ได้ยินเสียงนั้นไหม?
เสียงร้องเรียก ให้ใครมา
สัมผัสกับผืนป่า
ให้เวลา เรียนรู้มัน
วันนี้อ้อยหวานจะพาไปชมผืนป่าในเขตอุทยานแห่งชาติแบมฟ์ (Banff National Park) กันค่ะ
อุทยานแห่งชาติแบมฟ์ เป็นอุทยานแห่งชาติเก่าแก่ ก่อตั้งขึ้นในปี 1885 เป็นอุทยานแห่งชาติที่ตั้งขึ้นเป็นแห่งแรกของแคนาดา และเก่าแก่เป็นอันดับสามของโลก มีอาณาเขตพื้นที่ทั้งหมด 6,641 ตารางกิโลเมตร
ในปี 1984 อุทยานแห่งชาติแบมฟ์และอุทยานแห่งชาติอีกหกแห่งในบริเวณนี้ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลก รวมกันเรียกว่า อุทยานแห่งชาติเทือกเขาแคนาเดียน ร็อกกี้ (Canadian Rocky Mountain Parks)
อุทยานแห่งชาติแบมฟ์ เป็นตัวอย่างที่ดีในการอนุรักษ์ป่าและสัตว์ป่า ถึงแม้ว่าอาจจะสายไปสักนิดสำหรับสัตว์ป่าบางชนิดเช่น วัวไบสัน (Bison) ถูกล่าจนสูญพันธ์ไปจากอุทยานแห่งชาติแบมฟ์ตั้งแต่ปี 1858 ก่อนที่พื้นที่บริเวณนี้จะถูกแต่งตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ แต่ก็ไม่สายไปสำหรับสัตว์ป่าและพืชพันธ์ชนิดอื่น
รูปข้างบนคือสะพานที่เห็นอยู่เป็นระยะๆ บนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ที่ตัดผ่านอุทยานแห่งชาติแบมฟ์ เป็นสะพานสำหรับสัตว์ป่าในการข้ามถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ ถนนตลอดสายจะมีรั้วกั้นเพื่อป้องกันอุบัติเหตุให้แก่สัตว์ป่า แม้แต่บนสะพานก็มีรั้วกั้น มีการศึกษากันอย่างจริงจัง และใช้ได้ผลด้วย
สัมผัสกับผืนป่า
ข้อมูลอย่างนี้มีอยู่ทั่ว การให้ความรู้ ให้ข้อมูล เป็นการให้การศึกษาแก่มนุษย์โลก ให้เข้าใจสิ่งที่เรียกว่า ‘ธรรมชาติ’ และความสำคัญของมันต่อโลกและมนุษย์
สัมผัสกับผืนป่า
จากเคราหยาบๆ.. สิ่งที่ดูเหมือนกระจุกขน ที่ห้อยอยู่บนกิ่งไม้คือ ไลเคน (lichen) ชนิดหนึ่ง ถ้าส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์จะพบว่ามันประกอบด้วยเนื้อเยื่อสองชนิดคือ เชื้อรา (fungus) และสาหร่าย (algae) ทั้งสองอย่างมีความสัมพันธ์กันเป็นอย่างดี เชื้อรา (fungus) ได้ธาตุอาหารจากสาหร่าย (algae) ส่วนสาหร่าย (algae) ได้บ้านที่อาศัยอย่างดีคือ เชื้อรา (fungus)
..ไปจนถึง มอสขนนก (Feather moss) ใต้ร่มเงาของต้นสนใหญ่คือ ป่าขนาดจิ๋วของมอสที่ปกคลุมผืนดิน มอสเป็นพืชที่ไม่มีราก แต่จะซึมซับน้ำทางใบ ที่ป่านี้มีมอสอยู่หลายชนิด – คุณได้เห็นมอสกี่ชนิด?
