กาญจนบุรีเป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายหลากหลาย อาจจะต้องอยู่เป็นเดือนถึงจะเที่ยวชมได้หมด ยิ่งถ้าปั่นจักรยานเที่ยวไปอย่างช้าๆ เก็บรายละเอียด ละเมียด ละไม ไปเรื่อยๆ จนเกือบเรียกได้ว่าทุกกระเบียดนิ้ว ยิ่งต้องใช้เวลาหลายเดือน ความงามตามธรรมชาติแบบนี้ไม่ต้องสร้างสรร แต่งเติม เพียงแต่เก็บรักษา ไม่ให้ใครมาแตะต้อง เปลี่ยนแปลง แค่นี้ก็จะเป็นความงามอมตะ
ก่อนลาจากกาญจนบุรี อ้อยหวานและคู่หูได้กลับมาใช้เวลาดื่มธรรมชาติที่ใกล้ๆ กับต้นแม่น้ำแม่กลอง คือไม่ไกลจากจุดที่แม่น้ำแควใหญ่และแควน้อยไหลมาบรรจบกัน แถวนี้อยู่ในเขตอำเภอเมือง แต่ก็ยังสวยงามเป็นธรรมชาติมาก
เรือดูดทรายในสายน้ำแม่กลอง
สายน้ำ ภูเขา และตะวัน ความงามที่แตกต่าง แต่กลมกลืน
วิวเดิม แต่เวลาเปลี่ยน
ไม่รีบร้อนไปไหน ขอนั่งเอนหลัง ดื่มด่ำกับฉากงามๆ ที่ธรรมชาติสร้างสรร มันช่างงามจับใจยิ่งนัก ทุกครั้งที่อ้อยหวานได้มีโอกาสชมตะวันอย่างนี้ มันเหมือนกับได้พักกาย พักใจ ได้ชาร์จแบตให้แก่ตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นพระอาทิตย์ขึ้น หรือพระอาทิตย์อัสดง ทั้งสองอย่างเป็นภาพที่มีความงามไม่แพ้กัน และขอบอกว่าไม่ว่าจะชมพระอาทิตย์ที่จุดไหนในโลก ความรู้สึกที่ได้คงที่เสมอ คือ ยอดเยี่ยม! เพราะพระอาทิตย์ก็เป็นดวงเดียวกัน
หลังจากชมตะวันจนจับใจแล้ว วันรุ่งขึ้นก็มีคนเห็นจักรยานสองคันมุ่งหน้าออกไปทางใต้ของอำเภอเมืองกาญ เราปั่นบนถนนเลียบแม่น้ำแม่กลอง
เป็นถนนลูกรังที่ไม่มีรถวิ่งผ่าน แต่มีหลายสิ่งหลายอย่างที่น่าสนใจ ให้ไปค้นพบค้นหา เช่น เหมืองทราย
กระชังเลี้ยงปลามีให้ชมตลอดทาง
มองข้ามแม่น้ำไปยังวัดเรืองชื่อของกาญจนบุรี
และเขื่อนสุดท้ายที่เราได้ชม เขื่อนแม่กลอง
เขื่อนแม่กลอง เดิมชื่อ เขื่อนวชิราลงกรณ เป็นเขื่อนชลประทาน สร้างขึ้นเมื่อราวปี พ.ศ. 2508 ตั้งอยู่ที่อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี เป็นเขื่อนแห่งแรกของจังหวัดสร้างขึ้นบนแม่น้ำแม่กลอง โดยการขุดลำน้ำขึ้นมาใหม่ มีช่องประตูจำนวน 8 ช่องด้วยกัน
ประโยชน์หลัก คือเพื่อการชลประทาน ให้น้ำแก่เกษตรกรสองฝั่งแม่น้ำ ทั้งในจังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี จนถึงนครปฐม และยังใช้เพื่อป้องกันน้ำท่วม ช่วยไล่น้ำทะเลหนุนจากปากแม่น้ำแม่กลองที่จังหวัดสมุทรสงครามอีกด้วยบริเวณตอนบนยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืดมากมายหลากหลายพันธุ์ โดยมีสถานีเพาะพันธุ์ปลาอยู่ในบริเวณใกล้ตัวเขื่อนเพื่อช่วยเพาะพันธุ์และ ส่งเสริมให้ชาวบ้านเลี้ยงปลาเศรษฐกิจ
ขอบคุณข้อมูลจากวิกิพีเดีย
หลังจากข้ามสันเขื่อนเราสองคนก็วกกลับเข้าตัวเมือง ด้วยการปั่นไปไหว้หลวงพ่อชินประทานพรที่วัดถ้ำเสือ
วัดถ้ำเสือ เป็นวัดที่มีชื่อเสียงไม่น้่อย รวมถึงยังถือว่าเป็นวัดที่มีพระที่มีองค์ใหญ่ที่สุดในจังหวัดกาญจนบุรี พระเจดีย์ที่มีความสวยงามโดดเด่น สามารถมองเห็นได้จากในระยะไกล เพราะตั้งอยู่บนเนินเขา ใครที่มาเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี สามารถแวะเยี่ยมชมวัด สักการะพระบรมสารีริกธาตุภายในพระเจดีย์เกศแก้วปราสาท และนมัสการหลวงพ่อชินประทานพร
