวานคิดว่าการได้นั่งวาดรูประบายสี แทนที่จะไปนั่งกังวลเรื่องลูกหลานเหลน หรือวิตกถึงความเสื่อมต่างๆ ที่กำลังรุมล้อมร่างกาย มันจะทำให้มองเห็นโลกที่เหลืออยู่สดใสและมีความหมายมากขึ้น

 

Photo:

จากบล็อกที่แล้ว เมื่อโบกมืออำลาน้องๆ แล้ว เราสองคนก็โยกย้ายตัวเองออกนอกเมืองคามาคุระ ไปที่ทะชิคะวะ (Tachikawa) ชานเมืองโตเกียว โดยที่ไม่ทราบมาก่อนว่าจะได้พบเจออะไรที่นั่น และกลายเป็นว่าเราได้พบกับขุมทรัพย์สีชมพู ที่จริงต้องเรียกว่าเราได้ตกลงไปในขุมทรัพย์ดอกไม้เข้าอย่างจัง! เพราะที่เมืองนี้มีสวนสวยที่ไม่ธรรมดา

สวน Showa Memorial Park หรือ Showa Kinen Koen

และสวนนี้กำลังมี งานเทศกาลดอกไม้

 

Photo:

ในสวนมีต้นซากุระกว่า 1500 ต้น 31 สายพันธุ์ กำลังเบ่งบานกันอย่างเต็มที่ คนรักดอกไม้อย่างอ้อยหวานก็ได้เบิกบานอย่างผีเสื้อล้อลม เป็นความสุขที่ไม่เคยลืม นึกถึงทีไร สุขใจร่ำไป

 

Photo:

ยัง...ยังไม่หยุดเพียงแค่นั้น เพราะในสวนยังมีทุ่งทิวลิปหลากสีสันกว่า 23,000 ต้น

 

Photo:

ทิวลิปกับดอกซากุระ ที่สวยจัดกินกันไม่ลงจริงๆ

 

Photo:

หันมาอีกมุม แดฟโฟดิลสีเหลืองเข้ม กับซากุระสีชมพูอ่อน ก็ได้ใจไปอีกหลายดวง แม้ว่าเมืองออตตาวา เมืองที่อ้อยหวานอยู่นั้นจะมีดอกทิวลิปและดอกแดฟโฟดิลอยู่มากมาย (และมากกว่า) แต่ออตตาวาไม่มีชากุระ

 

Photo:

โอ้..ว้าววววววว ทำไมสีตัดกันได้อย่างงดงามเช่นนี้

 

Photo:

ดอก Chinese Violet Cress สีม่วงหวาน สีโปรดของอ้อยหวานนะเนี่ย

ดอก Chinese Violet Cress มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Orychophragmus violaceus เป็นดอกไม้ป่าที่ขึ้นอยู่ทั่วไปริมถนน ตามทุ่งนา ป่าเขาของประเทศจีนและญี่ปุ่น เป็นพืชในตระกูลมัสตาร์ด ในประเทศจีนจัดว่าเป็นผัก ก้าน ใบ และดอกสามารถนำมาทำเป็นอาหารหรือกินสด ดอกมีสีม่วงอ่อน ม่วงแก่ ไปจนถึงสีชมพูอมม่วง

เดินอยู่ในทุ่งดอก Chinese Violet Cress เธอรวมตัวกันส่งกลิ่นหอมระรวย ให้คนรักสีม่วงใจอ่อนระทวยเชียวละ

 

Photo:

เรียกได้ว่า ‘สวยหมดจด’ คือ รูปสวย กลิ่นหอม แถมกินได้อีก อยากเอามาปลูกที่บ้าน แต่หาซื้อเมล็ดไม่ได้ น่าเสียดายจัง

 

Photo:

ฮะนะมิ ปิคนิกชมดอกไม้แบบญี่ปุ่น ‘ฮะนะ’ ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่าดอกไม้

 

Photo:

ส่วนใหญ่แล้วคำว่าฮะนะมิจะหมายเจาะจงลงไปที่ ชมดอกซากุระและดอกพลัม เป็นประเพณีที่สืบต่อกันมาหลายร้อยปี

 

Photo:

พอผ่านดงดอก Chinese Violet Cress ก็มาเจอกับทุ่งดอกไม้สีเหลือง แล้วต้องร้องบอกตัวเองว่า สวรรค์บนดินเป็นเช่นนี้เอง!

 

Photo:

ในทุ่งดอกเรฟซีดสีจัดจ้านนี่เอง ที่อ้อยหวานได้พบกับลุงจิตรกรนั่งวาดรูปสีน้ำอย่างมีความสุข  

 

Photo:

เรฟซีด เป็นพืชในตระกูล Brassicaceae หรือตระกูลมัสตาร์ด (หรือกะหล่ำปลี) เป็นพืชที่เพาะปลูกเพื่อนำเมล็ดมาผลิตน้ำมันสำหรับใช้ในการปรุงอาหาร และถือว่าเป็นแหล่งผลิตน้ำมันสำหรับใช้ในการปรุงอาหารอันดับสามของโลก

ว่าด้วยเรื่อง เรฟซีด (rapeseed) กับ คาโนล่า (Canola) ความเหมือนและความแตกต่าง

เอาสั้นๆ เลยนะ คาโนล่า (Canola) ก็คือ เรฟซีด (rapeseed) ที่กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ชาวแคนนาดาช่วยกันปรับปรุงบำรุงพันธ์ขึ้น เพื่อให้น้ำมันที่มีคุณภาพเหมาะสมสำหรับใช้เป็นอาหารของมนุษย์ คำว่า คาโนล่า (Canola) กลายมาจากคำว่า Canadian oil, low acid (น้ำมันพืชผลิตในแคนาดา มีกรดต่ำ)

สนใจอ่านรายละเอียดได้ที่

https://en.wikipedia.org/wiki/Canola

https://www.naturalnews.com/034733_canola_oil_rapeseed_food_labels.html

 

Photo:

เราชมสวนกันตั้งแต่เช้าจรดเย็น แต่ก็ยังชมได้ไม่ทั่ว นับว่าเป็นสวนที่กว้างมาก ที่จริงเขามีจักรยานให้เช่า แต่ส่งภาษากันไม่รู้เรื่อง เลยพลาดไป

ในสวนยังมีดอกไม้อีกหลายชนิด ไปชมกันได้ที่นานาดอกไม้ของสวน Showa Memorial Park

บล็อกหน้าเราไปปั่นจักรยานชมญี่ปุ่นกันนะค่ะ
 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่อง “ก้าวเท้าที่นำไป ” ในตอนต่อไป

 

อ่าน “ก้าวเท้าที่นำไป ” ตอนแรก

ก้าวเท้าเดิน..ตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ

ก้าวเท้าเดิน..ตามรอยเวลา

สองล้อเที่ยวชมวิถีชีวิตเมืองคอน 1

สองล้อเที่ยวชมวิถีชีวิตเมืองคอน 2

ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 1

ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 2

ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 3

โลกนี้สีชมพู 1

Photo:

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

อ้อยหวาน

 

ปั่นสองล้อ มองหาเธอ..ฟูจิ

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

Photo:

วันนี้อ้อยหวานพาเพลินจะนำลูกทัวร์ไปเปลี่ยนบรรยากาศ จากชมดอกไม้มาเป็นชมภูเขากันบ้าง และจากเดินชมกันหลายวันจนแข้งขาร้าวระบม เราจะเช่าจักรยานแล้วปั่นรอบทะเลสาบที่ตั้งอยู่ตรงเชิงภูเขาฟูจิ ภูเขาที่ชื่อดังที่สุดของญี่ปุ่น และเป็นสัญาลักษณ์ของประเทศ

Photo:

ก่อนเริ่มปั่นเที่ยวกัน เรามาทำความรู้จักกับฟูจิกันนิดหน่อยนะค่ะ

ภูเขาฟูจิ เป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับหรือยังมีพลัง ระเบิดครั้งล่าสุดในปี 1707–1708 และมีความสูง 3,776.24 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล จัดว่าเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น และอาจจะสวยที่สุดเช่นกัน ภูเขาฟูจิยังเป็นภูเขาที่ศักดิ์สิทธ์ที่สุดของญี่ปุ่นอีกด้วย

ยัง..ยังไม่หมด เธอยังได้ตำแหน่งภูเขามรดกโลกจากองค์กรยูเนสโก้

ความงามของเธอปรากฎอยู่ในศิลปะญี่ปุ่นมาแต่โบราณ ทั้งภาพวาด ภาพเขียน และบทกวี เรียกได้ว่าเธอเป็นดาวค้างฟ้าเลยทีเดียว

และแน่นอนอยู่แล้ว ใครที่มาญี่ปุ่นแล้วไม่ได้ชมโฉมเธอ ก็ถือว่ายังไปไม่ถึงญี่ปุ่น เผลอๆ ถูกโดนไล่ให้กลับไปอีกรอบ

ว่าแล้ว เรายกพวกไปชมโฉมเธอกันเถอะ

 

Photo:

ทะเลสาบคะวะโกะชิกุถือว่ามีทำเลที่ดีที่สุดสำหรับชมวิวภูเขาฟูจิ ตั้งอยู่ตรงเชิงเขาทางทิศเหนือ และมีรูปร่างรีๆ คล้ายเมล็ดถั่วแดง ปั่นจักรยานรอบทะเลสาบไม่ใกล้ไม่ไกล 35 กิโลเมตรเท่านั้นเอง ปั่นชิว ชิว มีขึ้นลงเนินกันนิดหน่อยให้หอบอ่อนๆ แต่วิวสวยมากมาย และที่สำคัญคือ เราได้ปลีกวิเวกจากนักท่องเที่ยวเป็นโขยงอีกด้วย

ดูดิ พอลงจากรถไฟปั๊บก็ได้เจอเธอเลย อยู่ด้านหลังสถานีรถไฟเลยทีเดียว หน้าสถานีมีร้านให้เช่าจักรยานอยู่สองสามร้าน เลือกคันเหมาะๆ จ่ายตังส์ แล้วไปกันเลย

 

Photo:

ใครไม่ถนัดถีบรถ จะเลือกถีบเรือหงส์แทนก็ไม่ว่ากัน แต่บอกไว้ก่อนนะว่าจะไม่เห็นอะไรมาก เห็นแต่น้ำกับฟ้าและมีเธอยืนเด่น ดูแป๊ปเดียวก็เบื่อแล้ว

 

Photo:

ปั่นจักรยานมีที่ให้หยุดแวะชมมากมาย ได้พักเหนื่อยอีกด้วย รอบทะเลสาบมีศาลเจ้าเล็กๆ แบบนี้อยู่ 7 แห่ง เป็นศาลของเทพเจ้าแห่งความโชคดีทั้งเจ็ด แต่ละศาลเจ้าตั้งอยู่กระจัดกระจายทั่วริมฝั่งทะเลสาบ

 

Photo:

นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวให้หยุดชม และหยุดถ่ายเงินออกจากกระเป๋าตังส์อีกมากมาย เช่น พิพิธภัณฑ์ 7-8 แห่ง ร้านค้า สวนสนุก แต่บอกตรงๆ ว่าไม่ได้หยุดถ่ายเงินในกระเป๋าออกเลย เพราะแต่ละแห่งมีคนมหาสาร

ตรงนี้เป็นร้านค้าขนาดใหญ่ที่ปลูกลาเวนเดอร์เป็นสวน เอาไว้เรียกแขก แต่ช่วงนี้ยังหนาวเกินไป ลาเวนเดอร์ยังไม่เกิด

 

Photo:

ไม่เกิด.. แต่วิวสวยนะ พูดภาษาไทยกันกระหึ่มเลย นักท่องเที่ยวไทยติดอันดับท็อปห้าของนักท่องเที่ยวในญี่ปุ่นเลยทีเดียว

 

Photo:

เราไปต่อกันเลยนะ ไม่ต้องแวะหรอก ถึงแม้ว่าในร้านมีของชวนน้ำลายไหล และชวนให้เสียตังส์อยู่มากมาย แต่ปั่นจักรยานขนไม่ได้อยู่แล้ว เอ้า อยากหยุดก็หยุด แล้วเข้าห้องน้ำห้องท่าให้เรียบร้อยด้วย ให้เวลาสิบห้านาที อย่าลืมแวะชิมไอศครีมลาเวนเดอร์ด้วยละ นุ่มๆ มันๆ หอมอร่อย อ้อยหวานไม่ได้ถ่ายรูปในร้าน เพราะคนเยอะมาก

 

Photo:

ปั่นต่อไปอีกนิดก็มาถึงตรงนี้ เป็นทางไม้ปั่นสบาย ฟูจิ เธอก็ยังอยู่กะเรา สวยพริ้งไปเลย

 

Photo:

มีปั่นผ่านสวนด้วยนะ ตรงนี้เป็นสวนบลูเบอรี่ แต่ช่วงเดือนเมษายน บลูเบอรี่ยังนอนหลับไหลไร้ใบ เพราะแถบนี้ก็สูงพอสมควร อากาศจะอบอุ่นช้ากว่าที่ราบด้านล่าง

 

Photo:

ถึงตรงนี้ วิวสวยขาดใจ!

