สวนลุมพินี หรือเรียกสั้นๆ ว่า สวนลุม เป็นสถานที่ในดวงใจของอ้อยหวานมาช้านาน สมัยก่อนที่ยังวิ่งออกกำลัง หากแวะบ้านที่กรุงเทพ อ้อยหวานจะเดินออกจากบ้านแต่เช้าไปยังสวนลุม ซึ่งอยู่ห่างจากประมาณ 1 กิโล วิ่งรอบสวนแล้วก็เดินกลับบ้าน อ้อยหวานไม่ได้แวะกรุงเทพมา 2-3 ปี จึงห่างหายจากสวนลุม
กลับเมืองไทยคราวนี้ มีเหตุให้ต้องแวะที่กรุงเทพ หลังจากที่ตัดสินใจซื้อตั๋วเครื่องบินแล้ว อ้อยหวานและคุณผู้ชายก็ตัดสินใจซื้อจักรยานคันใหม่ที่กรุงเทพ เราไม่ขนจักรยานไปจากบ้านเหมือนทริปอื่น เพราะค่าขนส่งจักรยานไป-กลับ เกือบจะเท่ากับจักรยาน (คุณภาพใช้ได้) คันใหม่ ใช้แล้วเก็บไว้ที่บ้าน จะได้ใช้ในทริปต่อๆ ไป
แล้วปฏิบัติการตามหาจักรยานก็เริ่มขึ้นโดยที่อ้อยหวานไม่ต้องไปไหนเลย นั่งอยู่หน้าคอมที่บ้าน (แคนนาดา) แล้วส่งเมล์ติดต่อร้านจักรยาน 3-4 แห่ง ภายใน 3-4 วันก็ได้จักรยานพับได้ 2 คัน ที่จะถูกติดตั้งทุกอย่างสำหรับทัวร์ริ่ง แถมจัดส่งถึงบ้านในเช้าวันที่อ้อยหวานไปถึงกรุงเทพให้ด้วย ขอขอบคุณน้องที่ร้าน CrazyBikeShopมาณ.ที่นี้
อ้อยหวานได้แวะไปเดินเล่นที่สวนลุมถึงสองครั้ง กลิ่นอายเก่าๆของสวนลุม ยังมีอยู่ครบถ้วนทั่วสวน สวนลุมในตอนเช้าอากาศดีกว่าที่อื่นๆ ในกรุงเทพ เพราะมีต้นไม้น้อยใหญ่มากมาย มีผู้คนมากมายพากันมาออกกำลังกาย
ใครใคร่เดินก็เดินไป ใครใคร่วิ่งก็วิ่งไป กลุ่มโยคะจองพื้นที่ตรงระเบียง กลุ่มรำไทเก็กจองที่ใต้ร่มไม้ใหญ่ อีกมุมหนึ่งมีการรำดาบ เครื่องออกกำลังกายก็มีคนจับจองกันเต็ม มีลูกหลานจูงมือหรือเข็นรถพ่อแม่ ปู่ย่า ตายา ออกมาเดินเล่น ภาพและกลิ่นอายเก่าๆ เช่นนี้ของสวนลุมที่ทำให้อ้อยหวานหลงรักนัก
เดินชมสวนเพลินๆ ก็ไปเจอกับลูกเป็ดตัวไม่น้อย มีนางแบบนายแบบกำลังเต๊ะท่าถ่ายรูป อ้อยหวานเลยไปขอถ่ายรูปบ้าง
สอบถามผู้คนแถวนั้น ได้ความว่าเขากำลังจัดงานเที่ยววิถีไทย เสียดายที่เย็นนั้นออกจากกรุงเทพเสียแล้ว จัดงานในสวนแบบนี้ได้บรรยากาศมาก มีกิจกรรมหลายอย่าง มีของกินจากที่ต่างมากมาย แวะไปดูได้ ที่นี่ค่ะ
มีธีมตรุษจีนด้วย
สองอาทิตย์ต่อมาอ้อยหวานกลับไปสวนลุมอีกครั้ง ครั้งนี้ไปกับคุณผู้ชายเอาจักรยานคันใหม่ไปลองเครื่องก่อนออกเดินทาง ที่นี่เขาไม่อนุญาติให้ปั่นจักรยานจนกว่าจะหลังสิบโมง แต่เราไปเช้าไปหน่อยคือหกโมงเช้า และเราสองคนก็ไม่ทราบกติกาอันนั้น ไปถึงก็ปั่นโลด เลยโดนเจ้าหน้าที่เป่าลูกหวีดเรียก อ้อยหวานพูดแซวกับคุณผู้ชายว่าวันแรกก็โดนใบสั่งเสียแล้ว
เราเลยต้องเข็นจักรยานไปรอบๆ สวนแทน ได้ไปชื่นชมศาลาไทยเก่าๆ และสิ่งก่อสร้างงามๆ หลายหลัง
หลังนี้คือศาลาการไฟฟ้าสามเสน
หลังนี้มีชื่อแสนไพเราะว่า ‘ศาลาภิรมย์ภักดี’ ใช้สำหรับจัดการแสดง ดนตรี และคอนเสิร์ต
เก๋งจีนก็มี
