มีคนถามอ้อยหวานว่า ทำไมต้องท่องเที่ยว? อยู่บ้านเฉยๆ ไม่ได้หรือ? บล็อกก่อนหน้านี้ก็บอกไปแล้วว่า ‘เราล้วนคือคนเดินทาง เราเดินทางผ่านห้วงเวลาวันแล้ว..วันเล่า’
สำหรับอ้อยหวาน ท่องเที่ยว หรือ เดินทาง มันคือคำๆ เดียวกัน และอ้อยหวานก็ให้ความหมายว่า เป็นการเคลื่อนที่จากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่ง เหมือนเข็มนาฬิกาที่เดินติ๊กๆ ติ๊กๆ นาทีแล้ว..นาทีเล่า ชั่วโมงแล้ว..ชั่วโมงเล่า วันแล้ว..วันเล่า แต่เข็มนาฬิกาจะเดินเป็นวงกลม วนแล้วเวียนอีก หากหยุดเมื่อไร คนก็บอกว่านาฬิกามันตาย
บางคนเลือกเดินทางแบบเข็มนาฬิกา คือเดินเป็นวงกลม วนแล้วเวียนอีก ทุกวี่ทุกวัน กระเด้งจากเตียงนอน เข้าห้องน้ำ แต่งตัว ออกจากบ้านไปที่ทำงาน จากที่ทำงานกลับบ้าน ดูทีวี ล้มตัวนอนบนเตียง วนแล้วเวียนอีกเช่นนี้ จนกว่าเข็มนาฬิกาหยุดเดิน
แบบนั้นไม่ใช่อ้อยหวานแน่นอน เพราะโลกนี้ไม่ใช่มีแต่บ้านกับที่ทำงาน
โลกนี้มีหลายๆ อย่างที่ให้ไปค้นพบค้นหา
โลกนี้มีภูเขา มีแม่น้ำ
มีทะเล หาดทราย โขดหิน ทุ่งนา ทุ่งหญ้า
มีสวนดอกไม้ ดอกไม้ริมทาง ป่าสน ป่าไผ่ อาหาร ผู้คน และวัฒนธรรมแตกต่างหลากหลาย มีสายลมอ่อนๆ หรือลมแรงปะทะหน้า มีสายฝนเย็นฉ่ำ หรือบางครั้งก็เย็นยะเยือก และบางครั้งกลับเป็นเกร็ดหิมะ
มีกลิ่นหอมดอกไม้หรือกลิ่นไอของท้องถิ่น
โลกนี้กว้างใหญ่นัก โลกนี้ไม่ใช่มีแต่บ้านกับที่ทำงาน
การเดินทางคราวนี้ของอ้อยหวานเป็นเพราะโอกาสหลายประการอำนวย
1. คุณผู้ชายหมดภาระที่ทำงาน
2. อ้อยหวานหมดภาระดูแลลักกี้
3. ไม่ต้องห่วงบ้านแล้ว เพราะลูกสาวกลับจากไปเรียนต่างประเทศมาเรียนต่อที่บ้าน และจะเป็นผู้ดูแลบ้าน
4. ถึงเวลาที่อ้อยหวานต้องกลับไปเยี่ยมพ่อแม่และน้องๆ ที่เมืองไทย
5. ระหว่างบินจากแคนนาดาไปเมืองไทย ต้องหยุดเปลี่ยนเครื่องบินที่ญี่ปุ่น
6. ประการสุดท้าย มีที่พักให้ฟรีโดยที่ไม่ต้องเสียสตางค์สักแดงเดียวตั้ง 17 คืนทั่วญี่ปุ่น ที่จริงที่พักก็ไม่ได้มาฟรีๆ หรอกนะ อ้อยหวานเขียนและแปลบทความให้เวป JapanTravelแล้วแต่ละบทความเขาให้เป็นจุด สะสมมาเกือบปี และจังหวะก็ดีที่ระหว่างนั้นมีที่พักอยู่หลายแห่งให้เลือก
เมื่อโอกาสทั้งหมดมาถึง อ้อยหวานและคุณผู้ชายก็คว้าไว้ ไหนๆ ก็ออกจากบ้านแล้ว ไปสัก 2 เดือนกว่าๆ เลย เดินทางท่องเที่ยวช้าๆ เรื่องหูเอาไว้ว่ากันทีหลัง (จากเที่ยว)
และนี่คือที่มาของบล็อก ‘ชีวิตคือการเดินทาง’
คราวนี้เราเลือกปั่นจักรยานเที่ยวเมืองไทย ปั่นลงใต้ เลาะเลียบอ่าวไทย ปั่นให้มากที่สุดเท่าที่เวลาและสถานที่จะอำนวย ถ้าไฮเวย์มันเหลือทนก็เอาจักรยานขึ้นรถบ้าง ไฮเวย์ที่ว่าก็คือ สาย 4 ถนนเพชรเกษม เพราะบางช่วงไม่มีถนนสายอื่นให้เลือก
ส่วนที่ญี่ปุ่น เราขึ้นรถไฟแล้วก็เดิน..เดิน..เดิน..เดิน.. แต่ละวันเดินกันเกือบ 10 กิโล บางวันก็มากกว่านั้น อ้อยหวานกลับมาถึงบ้านหลายวันแล้ว แต่เท้ายังบ่นอยู่เลย เอาไว้ค่อยๆ เล่าว่าเราเดินกันเท้าแบะเท้าแฉะยังไง
โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่องการเดินทาง ขึ้นรถ ลงเรือ ขึ้นเหนือ ล่องใต้ ในตอนต่อไป
ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข
ขอบคุณค่ะ
อ้อยหวาน