เรามาถึงกึ่งกลางของระยะทางทั้งหมด

 

Photo:

ไม่ต้องกลัวหิวน้ำเลยละ มีเครื่องแบบนี้อยู่มากมายหลายจุด อยากดื่มน้ำชนิดไหนจัดให้ทุกแบบ แถมเย็นเจี๊ยบด้วยนะ จุดนี้ห่างไกลผู้คนและนักท่องเที่ยว บ้านเรือนก็ไม่มีสักหลัง

 

Photo:

สถานที่เดียวที่เราหยุดชมกันนานหน่อย ศาลเจ้าริมฝั่งทะเลสาบ

 

Photo:

เป็นศาลเจ้าเล็กๆ แต่สวยดี แถมคนน้อยอีกด้วย

 

Photo:

ถึงเวลาเรียนรู้เล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับศาลเจ้าชินโต นอกจากประตูโทริที่อ้อยหวานเคยเล่าให้ฟังในบล็อก ประตูโทริประตูสู่แดนศักดิ์สิทธิ์ แล้ว ยังมีสิ่งที่น่าสนใจใคร่ชมอีกหลายอย่าง เช่น เชือกศักดิ์สิทธิ์ชิเมะนะวะ (shimenawa) ถ้าเดินไปเจอเชือกแบบนี้ รู้ไว้เลยว่ามาเจอสิ่งศักดิ์สิทธิ์เข้าแล้ว ถ้าผูกรอบต้นไม้ ก็แสดงว่าต้นไม้ต้นนั้นเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ผูกก้อนหิน=ก้อนหินศักดิ์สิทธิ์ ฉะนั้นจงสำรวมอย่าหึกเหิมไปปีนเล่น (อะไรทำนองนี้)

 

Photo:

อ่างน้ำสำหรับชำระล้างทำความสะอาดก่อนไหว้เทพเจ้า ใช้ล้างมือ และล้างปาก คือล้างมือเสร็จก็ตักน้ำใส่ฝ่ามือ ป้วนปาก จะคายน้ำออกหรือกลืนลงไปก็ได้ คนญี่ปุ่นเขาจะพกผ้าเช็ดมือของตัวเอง ล้างมือเสร็จจะได้เช็ดมือให้แห้ง เพราะเขาไม่มีกระดาษไว้ให้ และนี่คือเหตุผลที่ว่าตามร้านต่างๆ เขาถึงมีผ้าเช็ดมือน่ารักๆ ขายกันมากมาย ไม่พกไปล้างมือเสร็จก็ต้องเช็ดกับเสื้อตัวเอง แล้วน้ำก็เย็นเจี๊ยบเลยละ

 

Photo:

น้ำใสสะอาด อ่างก็จัดอย่างสวยงาม อ่างน้ำของแต่ละแห่งจะแตกต่างกันไปไม่มากก็น้อย และสวยๆ กันทั้งนั้น มีที่วางตะบวยให้เรียบร้อย แม้แต่เด็กๆ ญี่ปุ่น เมื่อล้างมือล้างปากแล้ว จะวางตะบวยเก็บที่เดิมอย่างเรียบร้อย มีระเบียบกันจริงๆ

 

Photo:

แผ่นไม้เอะมะ (Ema) เป็นแผ่นไม้สำหรับเขียนคำอธิษฐานของลัทธิชินโต มีหลายรูปแบบแตกกันแต่ละศาลเจ้า อยากทราบที่มาที่ไปของแผ่นไม้นี้ อ่านได้ที่ “แผ่นเอะมะ แผ่นไม้อธิษฐาน เขียนคำอธิษฐาน ส่งสารแด่เทพเจ้า” อ้อยหวานเขียนไว้ค่อนข้างละเอียด และมีรูปให้ดูด้วย แต่ที่ลืมบอกไปในบทความก็คือ พอถึงปีเขาเก็บรวบรวมและมีงานก่อกองไฟ ก็มีแผ่นไม้นี่แหละเป็นฟืน คำอธิษฐานลอยล่องเป็นควันถึงเทพเจ้า

เมื่อสองสามเดือนก่อนน้องเบลลูกสาวของอ้อยหวานไปเที่ยวญี่ปุ่นกับน้องชาย ขากลับซื้อมาเป็นของฝากใหอ้อยหวาน เพราะเขาเห็นว่ามีรูปดอกไฮเดรนเยียสวยดี แม่ชอบดอกไม้ ทำเอาแม่ร้องเสียงหลง ก็ไม่เคยเห็นใครซื้อเอากลับบ้านนะสิ แล้วนี่เขามีเคล็ดอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้!

 

Photo:

ออกจากศาลเจ้า ก็มาเจอกับสวนสมุนไพร ที่นี่มีปลูกอยู่หลายชนิด แต่ดูเหมือนว่ามีลาเวนเดอร์มากที่สุด เดือนกรกฎาคมคงจะเป็นทุ่งสีม่วงสวย รูปฟูจิกับทุ่งลาเวนเดอร์คงงามน่าดู เลยมาฝั่งนี้ ก็อยู่ตรงเชิงฟูเขาฟูจิพอดี ไม่มีทะเลสาบคั่น

 

Photo:

ปั่นจักรยานรอบทะเลสาบ 35 กิโลเมตร และได้ชมโฉมเธอจนหนำใจ เสียดายที่ดอกซากุระของที่นี่ยังไม่บานกัน เพราะอากาศหนาวกว่าที่อื่นๆ แต่ไม่เป็นไรเพราะเราตั้งใจมาชมโฉมเธอเท่านั้น

ในที่สุดอ้อยหวานได้ขีดถูกในรายการสถานที่ที่ฝันอยากไปปั่นจักรยาน ….ปั่นจักรยานชมภูเขาฟูจิ ไปมาแล้วนะ

 

Photo:

ฝาครอบท่อระบายน้ำของแถบนี้ แน่นอนต้องมีเธอ!

 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่อง “ก้าวเท้าที่นำไป ” ในตอนต่อไป

 

อ่าน “ก้าวเท้าที่นำไป ” ตอนแรก

ก้าวเท้าเดิน..ตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ

ก้าวเท้าเดิน..ตามรอยเวลา

สองล้อเที่ยวชมวิถีชีวิตเมืองคอน 1

สองล้อเที่ยวชมวิถีชีวิตเมืองคอน 2

ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 1

ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 2

ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 3

โลกนี้สีชมพู 1

โลกนี้สีชมพู 2

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

อ้อยหวาน

 

ปั่นจักรยานชมสวนลูกพีชญี่ปุ่น

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

 

Photo:

 

หลังจากเดินทางท่องเที่ยวในญี่ปุ่นมาหลายวัน เจอะเจอผู้คนมากหน้าหลายตามามากมายเช่นกัน

เพราะขึ้นชื่อว่าสถานที่ท่องเที่ยว ก็แน่นอนต้องมีนักท่องเที่ยว ยิ่งเป็นฤดูดอกซากุระ ซึ่งเป็นฤดูกาลอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น

ใครๆ ก็อยากไปยนโฉมน้องนางในชุดสีชมพูสวยหวาน นอกจากในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ

แล้ว เราก็ต้องเผชิญกับฝูงชนที่สถานีรถไฟ และในรถไฟอีกด้วย เรียกว่าเจอตลอด ไม่สามารถปลีกวิเวกได้เลย

ที่จริงในวันนั้นเราสองคนวางแผนจะไปเดินป่าขึ้นเขาชื่อดัง และอยู่ไม่ไกลจากโตเกียว คือ ภูเขาทะกะโอะ

ซึ่งต้องมีฝูงชนมหาสารอย่างแน่นอน เมื่อคุณผู้ชายถามว่า ไปไหนดีวันนี้ ผู้รู้ดีอย่างอ้อยหวานใช้เวลาคิดเพียงสองนาที

แล้วบอกแผนการลับ อ้อยหวานเคยอ่านเจอบล็อกหนึ่ง ซึ่งเธอชอบไปเดินเที่ยวในที่ที่มีคนน้อย ตามแถวบ้านคน

หรือในหมู่บ้านที่ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยว และเธอเขียนบอกว่าเธอไปเดินเล่นที่เอ็นซาน (Enzan)หมู่บ้านเล็กๆ แถมมีสวนผลไม้ด้วย อ้อยหวานจึงบอกเพื่อนร่วมเที่ยวไปว่า เราไปเดินชมนกชมไม้ไปเรื่อยๆ

ถือว่าเป็นการพักจากผู้คนและนักท่องเที่ยว และเป็นการไปสำผัสญี่ปุ่นที่แท้จริงก็แล้วกัน ไม่ต้องคาดหวังอะไร

แล้วก็ต้องร้อง ‘ว้าวววว’ อยู่หลายครั้งหลายครา

Photo:

 

ว้าว!! แรก ออกจากสถานีรถไฟแล้วเจอ

อ้อยหวานแทบจะกระโดดโลดเต้นเหมือนเด็กเจอของเล่นถูกใจ จัดไปเลยคนละคัน ค่าเช่าถูกกว่าที่ภูเขาฟูจิ อีกด้วย

แต่พอเริ่มปั่น ว้าว!! ที่สองก็ตามมาทันที ก็จักรยานคันสวยนี้เธอติดเครื่องมาด้วย เธอเป็นจักรยานที่มีไฟฟ้าช่วยขับเคลื่อน

 

Photo:

 

เราเริ่มปั่นออกจากสถานีรถไฟ ชมบ้านเรือนไปเรื่อยๆ มีหลายหลังที่ยังเป็นบ้านโบราณที่สวยมาก มีสวนผลไม้ขึ้นแซมเล็กน้อย

แค่นี้อ้อยหวานก็สุขใจแล้ว

 

Photo:

 

บ้านโบราณหลังนี้ช่างสวยเสียจริงๆ

 

 

Photo:

 

ปั่นเลยมาอีกหน่อยก็มาเจอสวนลูกแพร์ญี่ปุ่น เขาปลูกกันแบบนี้

ดูเหมือนผ้าลูกไม้สีขาวสวย

 

Photo:

 

อีกสวนหนึ่ง ต้นแพร์ดูยังกับต้นบอนไซ คือดูเก่าแก่มาก แต่มีดอกดกเต็มต้น

 

Photo:

 

เลยเขตชุมชนมาหน่อยเดียว อ้อยหวานก็ต้องร้องว้าว.. แม่เจ้าโว้ย ออกมาดังๆ เรามาเจอกับสวนสีชมพูเข้มสุดๆ

ดอกสวยราวกับดอกสวรรค์ หอมที่สุดในขบวนดอกไม้ที่เคยเห็นมาในญี่ปุ่นเลย

 

Photo:

 

ดูกันชัดๆ ว่าเธองามเสียเหลือเกิน

สอบถามคนแถวนั้นก็รู้ว่ามันคือดอกลูกพีชญี่ปุ่น

 

Photo:

 

 

รับประกันความหอม

 

Photo:

 

 

ตอนแรกเราสองคนไม่รู้ว่าเขาทำอะไรกันในสวน อ้อยหวานก็โมเมเอาว่า เขาผสมเกสรให้ดอกไม้!

 

Photo:

 

เลยจากสวนนั้นมาหน่อยก็ถึงเขตภูเขา ภาพเนินสีชมพูตามไหล่เขา ทำให้อ้อยหวานปั่นพุ่งเข้าใส่ ชันก็ชันเถอะ

มีตัวช่วยเสียอย่าง พอเข้าไปใกล้ ว้าวอันดับที่หนึ่งร้อย (เว่อร์ไปนิด) ดังก้องหัวใจอ้อยหวานเลย

 

Photo:

 

สีชมพูไปสุดสายตา

 

Photo:

 

ลูกพีชญี่ปุ่น ภาษาญี่ปุ่นมีชื่อน่ารักว่า โมโมะ (Momo) แต่เดิมนั้นได้รับการเผยแพร่มาจากประเทศจีน เมึ่อหลายร้อยปีก่อน

ต่อมามีการพัฒนาบำรุงพันธ์จนออกมาเป็นสายพันธ์พีชญี่ปุ่น ที่โดดเด่นคือ ลูกพีชขาวพันธ์ชิมิซุ แต่สวนของหมู่บ้านนี้เป็นพันธ์อะไร

อ้อยหวานหารู้ไม่ แต่ที่รู้คือไม่ใช่พีชขาวแน่นอน

 

Photo:

 

ยืมรูปมาจากเว็ปไซด์ของสวนๆ หนึ่งในแถบนี้ มาให้ดูว่า ไม่ใช่แต่มีดอกสวย ลูกยังงามน่ากินอีกด้วย

 

Photo:

 

เมื่อมาเจอเธอคนนี้ อ้อยหวานก็ร้องอ๋อ ขึ้นมาทันที สวนข้างล่างเขาปล่อยให้ต้นพีชสูงเกินไป เขาเลยใช้ไม้ตีดอกให้ร่วงเพราะมันดกเกินไป แต่สวนบนเขา ใช้ตัดเล็มกันทีละดอก

 

Photo:

 

แล้วเนี่ยเมื่อไรจะเสร็จทั้งเนิน แต่คงจะทำงานกันอย่างมีความสุข เพราะมีกลิ่นหอมขจรขจายไปทั่ว

 

Photo:

 

แล้ววิวบนเขามันก็ช่างงามจนนึกว่าฝันไป

หมู่บ้านเอ็นซานมีภูเขาล้อมรอบอยู่สามด้าน ถ้ามองดีๆ จะเห็นว่าเนินเขาทางฝั่งโน้นก็มีสีชมพูเป็นแถบๆ เหมือนกัน หมู่บ้านเอ็นซานอยู่ในจังหวัดยะมะนะชิ ซึ่งเป็นจังหวัดที่ปลูกลูกพีชมากที่สุดในญี่ปุ่น

 

Photo:

 

ฝั่งนี้เล็มดอกออกแล้ว ดูกิ่งเบาขึ้นเยอะ

อ้อยหวานขอลอกวิธีดูแลสวนพีชญี่ปุ่นให้ได้ลูกสวย อวบโต หวานอร่อย คุณภาพเกรดเอ ตามมาตราฐานญี่ปุ่น มาให้อ่านประดับความรู้กัน

  • นอกจากตัดเล็มดอกออกแล้ว พอติดเป็นลูก เขาก็จะตัดเล็มลูกออกอีกรอบให้เหลือเพียงกิ่งละลูก

  • ตัดเล็มหญ้ารอบโคนไม้สม่ำเสมอ และทิ้งหญ้าไว้ให้เป็นปุ๋ยใต้ต้น

  • เมื่อลูกพีชมีขนาดเท่าลูกกอฟก็จะเริ่มห่อกันที่ละลูกอย่างทะนุถนอม นอกจากจะกันแมลงแล้ว

  • ยังป้องกันแสงแดด สายลม และสายฝน

21

  • เมื่อลูกพีชโตขึ้นประมาณ 70% เขาก็จะตัดก้นถุงออก เหลือส่วนบนไว้

  • จากนั้นก็เอาแผ่นฟลอยล์มาปูให้เต็มใต้ต้น เหมือนในรูป

ทำไมอะ? เสียงบางคนถาม เขาให้น้องพีชอาบแดดนะสิ เสียงอ้อยหวานตอบ....

