เรื่องเล่าในบล็อกชุดนี้เป็นเหตุการณ์ทีเกิดขึ้นเมึ่อต้นปีนี้ เข็มนาฬิกาหมุนกันอย่างรวดเร็ว เผลอแป๊บเดียว อ้อยหวานกลับมานอนเล่นที่บ้านแคนนาดาไปได้สองเดือนกว่าแล้ว เวลาเหมือนสายน้ำไหลไม่หวนกลับ….
กลับเมืองไทยครานั้น โรคไม่ชอบนั่งรถยนต์หรือรถไฟกำเริบ ไม่ว่าจะไกลหรือใกล้ อ้อยหวานก็ไม่อยากไปทั้งนั้น (นอกจากจะปั่นจักรยานไป) พอคุณผู้ชายถามว่า เราจะไปปั่นจักรยานเที่ยวไทยที่ไหนดี อ้อยหวานก็รีบบอกทันใดว่า ไม่ใกล้ไม่ไกล ทะเลสาบสงขลานี่เอง
อ้อยหวานขอคัดลอกข้อมูลจากวิกิเพียเดีย มาให้อ่านเพิ่มความรู้
ทะเลสาบสงขลาเป็นทะเลสาบแห่งเดียวในประเทศไทยที่มีอาณาเขตติดต่อกันถึง 3 จังหวัด และมีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 1,000 ตารางกิโลเมตร ได้แก่ จังหวัดพัทลุง, จังหวัดสงขลา และ จังหวัดนครศรีธรรมราช
น้ำในทะเลสาบสงขลาได้รับจากเทือกเขาบรรทัดและเทือกเขาสันกาลาคีรี ลุ่มน้ำในแถบนี้เรียกว่า "ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา"แบ่งออกได้เป็น 4 ตอนใหญ่ ๆ ได้ดังนี้
-ทะเลน้อยเป็นช่วงต้นของทะเลสาบคาบเกี่ยวอยู่กับ 3 อำเภอ 3 จังหวัด อันได้แก่ อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช และ อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา เป็นทะเลสาบน้ำจืด มีพื้นผิวน้ำราว 30 ตารางกิโลเมตร
-ทะเลสาบตอนบนเป็นทะเลสาบตอนที่ 2 ต่อจากทะเลน้อยจนถึงแหลมจองถนนและแหลมควายราบฝั่งเกาะใหญ่
-ทะเลสาบตอนกลางจากทะเลสาบตอนบนมาจนถึงปากแม่น้ำหลวงของเขตอำเภอปากพะยูน
-ทะเลสาบตอนล่างเป็นทะเลสาบที่อยู่รอบ ๆ เกาะยอ และมีปากน้ำที่ไหล่ออกสู่อ่าวไทย
สนใจอ่านรายละเอียดได้ที่ วิกิพีเดีย
ขอบคุณค่ะ
เราวางแผนปั่นไปเรื่อยเท่าที่มีเวลา และหยุดพักค้างคืนในที่ที่มีที่พักไว้บริการ ระยะทางประมาณ 45-50 กิโลต่อวัน แต่เริ่มเช้าวันแรก เราก็ทำผิดกฏที่สำคัญของการปั่นเที่ยวในประเทศไทยของเรา ไปอย่างจังๆ กฏข้อนั้นก็คือ
ออกแต่เช้าพร้อมพระอาทิตย์ เพื่อให้ถึงที่หมายก่อนสิบเอ็ดโมงเช้า ก่อนที่พระอาทิตย์จะแผดเผา จนมันสมองของเราละลาย กฏข้อนี้คือกฏเหล็ก เพราะเราสองคนเจอมากับตัวเอง เมื่อคราวปั่นจักรยานรอบเมืองกาญจนบุรี แต่เนื่องจากต้องรอติดรถน้องไปลงบนทางหลวงก่อนถึงทะเลน้อย กว่าจะเริ่มปั่นก็สายมากแล้ว แถมยังหยุดกินก่วยเตี๋ยวรองท้องที่ทะเลน้อยอีกด้วย พอถึงช่วงสะพานยกระดับ แสงแดดก็แผดจ้าตรงหัวพอดี
สะพานยกระดับที่เคยประทับใจอ้อยหวานมากมายเมื่อคราวก่อน กลับจืดจางลงไปอักโข เพราะแถบนี้ไม่มีร่มไม้เลยแม้แต่น้อย
แม้จะมีน้องนก และฝูงควายให้ชมมากมาย แต่ตาของอ้อยหวานเริ่มจะลาย เพราะเมาแดด ต้องหยุดพักทานน้ำบ่อยครั้ง กว่าจะถึงที่พักที่ปากเบง ก็ปาไปบ่ายสองโมง ระยะทางเพียง 45 กิโลเมตร แต่ให้ความรู้สืกเหมือนปั่นมาร้อยกิโล