วัดถ้ำเสือตั้งอยู่บนเนินเขา ในตำบลม่วงชุม อำเภอท่าม่วง เป็นอำเภอที่อยู่ก่อนถึงตัวเมืองกาญจนบุรี เดิมเป็นเพียงสำนักสงฆ์เล็กๆ ที่อยู่ในบริเวณถ้ำเสือด้านล่างริมเนินเขา ต่อมาได้แรงศรัทธาจากชาวบ้าน ร่วมกันสร้างและบูรณะ จนกลายเป็นวัดที่ใหญ่โต และมีความวิจิตรงดงาม
ขอบคุณข้อมูลจาก kanchanaburi.co
วิวจากบนเจดีย์
หลวงพ่อชินประทานพร"ขนาด สูง 9 วา 9 นิ้ว หน้าตัก 5 วา 3 ศอก 9 นิ้ว นับว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามเป็นอย่างยิ่ง อยู่ในพระอิริยาบถนั่งขัดสมาธิ ปางประทานพร พระหัตถ์ขวายกขึ้นระดับพระอุระ ปลายนิ้วชี้กับนิ้วโป้งจรดกัน กลางฝ่ามือมีดอกไม้ พระหัตถ์ซ้่ายหงายมือวางบนพระเพลา (ตัก) ปลายนิ้วชี้กับนิ้วโป้งจรดกัน กลางฝ่ามือมีรูปวงล้อธรรมจักร รอบองค์พระมีเรือนแก้วครอบลักษณะเดียวกับพระพุทธชินราช องค์พระประดับกระเบื้องสีทอง สุกอร่าม รอบนอกมีซุ้มครอบองค์พระทั้งองค์ไว้อีกชั้นหนึ่ง นับได้ว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามเป็นอย่างยิ่ง
ขอบคุณข้อมูลจาก kanchanaburi.co
เจดีย์ของวัดถ้ำเขาน้อย วัดที่อยู่ติดกับวัดถ้ำเสือ
โบสถ์ของวัดถ้ำเสือ
ทิวทัศน์ด้านหลังของวัด
เราปั่นจักรยานกลับเข้าตัวเมืองกาญ บนถนนเลียบแม่น้ำฝั่งเดียวกับวัดถ้ำเสือ ผ่านสุสานที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีเยี่ยม ตามหลักของฮวงจุ้ยคือ หันหน้าสู่แม่น้ำ มีภูเขาหนุนหลัง
เรียงรายอย่างมีระเบียบ
เราโบกมืออำลากาญจนบุรีกันด้วยภาพนี้
ลาที มิใช่ลาก่อน..
กาญจนบุรีเป็นจังหวัดที่แพ็คเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยว และส่วนใหญ่จะเป็นในแนวอิงแอบธรรมชาติ ทำให้เป็นที่หลงใหลของคนเสพธรรมชาติหลายต่อหลายคนรวมทั้งอ้อยหวาน และการที่จะอนุรักษ์ธรรมชาติให้อยู่ยงคงกระพันไปถึงลูกๆ หลานๆ พร้อมๆ กับเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เลื่องชื่อของประเทศนั้น เป็นสิ่งที่สำคัญที่เรียกได้ว่าเป็นหัวใจของเมืองเลยทีเดียว แต่ขึ้นชื่อว่าแหล่งท่องเที่ยว ก็มีสิ่งตามมาหลายอย่างที่ไม่ค่อยเป็นมิตรกับธรรมชาติรอบๆ ไหนจะควันพิษจากรถบรรทุกนักท่องเที่ยวที่พากันแห่แหนเข้าไปในป่า อีกทั้งขยะนานาชนิด คนเสพธรรมชาติเหล่านั้นได้กลายเป็นคนทำลายธรรมชาติไปด้วยในตัว อ้อยหวานขอฝากข้อคิดอันนี้ไว้ อย่าปล่อยให้สิ่งดีดีถูกทำลายไป
เพราะการสรรสร้างขึ้นใหม่ (ให้เหมือนเก่า) นั้น มันยากกว่าการเก็บรักษามากมาย!
กาญจนบุรีไม่ใช่จุดหมายปลายทางของอ้อยหวานและคุณผู้ชายในทริปนี้ จักรยานสองคันนี้จะไปหมุนล้อที่ไหนอีก? โปรดติดตามในตอนต่อไป
อ่านปั่นเที่ยวไทยตอนที่แล้วได้ที่นี่
ปั่นจักรยานทัวร์ริ่ง มันปิ้ง ปิ้ง จริงๆ นะ
หอมกลิ่นไอฝน ยลความงามสีเขียว ณ.เชิงเขานครศรีธรรมราช
เยือนถิ่นตะนาวศรี ดินแดนแห่งขุนเขา ณ.สวนผึ้ง
อดีต..กับ..ปัจจุบัน ที่กาญจนบุรี
ท่ามกลางหินผาในซอกหลืบของขุนเขาตะนาวศรี
คืบก็ภูเขา ศอกก็ภูเขา ณ.ทองผาภูมิ
ต้องมนต์เสน่ห์ภูผา ณ.ทองผาภูมิ
ดื่มด่ำความงามของตะนาวศรี..ที่สังขละบุรี
ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข
ขอบคุณค่ะ
อ้อยหวาน