บล็อกนี้ยังเป็นการรวมญาติวงศ์ถั่ว (Fabaceae) พืชที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง ที่นอกจากจะเป็นอาหารของมนุษย์และสัตว์แล้ว ยังใช้ทำปุ๋ยเป็นอาหารของพืชอื่นๆ บางชนิดเป็นแหล่งสีย้อมผ้าธรรมชาติที่สำคัญ บางชนิดมีดอกสวยหอมใช้เป็นไม้ประดับ บางชนิดใช้เป็นยารักษาโรค
พืชวงศ์ถั่วต้นแรกของบล็อกนี้ อ้อยหวานขอยกนิ้วให้ว่าสุดยอด ต้นเล็กๆ ที่อาจจะดูเหมือนต้นหญ้าริมทาง แต่คุณประโยชไม่เล็กเลย
อัลฟัลฟาเป็นพืชยืนต้น มีอายุตั้งแต่ 4 ถึง 8 ปี แต่ในบางแห่งอาจจะมีชีวิตอยู่ถึง 20 ปี ขึ้นอยู่กับสายพันธ์และสภาพภูมิอากาศ เติบโตสูงถึง 1 เมตร อัลฟัลฟามีรากลึก ในบางครั้งรากอัลฟัลฟาจะชอนไชลงในดินถึง 15 เมตร ซึ่งทำให้มีความยืดหยุ่นสูงและทนแล้งได้ดี
อัลฟัลฟาเป็นพืชวงศ์ถั่วที่ปลูกเป็นอาหารเลี้ยงสัตว์มาตั้งแต่สมัยกรีกและโรมัน และเป็นพืชตระกูลถั่วที่ปลูกเป็นอาหารสัตว์มากที่สุดในโลก มีสารอาหารที่เป็นประโยชสูงเช่น โปรตีน แคลเซียม วิตามินบี วิตามินซี วิตามินดี วิตามินอี และวิตามินเค
ประเทศที่ปลูกอัลฟัลฟามากที่สุดคือ อาร์เจนตินา รองลงมาคือ แคนาดา รัสเซีย อิตาลี และจีน ในรูปคือฟาร์มอัลฟัลฟาที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
อัลฟัลฟาเป็นอาหารสัตว์ที่มีคุณประโยชน์สูง ใช้ทั้งสด ตากแห้ง และทำเป็นอาหารเม็ด แต่อัลฟัลฟาไม่เป็นอาหารสัตว์ที่มีคุณประโยชน์สูงเท่านั้น ยังเป็นปุ๋ยตามธรรมชาติที่ดีสำหรับพืชอีกด้วย นอกจากจะทำเป็นปุ๋ยพืชสดแล้ว อัลฟัลฟาอาหารสัตว์ที่เป็นเม็ด ยังสามารถนำมาผสมกับดินใต้โคนต้นไม้พืชดอก เช่น กุหลาบหรือพืชให้ดอกชนิดอื่นๆ ใช้เป็นปุ่ยเร่งดอกได้ดีอีกด้วย
แต่..ช้าก่อน..ยังไม่หมดค่ะ อัลฟัลฟาเป็นอาหารและยาวิเศษสำหรับมนุษย์อีกด้วย
แพทย์จีนแผนโบราณได้ใช้ใบอัลฟัลฟา ในการกระตุ้นให้อยากอาหาร และรักษาแผลพุพอง ยาอายุรเวทของอินเดียมีการใช้ใบอัลฟัลฟาเพื่อบรรเทาอาการบวมน้ำ โรคข้ออักเสบ และแผลพุพอง ชาวอเมริกันในสมัยโคโลเนียลใช้อัลฟัลฟารักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน ประจำเดือนมีปัญหา โรคไขข้อ และโรคทางเดินปัสสาวะ
ชาวพื้นเมืองอเมริกันใช้เมล็ดอัลฟัลฟาเป็นแป้งและผสมในอาหาร แพทย์สมุนไพรอเมริกาในศตวรรษที่ 19 ใช้อัลฟัลฟาเป็นส่วนผสมในยาบำรุงทั่วไป ใช้เป็นยาสามัญเป็นจำบ้าน โดยนำเมล็ดอัลฟัลฟามาบดเป็นยาพอกบรรเทาแมลงกัดต่อย แม่ลูกอ่อนใช้ใบอัลฟัลฟา ซึ่งเชื่อกันว่าจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเต้านม