คืออย่างนี้ค่ะ แผ่นฟลอยล์จะสะท้อนแสงแดดขึ้นไปยังก้นของน้องลูกพีช ทำให้ก้นมีสีแดงอมชมพูสวยน่ากิน

ส่วนหัวที่ยังมีถุงปิดอยู่ก็จะขาวน่ากินอีกเช่นกัน

เรียกได้ว่าลูกพีชแต่ละลูกได้รับการดูแลเป็นอย่างดี สวนผลไม้ของญี่ปุ่นเขาปลูกเอาคุณภาพ

ไม่ใช่ปริมาณ ซึ่งคนซื้อก็ยอมจ่ายเงินอย่างไม่แคลงใจอีกด้วย ขอบอกว่ายังไม่เคยลิ้มลองพีชญี่ปุ่นสดๆ

เพราะไม่เคยมาในช่วงฤดูลูกพีช ซึ่งตกอยู่ในเดือนสิงหาคม อ้อยหวานจึงได้แต่ดูดอก

เคยอ่านเจอบล็อกคนปั่นจักรยานที่เขาปั่นผ่านแถบนี้ในช่วงลูกพีชสุก เขาบอกว่าภูเขาทั้งภูเขาหอมหวลสุดประมาณ

 

 

จักรยานสองคันนี้เป็นสุขยิ่งนัก นี่ถ้าไม่มีเมฆฝนที่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามา และไม่ถึงเวลาต้องไปคืนจักรยาน คงจะจมแช่อยู่แถวนี้ไปอีกนาน

 

23

จากมายังคิดถึง ดอกไม้ที่ทั้งสวยทั้งหอม แถมลูกก็อร่อยน่ากิน

 

อ้อยหวานเขียนบทความเล่าเรื่องหมู่บ้านเอ็นซานไว้มากมาย สนใจอ่านได้ที่ลิงค์ด้านล่าง

หลงรัก Enzan เข้าแล้วสิ

 

สนใจอ่านรายละเอียดสวนพีชได้ที่ลิงค์ข้างล่าง

https://moritafarm.wordpress.com/2014/07/10/the-differences-between-japanese-and-australian-peaches/

ขอบคุณค่ะ!

 

ขอจบ  “ก้าวเท้าที่นำไป ” แต่เพียงนี้ ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันจนจบ

ขอบคุณน้องโสทรที่ให้โอกาสอ้อยหวานบันทึกความทรงจำ และบอกเล่าเรื่องราวแก่เพื่อนๆ

ขอบคุณผู้ร่วมทางปั่น ทางเที่ยว และทางชีวิต ที่ไปไหนก็ไปกัน

 

อ่าน “ก้าวเท้าที่นำไป ” ตอนแรก

ก้าวเท้าเดิน..ตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ

ก้าวเท้าเดิน..ตามรอยเวลา

สองล้อเที่ยวชมวิถีชีวิตเมืองคอน 1

สองล้อเที่ยวชมวิถีชีวิตเมืองคอน 2

ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 1

ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 2

ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 3

โลกนี้สีชมพู 1

โลกนี้สีชมพู 2

ปั่นสองล้อ มองหาเธอ..ฟูจิ




ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

 

อ้อยหวาน

 

หัวใจสลาย

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

 

 Photo:

 

วันนี้อ้อยหวานมาฝอยเรื่องหัวใจ เป็นประสบการณ์หนึ่งที่พบเจอด้วยตัวเอง

และถือโอกาสเอาภาพวาดของตัวเองมาออกสื่ออีกด้วย จะได้ไม่เคร่งเครียดกันมากนัก

หัวใจวาย หรือ หัวใจล้มเหลว หรือในภาษาอังกฤษว่า Heart attack

นี่เป็นประสบที่ไม่ได้เกิดกับตัวอ้อยหวานเอง แต่เกิดกับคนข้างตัวคือคุณผู้ชายที่บ้าน

ซึ่งในขณะนี้มีสุขภาพกลับเป็นปรกติแล้ว

และตามนิสัยของอ้อยหวานนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับอะไร ที่มีความรู้ในเรื่องนั้นน้อยหรือไม่รู้เลย

ก็จะขวนขวายหาอ่านตามเว็ปต่างๆ ที่ล่องลอยอยู่ในอินเตอร์เน็ท ให้รู้เรารู้เขาจะจะกันไปเลย

แล้วไม่อยากให้ความรู้นี้จมกับตัวอ้อยหวาน บล็อก หัวใจสลาย จึงถือกำเนิดขึ้น

 

Photo:

 

แต่อ้อยหวานไม่ใช่หมอ หรือพยาบาล หรือผู้รู้ดี ถือว่าเป็นการเขียนเล่าสู่กันฟังก็แล้วกัน

และเป็นการเล่าแบบตื้นๆ หากสนใจอ่านรายละเอียดได้จากลิงค์ข้างล่าง หรือเว็ปภาษาไทยอีกมากมาย

 

 

Photo:

 

หัวใจวาย เกิดขึ้นจากการอุดตันของเส้นเลือดในผนังหัวใจ สิ่งอุดตันในเส้นเลือดอาจจะเป็นไขมัน ครอเลสเตอรอล

แคลเซี่ยม โปรตีน และอื่นๆหรืออาจเกิดจากเซลในหลอดเลือดอักเสบหรือขยายตัว

ทำให้เลือดและอ็อกซิเจนไปหล่อเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอ และถ้าปล่อยทิ้งไว้ผนังหัวใจส่วนนั้นจะถูกทำลาย

หัวใจวายมีทั้งแบบมินิเล็กๆ, แบบ massive คือขนาดใหญ่ และแบบsilent หรือแบบที่จู่โจมอย่างเงียบๆ ไม่รู้ตัวมาก่อน

 

 

Photo:

 

สัญานเตือนภัย

ส่วนใหญ่แล้วผู้ชายและผู้หญิงจะมีอาการที่แตกต่างกัน

 

อาการในผู้ชาย

- รู้สึกแน่นเจ็บหน้าอก

- มีอาการเจ็บร้าวจากหลัง ไหล่ คอ และกราม

- แน่นหน้าอก หายใจลำบาก

 

อาการในผู้หญิง

- มีอาการหน้ามืดวิงเวียนอย่างกระทันหัน

- มีอาการคลื่นไส้ หรืออาเจียน

- มีอาการเหมือนกับ อาการ Heartburn คือแสบร้อนกลางอก

- มีอาการเหงื่อออก ตัวเย็น

- เหนื่อยง่ายกว่าปรกติ

จะเห็นได้ว่าอาการต่างๆ สำหรับผู้หญิงจะสังเกตุดูได้ยากกว่าของผู้ชาย

มีน้อยมากที่จะมีอาการเจ็บหน้าอก และอาการต่างๆ จากข้างบนก็คล้ายคลึงกับโรคภัยพูื้นๆ ชนิดอื่น

ทำให้ถูกมองข้ามไป

หากมีอาการเหล่านี้รีบปรึกษาแพทย์โดยทันที

อีกอย่างหนึ่งที่ควรรำลึกไว้ก็คือ คุณหมอของคุณผู้ชายที่บ้านบอกไว้ว่า

โรคหัวใจวายเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับกรรมพันธ์ ใครที่มีญาติพี่น้องเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ ควรรีบปรึกษาแพทย์ประจำตัว!!!

 

Photo:

 

ขอวกกลับมาเล่าเรื่องประสบการณ์ของคุณผู้ชายที่บ้าน ก่อนหน้าเกิดเหตุประมาณสามเดือน

เราสองคนกำลังเมามันกับการปั่นจักรยานขึ้นเขา ที่ขึ้น-ลงเนินหลายลูก รวมแล้วเราต้องปั่นขึ้นเป็นระยะสูงกว่า 500 เมตร

เป็นระยะทางทั้งหมด 55 กิโลเมตร ภูเขาลูกนี้ขับรถไปเพียงสิบห้านาทีจากบ้าน และบนเขาก็สวยมากมาย

เราก็เลยไปปั่นที่นั่นอาทิตย์ละสามครั้งแบบมันส์มาก!!

 

Photo:

 

ในวันที่ท้องฟ้าไร้หมอกเมฆ เราก็จะได้ชมวิวสุดขอบฟ้า

 

https://lh3.googleusercontent.com/qc-Awg2aHG4-NHfB8sWga0j2SNKYYpGRobUvq47zVeosFCGWXxVhqBCLb7y7mKAnWkh6tMrb7EDd6oKbkcfeP0Bipn487MxvOOT-gA=w6480-h3650-no

 

นักปั้นทั้งสองคนก็อินไปกับการปั่นขึ้นเขา

 

Photo:

 

เพราะเราได้ชมดอกไม้ป่านานาชนิด ดอกทริลเลี่ยม (trillium) สีขาว บานเต็มเนินเขา

 

Photo:

 

แล้วทุ่งดอกเดซี่นั้นเล่า ก็งดงามไม่แพ้กัน

 

Photo:

 

ดอกโคลัมบาย (Columbine ) ป่า ขึ้นเกาะอยู่บนผาหิน

 

Photo:

 

บนเขายังมีสัตว์ป่าอีกมากมายให้ชม เพราะเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ ห้ามล่าสัตว์ทุกชนิด แม่ลูกคู่นี้กำลังข้ามถนน

อ้อยหวานปั่นจักรยานมาอย่างเงียบๆ เลยได้แปลกใจกันทั้งสองตัวและอีกหนึ่งคน

แล้วอ้อยหวานได้เรียนรู้ว่าเจ้ากวางพันธ์นี้ตอนเล็กๆ จะมีจุดขาวตามตัว แต่โตขึ้นจุดก็หายไป ดูดิน่าตาน่ารักมาก

 

Photo:

 

เต่า Snapping Turtle (เต่างับ) เป็นเต่าน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในแคนนาดา สัญาลักษณ์โดดเด่นก็คือหาง!

มีหางยาวคล้ายไดโนเสาว์แถมเป็นฟันเลื่อยด้วยนะ หาดูได้ยากจริงๆ สามารถเห็นได้ในช่วงสั้นๆ ในฤดูใบไม้ผลิเท่านั้น

เพราะจะขึ้นมาวางไข่กัน นางนี้เพิ่งจะวางไข่เสร็จ ตอนเราผ่านมากลบดินบอกลาลูกๆ เป็นครั้งสุดท้ายพอดี

แถมยังยิ้มให้กล้องด้วยนะ หวานเชียว แล้วคลานลงทะเลสาบที่อยู่ติดกับถนน

 

Photo:

 

ส่วนสองตัวนี้เป็นเต่าไม่งับ แข่งกันวางไข่ ริมถนนเลยทีเดียว เพราะมีแสงแดดและอบอุ่นกว่าในป่า

ทางอุทยานเขามีป้ายเตือนคนขับรถ ให้ขับช้าๆ ในช่วงนี้จะมีน้องเต่ามาป้วนเปี้ยนอยู่ข้างถนนมากมาย

ส่วนจักรยานช้าเกินกำหนดอยู่แล้ว บางทีมาเงียบๆ เต่ายังงงเลย มาได้ไง?

 

Photo:

 

นกสีสวยๆ นานาชนิดก็มีอยู่เต็ม แต่อ้อยหวานไม่เคยถ่ายรูปนกได้ เพราะแต่ละตัวว่องไวกว่าคนถ่ายรูป

ยกเว้นตัวนี้ เธอห่วงกิน แต่ต้นเบอรี่ต้นนี้อร่อยจริงๆ นะ เคยแย่งนกกินมาแล้ว

 

Photo:

 

แบบว่ากำลังเพลินกันอย่างสุดๆ

แล้วอยู่มาวันหนึ่งเราสองคนกำลังปั่นขึ้นเขาผ่านเนินแรก คุณผู้ชายบ่นว่าเจ็บหน้าอก

อ้อยหวานบอกให้ปั่นกลับลงไปแล้วกลับบ้านดีกว่า เธอกลับบอกว่าไม่เป็นไร แถมปั่นขึ้นลงเนินจนครบ 50 กิโล

แวะกินก่วยเตี๋ยวที่ร้านเวียตนามอีกหนึ่งชาม กลับมาบ้านก็ยังเจ็บหน้าอก แถมลามขึ้นคอ ไหล่ และมือข้างซ้าย

อ้อยหวานเอาแผ่นปิดบรรเทาปวดกล้ามเนื้อมาให้ แต่เธอบอกว่ามันไม่ใช่ปวดกล้ามเนื้อ มันชา มันหนัก

และปวดอย่างที่ไม่เคยปวดมาก่อน เอ้า! อย่างนั้นไปโรงพยาบาลกันดีกว่า

ถึงโรงพยาบาลมีผู้คนมากมายรอตรวจอยู่เต็ม แล้วเขาก็ให้คนเป็นมากเข้าตรวจก่อน

ส่วนคนที่ยังนั่งได้ คุยได้ ก็รอกันไป สี่ชั่วโมงพอดิบพอดี ที่คุณผู้ชายได้เจอหน้าหมอ

นี่ถ้าผลเอ็กซ์เรย์ไม่ออกมา คุณหมอก็ยังไม่เชื่อว่าคุณผู้ชายเป็นหัวใจวาย เพราะคุณหมอเป็นนักปั่นเช่นกัน

และรู้กิติศักดิ์ของภูเขาลูกนั้นดี เจ็บหน้าอก แล้วยังปั่นได้ถึงห้าสิบกว่ากิโล ไม่ควรจะใช่ หัวใจวาย

 

Photo:

 

ผลเอ็กซ์เรย์หัวใจคุณผู้ชายออกมา มีจุดที่เส้นเลือดขอดถึงสามจุด

 

Photo:

 

ในคืนนั้นก็ต้องรีบทำการเปิดหลอดเลือดโดยการขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนซึ่งเป็นวิธีการใส่สายสวนเข้าไปยังร่างกายผู้ป่วยที่บริเวณขาหนีบหรือที่แขน