ป่าขนาดจิ๋ว
ป่าขนาดจิ๋ว
เส้นทางเดินป่า Johnston Canyon ประเทศแคนนาดามีภาษาราชการสองภาษาคือ ภาษาอังกฤษและฝรั่งเศส ระยะทางจากจุดเริ่มต้นไปจนถึงน้ำตกส่วนบนเป็นระยะทาง 2.6 กิโลเมตร และยังมีเส้นทางเดินป่าต่อจากนี้ไปอีก 5-6 กิโลเมตรไปจนถึงทะเลสาปเล็กๆ เช้านั้นเราสองคนเดินไปจนถึงน้ำตกส่วนบนแล้ววกกลับได้ระยะทางกันห้ากิโลกว่า เป็นเส้นทางที่งดงามมาก
น้ำตกส่วนล่าง
น้ำตกส่วนบน
ป่าสน และป่ามอส มีละอองน้ำกระจายไปทั่ว ได้กลิ่นป่าไหม หอมจัง
ทางเดินที่สร้างเป็นอย่างดี ให้มนุษย์ได้สัมผัสกับธรรมชาติจริงๆ และทำลายธรรมชาติให้น้อยที่สุด ไม่ไปเหยียบย่ำพวกมอส
ดื่มด่ำกับธรรมชาติ จะมีสักกี่ครั้งที่ได้อยู่ท่ามกลางป่าอย่างนี้ ในเวลานั้นมีความรู้สึกเหมือนนกที่หลุดจากกรงขัง
..มนุษย์เราสร้างเมืองไว้ขังตัวเอง แถมยังสร้างโซ่ตรวนอีกหลายอย่างไว้พันธนาการ ขึงตรึงตัวเองเสียแน่นหนา..จนยากที่จะปล่อยวาง
คงจะต้องฝันอีกนาน..ที่จะมีโอกาสอย่างนี้อีก แต่จะฝันต่อไป
ออกจากเส้นทางเดินป่า เราก็ไปปั่นจักรยานกันในเมืองแบมฟ์ ไปชมน้ำพุใต้ดินที่มีกำมะถัน ทำให้แถวนี้มีกลิ่นเหม็นเหมือนไข่เน่า
ที่นี่มีทางเดินไม้อย่างดี พร้อมคำอธิบายให้ความรู้เกี่ยวกับพืช สัตว์ และธรรมชาติในบริเวณนั้น
ต้นไม้ พืช และสัตว์ต่างๆ ปรับตัวให้อยู่กับสภาพดินและน้ำที่มีกำมะถัน
สระน้ำนี้มาจากน้ำพุใต้ดิน ต้นน้ำพุคงจะร้อน มาถึงที่นี่น้ำอุ่นสบาย แต่ก็ยังมีกำมะถันอยู่ ในน้ำมีปลาตัวเล็กอาศัยอยู่เต็ม ที่น่าแปลกคือปลาเหล่านั้นไม่ใช่ปลาที่อาศัยอยู่ดั้งเดิม แต่เป็นปลาในเขตร้อนที่มีคนเอามาปล่อยไว้ แล้วปรับตัว เติบโตเกิดลูกเกิดหลานมามากมาย
เช่นเดียวกับต้นวอเตอร์เครส และต้นไม้น้ำอื่นๆ เติบโตมีลูกมีดอก แม้แต่ในฤดูหนาว น้ำในสระก็ยังอุ่น ทำให้เขียวเช่นนี้ตลอดปี
ต่อจากนั้นก็ปั่นจักรยานไปรอบๆ เส้นทางแถบนี้ส่วนใหญ่จะเส้นทางบนเขา ทางดินธรรมชาติ ขรุขระ ที่มีแต่สองขาและจักรยานเสือภูเขาเท่านั้นที่ไปได้ เราจึงไปปั่นเที่ยวในสนามก็อฟ
เป็นสนามก็อฟที่อยู่ในที่ที่สวยที่สุด ขณะนั้นฝนตกปรอยๆ แต่ทั้งนักก็อฟและนักปั่นไม่ยอมเลิกลา ยังอยากดื่มด่ำกับบรรยากาศ
ดูดิ.. เมืองในป่าแท้ๆ แต่มนุษย์ก็ไม่ละ.. ยังคงยึดติดกับสิ่งที่เรียกว่าหรูหรา
โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่อง ‘พาตัวเองไปพบกับความฝัน’ ในตอนต่อไป
อ่าน ‘พาตัวเองไปพบกับความฝัน’ ตอนแรกๆได้ที่นี่่ค่ะ
ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข
ขอบคุณค่ะ
อ้อยหวาน