ในปัจจุบันแพทย์ธรรมชาติบำบัด (naturopathic) และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพทางเลือกได้เน้นว่า อัลฟัลฟาไม่ใช่จะมีคุณค่าทางโภชนาการเท่านั้น แต่ยังเป็นเป็นยาที่มีประสิทธิภาพสำหรับรักษาโรคมากมาย นอกจากนี้ยังมีการใช้ อัลฟัลฟารักษาโรคพิษสุราเรื้อรังและติดยา
ประโยชน์ของใบอัลฟัลฟาอินทรีย์ต่อสุขภาพ
อัลฟัลฟากับการใช้เพื่อสุขภาพสตรีวัยใกล้หมดประจำเดือน
สาร isoflavone ในอัลฟัลฟาถูกจัดเป็นเอสโตรเจนธรรมชาติ (phytooestrogen) ในสตรีในวันใกล้หมดประจำเดือน เอสโตรเจนจะลดต่ำลงส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพร่างกายและภาวะกระดูกเสื่อม ไฟโต-เอสโตรเจนใน อัลฟัลฟาจะเข้าไปชดเชยเอสโตรเจนที่ต่ำลงนี้ รวมทั้ง วิตามินดี แร่ธาตุ แคลเซียมและฟอสฟอรัส ใน อัลฟัลฟาซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ทำให้กระดูกฟันแข็งแรง จึงลดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะกระดูกเสื่อม นอกจากนี้วิตามินและแร่ธาตุใน อัลฟัลฟาจะช่วยให้ร่างกายปรับสภาพได้อย่างเหมาะสม ลดอาการผิดปรกติในช่วงนี้ของอายุ เช่น อาการร้อนวูบวาบตามตัว หงุดหงิดง่ายลงด้วย
ภาวะคลอเลสเตอรอลสูง
จากการศึกษาในห้องทดลองพบว่า สาร saponin และส่วนประกอบอื่นใน อัลฟัลฟามีความสามารถในการยึดติดใน คลอเลสเตอรอล กับเกลือน้ำดีซึ่งจะเป็นผลช่วยป้องกันหรือชะลอการดูดซึม คลอเลสเตอรอล จากอาหาร ดังนั้นจึงช่วยให้ระดับคลอเลสเตอรอลในเลือดต่ำ ป้องกันการเกิดภาวะการสะสมไขมันในหลอดเลือด ในการศึกษาผู้ป่วย 15 คน โดยให้อัลฟัลฟาขนาด 40 กรัม 3 ครั้งต่อวันเป็นเวลา 8 สัปดาห์ พบว่าคนไข้มีระดับคลอเลสเตอรอลรวม และคลอเลสเตอรอลแบบ LDL (คลอเลสเตอรอล ชนิดเป็นโทษ) ลดลง 17-18% ในขณะที่มีบางส่วนลดลงถึง 26-30% จึงอาจกล่าวได้ว่า อัลฟัลฟามีส่วนช่วยในการควบคุมระดับความเข้มข้นของ คลอเลสเตอรอล ให้เป็นปกติ
อัลฟัลฟาช่วยทำความสะอาดผิวจากภายใน