เพื่อเข้าไปยังหลอดเลือดหัวใจ หลังจากนั้นจึงขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนที่ติดอยู่ที่ปลายสาย

เพื่อดันไขมันที่อุดตันหลอดเลือดและทำให้ลิ่มเลือดหลุดออกไป ทำให้เลือดสามารถไหลผ่านจุดที่เคยตีบตันได้สะดวกขึ้น

คุณผู้ชายต้องนอนค้างที่โรงพยาบาลอีกสองคืนเพื่อดูผล ส่วนอีกสองจุดหมอนัดให้ไปทำบอลลูนอีกสามอาทิตย์ต่อมา

และต้องทำกายภาพบำบัดที่โรงพยาบาล อาทิตย์ละสองครั้งไปอีกสองสามเดือน กายภาพบำบัดก็คือให้ออกกำลังกายหลายวิธี

เช่นเดินช้า เดินเร็ว ปั่นจักรยาน และเล่นสกีกับเครื่อง โดยมีเครื่องวัดการเต้นของหัวใจ และพยาบาลจดบันทึกข้อมูลโดยละเอียด

 

Photo:

 

สามอาทิตย์หลังจากเหตุการณ์หัวใจวาย คุณผู้ชายก็กลับมาปั่นจักรยานอีกครั้ง

แต่ไม่มีการขึ้นเขาลงห้วย

ถึงไม่ขึ้นเขา เราก็ยังได้พบกับน้องกวาง เพราะเมืองนี้มีป่ากลางเมืองอยู่มากมาย

 

Photo:

 

และสามเดือนหลังจากนั้น… เรากลับไปที่อุทยานแห่งชาติอีกครั้ง อุทยานแห่งชาติ Gatineau

สวยงดงามในทุกฤดู โดยเฉพาะฤดูใบไม้ร่วง

 

Photo:

 

ออกกำลังกายวันละนิด จิตแจ่มใส LaughingLaughing

 

การป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ

- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหาร ไม่รับประทานอาหารที่มีไขมันและแคลอรีสูง

หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารเค็มจัด อาหารจานด่วน หรืออาหารสำเร็จรูป

ลดเครื่องดื่มที่ผสมน้ำตาล และเน้นการบริโภคผักและผลไม้ให้มากขึ้น

- หยุดสูบบุหรี่

- ลดความเครียด

- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

 

อ้อยหวานหวังว่าประสบการณ์ของอ้อยหวานและคนใกล้ตัว พอจะมีประโยชน์แก่ผู้อ่านบ้าง

อย่าลืมดูแลตัวเองและคนใกล้ชิดนะค่ะ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/heart-attack/symptoms-causes/syc-20373106

 

https://www.nhlbi.nih.gov/health-topics/heart-attack

https://www.webmd.com/heart-disease/guide/heart-disease-heart-attacks#1

 

https://myheartsisters.org/2015/09/20/most-common-heart-attack-signs/

 

https://www.bumrungrad.com/th/heart-cardiology-center-treatment-surgery-bangkok-thailand/conditions/heart-attack

 

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

อ้อยหวาน บ้านสวนพอเพียง

โลกนี้สีชมพู 1

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

Photo:

ฉันไม่รู้ว่า...โลกของเธอนั้นเป็นสีอะไร?

แต่โลกของฉัน..เป็นสีชมพู

เพราะฉันได้เก็บเกี่ยวภาพความงามของทุ่งดอกไม้

เก็บไว้ทุกดอก ทะนุถนอมไว้ในใจ

ยามใดฟ้าหม่น ชีวิตเริ่มหมอง

ภาพดอกไม้สีชมพู ในใจฉัน...จะเริ่มทยอยกันออกมา

ปลอบประโลมใจฉัน.. ด้วยสีชมพู

 

Photo:

แม้ว่าอ้อยหวานได้พบเจอกับเธอ ...ดอกซากุระ มาหลายครั้งหลายครา (อ่านครั้งล่าสุดได้ที่บล็อกนี้ ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดอกซากุระ..สัญลักษณ์แห่งชีวิตและความไม่ยั่งยืน ) แต่ทุกครั้งก็เจอพวกเธอ ตรงนั้นนิด ตรงนี้หน่อย กระปริบกระปรอย ไม่หนำใจ กลับไปอีกครั้งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ระหว่างทางกลับบ้านจากเมืองไทยไปแคนนาดา อ้อยหวานได้วางแผนนัดกับเธอๆ ครั้งใหญ่ แบบล้นหลาม และให้สะใจกันไปเลย ต้นซากุระของโตเกียวและพื้นที่ใกล้เคียงจะพากันบานเต็มที่ในช่วงอาทิตย์แรกของเดือนเมษายน ไปหลังจากวันเช็งเม้งหรือวันไหว้บรรพบุรุษกำลังพอดี บางแห่งอาจจะเริ่มโรยกันบ้างแล้ว เนื่องจากโดนสายฝนและพายุ

 

Photo:

แต่ส่วนใหญ่กำลังสวยสะพรั่ง

สี่วันแรกเราพักกันที่โรงแรมริมแม่น้ำโอโอะคะกะวะ (Ookagawa) แห่งโยโกฮะมะ (Yokohama)

 

Photo:

ซึ่งมีต้นซากุระยืนเรียงรายไปสุดสายตา ในช่วงต้นเดือนเมษายนต้นซากุระจะพากันออกดอกเบ่งบานเต็มต้น ซากุระของที่นี่เป็นซากุระพันธ์โซะเม โยะชิโนะ (Somei Yoshino) ซึ่งเป็นพันธ์ที่นิยมมากในประเทศญี่ปุ่น ดอกของซากุระพันธ์นี้มีสีชมพูอ่อนจนเกือบขาว และที่สำคัญคือ เวลาออกดอกเบ่งบานจะไร้ใบ ทำให้เป็นสีชมพูไปทั่วทั้งต้น   

 

Photo:

เข้าพักโรงแรมนี้เหมือนถูกแจ็คพอต เช้าก็ได้ชมเชยเธอ เย็นก็ได้ชมเธอ ค่ำก็ได้ชม ตอนกลางคืนตื่นไปเข้าห้องน้ำ ก็ได้ชะเฮ้อคอมองเธอจากหน้าต่างในห้อง ตีสามตีสี่ก็ยังไปยืนมองเธอ ไม่สะใจให้มันรู้ไป

อ้อยหวานยังเขียนบทความให้เว็ปเจเปนทราเวิล (Japan Travel) เป็นอีกเว็ปหนึ่งที่อ้อยหวานได้เขียนบล็อกและบทความกันมายาวนานหลายปี หากสนใจอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแม่น้ำโอโอะคะกะวะ (Ookagawa) แห่งโยโกฮะมะ อ่านและดูรูปเพิ่มได้ที่ลิงค์นี้ค่ะ Ookagawa ในวันที่มีเธอ

 

Photo:

สถานที่ชมดอกซากุระในโตเกียวและโยโกฮะมะนั้น มีอยู่หลายแห่งมาก แต่ละแห่งก็ให้บรรยากาศที่แตกต่างกันไป อาทิตย์แรกเราเน้นชมซากุระกันล้วนๆ แบบที่ไหนไม่มีสีชมพู เราไม่ไป!

วัดอิเคะกะมิ ฮอนมอน-จิ (Ikegami Honmon-ji) ของโตเกียว เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่มีเธอ เดินขึ้นบันไดหินเกือบร้อยขั้น

 

Photo:

ไม่เหนื่อยเลย เพราะมีเธอรออยู่

 

Photo:

ในวันนั้นที่วัดมีงานแข่งขันวิ่งมาราธอน ทำให้มีผู้คนมากมายเต็มลานวัด ดังนั้นจึงเป็นวันดีที่พายุฝนจะเข้าร่วมงานด้วย ทั้งฝนและลมพากันมาให้ความหนาวสั่นแก่นักวิ่งและนักท่องเที่ยวที่มาชมดอกซากุระ

 

Photo:

แล้วเราก็ได้ชม ‘สายฝนดอกซากุระ’ ภาพกลีบดอกไม้เบาบาง ลอยล่อง ร่วงล่น ลงดิน นั้น สวยงดงามไม่แพ้ดอกซากุระบนต้น แต่ไม่สามารถบันทึกในภาพถ่ายได้

วัดอิเคะกะมิ ฮอนมอน-จิ (Ikegami Honmon-ji) นี้เป็นวัดเก่าแก่หลายร้อยปี ภายในวัดมีสุสานเก่าแก่ พร้อมกับต้นซากุระสีชมพู สร้างบรรยากาศที่ สวย เศร้า และสงบ ในคราวเดียวกัน

 

Photo:

ถึงเวลา.. ซากุระ         When cherry blossoms

ล่วงหล่นโปรยปราย  scatter

ไม่มีคำว่า..เสียใจ      no regrets

กลอนไฮกุของท่านอิสสะ  (Issa)

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อิเคะกะมิ ฮอนมอน-จิ ในฤดูดอกซากุระ

 

Photo:

สวนซานเคเอ็น (Sankeien Garden) แห่งโยโกฮะมะ เป็นสวนญี่ปุ่นที่สวยงามในทุกฤดูกาล ยิ่งเป็นฤดูสีชมพูก็ยิ่งสวยกันไปใหญ่ เสียดายอ้อยหวานทำไฟล์ของวันนี้หาย ไม่รู้หายไปไหน ไฟล์ที่มีรูปถึงหนึ่งร้อยรูป ละลายหายไปในอากาศ เหลืออยู่ไม่กี่รูปที่อ้อยหวานโพสไว้ในเฟสบุค เศร้าเลย!!!!

 

Photo:

สวนซานเคเอ็นนี้เป็นสวนญี่ปุ่นเก่าแก่ พร้อมทั้งเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งไปในตัว เป็นแหล่งรวมของบ้านและอาคารเก่าแก่ซึ่งถูกขนย้ายมาจากถิ่นฐานดั้งเดิม เช่น เจดีย์สามชั้นจากวัดเก่าแก่ในเมืองเกียวโต และ วิลล่าแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมอีกหลายหลัง และที่ถูกใจอ้อยหวานก็คือ โคมไฟหิน ในสวนมีเป็นร้อย ต่างแบบ หลากสไตล์ อ้อยหวานเก็บรูปโคมหินมาทุกอัน แต่รูปหายหมด...

 

Photo:

เป็นสวนที่สวยมากจริงๆ

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ตระการตา..สวนซานเคเอ็น

 

Photo:

สถานที่ชมดอกซากุระสุดท้ายที่จะเขียนถึงในบล็อกนี้ และเป็นอีกแห่งหนึ่งที่ประทับใจอ้อยหวานมากมาย จากสนามม้าเก่าแก่ในอดีต กลายร่างเป็นสวนสวย ที่จุเต็มไปด้วยสีชมพูในฤดูดอกซากุระ

สวนป่าเนะกิชิ (Negishi Forest Park) แห่งเมืองโยโกฮะมะ เป็นสวนที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ และมีสนามหญ้าเขียวขจีลาดไปสู่ป่าต้นซากุระ ชาวบ้านแถบนี้พาลูกพาหลานมาฮานามิ (ชมดอกไม้) กัน ไม่ว่าจะนั่งชม นอนชม ปูเสื่อ ขนกล่องอาหารเบ็นโตะ และเหล้าสาเกมาปิคนิก ให้บรรยากาศที่แตกต่างจากที่อื่นๆ สวย สงบ และผ่อนคลาย

 

Photo:

ต้นซากุระของที่สวนนั้นทั้งสูงทั้งใหญ่ แผ่กิ่งก้านออกไปทุกทิศทุกทาง ส่วนดอกนั้นเล่า ชวนให้อยาก ‘กรี้ดดดดดด’ ไปก้องป่า

 

Photo:

ไปนั่งชมในป่าซากุระ ก็ให้บรรยากาศอีกแบบหนึ่ง

 

Photo:

ไปญี่ปุ่นคราวนี้ มีน้องสาวไปกับเราด้วย ได้ลั่นล้าและชื่นมื่นหัวใจกันทุกคน เราให้คะแนนสวนป่าเนะกิชิไปเลยเต็มสิบ สวยมากๆ มีที่กว้าง และมีคนน้อยกว่าที่อื่นๆ

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ตกหลุมรักป่าสีชมพูของโยโกฮะมะ

 

Photo:

ที่สวนมีทุ่งดอกเรพซีดสีเหลืองสดตัดกับสีชมพูได้อย่างงดงาม

 

Photo:

ถ่ายรูปเซลฟี่ก็ออกมาดูดี การันตี

 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่อง “ก้าวเท้าที่นำไป ” ในตอนต่อไป

 

อ่าน “ก้าวเท้าที่นำไป ” ตอนแรก

ก้าวเท้าเดิน..ตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ

ก้าวเท้าเดิน..ตามรอยเวลา

สองล้อเที่ยวชมวิถีชีวิตเมืองคอน 1

สองล้อเที่ยวชมวิถีชีวิตเมืองคอน 2

ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 1

ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 2

ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 3

 

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

อ้อยหวาน

 


โลกนี้สีชมพู 2

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

Photo:

เราไม่อาจจะระบายสีให้โลกเต็มไปด้วยดอกไม้สีชมพูสดใสได้เสมอไป แต่เราสามารถระบายสีโลกภายในใจให้งดงามสดใสอยู่เสมอ…

 

Photo:

อย่างคำคมของพระไพศาล วิสาโล  ...ความสุขอยู่ที่ใจ หันมาเมื่อไหร่ก็เจอ

 

Photo:

