Quantcast
Channel: บล็อก อ้อยหวาน
Viewing all articles
Browse latest Browse all 244

ชีวิตขึ้นๆ ลงๆ บนเทือกเขาแอลป์ ตอนสุดทาง.. ที่จุดเริ่มต้น

$
0
0
หมวดหมู่ของบล็อก: 

วันนี้อ้อยหวานมาเล่าต่อทริปเที่ยวมาราธอน หลังจากที่ค้างคาอยู่เนิ่นนาน ในช่วงเวลาทำใจกับการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของชาวไทย….

ทริปปั่นจักรยานสี่อาทิตย์ที่วกวนอยู่ในเทือกเขาแอลป์นี้ เราเริ่มต้นกันที่เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมันนี หลังจากสุดทางที่เมืองฟุสเซ่น (Fussen) และชื่นชมสุดยอดปราสาทแล้ว วันรุ่งขึ้นก็ถึงเวลาอำลา เราออกจากฟุสเซ่นท่ามกลางสายฝน เป็นอีกวันหนึ่งที่เราจะจดจำไปนานแสนนาน

 

ในบันทึกของอ้อยหวานเขียนไว้ว่า...

19-06-2016

ฟุสเซ่นสู่ทะเลสาบ Starnberger ระยะทาง 77 กิโลเมตร

ฝนตกตั้งแต่เช้าตรู่ และตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีท่าทีว่าจะซาลงหรือหยุดตก ที่นี่ไม่มีรถไฟที่จะไปยังจุดหมายปลายทางของเรา เราปั่นจักรยานออกไปท่ามกลางสายฝน หลังจากที่รั้งรออยู่จนสาย สิ่งที่โดดเด่นในวันนี้นอกจากสายฝนที่พากันหลั่งไหลมามากมายแล้ว ยังมีภูเขา เนินเขา และฝูงวัวอยู่มากมายอีกด้วย เสียงก๊องแก๊งของระฆังแขวนคอวัวขับกล่อมเป็นเพื่อนเราไปตลอดทาง ในวันนี้ฉันได้เรียนรู้สิ่งสำคัญๆ สองประการ ข้อแรกก็คือ พื้นที่แถวนี้ของเยอรมันนั้น ไม่มีที่ราบเรียบอยู่เลย เป็นเนินเขาขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา และช่างสวยงดงามเอามากๆ

ข้อสอง เราได้เรียนรู้ศักยภาพในตัวเราเอง ว่าเราสามารถปั่นจักรยานบนเส้นทางโหดๆ เส้นทางที่ขึ้นสูงริ่วและลงดิ่งอยู่ตลอดเวลา ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างไม่หยุดหยั้ง ถ้าเรามุ่งมั่น เราก็ทำได้สำเร็จรุร่วงเป็นอย่างดี ขอบคุณที่ไม่มีรถไฟให้ขึ้น ไม่อย่างนั้นเราจะไม่มีทางรู้เลยว่า เราทำได้!และทำได้ดีด้วย

 

เส้นทางจักรยานวกผ่านปราสาทนอยชวานชไตน์ เลยได้ชมภาพปราสาทเป็นครั้งสุดท้ายท่ามกลางสายฝน อ้อยหวานหยุดเก็บภาพสวยๆ อย่างไม่กลัวกล้องพัง (ที่จริงก็กลัวเหมือนกัน แต่กลัวไม่ได้รู้สวยมากกว่า)

 

ทริปนี้มีกล้องอยู่ตัวเดียวคือกล้องของอ้อยหวาน เพราะคนที่ไปด้วยขี้เกียจถ่ายรูป อ้อยหวานส่งกล้องในมือให้คุณผู้ชาย ให้ปั่นไปไกลๆ แล้วหันมาเก็บรูปอ้อยหวานกับสายฝนและสายหมอก เพราะอยากได้ไว้เป็นที่ระลึก แล้วก็ได้ภาพนี้ ภาพคนปั่นจักรยานหัวใจเดียวกัน เปียกสนิทเช่นเดียวกัน แต่ใจยังสู้ นั่งดูรูปนี้ที่ไร ภาพของวันนั้นหวนกลับมาให้ชุ่มฉ่ำใจอยู่ร่ำไป