ครอโรฟิลล์ปริมาณสูง วิตามิน และแร่ธาตุที่มีอยู่ในอัลฟัลฟาด้วยปริมาณที่เหมาะสม จะทำหน้าที่ขจัดของเสีย สารพิษออกจากเลือดและอวัยวะภายใน (Blood and Bowel cleanser) ลดการตกค้างของเสียตามผิวหนัง ทำให้เลือดสะอาดและไหลเวียนได้ดีขึ้นเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่รับประทาน มากและชอบรับประทานเนื้อสัตว์ เมื่อเลือดดีขึ้นทำให้ผิวพรรณผ่องใสมีสุขภาพที่ดีตามมา นอกจากนี้ในอัลฟัลฟายังมีสารไฟโต-เอสโตรเจน ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งพบว่าในคนที่มีสิวง่าย เมื่อรับประทานอัลฟัลฟาปริมาณการเกิดสิวจะลดลงและผิวจะดูสะอาดขึ้น
โรคกระเพาะอาหาร
มีแพทย์จำนวนมากที่ใช้ อัลฟัลฟารักษาโรคที่เกี่ยวกับกระเพาะอาหารต่าง เช่น มีแก๊สมากในกระเพาะอาหารเกิดอาการจุกเสียดเป็นประจำ โรคแผลในกระเพาะอาหาร และโรคเบื่ออาหาร โดยพบว่าอัลฟัลฟามีวิตามินยู ซึ่ง ดร. กาเนนท์ อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด กล่าวว่า วิตามินยูมีศักยภาพสูงในการรักษาโรคกระเพาะ ทำให้การสมานแผลในกระเพาะดีขึ้น และการหลั่งของน้ำย่อยเป็นปกติ
อัลฟัลฟายังมีเอ็นไซม์ Bataine ซึ่งเป็นเอ็นไซม์สำหรับย่อยและเอ็นไซม์อื่น ๆ อีก 7 ชนิดที่ส่งเสริมปฏิกิริยาเคมีที่สามารถทำให้การดูดซึมสารอาหารภายในร่างกาย เป็นไปอย่างถูกต้องและเหมาะสม รวมทั้งการมีบีตา-แคโรทีนในปริมาณสูงของอัลฟัลฟาจะทำให้ผิวที่เคลือบกระเพาะอาหารมีความแข็งแรง ซึ่งพบว่าอัลฟัลฟาสามารถช่วยโรคกระเพาะอาหาร ปวดท้องเพราะมีแก๊สมาก รักษาแผลในกระเพาะลำไส้ ได้เป็นอย่างดี การรักษาโรคของหญ้า อัลฟัลฟานี้อาจจะเป็นในลักษณะเดียวกันกับวิธีทางธรรมชาติของแมวหรือสุนัข ที่มักจะกินหญ้าเพื่อบรรเทาโรคกระเพาะของมันได้
ปวดข้อ ข้อแข็ง รูมาตอยด์
สารอาหารในอัลฟัลฟาจะช่วยปรับสมดุลกรดด่างในร่างกาย ป้องกันการสะสมของกรดยูริคและกรดอื่น ๆ ตามข้อต่อต่าง ๆ ในหนังสือของ แคทเทอรีน เอลวูล ชื่อ Feel Like a Million ได้กล่าวว่า "ความมหัศจรรย์ของ อัลฟัลฟาเห็นได้อย่างชัดเจนมากขึ้น เมื่อให้คนไข้รูมาตอยด์ ใช้อัลฟัลฟาเพื่อรักษาความปวดตามข้อ ก็ได้รับรายงานจากคนไข้ว่าสามารถงอมือได้สะดวกยิ่งขึ้นและความเจ็บปวดก็หายไป
นอกจากนี้อัลฟัลฟายังดีสำหรับมารดาที่กำลังให้นมบุตร ช่วยเพิ่มการหลั่งของน้ำนม อัลฟัลฟายังมีคุณสมบัติในการช่วยขับถ่าย ปัสสาวะให้เป็นปกติได้อีกด้วย
อัลฟัลฟา กับโรคมะเร็ง