อ้อยหวานส่งภาษาใบ้ขออนุญาติถ่ายรูปลุงและภาพเขียนสุดสวยของลุง ลุงยิ้มให้และพยักหน้าตกลง ในประเทศญี่ปุ่น ภาพผู้สูงอายุนั่งวาดรูปสีน้ำอย่างใจเย็นในสวนหรือสถานที่ที่สวยงดงามเช่นนี้ มีให้เห็นบ่อยๆ บ้างมาเป็นกลุ่มใหญ่ กระจัดกระจายกันนั่งวาดรูป จากนั้นก็ช่วยกันติชม บ้างก็มาโดดเดี่ยว (แต่ไม่เดียวดาย) อย่างที่อ้อยหวานเขียนไว้ใน บล็อกสีน้ำอีกสักครั้งการวาดรูปเป็นการบำบัดจิตใจแบบหนึ่ง ที่มีชื่อหรูว่า ศิลปะบำบัด (Art Therapy) ศิลปะสามารถนำมาใช้บำบัดจิตใจ สำหรับโรคหลายชนิด เช่น โรคเครียด  โรคเศร้าซึม โรคจิตตก โรคเบื่อ โรคกังวลวิตกจริต โรคบอบช้ำทางจิตใจจากการสูญเสีย

และสำหรับผู้สูงอายุ อ้อยหวานคิดว่าการได้นั่งวาดรูประบายสี แทนที่จะไปนั่งกังวลเรื่องลูกหลานเหลน หรือวิตกถึงความเสื่อมต่างๆ ที่กำลังรุมล้อมร่างกาย มันจะทำให้มองเห็นโลกที่เหลืออยู่สดใสและมีความหมายมากขึ้น

 

Photo:

จากบล็อกที่แล้ว เมื่อโบกมืออำลาน้องๆ แล้ว เราสองคนก็โยกย้ายตัวเองออกนอกเมืองคามาคุระ ไปที่ทะชิคะวะ (Tachikawa) ชานเมืองโตเกียว โดยที่ไม่ทราบมาก่อนว่าจะได้พบเจออะไรที่นั่น และกลายเป็นว่าเราได้พบกับขุมทรัพย์สีชมพู ที่จริงต้องเรียกว่าเราได้ตกลงไปในขุมทรัพย์ดอกไม้เข้าอย่างจัง! เพราะที่เมืองนี้มีสวนสวยที่ไม่ธรรมดา

สวน Showa Memorial Park หรือ Showa Kinen Koen

และสวนนี้กำลังมี งานเทศกาลดอกไม้

 

Photo:

ในสวนมีต้นซากุระกว่า 1500 ต้น 31 สายพันธุ์ กำลังเบ่งบานกันอย่างเต็มที่ คนรักดอกไม้อย่างอ้อยหวานก็ได้เบิกบานอย่างผีเสื้อล้อลม เป็นความสุขที่ไม่เคยลืม นึกถึงทีไร สุขใจร่ำไป

 

Photo:

ยัง...ยังไม่หยุดเพียงแค่นั้น เพราะในสวนยังมีทุ่งทิวลิปหลากสีสันกว่า 23,000 ต้น

 

Photo:

ทิวลิปกับดอกซากุระ ที่สวยจัดกินกันไม่ลงจริงๆ

 

Photo:

หันมาอีกมุม แดฟโฟดิลสีเหลืองเข้ม กับซากุระสีชมพูอ่อน ก็ได้ใจไปอีกหลายดวง แม้ว่าเมืองออตตาวา เมืองที่อ้อยหวานอยู่นั้นจะมีดอกทิวลิปและดอกแดฟโฟดิลอยู่มากมาย (และมากกว่า) แต่ออตตาวาไม่มีชากุระ

 

Photo:

โอ้..ว้าววววววว ทำไมสีตัดกันได้อย่างงดงามเช่นนี้

 

Photo:

ดอก Chinese Violet Cress สีม่วงหวาน สีโปรดของอ้อยหวานนะเนี่ย

ดอก Chinese Violet Cress มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Orychophragmus violaceus เป็นดอกไม้ป่าที่ขึ้นอยู่ทั่วไปริมถนน ตามทุ่งนา ป่าเขาของประเทศจีนและญี่ปุ่น เป็นพืชในตระกูลมัสตาร์ด ในประเทศจีนจัดว่าเป็นผัก ก้าน ใบ และดอกสามารถนำมาทำเป็นอาหารหรือกินสด ดอกมีสีม่วงอ่อน ม่วงแก่ ไปจนถึงสีชมพูอมม่วง

เดินอยู่ในทุ่งดอก Chinese Violet Cress เธอรวมตัวกันส่งกลิ่นหอมระรวย ให้คนรักสีม่วงใจอ่อนระทวยเชียวละ

 

Photo:

เรียกได้ว่า ‘สวยหมดจด’ คือ รูปสวย กลิ่นหอม แถมกินได้อีก อยากเอามาปลูกที่บ้าน แต่หาซื้อเมล็ดไม่ได้ น่าเสียดายจัง

 

Photo:

ฮะนะมิ ปิคนิกชมดอกไม้แบบญี่ปุ่น ‘ฮะนะ’ ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่าดอกไม้

 

Photo:

ส่วนใหญ่แล้วคำว่าฮะนะมิจะหมายเจาะจงลงไปที่ ชมดอกซากุระและดอกพลัม เป็นประเพณีที่สืบต่อกันมาหลายร้อยปี

 

Photo:

พอผ่านดงดอก Chinese Violet Cress ก็มาเจอกับทุ่งดอกไม้สีเหลือง แล้วต้องร้องบอกตัวเองว่า สวรรค์บนดินเป็นเช่นนี้เอง!

 

Photo:

ในทุ่งดอกเรฟซีดสีจัดจ้านนี่เอง ที่อ้อยหวานได้พบกับลุงจิตรกรนั่งวาดรูปสีน้ำอย่างมีความสุข  

 

Photo:

เรฟซีด เป็นพืชในตระกูล Brassicaceae หรือตระกูลมัสตาร์ด (หรือกะหล่ำปลี) เป็นพืชที่เพาะปลูกเพื่อนำเมล็ดมาผลิตน้ำมันสำหรับใช้ในการปรุงอาหาร และถือว่าเป็นแหล่งผลิตน้ำมันสำหรับใช้ในการปรุงอาหารอันดับสามของโลก

ว่าด้วยเรื่อง เรฟซีด (rapeseed) กับ คาโนล่า (Canola) ความเหมือนและความแตกต่าง

เอาสั้นๆ เลยนะ คาโนล่า (Canola) ก็คือ เรฟซีด (rapeseed) ที่กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ชาวแคนนาดาช่วยกันปรับปรุงบำรุงพันธ์ขึ้น เพื่อให้น้ำมันที่มีคุณภาพเหมาะสมสำหรับใช้เป็นอาหารของมนุษย์ คำว่า คาโนล่า (Canola) กลายมาจากคำว่า Canadian oil, low acid (น้ำมันพืชผลิตในแคนาดา มีกรดต่ำ)

สนใจอ่านรายละเอียดได้ที่

https://en.wikipedia.org/wiki/Canola

https://www.naturalnews.com/034733_canola_oil_rapeseed_food_labels.html

 

Photo:

เราชมสวนกันตั้งแต่เช้าจรดเย็น แต่ก็ยังชมได้ไม่ทั่ว นับว่าเป็นสวนที่กว้างมาก ที่จริงเขามีจักรยานให้เช่า แต่ส่งภาษากันไม่รู้เรื่อง เลยพลาดไป

ในสวนยังมีดอกไม้อีกหลายชนิด ไปชมกันได้ที่นานาดอกไม้ของสวน Showa Memorial Park

บล็อกหน้าเราไปปั่นจักรยานชมญี่ปุ่นกันนะค่ะ
 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่อง “ก้าวเท้าที่นำไป ” ในตอนต่อไป

 

อ่าน “ก้าวเท้าที่นำไป ” ตอนแรก

ก้าวเท้าเดิน..ตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ

ก้าวเท้าเดิน..ตามรอยเวลา

สองล้อเที่ยวชมวิถีชีวิตเมืองคอน 1

สองล้อเที่ยวชมวิถีชีวิตเมืองคอน 2

ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 1

ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 2

ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 3

โลกนี้สีชมพู 1

Photo:

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

อ้อยหวาน

 

ปั่นสองล้อ มองหาเธอ..ฟูจิ

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

Photo:

วันนี้อ้อยหวานพาเพลินจะนำลูกทัวร์ไปเปลี่ยนบรรยากาศ จากชมดอกไม้มาเป็นชมภูเขากันบ้าง และจากเดินชมกันหลายวันจนแข้งขาร้าวระบม เราจะเช่าจักรยานแล้วปั่นรอบทะเลสาบที่ตั้งอยู่ตรงเชิงภูเขาฟูจิ ภูเขาที่ชื่อดังที่สุดของญี่ปุ่น และเป็นสัญาลักษณ์ของประเทศ

Photo:

ก่อนเริ่มปั่นเที่ยวกัน เรามาทำความรู้จักกับฟูจิกันนิดหน่อยนะค่ะ

ภูเขาฟูจิ เป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับหรือยังมีพลัง ระเบิดครั้งล่าสุดในปี 1707–1708 และมีความสูง 3,776.24 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล จัดว่าเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น และอาจจะสวยที่สุดเช่นกัน ภูเขาฟูจิยังเป็นภูเขาที่ศักดิ์สิทธ์ที่สุดของญี่ปุ่นอีกด้วย

ยัง..ยังไม่หมด เธอยังได้ตำแหน่งภูเขามรดกโลกจากองค์กรยูเนสโก้

ความงามของเธอปรากฎอยู่ในศิลปะญี่ปุ่นมาแต่โบราณ ทั้งภาพวาด ภาพเขียน และบทกวี เรียกได้ว่าเธอเป็นดาวค้างฟ้าเลยทีเดียว

และแน่นอนอยู่แล้ว ใครที่มาญี่ปุ่นแล้วไม่ได้ชมโฉมเธอ ก็ถือว่ายังไปไม่ถึงญี่ปุ่น เผลอๆ ถูกโดนไล่ให้กลับไปอีกรอบ

ว่าแล้ว เรายกพวกไปชมโฉมเธอกันเถอะ

 

Photo:

ทะเลสาบคะวะโกะชิกุถือว่ามีทำเลที่ดีที่สุดสำหรับชมวิวภูเขาฟูจิ ตั้งอยู่ตรงเชิงเขาทางทิศเหนือ และมีรูปร่างรีๆ คล้ายเมล็ดถั่วแดง ปั่นจักรยานรอบทะเลสาบไม่ใกล้ไม่ไกล 35 กิโลเมตรเท่านั้นเอง ปั่นชิว ชิว มีขึ้นลงเนินกันนิดหน่อยให้หอบอ่อนๆ แต่วิวสวยมากมาย และที่สำคัญคือ เราได้ปลีกวิเวกจากนักท่องเที่ยวเป็นโขยงอีกด้วย

ดูดิ พอลงจากรถไฟปั๊บก็ได้เจอเธอเลย อยู่ด้านหลังสถานีรถไฟเลยทีเดียว หน้าสถานีมีร้านให้เช่าจักรยานอยู่สองสามร้าน เลือกคันเหมาะๆ จ่ายตังส์ แล้วไปกันเลย

 

Photo:

ใครไม่ถนัดถีบรถ จะเลือกถีบเรือหงส์แทนก็ไม่ว่ากัน แต่บอกไว้ก่อนนะว่าจะไม่เห็นอะไรมาก เห็นแต่น้ำกับฟ้าและมีเธอยืนเด่น ดูแป๊ปเดียวก็เบื่อแล้ว

 

Photo:

ปั่นจักรยานมีที่ให้หยุดแวะชมมากมาย ได้พักเหนื่อยอีกด้วย รอบทะเลสาบมีศาลเจ้าเล็กๆ แบบนี้อยู่ 7 แห่ง เป็นศาลของเทพเจ้าแห่งความโชคดีทั้งเจ็ด แต่ละศาลเจ้าตั้งอยู่กระจัดกระจายทั่วริมฝั่งทะเลสาบ

 

Photo:

นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวให้หยุดชม และหยุดถ่ายเงินออกจากกระเป๋าตังส์อีกมากมาย เช่น พิพิธภัณฑ์ 7-8 แห่ง ร้านค้า สวนสนุก แต่บอกตรงๆ ว่าไม่ได้หยุดถ่ายเงินในกระเป๋าออกเลย เพราะแต่ละแห่งมีคนมหาสาร

ตรงนี้เป็นร้านค้าขนาดใหญ่ที่ปลูกลาเวนเดอร์เป็นสวน เอาไว้เรียกแขก แต่ช่วงนี้ยังหนาวเกินไป ลาเวนเดอร์ยังไม่เกิด

 

Photo:

ไม่เกิด.. แต่วิวสวยนะ พูดภาษาไทยกันกระหึ่มเลย นักท่องเที่ยวไทยติดอันดับท็อปห้าของนักท่องเที่ยวในญี่ปุ่นเลยทีเดียว

 

Photo:

เราไปต่อกันเลยนะ ไม่ต้องแวะหรอก ถึงแม้ว่าในร้านมีของชวนน้ำลายไหล และชวนให้เสียตังส์อยู่มากมาย แต่ปั่นจักรยานขนไม่ได้อยู่แล้ว เอ้า อยากหยุดก็หยุด แล้วเข้าห้องน้ำห้องท่าให้เรียบร้อยด้วย ให้เวลาสิบห้านาที อย่าลืมแวะชิมไอศครีมลาเวนเดอร์ด้วยละ นุ่มๆ มันๆ หอมอร่อย อ้อยหวานไม่ได้ถ่ายรูปในร้าน เพราะคนเยอะมาก

 

Photo:

ปั่นต่อไปอีกนิดก็มาถึงตรงนี้ เป็นทางไม้ปั่นสบาย ฟูจิ เธอก็ยังอยู่กะเรา สวยพริ้งไปเลย

 

Photo:

มีปั่นผ่านสวนด้วยนะ ตรงนี้เป็นสวนบลูเบอรี่ แต่ช่วงเดือนเมษายน บลูเบอรี่ยังนอนหลับไหลไร้ใบ เพราะแถบนี้ก็สูงพอสมควร อากาศจะอบอุ่นช้ากว่าที่ราบด้านล่าง

 

Photo:

ถึงตรงนี้ วิวสวยขาดใจ!