…..ความทรงจำดีๆ ไม่มีขาย ต้องออกไปลุยเอง

 

อบไอหมอก อาบสายฝน บนสองล้อ

ใครที่ไม่เคยมีประสบการณ์เยี่ยงนี้ ขอบอกว่าให้ลองดู แล้วจะลืมไม่ลง

(ปล. อยากจะบอกว่าตอนที่ออกทริปปั่นจักรยานลุยฝน ร่างกายแข็งแรงมากค่ะ แต่ตอนอยู่บ้านยุงไม่ได้ไต่ ไรไม่ได้ตอม กลับเป็นหวัดไม่สบายออกบ่อย)

 

เส้นทางขึ้นลงเนินเขาเขียวขจี ผ่านหมู่บ้านเล็กที่เงียบสงบ ยินแต่เสียงฝนตกเปาะแปะ เคล้าเสียงระฆังจากฝูงวัว แต่ละตัวไม่เห็นจะเดือดร้อนเลยกับสายฝน  

 

เราปั่นจากข้างบน เส้นทางวกวนเป็นผ้าพับลงมาถึงจุดที่อ้อยหวานยืนถ่ายรูป แล้วเบื้องหน้าถัดไปก็เหมือนเดิมคือวนกลับขึ้นเนินเขาอีกลูก เป็นเช่นนี้ตลอด 77 กิโลเมตร โอ้พระเจ้าช่วยกล้วยทอด!

 

ระหว่างทางเจอโบสถ์แห่งนี้ ยืนเด่นบนเนินเขา รอบๆ มีแต่เนินเขียว ไม่มีเมืองสักเมืองหนึ่งรอบๆ แต่มีรถทัวร์นักท่องเที่ยวจอดอยู่เต็ม อย่างนี้ต้องแวะกันหน่อย

 

ภายในโบสถ์นั้นงดงามตระการตา ไม่ใช่โบสถ์ธรรมดาๆ เสียด้วย เพราะเป็นโบสถ์มรดกโลกที่มีชื่อว่า “โบสถ์การจาริกแสวงบุญแห่งวีส ( Pilgrimage Church of Wies)”

ประวัติของโบสถ์การจาริกแสวงบุญแห่งวีส

ในปี ค.ศ. 1738 ปรากฏว่ามีคนเห็นน้ำพระเนตรหลั่งออกจากพระเนตรแกะสลักไม้พระเยซูบนไม้กางเขน เรื่องเล่าปาฏิหาริย์ในครั้งนั้น เป็นเหตุให้มีนักแสวงบุญเดินทางไปจารึกบุญ เยี่ยมชม และอธิษฐานขอพรจากรูปแกะสลักพระเยซูกันอย่างมากมาย ด้วยความเชื่อที่ว่ารูปแกะสลักนี้สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ ต่อมาในปีค.ศ. 1740 ได้มีการสร้างโบสถ์ขึ้น เพื่อเป็นที่ประดิษฐานรูปแกะสลักนี้

โบสถ์การจาริกแสวงบุญแห่งวีส ได้รับเลือกโดยองค์การยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ในปี ค.ศ. 1983

ขอบคุณข้อมูลจากวิกิพีเดีย

เราไม่ได้เดินเข้าไปชมไม้กางเขนกันใกล้ๆ เพราะคนเยอะมาก ถ่ายรูปออกมาเห็นแต่หัวคน

 

จุดหมายปลายทางของวันนี้ ทะเลสาบ Starnberger เราแวะค้างคืนกันที่รีสอร์ทริมทะเลสาบ

 

เช้าวันต่อมาก็ได้ปั่นจักรยานไปบนเส้นทางเลียบทะเลสาบ มุ่งหน้าขึ้นเหนือสู่เมืองมิวนิค

 