มีการศึกษาทั้งในมนุษย์ สัตว์ และระบบเชื้อเพาะเลี้ยงพบว่า สาร phytoestrogens มีบทบาทที่สำคัญในการป้องกันโรค มะเร็ง ได้ โดยสารที่จัดว่าเป็นสารประเภท phytoestrogens จะรวมถึง isoflavones, coumestans, และ lignans ซึ่งในหน่อของอัลฟัลฟา ถั่วเหลือง และต้น clover ถือว่าเป็นแหล่งอาหารทางธรรมชาติที่สำคัญของสารดังกล่าว ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะยังไม่มีข้อแนะนำปริมาณที่ควรรับประทานสาร phytoestrogens อย่างชัดเจน แต่อย่างไรก็ตามการเพิ่มการบริโภคอาหารประเภทดังกล่าวจะก่อประโยชน์ และป้องกันการเกิดโรคมะเร็งในร่างกายเราได้เป็นอย่างดี
วิธีกินอัลฟัลฟา
ใบและยอดอ่อนสามารถรับประทานดิบหรือสุก นอกจากนี้ยังสามารถนำไปตากแห้งใช้ชงเป็นชา หรือใส่ในซุป เมล็ดอัลฟัลฟาใช้เพาะเป็นถั่วงอกใส่ในสลัด อันนี้อ้อยหวานชอบมาก สลัดที่ใส่ถั่วงอกอัลฟัลฟาอร่อยจริงๆ ใส่ในแซนวิชก็ได้ ใส่ในน้ำซุปก็ดี เมล็ดอัลฟัลฟายังสามารถบดผสมกับแป้งสำหรับทำขนมปังหรือขนมอบอื่นๆ
ยัง…ยังไม่หมด ใบอัลฟัลฟาสดยังสามารถนำมาทำ ‘เครื่องดื่มอัลฟัลฟาที่อร่อยและมีคุณค่าทางอาหารสูง จะลงแค่ลิงค์ให้ไปดูกันเอง แต่เดี๋ยวจะมีคนบ่นว่าอ่านไม่ออกอีก อ้อยหวานเลยแปลอย่างหยาบๆ ซึ่งก็ทำได้ง่ายๆ จะมีแต่วัตถุดิบเท่านั้นที่หาไม่ได้ เพราะที่เขาขายกันมีแต่ถั่วงอกอัลฟัลฟาไว้ใส่ในสลัด ปีหน้าต้องต้องหาเม็ดมาลองปลูกบ้างแล้ว
สูตรเครื่องดื่มอัลฟัลฟาจาก the California mission ride
ส่วนผสม:
ใบอัลฟัลฟาสด 300 กรัม (เฉพาะใบเท่านั้น ไม่เอาก้าน)
น้ำตาลทราย 1/2 กิโลกรัม (500 กรัม)
มะนาว 8 ลูก
น้ำ 10 ลิตร
น้ำสำหรับปั่นใบอัลฟัลฟาสด 1/2 ลิตร
ผสมน้ำ 10 ลิตรและน้ำตาลทราย 1/2 กิโลกรัมให้เข้ากัน
ล้างใบอัลฟัลฟาสดให้สะอาด แล้วปั่นกับน้ำ 1/2 ลิตร
กรองเอาแต่น้ำ
แล้วผสมกับน้ำที่ผสมกับน้ำตาลทราย ปีบน้ำมะนาว 8 ลูกผสมลงไป
ก็จะได้น้ำอัลฟัลฟาสดอร่อย
อ่านอ้อยหวานเล่าเรื่องพืชวงศ์ถั่ว (Fabaceae) ตอนแรกๆ ได้ที่นี่่ค่ะ
รวมญาติของพืชวงศ์ถั่ว (Fabaceae) 2
โปรดติดตามรวมญาติวงศ์ถั่ว ในตอนต่อไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่นี่ค่ะ
http://en.wikipedia.org/wiki/Alfalfa
http://www.gardeningknowhow.com/edible/vegetables/alfalfa/growing-alfalfa.htm
http://www.globalhealingcenter.com/natural-health/benefits-of-alfalfa-leaf/
http://www.ediblewildfood.com/alfalfa.aspx
http://www.gardeningknowhow.com/garden-how-to/soil-fertilizers/fertilizing-with-alfalfa-meal.htm
I would like to Thanks everyone for all the resources for this blog. Thank you.
ขอให้เพื่อนๆมีแต่ความสุข
ขอบคุณค่ะ
อ้อยหวาน