เรามาถึงกึ่งกลางของระยะทางทั้งหมด

 

Photo:

ไม่ต้องกลัวหิวน้ำเลยละ มีเครื่องแบบนี้อยู่มากมายหลายจุด อยากดื่มน้ำชนิดไหนจัดให้ทุกแบบ แถมเย็นเจี๊ยบด้วยนะ จุดนี้ห่างไกลผู้คนและนักท่องเที่ยว บ้านเรือนก็ไม่มีสักหลัง

 

Photo:

สถานที่เดียวที่เราหยุดชมกันนานหน่อย ศาลเจ้าริมฝั่งทะเลสาบ

 

Photo:

เป็นศาลเจ้าเล็กๆ แต่สวยดี แถมคนน้อยอีกด้วย

 

Photo:

ถึงเวลาเรียนรู้เล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับศาลเจ้าชินโต นอกจากประตูโทริที่อ้อยหวานเคยเล่าให้ฟังในบล็อก ประตูโทริประตูสู่แดนศักดิ์สิทธิ์ แล้ว ยังมีสิ่งที่น่าสนใจใคร่ชมอีกหลายอย่าง เช่น เชือกศักดิ์สิทธิ์ชิเมะนะวะ (shimenawa) ถ้าเดินไปเจอเชือกแบบนี้ รู้ไว้เลยว่ามาเจอสิ่งศักดิ์สิทธิ์เข้าแล้ว ถ้าผูกรอบต้นไม้ ก็แสดงว่าต้นไม้ต้นนั้นเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ผูกก้อนหิน=ก้อนหินศักดิ์สิทธิ์ ฉะนั้นจงสำรวมอย่าหึกเหิมไปปีนเล่น (อะไรทำนองนี้)

 

Photo:

อ่างน้ำสำหรับชำระล้างทำความสะอาดก่อนไหว้เทพเจ้า ใช้ล้างมือ และล้างปาก คือล้างมือเสร็จก็ตักน้ำใส่ฝ่ามือ ป้วนปาก จะคายน้ำออกหรือกลืนลงไปก็ได้ คนญี่ปุ่นเขาจะพกผ้าเช็ดมือของตัวเอง ล้างมือเสร็จจะได้เช็ดมือให้แห้ง เพราะเขาไม่มีกระดาษไว้ให้ และนี่คือเหตุผลที่ว่าตามร้านต่างๆ เขาถึงมีผ้าเช็ดมือน่ารักๆ ขายกันมากมาย ไม่พกไปล้างมือเสร็จก็ต้องเช็ดกับเสื้อตัวเอง แล้วน้ำก็เย็นเจี๊ยบเลยละ

 

Photo:

น้ำใสสะอาด อ่างก็จัดอย่างสวยงาม อ่างน้ำของแต่ละแห่งจะแตกต่างกันไปไม่มากก็น้อย และสวยๆ กันทั้งนั้น มีที่วางตะบวยให้เรียบร้อย แม้แต่เด็กๆ ญี่ปุ่น เมื่อล้างมือล้างปากแล้ว จะวางตะบวยเก็บที่เดิมอย่างเรียบร้อย มีระเบียบกันจริงๆ

 

Photo:

แผ่นไม้เอะมะ (Ema) เป็นแผ่นไม้สำหรับเขียนคำอธิษฐานของลัทธิชินโต มีหลายรูปแบบแตกกันแต่ละศาลเจ้า อยากทราบที่มาที่ไปของแผ่นไม้นี้ อ่านได้ที่ “แผ่นเอะมะ แผ่นไม้อธิษฐาน เขียนคำอธิษฐาน ส่งสารแด่เทพเจ้า” อ้อยหวานเขียนไว้ค่อนข้างละเอียด และมีรูปให้ดูด้วย แต่ที่ลืมบอกไปในบทความก็คือ พอถึงปีเขาเก็บรวบรวมและมีงานก่อกองไฟ ก็มีแผ่นไม้นี่แหละเป็นฟืน คำอธิษฐานลอยล่องเป็นควันถึงเทพเจ้า

เมื่อสองสามเดือนก่อนน้องเบลลูกสาวของอ้อยหวานไปเที่ยวญี่ปุ่นกับน้องชาย ขากลับซื้อมาเป็นของฝากใหอ้อยหวาน เพราะเขาเห็นว่ามีรูปดอกไฮเดรนเยียสวยดี แม่ชอบดอกไม้ ทำเอาแม่ร้องเสียงหลง ก็ไม่เคยเห็นใครซื้อเอากลับบ้านนะสิ แล้วนี่เขามีเคล็ดอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้!

 

Photo:

ออกจากศาลเจ้า ก็มาเจอกับสวนสมุนไพร ที่นี่มีปลูกอยู่หลายชนิด แต่ดูเหมือนว่ามีลาเวนเดอร์มากที่สุด เดือนกรกฎาคมคงจะเป็นทุ่งสีม่วงสวย รูปฟูจิกับทุ่งลาเวนเดอร์คงงามน่าดู เลยมาฝั่งนี้ ก็อยู่ตรงเชิงฟูเขาฟูจิพอดี ไม่มีทะเลสาบคั่น

 

Photo:

ปั่นจักรยานรอบทะเลสาบ 35 กิโลเมตร และได้ชมโฉมเธอจนหนำใจ เสียดายที่ดอกซากุระของที่นี่ยังไม่บานกัน เพราะอากาศหนาวกว่าที่อื่นๆ แต่ไม่เป็นไรเพราะเราตั้งใจมาชมโฉมเธอเท่านั้น

ในที่สุดอ้อยหวานได้ขีดถูกในรายการสถานที่ที่ฝันอยากไปปั่นจักรยาน ….ปั่นจักรยานชมภูเขาฟูจิ ไปมาแล้วนะ

 

Photo:

ฝาครอบท่อระบายน้ำของแถบนี้ แน่นอนต้องมีเธอ!

 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่อง “ก้าวเท้าที่นำไป ” ในตอนต่อไป

 

อ่าน “ก้าวเท้าที่นำไป ” ตอนแรก

ก้าวเท้าเดิน..ตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ

ก้าวเท้าเดิน..ตามรอยเวลา

สองล้อเที่ยวชมวิถีชีวิตเมืองคอน 1

สองล้อเที่ยวชมวิถีชีวิตเมืองคอน 2

ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 1

ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 2

ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 3

โลกนี้สีชมพู 1

โลกนี้สีชมพู 2

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

อ้อยหวาน

 

ปั่นจักรยานชมสวนลูกพีชญี่ปุ่น

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

 

Photo:

 

หลังจากเดินทางท่องเที่ยวในญี่ปุ่นมาหลายวัน เจอะเจอผู้คนมากหน้าหลายตามามากมายเช่นกัน

เพราะขึ้นชื่อว่าสถานที่ท่องเที่ยว ก็แน่นอนต้องมีนักท่องเที่ยว ยิ่งเป็นฤดูดอกซากุระ ซึ่งเป็นฤดูกาลอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น

ใครๆ ก็อยากไปยนโฉมน้องนางในชุดสีชมพูสวยหวาน นอกจากในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ

แล้ว เราก็ต้องเผชิญกับฝูงชนที่สถานีรถไฟ และในรถไฟอีกด้วย เรียกว่าเจอตลอด ไม่สามารถปลีกวิเวกได้เลย

ที่จริงในวันนั้นเราสองคนวางแผนจะไปเดินป่าขึ้นเขาชื่อดัง และอยู่ไม่ไกลจากโตเกียว คือ ภูเขาทะกะโอะ

ซึ่งต้องมีฝูงชนมหาสารอย่างแน่นอน เมื่อคุณผู้ชายถามว่า ไปไหนดีวันนี้ ผู้รู้ดีอย่างอ้อยหวานใช้เวลาคิดเพียงสองนาที

แล้วบอกแผนการลับ อ้อยหวานเคยอ่านเจอบล็อกหนึ่ง ซึ่งเธอชอบไปเดินเที่ยวในที่ที่มีคนน้อย ตามแถวบ้านคน

หรือในหมู่บ้านที่ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยว และเธอเขียนบอกว่าเธอไปเดินเล่นที่เอ็นซาน (Enzan)หมู่บ้านเล็กๆ แถมมีสวนผลไม้ด้วย อ้อยหวานจึงบอกเพื่อนร่วมเที่ยวไปว่า เราไปเดินชมนกชมไม้ไปเรื่อยๆ

ถือว่าเป็นการพักจากผู้คนและนักท่องเที่ยว และเป็นการไปสัมผัสญี่ปุ่นที่แท้จริงก็แล้วกัน ไม่ต้องคาดหวังอะไร

แล้วก็ต้องร้อง ‘ว้าวววว’ อยู่หลายครั้งหลายครา

Photo:

 

ว้าว!! แรก ออกจากสถานีรถไฟแล้วเจอ

อ้อยหวานแทบจะกระโดดโลดเต้นเหมือนเด็กเจอของเล่นถูกใจ จัดไปเลยคนละคัน ค่าเช่าถูกกว่าที่ภูเขาฟูจิ อีกด้วย

แต่พอเริ่มปั่น ว้าว!! ที่สองก็ตามมาทันที ก็จักรยานคันสวยนี้เธอติดเครื่องมาด้วย เธอเป็นจักรยานที่มีไฟฟ้าช่วยขับเคลื่อน

 

Photo:

 

เราเริ่มปั่นออกจากสถานีรถไฟ ชมบ้านเรือนไปเรื่อยๆ มีหลายหลังที่ยังเป็นบ้านโบราณที่สวยมาก มีสวนผลไม้ขึ้นแซมเล็กน้อย

แค่นี้อ้อยหวานก็สุขใจแล้ว

 

Photo:

 

บ้านโบราณหลังนี้ช่างสวยเสียจริงๆ

 

 

Photo:

 

ปั่นเลยมาอีกหน่อยก็มาเจอสวนลูกแพร์ญี่ปุ่น เขาปลูกกันแบบนี้

 

Photo:

 

ดูเหมือนผ้าลูกไม้สีขาวสวย

 

Photo:

 

อีกสวนหนึ่ง ต้นแพร์ดูยังกับต้นบอนไซ คือดูเก่าแก่มาก แต่มีดอกดกเต็มต้น

 

Photo:

 

เลยเขตชุมชนมาหน่อยเดียว อ้อยหวานก็ต้องร้องว้าว.. แม่เจ้าโว้ย ออกมาดังๆ เรามาเจอกับสวนสีชมพูเข้มสุดๆ

ดอกสวยราวกับดอกสวรรค์ หอมที่สุดในขบวนดอกไม้ที่เคยเห็นมาในญี่ปุ่นเลย

 

Photo:

 

ดูกันชัดๆ ว่าเธองามเสียเหลือเกิน

สอบถามคนแถวนั้นก็รู้ว่ามันคือดอกลูกพีชญี่ปุ่น

 

Photo:

 

 

รับประกันความหอม

 

Photo:

 

 

ตอนแรกเราสองคนไม่รู้ว่าเขาทำอะไรกันในสวน อ้อยหวานก็โมเมเอาว่า เขาผสมเกสรให้ดอกไม้!

 

Photo:

 

เลยจากสวนนั้นมาหน่อยก็ถึงเขตภูเขา ภาพเนินสีชมพูตามไหล่เขา ทำให้อ้อยหวานปั่นพุ่งเข้าใส่ ชันก็ชันเถอะ

มีตัวช่วยเสียอย่าง พอเข้าไปใกล้ ว้าวอันดับที่หนึ่งร้อย (เว่อร์ไปนิด) ดังก้องหัวใจอ้อยหวานเลย

 

Photo:

 

สีชมพูไปสุดสายตา

 

Photo:

 

ลูกพีชญี่ปุ่น ภาษาญี่ปุ่นมีชื่อน่ารักว่า โมโมะ (Momo) แต่เดิมนั้นได้รับการเผยแพร่มาจากประเทศจีน เมึ่อหลายร้อยปีก่อน

ต่อมามีการพัฒนาบำรุงพันธ์จนออกมาเป็นสายพันธ์พีชญี่ปุ่น ที่โดดเด่นคือ ลูกพีชขาวพันธ์ชิมิซุ แต่สวนของหมู่บ้านนี้เป็นพันธ์อะไร

อ้อยหวานหารู้ไม่ แต่ที่รู้คือไม่ใช่พีชขาวแน่นอน

 

Photo:

 

ยืมรูปมาจากเว็ปไซด์ของสวนๆ หนึ่งในแถบนี้ มาให้ดูว่า ไม่ใช่แต่มีดอกสวย ลูกยังงามน่ากินอีกด้วย

 

Photo:

 

เมื่อมาเจอเธอคนนี้ อ้อยหวานก็ร้องอ๋อ ขึ้นมาทันที สวนข้างล่างเขาปล่อยให้ต้นพีชสูงเกินไป เขาเลยใช้ไม้ตีดอกให้ร่วงเพราะมันดกเกินไป

แต่สวนบนเขา ใช้ตัดเล็มกันทีละดอก

 

Photo:

 

แล้วเนี่ยเมื่อไรจะเสร็จทั้งเนิน แต่คงจะทำงานกันอย่างมีความสุข เพราะมีกลิ่นหอมขจรขจายไปทั่ว

 

Photo:

 

แล้ววิวบนเขามันก็ช่างงามจนนึกว่าฝันไป

หมู่บ้านเอ็นซานมีภูเขาล้อมรอบอยู่สามด้าน ถ้ามองดีๆ จะเห็นว่าเนินเขาทางฝั่งโน้นก็มีสีชมพูเป็นแถบๆ เหมือนกัน

หมู่บ้านเอ็นซานอยู่ในจังหวัดยะมะนะชิ ซึ่งเป็นจังหวัดที่ปลูกลูกพีชมากที่สุดในญี่ปุ่น

 

Photo:

 

ฝั่งนี้เล็มดอกออกแล้ว ดูกิ่งเบาขึ้นเยอะ

อ้อยหวานขอลอกวิธีดูแลสวนพีชญี่ปุ่นให้ได้ลูกสวย อวบโต หวานอร่อย คุณภาพเกรดเอ ตามมาตราฐานญี่ปุ่น มาให้อ่านประดับความรู้กัน

นอกจากตัดเล็มดอกออกแล้ว พอติดเป็นลูก เขาก็จะตัดเล็มลูกออกอีกรอบให้เหลือเพียงกิ่งละลูกตัดเล็มหญ้ารอบโคนไม้สม่ำเสมอ และทิ้งหญ้าไว้ให้เป็นปุ๋ยใต้ต้น

เมื่อลูกพีชมีขนาดเท่าลูกกอฟก็จะเริ่มห่อกันที่ละลูกอย่างทะนุถนอม นอกจากจะกันแมลงแล้วยังป้องกันแสงแดด สายลม และสายฝน

 

 

 Photo:

 

 

เมื่อลูกพีชโตขึ้นประมาณ 70% เขาก็จะตัดก้นถุงออก เหลือส่วนบนไว้ จากนั้นก็เอาแผ่นฟลอยล์มาปูให้เต็มใต้ต้น เหมือนในรูปทำไมอะ? เสียงบางคนถาม เขาให้น้องพีชอาบแดดนะสิ เสียงอ้อยหวานตอบ....