ทะเลสาบ Starnberger ที่แสนจะงดงาม และเป็นสถานที่ที่มีคนพบพระศพของกษัตริย์ลุควิคที่ 2 แห่งรัฐบาวาเรีย ผู้สร้างปราสาทนอยชวานชไตน์ (Neuschwanstein) ปราสาทที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก

 

สนามบินมิวนิคอยู่ห่างจากเมืองมิวนิคถึง 40 กิโลเมตร ก่อนถึงมิวนิคเราจึงตัดสินใจขึ้นรถไฟเลยไปยังเมืองที่อยู่ใกล้สนามบิน วันรุ่งขึ้นจะได้เดินทางไปที่สนามบินได้อย่างสะดวกสบาย กลายเป็นว่าเมือง Freising นี้ เป็นเมืองที่เซอร์ไพร์สเรามาก มีเมืองเก่าที่มีอาคารและบ้านสวยๆ และที่โดนใจคนรักดอกไม้ก็คือ   มีกุหลาบบานสะพรั่งมายืนต้อนรับคนไกลอย่างคับคั่ง

 

ไม่ได้โม้เลยนะนี่ งามจริงๆ เจ้ากุหลาบกอนี้ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปไกลเลยทีเดียว

 

เดินชมบ้านชมเมืองไปตามซอกซอยแคบๆ บนพื้นถนนปูหินแบบโบราณ และที่สำคัญคือมีนักท่องเที่ยวน้อยมาก

 

นั่นก็สวย

 

นี่ก็งาม

 

เมืองเล็กๆ น่ารัก สวยงาม สะอาดตาจริงๆ

 

เหมือนเดินชมสวนส่วนตัว

 

เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากทานอาหารเช้าแล้ว เราก็อำลาเมือง Freising ขึ้นชื่อว่าเยอรมันก็ต้องนี่เลย เส้นทางจักรยานตัดตรงถึงหน้าประตูอาคารสนามบิน ไม่ต้องง้อเท็กซี่กันเลยละงานนี้ ปั่นไปชิวๆ 12 กิโล ไปถึงก็เริ่มแพ็คของ เก็บจักรยานใส่กระเป๋า แล้วเช็คอินขึ้นเครื่อง สะดวกมากมาย

ทริปเทือกเขาแอลป์ทริปนี้เป็นอีกทริปหนึ่งที่ประทับใจอ้อยหวานมาก (จนอยากบอกต่อ) ความงามของเทือกเขาเดียวกัน แต่มีความแตกต่างทั้งทัศนียภาพ สถาปัตยกรรม ประเพณี และวัฒนธรรม ขอจบ ชีวิตขึ้นๆ ลงๆ บนเทือกเขาแอลป์ ไว้ที่บล็อกนี้

ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันจนจบ

ขอบคุณน้องโสทรที่ให้โอกาสอ้อยหวานบันทึกความทรงจำ และบอกเล่าเรื่องราวแก่เพื่อนๆ

ขอบคุณผู้ร่วมทางปั่นและทางชีวิต ที่ไปไหนก็ไปกัน เนินเขาสูง สายฝนกระหน่ำ ก็ไม่เคยเสียกำลังใจ

อ่าน ชีวิตขึ้นๆ ลงๆ บนเทือกเขาแอลป์ ตอนที่แล้วได้ที่นี่

ชีวิตขึ้นๆ ลงๆ บนเทือกเขาแอลป์

มุ่งหน้าสู่ภูเขา

วันฟ้าฉ่ำฝน

ขุมเขา สวนแอปเปิล และไร่องุ่น

ดุจเมืองในฝัน    

ตามหาโรมิโอและจูเลียต ที่..เวโรน่า

สูงสุดฟ้า แต่ล้อติดดิน

ท่ามกลางสายฝนสู่เมืองเดอะซาวน์ออฟมิวสิค

เติมความหวานบนเส้นทางสายโรแมนติก

ปราสาทแห่งเทพนิยายกับเมืองในฝัน

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

ขอบคุณค่ะ

อ้อยหวาน


Viewing all articles
Browse latest Browse all 244

Trending Articles