สองนกแห่งทะเลน้อย ยืนคอยต้อนรับผู้มาเยือน
นกขาเทียน มีให้ชมเป็นฝูง
แม้วันนั้นท้องฟ้าจะมีเมฆเป็นบางส่วน แต่แสงแดดที่แผดจ้านั้น ทอดไข่เจียวกลางถนนได้เลย
ระดับน้ำในช่วงนี้ต่ำพอสมควร
ถึงที่พักที่เราติดต่อมาร่วงหน้า ได้อาบน้ำ อบไอแอร์ สองสามชั่วโมง เราก็สดชื่นขึ้น เหมือนต้นไม้ได้น้ำ ทันเวลาออกไปชมบ้านชมเมือง และทานอาหารเย็น ปากเบงมีจุดชมวิวทะเลสาบสงขลาที่สวยงามมาก เป็นลานอเนกประสงค์ใหม่เอี่ยมให้เด็กๆ ได้กระโดดโลดเต้น และปั่นจักรยานเล่น ขนาดผู้ใหญ่ยังมันส์เลย
เราแวะทานข้าวที่ร้านแถวจุดชมวิว และอยู่รั้งรอจนตะวันตกดิน ถึงวันนี้จะไม่มีตะวันดวงโตให้ชม แต่ก็จัดว่าเป็นวิวที่สวยถูกใจ
เช้าวันรุ่งขึ้น เราออกจากปากเบงกันแต่เช้า จากปากเบงริมทะเลสาบสงขลา สู่อ่าวไทยมีระยะทางเพียง 7.5 กิโลเมตร หลังจากแวะกินข้าวต้มโจ๊กที่ระโนดแล้ว เรายังมีเวลาปั่นมาชมพระอาทิตย์ขึ้นที่อ่าวไทย
ถนนหลังพาเราเลาะเลียบหมู่บ้านเล็กหมู่บ้านน้อย แถบนี้มีการเลี้ยงเป็ดกันหลายเจ้า ฝูงนี้คงถูกต้อนไปว่ายน้ำเล่นกันตั้งแต่ไก่โห่ สายหน่อยก็ต้อนกลับเข้าเล้า เลยไปหน่อยมีการทำฟาร์มหอยเป๋าฮื้อ (abalone) แต่ฟาร์มหอยดูท่าจะไม่รุ่ง มีหลายแห่งปิดร้าง
บนแผนที่กูเกิ้ลมีถนนที่เลียบชายฝั่งทะเลไปเกือบตลอดสาย และเป็นถนนลูกรังที่ขรุขระอย่างแรง ปั่นจักรยานทางไกลบนถนนแบบนี้ จะทำให้เจ็บหัวเข่าและข้อมือ
เราเลยเปลี่ยนใจยอมปั่นเลาะเลี้ยวเข้าออกไปตามหมู่บ้าน ได้ชมบ้าน ชมสวน เพลินใจดี
และบางครั้งถนนก็เลียบทะเล แต่ขอบอกว่ามีขยะ! มากมาย
เมืองไทยมีปัญหาเรื่องขยะที่แก้ไม่ตก ไม่ไหนมาไหน อ้อยหวานก็เห็นมีคนกวาดขยะทำงานนักและเคร่งเครียด แต่คนสะเพร่าทิ้งขยะมีเยอะกว่าคนเก็บกวาด ทำให้ริมถนน ริมหาด ในแม่น้ำลำคลอง หรือคูน้ำ ไม่ว่าจะในเมือง นอกเมือง แม้แต่ในป่า ก็มีขยะอยู่เต็ม! ปัญหาที่แก้ไม่ตก!
ระยะทางประมาณ 47 กิโลเมตร เราก็มาถึงที่พักริมทะเลสุดหรูของแถบนี้ แม้จะแพงหน่อย แต่ก็มีสระว่ายน้ำให้เราแช่คลายร้อน มีร้านอาหารอร่อยภายในตัวโรงแรม และชายหาดที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ขาวสะอาด ไร้ขยะ
แดดร่ม ลมตก นอนฟังเสียงคลื่นล้อเล่นกับหาดทราย เป็นการพักหย่อนใจที่ดีจริง!
มนุษย์เปรียบเหมือนกับเปลือกหอยหลากสีสันบนชายหาด ต่างก็มีความงามและเรื่องราวที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง
โปรดติดตามอ้อยหวานเล่าเรื่อง “ก้าวเท้าที่นำไป ” ในตอนต่อไป
อ่าน “ก้าวเท้าที่นำไป ” ตอนแรก
ก้าวเท้าเดิน..ตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ
สองล้อเที่ยวชมวิถีชีวิตเมืองคอน 1
สองล้อเที่ยวชมวิถีชีวิตเมืองคอน 2
ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข
อ้อยหวาน