คืออย่างนี้ค่ะ แผ่นฟลอยล์จะสะท้อนแสงแดดขึ้นไปยังก้นของน้องลูกพีช ทำให้ก้นมีสีแดงอมชมพูสวยน่ากิน

ส่วนหัวที่ยังมีถุงปิดอยู่ก็จะขาวน่ากินอีกเช่นกัน

เรียกได้ว่าลูกพีชแต่ละลูกได้รับการดูแลเป็นอย่างดี สวนผลไม้ของญี่ปุ่นเขาปลูกเอาคุณภาพ

ไม่ใช่ปริมาณ ซึ่งคนซื้อก็ยอมจ่ายเงินอย่างไม่แคลงใจอีกด้วย ขอบอกว่ายังไม่เคยลิ้มลองพีชญี่ปุ่นสดๆ

เพราะไม่เคยมาในช่วงฤดูลูกพีช ซึ่งตกอยู่ในเดือนสิงหาคม อ้อยหวานจึงได้แต่ดูดอก

เคยอ่านเจอบล็อกคนปั่นจักรยานที่เขาปั่นผ่านแถบนี้ในช่วงลูกพีชสุก เขาบอกว่าภูเขาทั้งภูเขาหอมหวลสุดประมาณ

 

 Photo:

 

จักรยานสองคันนี้เป็นสุขยิ่งนัก นี่ถ้าไม่มีเมฆฝนที่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามา และไม่ถึงเวลาต้องไปคืนจักรยาน คงจะจมแช่อยู่แถวนี้ไปอีกนาน

 

 Photo:

 

จากมายังคิดถึง ดอกไม้ที่ทั้งสวยทั้งหอม แถมลูกก็อร่อยน่ากิน

 

อ้อยหวานเขียนบทความเล่าเรื่องหมู่บ้านเอ็นซานไว้มากมาย สนใจอ่านได้ที่ลิงค์ด้านล่าง

หลงรัก Enzan เข้าแล้วสิ

 

สนใจอ่านรายละเอียดสวนพีชได้ที่ลิงค์ข้างล่าง

https://moritafarm.wordpress.com/2014/07/10/the-differences-between-japanese-and-australian-peaches/

ขอบคุณค่ะ!

 

ขอจบ  “ก้าวเท้าที่นำไป ” แต่เพียงนี้ ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันจนจบ

ขอบคุณน้องโสทรที่ให้โอกาสอ้อยหวานบันทึกความทรงจำ และบอกเล่าเรื่องราวแก่เพื่อนๆ

ขอบคุณผู้ร่วมทางปั่น ทางเที่ยว และทางชีวิต ที่ไปไหนก็ไปกัน

 

อ่าน “ก้าวเท้าที่นำไป ” ตอนแรก

ก้าวเท้าเดิน..ตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ

ก้าวเท้าเดิน..ตามรอยเวลา

สองล้อเที่ยวชมวิถีชีวิตเมืองคอน 1

สองล้อเที่ยวชมวิถีชีวิตเมืองคอน 2

ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 1

ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 2

ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 3

โลกนี้สีชมพู 1

โลกนี้สีชมพู 2

ปั่นสองล้อ มองหาเธอ..ฟูจิ




ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

 

อ้อยหวาน

 

หัวใจสลาย

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

 

 Photo:

 

วันนี้อ้อยหวานมาฝอยเรื่องหัวใจ เป็นประสบการณ์หนึ่งที่พบเจอด้วยตัวเอง

และถือโอกาสเอาภาพวาดของตัวเองมาออกสื่ออีกด้วย จะได้ไม่เคร่งเครียดกันมากนัก

หัวใจวาย หรือ หัวใจล้มเหลว หรือในภาษาอังกฤษว่า Heart attack

นี่เป็นประสบที่ไม่ได้เกิดกับตัวอ้อยหวานเอง แต่เกิดกับคนข้างตัวคือคุณผู้ชายที่บ้าน

ซึ่งในขณะนี้มีสุขภาพกลับเป็นปรกติแล้ว

และตามนิสัยของอ้อยหวานนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับอะไร ที่มีความรู้ในเรื่องนั้นน้อยหรือไม่รู้เลย

ก็จะขวนขวายหาอ่านตามเว็ปต่างๆ ที่ล่องลอยอยู่ในอินเตอร์เน็ท ให้รู้เรารู้เขาจะจะกันไปเลย

แล้วไม่อยากให้ความรู้นี้จมกับตัวอ้อยหวาน บล็อก หัวใจสลาย จึงถือกำเนิดขึ้น

 

Photo:

 

แต่อ้อยหวานไม่ใช่หมอ หรือพยาบาล หรือผู้รู้ดี ถือว่าเป็นการเขียนเล่าสู่กันฟังก็แล้วกัน

และเป็นการเล่าแบบตื้นๆ หากสนใจอ่านรายละเอียดได้จากลิงค์ข้างล่าง หรือเว็ปภาษาไทยอีกมากมาย

 

 

Photo:

 

หัวใจวาย เกิดขึ้นจากการอุดตันของเส้นเลือดในผนังหัวใจ สิ่งอุดตันในเส้นเลือดอาจจะเป็นไขมัน ครอเลสเตอรอล

แคลเซี่ยม โปรตีน และอื่นๆหรืออาจเกิดจากเซลในหลอดเลือดอักเสบหรือขยายตัว

ทำให้เลือดและอ็อกซิเจนไปหล่อเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอ และถ้าปล่อยทิ้งไว้ผนังหัวใจส่วนนั้นจะถูกทำลาย

หัวใจวายมีทั้งแบบมินิเล็กๆ, แบบ massive คือขนาดใหญ่ และแบบsilent หรือแบบที่จู่โจมอย่างเงียบๆ ไม่รู้ตัวมาก่อน

 

 

Photo:

 

สัญานเตือนภัย

ส่วนใหญ่แล้วผู้ชายและผู้หญิงจะมีอาการที่แตกต่างกัน

 

อาการในผู้ชาย

- รู้สึกแน่นเจ็บหน้าอก

- มีอาการเจ็บร้าวจากหลัง ไหล่ คอ และกราม

- แน่นหน้าอก หายใจลำบาก

 

อาการในผู้หญิง

- มีอาการหน้ามืดวิงเวียนอย่างกระทันหัน

- มีอาการคลื่นไส้ หรืออาเจียน

- มีอาการเหมือนกับ อาการ Heartburn คือแสบร้อนกลางอก

- มีอาการเหงื่อออก ตัวเย็น

- เหนื่อยง่ายกว่าปรกติ

จะเห็นได้ว่าอาการต่างๆ สำหรับผู้หญิงจะสังเกตุดูได้ยากกว่าของผู้ชาย

มีน้อยมากที่จะมีอาการเจ็บหน้าอก และอาการต่างๆ จากข้างบนก็คล้ายคลึงกับโรคภัยพูื้นๆ ชนิดอื่น

ทำให้ถูกมองข้ามไป

หากมีอาการเหล่านี้รีบปรึกษาแพทย์โดยทันที

อีกอย่างหนึ่งที่ควรรำลึกไว้ก็คือ คุณหมอของคุณผู้ชายที่บ้านบอกไว้ว่า

โรคหัวใจวายเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับกรรมพันธ์ ใครที่มีญาติพี่น้องเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ ควรรีบปรึกษาแพทย์ประจำตัว!!!

 

Photo:

 

ขอวกกลับมาเล่าเรื่องประสบการณ์ของคุณผู้ชายที่บ้าน ก่อนหน้าเกิดเหตุประมาณสามเดือน

เราสองคนกำลังเมามันกับการปั่นจักรยานขึ้นเขา ที่ขึ้น-ลงเนินหลายลูก รวมแล้วเราต้องปั่นขึ้นเป็นระยะสูงกว่า 500 เมตร

เป็นระยะทางทั้งหมด 55 กิโลเมตร ภูเขาลูกนี้ขับรถไปเพียงสิบห้านาทีจากบ้าน และบนเขาก็สวยมากมาย

เราก็เลยไปปั่นที่นั่นอาทิตย์ละสามครั้งแบบมันส์มาก!!

 

Photo:

 

ในวันที่ท้องฟ้าไร้หมอกเมฆ เราก็จะได้ชมวิวสุดขอบฟ้า

 

https://lh3.googleusercontent.com/qc-Awg2aHG4-NHfB8sWga0j2SNKYYpGRobUvq47zVeosFCGWXxVhqBCLb7y7mKAnWkh6tMrb7EDd6oKbkcfeP0Bipn487MxvOOT-gA=w6480-h3650-no

 

นักปั้นทั้งสองคนก็อินไปกับการปั่นขึ้นเขา

 

Photo:

 

เพราะเราได้ชมดอกไม้ป่านานาชนิด ดอกทริลเลี่ยม (trillium) สีขาว บานเต็มเนินเขา

 

Photo:

 

แล้วทุ่งดอกเดซี่นั้นเล่า ก็งดงามไม่แพ้กัน

 

Photo:

 

ดอกโคลัมบาย (Columbine ) ป่า ขึ้นเกาะอยู่บนผาหิน

 

Photo:

 

บนเขายังมีสัตว์ป่าอีกมากมายให้ชม เพราะเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ ห้ามล่าสัตว์ทุกชนิด แม่ลูกคู่นี้กำลังข้ามถนน

อ้อยหวานปั่นจักรยานมาอย่างเงียบๆ เลยได้แปลกใจกันทั้งสองตัวและอีกหนึ่งคน

แล้วอ้อยหวานได้เรียนรู้ว่าเจ้ากวางพันธ์นี้ตอนเล็กๆ จะมีจุดขาวตามตัว แต่โตขึ้นจุดก็หายไป ดูดิน่าตาน่ารักมาก

 

Photo:

 

เต่า Snapping Turtle (เต่างับ) เป็นเต่าน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในแคนนาดา สัญาลักษณ์โดดเด่นก็คือหาง!

มีหางยาวคล้ายไดโนเสาว์แถมเป็นฟันเลื่อยด้วยนะ หาดูได้ยากจริงๆ สามารถเห็นได้ในช่วงสั้นๆ ในฤดูใบไม้ผลิเท่านั้น

เพราะจะขึ้นมาวางไข่กัน นางนี้เพิ่งจะวางไข่เสร็จ ตอนเราผ่านมากลบดินบอกลาลูกๆ เป็นครั้งสุดท้ายพอดี

แถมยังยิ้มให้กล้องด้วยนะ หวานเชียว แล้วคลานลงทะเลสาบที่อยู่ติดกับถนน

 

Photo:

 

ส่วนสองตัวนี้เป็นเต่าไม่งับ แข่งกันวางไข่ ริมถนนเลยทีเดียว เพราะมีแสงแดดและอบอุ่นกว่าในป่า

ทางอุทยานเขามีป้ายเตือนคนขับรถ ให้ขับช้าๆ ในช่วงนี้จะมีน้องเต่ามาป้วนเปี้ยนอยู่ข้างถนนมากมาย

ส่วนจักรยานช้าเกินกำหนดอยู่แล้ว บางทีมาเงียบๆ เต่ายังงงเลย มาได้ไง?