สวนลุมพินีจัดได้ว่าเป็นป่ากลางกรุง รายล้อมไปด้วยตึก อาคาร สูงใหญ่
สวนลุมพินีเป็นที่พักพิงของคนเมืองกรุง
และยังเป็นที่พักพิงของหมู่นกกา สิงสาราสัตว์ อย่างเช่นเจ้าตัวนี้
มีกันหลายตัวเชียวละ ตัวนี้ยาวเกือบสองเมตร
ต่างคนต่างอยู่ ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน ไม่รบกวนหรือตีกัน
ประวัติความเป็นมาของสวนลุมพินี
สวนลุมพินีเป็นสวนสาธารณะแห่งแรกของกรุงเทพมหานคร และพระราชมรดกที่พระบาทสมเด็จพระ มงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานไว้ให้้แก่ชาวพระนคร โดยมีจุดเริ่มต้นใน พ.ศ. 2468 ซึ่งทรงครองราชสมบัติครบ 15 ปี ประกอบกับเศรษฐกิจตกต่ำหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 จึงทรงมีพระราชดำริจะจัดงานแสดงพิพิธภัณฑ์สรรพสินค้า และทรัพยากรธรรมชาติ ดังเช่น ประเทศตะวันตกทำได้ผลมาแล้ว โดยกำหนดจัดใน ฤดูหนาวปลายปี พ.ศ. 2468 และมีพระราชดำริว่า เมื่อเลิกการจัดงานแล้วสถานที่นั้น ควรจัดทำ เป็นสวนพฤกษชาติ เพื่อให้ประชาชนได้ศึกษาและใช้พักผ่อน ทรงเลือก บริเวณทุ่งศาลาแดงที่ดินส่วนพระองค์ ที่เหลือจากแบ่งเป็นจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไปแล้วเป็นที่จัดงาน และทรงสละพระราชทรัพย์เป็นทุนประเดิมในการเตรียมสถานที่ ครั้งนั้นมีการขุดสระกว้างสร้างเกาะลอยกลางน้ำตัดถนน และสร้างถาวรวัตถุ เช่น หอนาฬิกา ตึกแบบกรีก และทรงพระราชทานชื่อว่า "สวนลุมพินี"หมายถึง สถานที่ประสูติแห่งพระพุทธเจ้า ณ ตำบลลุมพินีวัน ประเทศเนปาล แต่ด้วยทรงเสด็จสวรรคตก่อนกำหนดเปิดงาน จึงต้องล้มเลิกงานไป ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 7 โครงการนี้จึงถูกรื้อฟื้นอีกครั้ง โดยทรงให้เช่าที่ดินด้านใต้ของสวนลุมพินี 90 ไร่ จัดเป็น"วนาเริงรมย์"คล้ายสวนสนุก และค่าเช่านำมาปรับปรุงที่ดินส่วนที่เหลือเปิดเป็นสวนสาธารณะ นับแต่นั้น สวนลุมพินีจึงเป็นสถานที่ให้ความเพลิดเพลินสนุกสนานแก่ประชาชนมีทั้ง การละเล่น แข่งว่าว วิ่งวัว ชิงช้า ม้าหมุนโดยทรงพระราชทานที่ดินให้รัฐบาลดูแลและมีพระกระแสรับสั่งให้ใช้เพื่อสวนสาธารณะเท่านั้น ต่อมาในสมัย สงครามโลกครั้งที่ 2 สวนลุมพินี กลายเป็นที่ตั้งค่ายของ ทหารญี่ปุ่น สวนแห่งนี้จึงลดบทบาทลง จนสงครามเลิกในปี พ.ศ. 2495-2497 จึงถูกใช้เป็นที่จัดงานฉลองรัฐธรรมนูญ และมีการประกวดนางสาวสยาม บริเวณเกาะลอย
สนใจอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่
โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่องชีวิตคือการเดินทาง ในตอนต่อไป
อ่านชีวิตคือการเดินทาง ตอนแรกๆ ได้ที่นี่่ค่ะ
ชีวิตคือการเดินทาง ตอน ทำไมต้องท่องเที่ยว
ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข
ขอบคุณค่ะ
อ้อยหวาน