 

Photo:

 

นกสีสวยๆ นานาชนิดก็มีอยู่เต็ม แต่อ้อยหวานไม่เคยถ่ายรูปนกได้ เพราะแต่ละตัวว่องไวกว่าคนถ่ายรูป

ยกเว้นตัวนี้ เธอห่วงกิน แต่ต้นเบอรี่ต้นนี้อร่อยจริงๆ นะ เคยแย่งนกกินมาแล้ว

 

Photo:

 

แบบว่ากำลังเพลินกันอย่างสุดๆ

แล้วอยู่มาวันหนึ่งเราสองคนกำลังปั่นขึ้นเขาผ่านเนินแรก คุณผู้ชายบ่นว่าเจ็บหน้าอก

อ้อยหวานบอกให้ปั่นกลับลงไปแล้วกลับบ้านดีกว่า เธอกลับบอกว่าไม่เป็นไร แถมปั่นขึ้นลงเนินจนครบ 50 กิโล

แวะกินก่วยเตี๋ยวที่ร้านเวียตนามอีกหนึ่งชาม กลับมาบ้านก็ยังเจ็บหน้าอก แถมลามขึ้นคอ ไหล่ และมือข้างซ้าย

อ้อยหวานเอาแผ่นปิดบรรเทาปวดกล้ามเนื้อมาให้ แต่เธอบอกว่ามันไม่ใช่ปวดกล้ามเนื้อ มันชา มันหนัก

และปวดอย่างที่ไม่เคยปวดมาก่อน เอ้า! อย่างนั้นไปโรงพยาบาลกันดีกว่า

ถึงโรงพยาบาลมีผู้คนมากมายรอตรวจอยู่เต็ม แล้วเขาก็ให้คนเป็นมากเข้าตรวจก่อน

ส่วนคนที่ยังนั่งได้ คุยได้ ก็รอกันไป สี่ชั่วโมงพอดิบพอดี ที่คุณผู้ชายได้เจอหน้าหมอ

นี่ถ้าผลเอ็กซ์เรย์ไม่ออกมา คุณหมอก็ยังไม่เชื่อว่าคุณผู้ชายเป็นหัวใจวาย เพราะคุณหมอเป็นนักปั่นเช่นกัน

และรู้กิติศักดิ์ของภูเขาลูกนั้นดี เจ็บหน้าอก แล้วยังปั่นได้ถึงห้าสิบกว่ากิโล ไม่ควรจะใช่ หัวใจวาย

 

Photo:

 

ผลเอ็กซ์เรย์หัวใจคุณผู้ชายออกมา มีจุดที่เส้นเลือดขอดถึงสามจุด

 

Photo:

 

ในคืนนั้นก็ต้องรีบทำการเปิดหลอดเลือดโดยการขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนซึ่งเป็นวิธีการใส่สายสวนเข้าไปยังร่างกายผู้ป่วยที่บริเวณขาหนีบหรือที่แขน

เพื่อเข้าไปยังหลอดเลือดหัวใจ หลังจากนั้นจึงขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนที่ติดอยู่ที่ปลายสาย

เพื่อดันไขมันที่อุดตันหลอดเลือดและทำให้ลิ่มเลือดหลุดออกไป ทำให้เลือดสามารถไหลผ่านจุดที่เคยตีบตันได้สะดวกขึ้น

คุณผู้ชายต้องนอนค้างที่โรงพยาบาลอีกสองคืนเพื่อดูผล ส่วนอีกสองจุดหมอนัดให้ไปทำบอลลูนอีกสามอาทิตย์ต่อมา

และต้องทำกายภาพบำบัดที่โรงพยาบาล อาทิตย์ละสองครั้งไปอีกสองสามเดือน กายภาพบำบัดก็คือให้ออกกำลังกายหลายวิธี

เช่นเดินช้า เดินเร็ว ปั่นจักรยาน และเล่นสกีกับเครื่อง โดยมีเครื่องวัดการเต้นของหัวใจ และพยาบาลจดบันทึกข้อมูลโดยละเอียด

 

Photo:

 

สามอาทิตย์หลังจากเหตุการณ์หัวใจวาย คุณผู้ชายก็กลับมาปั่นจักรยานอีกครั้ง

แต่ไม่มีการขึ้นเขาลงห้วย

ถึงไม่ขึ้นเขา เราก็ยังได้พบกับน้องกวาง เพราะเมืองนี้มีป่ากลางเมืองอยู่มากมาย

 

Photo:

 

และสามเดือนหลังจากนั้น… เรากลับไปที่อุทยานแห่งชาติอีกครั้ง อุทยานแห่งชาติ Gatineau

สวยงดงามในทุกฤดู โดยเฉพาะฤดูใบไม้ร่วง

 

Photo:

 

ออกกำลังกายวันละนิด จิตแจ่มใส LaughingLaughing

 

การป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ

- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหาร ไม่รับประทานอาหารที่มีไขมันและแคลอรีสูง

หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารเค็มจัด อาหารจานด่วน หรืออาหารสำเร็จรูป

ลดเครื่องดื่มที่ผสมน้ำตาล และเน้นการบริโภคผักและผลไม้ให้มากขึ้น

- หยุดสูบบุหรี่

- ลดความเครียด

- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

 

อ้อยหวานหวังว่าประสบการณ์ของอ้อยหวานและคนใกล้ตัว พอจะมีประโยชน์แก่ผู้อ่านบ้าง

อย่าลืมดูแลตัวเองและคนใกล้ชิดนะค่ะ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/heart-attack/symptoms-causes/syc-20373106

 

https://www.nhlbi.nih.gov/health-topics/heart-attack

https://www.webmd.com/heart-disease/guide/heart-disease-heart-attacks#1

 

https://myheartsisters.org/2015/09/20/most-common-heart-attack-signs/

 

https://www.bumrungrad.com/th/heart-cardiology-center-treatment-surgery-bangkok-thailand/conditions/heart-attack

 

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

อ้อยหวาน บ้านสวนพอเพียง

โลกนี้สีชมพู 1

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

Photo:

ฉันไม่รู้ว่า...โลกของเธอนั้นเป็นสีอะไร?

แต่โลกของฉัน..เป็นสีชมพู

เพราะฉันได้เก็บเกี่ยวภาพความงามของทุ่งดอกไม้

เก็บไว้ทุกดอก ทะนุถนอมไว้ในใจ

ยามใดฟ้าหม่น ชีวิตเริ่มหมอง

ภาพดอกไม้สีชมพู ในใจฉัน...จะเริ่มทยอยกันออกมา

ปลอบประโลมใจฉัน.. ด้วยสีชมพู

 

Photo:

แม้ว่าอ้อยหวานได้พบเจอกับเธอ ...ดอกซากุระ มาหลายครั้งหลายครา (อ่านครั้งล่าสุดได้ที่บล็อกนี้ ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ดอกซากุระ..สัญลักษณ์แห่งชีวิตและความไม่ยั่งยืน ) แต่ทุกครั้งก็เจอพวกเธอ ตรงนั้นนิด ตรงนี้หน่อย กระปริบกระปรอย ไม่หนำใจ กลับไปอีกครั้งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ระหว่างทางกลับบ้านจากเมืองไทยไปแคนนาดา อ้อยหวานได้วางแผนนัดกับเธอๆ ครั้งใหญ่ แบบล้นหลาม และให้สะใจกันไปเลย ต้นซากุระของโตเกียวและพื้นที่ใกล้เคียงจะพากันบานเต็มที่ในช่วงอาทิตย์แรกของเดือนเมษายน ไปหลังจากวันเช็งเม้งหรือวันไหว้บรรพบุรุษกำลังพอดี บางแห่งอาจจะเริ่มโรยกันบ้างแล้ว เนื่องจากโดนสายฝนและพายุ

 

Photo:

แต่ส่วนใหญ่กำลังสวยสะพรั่ง

สี่วันแรกเราพักกันที่โรงแรมริมแม่น้ำโอโอะคะกะวะ (Ookagawa) แห่งโยโกฮะมะ (Yokohama)

 

Photo:

ซึ่งมีต้นซากุระยืนเรียงรายไปสุดสายตา ในช่วงต้นเดือนเมษายนต้นซากุระจะพากันออกดอกเบ่งบานเต็มต้น ซากุระของที่นี่เป็นซากุระพันธ์โซะเม โยะชิโนะ (Somei Yoshino) ซึ่งเป็นพันธ์ที่นิยมมากในประเทศญี่ปุ่น ดอกของซากุระพันธ์นี้มีสีชมพูอ่อนจนเกือบขาว และที่สำคัญคือ เวลาออกดอกเบ่งบานจะไร้ใบ ทำให้เป็นสีชมพูไปทั่วทั้งต้น   

 

Photo:

เข้าพักโรงแรมนี้เหมือนถูกแจ็คพอต เช้าก็ได้ชมเชยเธอ เย็นก็ได้ชมเธอ ค่ำก็ได้ชม ตอนกลางคืนตื่นไปเข้าห้องน้ำ ก็ได้ชะเฮ้อคอมองเธอจากหน้าต่างในห้อง ตีสามตีสี่ก็ยังไปยืนมองเธอ ไม่สะใจให้มันรู้ไป

อ้อยหวานยังเขียนบทความให้เว็ปเจเปนทราเวิล (Japan Travel) เป็นอีกเว็ปหนึ่งที่อ้อยหวานได้เขียนบล็อกและบทความกันมายาวนานหลายปี หากสนใจอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแม่น้ำโอโอะคะกะวะ (Ookagawa) แห่งโยโกฮะมะ อ่านและดูรูปเพิ่มได้ที่ลิงค์นี้ค่ะ Ookagawa ในวันที่มีเธอ

 

Photo:

สถานที่ชมดอกซากุระในโตเกียวและโยโกฮะมะนั้น มีอยู่หลายแห่งมาก แต่ละแห่งก็ให้บรรยากาศที่แตกต่างกันไป อาทิตย์แรกเราเน้นชมซากุระกันล้วนๆ แบบที่ไหนไม่มีสีชมพู เราไม่ไป!

วัดอิเคะกะมิ ฮอนมอน-จิ (Ikegami Honmon-ji) ของโตเกียว เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่มีเธอ เดินขึ้นบันไดหินเกือบร้อยขั้น

 

Photo:

ไม่เหนื่อยเลย เพราะมีเธอรออยู่

 

Photo:

ในวันนั้นที่วัดมีงานแข่งขันวิ่งมาราธอน ทำให้มีผู้คนมากมายเต็มลานวัด ดังนั้นจึงเป็นวันดีที่พายุฝนจะเข้าร่วมงานด้วย ทั้งฝนและลมพากันมาให้ความหนาวสั่นแก่นักวิ่งและนักท่องเที่ยวที่มาชมดอกซากุระ

 

Photo:

แล้วเราก็ได้ชม ‘สายฝนดอกซากุระ’ ภาพกลีบดอกไม้เบาบาง ลอยล่อง ร่วงล่น ลงดิน นั้น สวยงดงามไม่แพ้ดอกซากุระบนต้น แต่ไม่สามารถบันทึกในภาพถ่ายได้

วัดอิเคะกะมิ ฮอนมอน-จิ (Ikegami Honmon-ji) นี้เป็นวัดเก่าแก่หลายร้อยปี ภายในวัดมีสุสานเก่าแก่ พร้อมกับต้นซากุระสีชมพู สร้างบรรยากาศที่ สวย เศร้า และสงบ ในคราวเดียวกัน

 

Photo:

ถึงเวลา.. ซากุระ         When cherry blossoms

ล่วงหล่นโปรยปราย  scatter

ไม่มีคำว่า..เสียใจ      no regrets

กลอนไฮกุของท่านอิสสะ  (Issa)

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อิเคะกะมิ ฮอนมอน-จิ ในฤดูดอกซากุระ

 

Photo:

สวนซานเคเอ็น (Sankeien Garden) แห่งโยโกฮะมะ เป็นสวนญี่ปุ่นที่สวยงามในทุกฤดูกาล ยิ่งเป็นฤดูสีชมพูก็ยิ่งสวยกันไปใหญ่ เสียดายอ้อยหวานทำไฟล์ของวันนี้หาย ไม่รู้หายไปไหน ไฟล์ที่มีรูปถึงหนึ่งร้อยรูป ละลายหายไปในอากาศ เหลืออยู่ไม่กี่รูปที่อ้อยหวานโพสไว้ในเฟสบุค เศร้าเลย!!!!

 

Photo:

สวนซานเคเอ็นนี้เป็นสวนญี่ปุ่นเก่าแก่ พร้อมทั้งเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งไปในตัว เป็นแหล่งรวมของบ้านและอาคารเก่าแก่ซึ่งถูกขนย้ายมาจากถิ่นฐานดั้งเดิม เช่น เจดีย์สามชั้นจากวัดเก่าแก่ในเมืองเกียวโต และ วิลล่าแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมอีกหลายหลัง และที่ถูกใจอ้อยหวานก็คือ โคมไฟหิน ในสวนมีเป็นร้อย ต่างแบบ หลากสไตล์ อ้อยหวานเก็บรูปโคมหินมาทุกอัน แต่รูปหายหมด...

 

Photo:

เป็นสวนที่สวยมากจริงๆ

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ตระการตา..สวนซานเคเอ็น

 

Photo:

สถานที่ชมดอกซากุระสุดท้ายที่จะเขียนถึงในบล็อกนี้ และเป็นอีกแห่งหนึ่งที่ประทับใจอ้อยหวานมากมาย จากสนามม้าเก่าแก่ในอดีต กลายร่างเป็นสวนสวย ที่จุเต็มไปด้วยสีชมพูในฤดูดอกซากุระ

สวนป่าเนะกิชิ (Negishi Forest Park) แห่งเมืองโยโกฮะมะ เป็นสวนที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ และมีสนามหญ้าเขียวขจีลาดไปสู่ป่าต้นซากุระ ชาวบ้านแถบนี้พาลูกพาหลานมาฮานามิ (ชมดอกไม้) กัน ไม่ว่าจะนั่งชม นอนชม ปูเสื่อ ขนกล่องอาหารเบ็นโตะ และเหล้าสาเกมาปิคนิก ให้บรรยากาศที่แตกต่างจากที่อื่นๆ สวย สงบ และผ่อนคลาย

 

Photo:

ต้นซากุระของที่สวนนั้นทั้งสูงทั้งใหญ่ แผ่กิ่งก้านออกไปทุกทิศทุกทาง ส่วนดอกนั้นเล่า ชวนให้อยาก ‘กรี้ดดดดดด’ ไปก้องป่า

 

Photo:

ไปนั่งชมในป่าซากุระ ก็ให้บรรยากาศอีกแบบหนึ่ง

 

Photo:

ไปญี่ปุ่นคราวนี้ มีน้องสาวไปกับเราด้วย ได้ลั่นล้าและชื่นมื่นหัวใจกันทุกคน เราให้คะแนนสวนป่าเนะกิชิไปเลยเต็มสิบ สวยมากๆ มีที่กว้าง และมีคนน้อยกว่าที่อื่นๆ

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ตกหลุมรักป่าสีชมพูของโยโกฮะมะ

 

Photo:

ที่สวนมีทุ่งดอกเรพซีดสีเหลืองสดตัดกับสีชมพูได้อย่างงดงาม

 

Photo:

ถ่ายรูปเซลฟี่ก็ออกมาดูดี การันตี

 

โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่อง “ก้าวเท้าที่นำไป ” ในตอนต่อไป

 

อ่าน “ก้าวเท้าที่นำไป ” ตอนแรก

ก้าวเท้าเดิน..ตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ

ก้าวเท้าเดิน..ตามรอยเวลา

สองล้อเที่ยวชมวิถีชีวิตเมืองคอน 1

สองล้อเที่ยวชมวิถีชีวิตเมืองคอน 2

ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 1

ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 2

ฟ้าสวย น้ำใส ในถิ่นปักษ์ใต้ 3

 

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

อ้อยหวาน

 

Viewing all 244 articles
Browse latest View live